xs
xsm
sm
md
lg

“โอ๋” อ้ำอึ้งหนุ่มคลั่งรักขับรถชนเป็นแฟนหรือไม่ ฝ่ายชายเตรียมแฉระเบิดเย็นนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“โอ๋ รุ่งระวี” ตอบไม่เคลียร์ หนุ่มคลั่งรักขับรถชนเคยเป็นแฟนกัน ขอใช้คำว่าสนิทกัน แต่ถ้าฝ่ายชายจะออกมาแฉเรื่องนี้ก็คนละประเด็นกับเรื่องขับรถชน ลั่นไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้



หลังจากที่นักแสดง “โอ๋ รุ่งระวี” เข้าแจ้งความจับ “ธนันทร์เอก โอชารส” ผู้จัดการนักแสดง ที่ขับรถชนรถของตนย่านหมู่บ้านปัญญารามอินทรา โดยข่าวแจ้งว่าชายคนดังกล่าวคลั่งรักโอ๋ มาจีบแต่โอ๋ไม่เล่นด้วยเลยโมโหขับรถชน อย่างไรก็ตามล่าสุดคู่กรณีเตรียมออกรายการโทรทัศน์แฉถึงเรื่องดังกล่าว ท่ามกลางกระแสข่าวว่า ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แท้จริงแล้วเป็นแฟนคบหากันมาหลายปีแล้ว แต่พักหลังมีหนุ่มคนใหม่มาจีบโอ๋ ทำให้เกิดการกระทบกระทั่งและเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว โดยโอ๋ได้เล่าถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดว่า....

“เหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นตั้งแต่ที่ 11 กรกฎาคมที่่ผ่านมา โอ๋ก็นั่งกินข้าวอยู่ที่หมู่บ้านปัญญาตรงปัญญาวิลเลจ ปกติก็ไม่ได้เช็กอินหรือว่าออนโลเกชันเลย ก็เพิ่งมาวันนั้นแล้วก็พี่คนนั้นเขาก็ขับรถตามเรา แล้วเราก็ไม่คิดอะไรคิดว่าเขาบีบแตรทักทายเราเฉยๆ เขาก็บอกเราให้จอดๆ เราก็ไม่ได้จอดทำไมต้องจอดล่ะ แล้วเราก็กำลังจะกลับบ้านเขาก็ปาดซ้ายปาดขวา จนเราไปไหนไม่ได้ เราเลยต้องหยุดสักแป๊บ เขาก็เลยถอยรถของเขามาชนรถเรา เราก็งงว่าทำไมถึงต้องทำขนาดนั้นคนเรามันไม่มีสิทธิ์ที่จะต้องทำถึงขนาดนั้น”

“ซึ่งตอนเขาถอยมาชนเราก็โกรธ ก็โทร.หาเพื่อนโทร.หาเพื่อนที่สนิททุกคนนะค่ะ เป็นธรรมชาติของคนอยู่แล้ว แต่ว่าเราไม่กล้าลงมาจากรถอันตราย กลัวแล้วไม่อยากจะยุ่งกับใครที่ทำนิสัยแบบนี้ค่ะก็ร้องไห้สติแตกแล้ว ไอ้ชนไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้ตอนปาดมันน่ากลัว ปาดซ้ายปาดขวาเลย ปาดตรงเส้นปัญญารามอินทรา แล้วเราขับรถไม่แข็งเราก็กลัวถามว่าการที่คุณถอยรถมาชนเรา จะตั้งหรือไม่ตั้งใจอะไรก็แล้วแต่ แต่ความรู้สึกของเราว่าตั้งใจ เพราะถ้าไม่ตั้งใจมันจะไม่มีการปาดมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แล้วก็จะไม่มีการมาดันกระจกรถพับมาแบบนี้ มันก็ไม่เป็นไร แต่อยากให้รู้ว่าอยากให้เขามารับตรงที่เขาชน เพราะว่าสินทรัพย์เราเสียหาย ไม่ใช่ว่าจะมาทำอะไรก็ได้ แล้วก็เฉยไม่ใช่ เขาถอยชนเสร็จแล้วเขาก็ไปเลย เราเลยไม่เข้าใจว่าเขาทำไปทำไม ทำให้เรารู้สึกรำคาญ ทำให้เรารู้สึกเสียหาย ทำไปเพื่ออะไรทำแล้วมีความสุขเหรอ”

เผยรถเป็นรอยนิดเดียว
“รถนะเป็นรอยนิดเดียว แต่เรามีความรู้สึกว่าจะทำทำไม ทำแล้วรู้สึกผิดไหม ทำแล้วจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเราอีกไหม นี่คือสิ่งที่สำคัญ ไอ้รอยรถไม่เท่าไหร่หรอก แต่รถใครใครก็รัก แล้วโอ๋ก็เพิ่งออกรถมาใหม่ เป็นเบนซ์ซีคูเป้ค่ะ ถ้าโกรธอะไรก็มาแก้ตรงที่โกรธแต่ไม่มีสิทธิ์อะไร โกรธแล้วมาทำลาย (รถเสียหายตรงไหน?) ตรงกลางรถพอดีค่ะ เพราะโอ๋เอารถขวางไว้ ไม่อยากให้ใครขับผ่านไป”

