xs
xsm
sm
md
lg

แฉปตท.ปล้นพลังงานไทย อัดเงินปิดปากแดง-กปปส.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เวลา 13.45 น. วานนี้ (2มี.ค.) ที่ห้องประชุมอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว ถ.ราชดำเนิน คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ชมรมนักธุรกิจเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (SVN)เครือข่ายปฏิรูปพลังงานไทย จัดเสวนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เรื่อง"น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติของประชาชน ใครปล้นไป?”

นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 กล่าวเปิดการเสวนาว่า ตามที่ญาติวีรชนเคยแถลงการณ์ถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.)ชุดนี้ ด้อยคุณภาพจึงเกิดปัญหาตามมาในขณะนี้ อยากบอก พ.ต.ท.ทักษิณว่า ถึงจะมีอำนาจก็จะปกครองยาก พวกเราในฐานะผู้สูญเสียเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ อยากบอก พ.ต.ท.ทักษิณว่า อย่ายึดติดอะไร การคิดว่าดวงไม่ดี หรือมีเคราะห์ ความเชื่อในประเพณี พุทธศาสนาไม่ต้องแก้กรรม แต่ให้แก้พฤติกรรม โดยการเสียสละ และอโหสิกรรม ที่ผ่านมาสังคมไทยสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ มามากมาย แต่การเสียสละเงิน 4.6 หมื่นล้าน คิดว่าเป็นการคืนให้ประชาชน ถ้าไม่ยึดติด สังคมจะสงบลง อยากให้ทบทวนว่า ประเทศไทยเป็นของพ.ต.ท.ทักษิณด้วย ดังนั้นตาซ้ายกับตาขวา ถึงอย่างไรก็หนีไปด้วยกันไม่ได้
นายอดุลย์ กล่าวด้วยว่า ส่วนหัวข้อการเสวนาในครั้งนี้สรุปชัดๆ ว่าไม่ว่าจะเป็นแก๊ซธรรมมชาติ น้ำมัน คือ สมบัติของประชาชน แต่ปรากฏว่าวันดีคืนดี ทุกรัฐบาลที่เข้ามาบริหารประเทศ หรือเปรียบเหมือนผู้จัดการมรดกของเรา ในการจัดสรรผลประโยชน์ แต่ผลประโยชน์ของประชาชนกลับหายไป และประชาชนต้องมาทนรับกับสิ่งที่เราต้องใช้ เมื่อไปเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน จึงต้องมาดูว่า จากหัวข้อน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ของประชาชน ใครปล้นไปกันแน่
จากนั้นเริ่มการเสวนาหัวข้อ “น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติของประชาชน ใครปล้นไป?”โดยมี นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา แกนนำเครือข่ายปฏิรูปพลังงานไทย นายคมสัน โพธิ์คง นักวิชาการอิสระ นายสุรวิทย์ เสรีชน แกนนำแดงปฏิวัติพลังงานไทย และ นายณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและอดีตกรรมการปฏิรูปประเทศ เป็นคณะผู้เสวนา
นายอิฐบูรณ์ กล่าวว่า สิ่งที่เป็นอยู่ในกิจการปิโตเลียมของประเทศไทย ต้องใช้คำว่าเป็นแปลงปิโตรเลียมในการให้สิทธิในการสำรวจ ทั้งบนบกและในทะเล ซึ่งระบบสัมปทานอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ปิโตเลียม 2514 เป็นลักษณะการประมูล โดยใช้ดุลพินิจของคณะกรรมการปิโตรเลียม ซึ่งเป็นกิจการภายในของกระทรวงพลังงาน ซึ่งพบว่าการเผยแพร่ข้อมูลที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2554 ประเทศไทยมีสัมประทานปิโตรเลียมทั้งหมด 63 สัมปทาน 79 แปลงสำรวจ พื้นที่รวม 225,893 ตร.กม. หรือคิดเป็น 44 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ประเทศไทย จากผู้รับสัมปทาน 30 บริษัท โดยปริมาณการผลิตปิโตรเลียมในประเทศไทยปี 2555 ทั้งก๊าซธรรมชาติ และน้ำมันดิบ และคอนเดนเสต รวม 986,000 บาร์เรลต่อวัน แต่กระทรวงพลังงานแจ้งว่า มีแค่ 801,300 บาร์เรล ต่อวัน จึงอยากถามว่า จำนวนปิโตรเลียมที่เหลือ หายไปไหน ซึ่งประเทศไทยสามารถผลิตน้ำมันส่งออกได้จำนวนมาก แต่คนไทยไม่ค่อยทราบกัน