เผยรับรู้จักคนก่อเหตุมานานแต่ไม่รู้ทำแบบเพราะต้องการอะไร
“รู้จักกัน เพราะเคยร่วมงานกัน โอ๋ทำงานในวงการพี่เขาก็ทำงานในวงการ แล้วได้ร่วมงานกันเลยมาสนิทกัน ถามว่าเคยรู้จักไหม เคยรู้จักแล้วมาสนิทกัน แต่ตอนนี้เราออกมาดีกว่า ถ้ามันเป็นแบบนี้เรารู้สึกไม่สบายใจ (รู้จักมานานหลายปีหรือยัง?) น่าจะประมาณ 3 ปีได้ค่ะ (โอ๋ไปทำอะไรให้เขาโกรธหรือเปล่า?) โอ๋ก็ไม่แน่ใจในตัวเขาเหมือนกัน เพราะโอ๋เวลาทำงานโอ๋ก็ทำงานอย่างเดียวค่ะ ก็ไปกินข้าวด้วยกันไปไหนมาไหนด้วยกัน ก็เหมือนเพื่อนทั่วไปนะค่ะ เพราะโอ๋มีทั้งเพื่อนผู้ชายเพื่อนผู้หญิงเป็นเพศที่สองหรือเป็นทอมอะไรพวกนี้ เราก็คบคุยกันได้ทุกคน ก็ไม่แน่ใจว่าความรู้สึกของเขาเป็นยังไงแล้วโอ๋ก็ไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง รู้แค่ว่าถ้าคุณไม่มายุ่งเรา แล้วไม่มายุ่งกัน ก็ต่างคนต่างอยู่ไป”

“อันนี้โอ๋ก็ไม่ทราบนะค่ะว่าชนวนเหตุมันเป็นมายังไง รู้สึกว่าโอ๋คาดเดาไม่ได้เลยค่ะว่ามันเกิดมาจากอะไร แต่โอ๋ไม่ได้คุยและไม่ได้ติดต่อกับพี่คนนี้ ชื่อพี่แซมนะค่ะ เขาก็ดูแลนักแสดง แต่เราไม่ได้ติดต่อกับเขาเลยมาเป็นระยะเวลาเกือบสองเดือนแล้ว แล้วเราก็มีความรู้สึกว่าเราไม่อยากติดต่อค่ะ แล้วเราก็ไม่อยากพูดอะไรให้ใครเสียหายไม่อยากให้เขาเสียหาย และไม่อยากให้ตัวโอ๋เสียหายทั้งตัวโอ๋เสียหายคือทรัพย์สินของโอ๋เอง โอเคโอ๋อยากให้เรื่องมันจบ แล้วต่างคนต่างก็ทำงานไม่ต้องมายุ่งกันดีกว่า แล้วอีกอย่างโอ๋เป็นผู้หญิงที่โอ๋ไปแจ้งความโอ๋อยากให้ตัวโอ๋ปลอดภัย และไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกซ้ำๆ ต้องการแค่นี้เลย แล้วก่อนหน้านี้มันก็มีข้อความที่ไม่ดีจาำกเขาแต่ก็ช่างมันเถอะ ถ้ามันจบตรงนี้ได้เราก็ดีใจ เพราะเราไม่อะไรอยู่แล้ว”

“ถ้าถามว่าทำไมถึงออกห่างมา อันนี้โอ๋ไม่อยากพูดให้ใครเสียหายก็คือเราก็เหมือนเพื่อน เวลาทะเลาะกันก็เราไม่คบเธอแล้ว ไม่อยากคบประมาณนั้น เราก็ไม่ได้พูดอะไรนะค่ะ ตอนห่างมาเราก็ไม่ได้พูดอะไรนะค่ะเราก็หายมาเฉยๆ มีเมสเสจมาก่อน ก่อนที่จะมาเจอแล้วขับรถชนรถเราค่ะ”

สถานะที่รู้จักแค่พี่น้อง
“คือเป็นเพื่อนและเป็นคนสนิทกันมาก่อน (ไม่ใช่แฟนใช่ไหม?) จะด้วยความรู้สึกแบบไหนก็ช่างไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้ แล้วตัวโอ๋เองโอ๋ก็โสดแล้วโอ๋ไม่อยากให้คนที่โอ๋กำลังคุยๆ ด้วยเขารู้สึกไม่ดี (ไม่บอกว่าเป็นแฟนมาก่อน?) เอาเป็นว่าสนิทๆ สนิทมากจริงๆ ก็ยังไม่ได้ใช้คำนั้นก็ยังเป็นเพื่อนเป็นพี่ที่สนิท (เขาคิดไปแล้วหรือเปล่าว่าเราเป็นแฟนเพราะว่าเราไปสนิทกับเขา?) อันนี้โอ๋ก็ไม่รู้ โอ๋ไม่อยากพูดให้เขาเสียหาย เราไม่อยากทำลายความรู้สึกใคร โอ๋บอกแล้วว่าประเด็นอยู่ที่ว่าชนทำไม ไม่ว่าคุณจะเป็นอะไร มีความรู้สึกอะไรกับเรา ก็ไม่ควรจะมาทำแบบนี้ (หึงหรือเปล่า?) มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วค่ะ ไม่น่านะค่ะ โอ๋ก็ไม่แน่ใจโอ๋ก็ไม่รู้เลยไม่รู้ความรู้สึกของเขาเลยคนๆ นี้ เพราะตัวโอ๋เองเวลาเจอใครบีบแตรรถให้ก็คิดว่าทักทาย ก็เสียใจว่าทำไมเขาทำแบบนี้ เพราะคนเคยรู้จักและเคยสนิทกันค่ะ”

โอดคู่กรณีส่งข้อความขู่มาด้วย
“แรงๆ ขู่ๆ ก็มีค่ะ แต่เราไม่ได้ไปติดใจอะไรตรงนั้น แค่มีความรู้สึกว่าก็แค่แมสเสจ แต่ที่ร้ายแรงคือเราไปเจอข้างนอก มีครั้งที่หนึ่งแล้วครั้งที่สองละโอ๋เลยคิดว่าโอ๋ไม่ปลอดภัย แบบนี้มันเหมือนพยายามฆ่ามันไม่ใช่ ถ้าเกิดเราไม่มีคนหรือไม่มีใครเราเดินลงออกจากรถถ้าเขาทำเรามากกว่านี้เราจะทำยังไง ซึ่งถ้าเป็นคนอื่นก็คงไม่แจ้งความตั้งแต่โดนเมสเสจแล้ว แต่สำหรับตัวโอ๋มันไม่ได้จะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ แต่พอเรื่องมันมาถึงชีวิตเราก็ต้องคิดมากแล้ว เพราะชีวิตเราสำคัญที่สุด เขาก็รู้จักค่ะบ้านโอ๋อยู่ใกล้กัน อยู่คนละหมู่บ้าน แต่คืออย่ามาทำอะไรกันเลย คุณไม่ยุ่งฉัน ฉันไม่ยุ่งคุณ ก็คือจบแค่นั้น ทุกวันนี้ก็กลัวค่ะต้องมีพี่ที่เขาดูแลโอ๋อยู่ด้วย ยังไงก็ต้องให้มาอยู่เฝ้าโอ๋สามเดือนค่ะ”

คู่กรณีเข้าพบตำรวจแล้ว
“ก็เห็นทางตำรวจบอกว่าทางคู่กรณีเขาก็เข้ามาแล้ว ก็ไม่เห็นเขาว่าอะไรเลย เราก็ถามว่าแล้วจะมีอะไรเกิดขึ้นไหม โอ๋รู้สึกว่าเขาก็คงกลัวๆ เราบ้างแหละ ตัวโอ๋นะไม่ต้องการอะไร แค่ต้องการให้เขารับผิดชอบในสิ่งที่เขาทำแค่นั้นเอง ส่วนอื่นไม่มีอะไร แค่ให้เขาเข้าใจว่าเขาผิดแค่นั้นเอง”

“ซึ่งเขาก็คุยกับตำรวจว่า คือเห็นเขาบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ โอเคไม่ได้ตั้งใจก็พอได้ไม่เป็นไร ก็ไม่ได้คิดประเด็นตรงนั้นก็คุณรับผิดชอบค่าเสียหายให้ฉันมาแค่นี้จบ ขี้เกียจมานั่งปวดหัวเรื่องเล็กๆ น้อยๆ งานโอ๋ก็มีทำเรื่องอย่างอื่นโอ๋ก็มีคิด เอาเป็นว่าเราไม่ยุ่งกันแล้วเราผิดชอบในสิ่งที่เขาทำ”

ต่อข้อซักถามว่ากลัวไม ถ้าคู่กรณีออกมาพูดว่า คบหาเป็นแฟนกันแต่มีเหตุหึงหวงเลยทำให้เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น
“มันก็ไม่เกี่ยวมันไม่ใช่ประเด็น คุณรับผิดชอบในสิ่งทึ่ทำแล้วคุณทำทำไม อย่าเปลี่ยนประเด็นมันก็ไม่เกี่ยวกัน สมมติถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ มันก็ไม่เกี่ยวกันถูกไหมค่ะ”
กำลังโหลดความคิดเห็น