นายอิฐบูรณ์ กล่าวต่อว่า ในสัดส่วนปริมาณ และมูลค่าการขายก๊าซธรรมชาติจากแหล่งผลิตปิโตรเลียมของประเทศไทย เมื่อเดือนต.ค.56 กลุ่มเชฟรอน มีสัดส่วนถึง 56 เปอร์เซ็นต์ ส่วนกลุ่มปตท.สผ. อยู่ที่ 42 เปอร์เซ็นต์ และกลุ่มเฮสส์ (ไทยแลนด์) 2 เปอร์เซ็นต์ โดยสิ่งที่นักการเมืองเข้ามายุ่งเกี่ยวตั้งแต่ปี 2540 โดยเฉพาะตั้งแต่พรรคไทยรักไทยเข้ามาเป็นรัฐบาล 9 ก.พ.44 ถึง 19 ก.ย.49 เมื่อรัฐบาลไทยรักไทยเข้ามา ในเดือนต.ค.44 ก็แปรรูปปตท.ใ ห้มีการถือหุ้นได้ 49 เปอร์เซ็นต์ จากนั้นตั้งกระทรวงพลังงาน เพื่อกำกับดูแลกิจการปิโตรเลียม น้ำมัน ก๊าซเอ็นจีวี และก๊าซแอลพีจี ที่สำคัญปี 2547 มีการตั้งกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยการย้ายกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากระทรวงการคลัง ไปอยู่กับกระทรวงพลังงาน เพื่อให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน และเป็นผู้กำหนดราคาน้ำมัน สามารถกำหนดอัตราเรียกเก็บ และชดเชยเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้ ซึ่งเป็นการฉ้อฉลคนไทยไปแล้ว
นายสุรวิทย์ เสรีชน กล่าวว่า หลีกเลี่ยงไม่ได้ว่า การเมืองรับใช้เศรษฐกิจ สูงสุดคือการชิงผลประโยชน์กัน ซึ่งการเป็นคนเสื้อแดงของตน มาจากจิตสำนึกรักความเป็นธรรม ยึดทรัพย์รับไม่ได้ ยุบพรรครับไม่ได้ และรัฐประหารรับไม่ได้ ก็เหมือนคนเสื้อเหลืองที่รับการทุจริตไม่ได้ ส่วนที่ตนมาสนใจปตท. นั้น เพราะเป็นการปล้นชิงขูดรีดประชาชนเป็นจำนวนมาก มาหลายสิบปี ซึ่งการต่อสู้ทั้งหมดมี 3 กลุ่ม จากกลุ่มอนุรักษ์นิยมหรือ กปปส. กลุ่มปฏิรูป หรือกลุ่มคนเสื้อแดง และ กลุ่มประชาชน ที่ถูก 2 กลุ่มแรก กดขี่ขูดรีดอยู่ แต่กลุ่มทุนผูดขาดพลังงาน คือ ศัตรูของคนไทยอย่างแท้จริง มีการปกปิดจากกลุ่มทุนพลังงาน มีการบิดเบือนว่าเป็นเรื่องสีเสื้อเท่านั้น ซึ่งเวทีเสื้อแดงที่ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน หรือของเวที กปปส.นั้น สปอนเซอร์กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มพลังงาน กลุ่มพลังงานจะเชียร์ใครก็ได้ แต่ประชาชนห้ามมาแย่งคืน ขอกอบโกยอยู่ฝ่ายเดียว และกีดกันประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมทุกขั้นตอน
"ปล้นชิงยังไม่พอ ยังขูดรีด ขายน้ำมันให้ประชาชนแพงอีก กองทุนน้ำมันเชื่อเพลิงก็เป็นจุดพักกำไรของกลุ่มทุนเหล่านี้ ขุมสมบัติในประเทศไทยจะทำให้ประเทศนี้ควรจะมีแต่ความร่ำรวย แต่กลับถูกคนไม่กี่คนปล้นชิงไปเท่านั้น จึงอยากให้เลิกโกหกว่า ประเทศนี้ไม่มีพลังงาน หรือ ไม่มีน้ำมันดิบ ซึ่ง 15 มี.ค.55 ประเทศไทยมีแท่นขุดเจาะในอ่าวไทย 334 แท่น จะเรียกว่าประเทศไทยไม่มีพลังงานได้หรือไม่ " นายสุรวิทย์ กล่าว
ขณะที่นายคมสัน กล่าวว่า ราคาน้ำมันของบ้านเราถือว่าแพงมาก หากไปตรวจสอบก็พบว่า มีค่าภาษีโดยรวมสูงเกือบ 30-40 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตนก็เคยไปถามคนๆหนึ่งว่า ทำไมน้ำมันบ้านเราต้องใช้ราคาอ้างอิงจากประเทศสิงค์โปร ก็มีการตอบกลับมาว่า เพราะไม่มีราคาอ้างอิงที่ไหน แต่ตนก็ถามว่าเมื่อเรามีโรงกลั่นน้ำมัน ทำไมต้องใช้ราคาอ้างอิงจากประเทศสิงค์โปร คำถามก็จะวนเวียนอยู่แบบนี้ เพราะไม่มีใครอยากตอบได้ นอกจากนี้ปัญหาสำคัญจากเงินที่เข้ากอง ทุนน้ำมันเชื้อเพลิงนั้น เพราะภายหลังแปรรูป ปตท. ก็มีการปล่อยน้ำมันให้ลอยตัว และกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ก็ไม่สามารถรักษาระดับราคาน้ำมันได้ เป็นการเก็บเงินในลักษณะเดียวกันกับภาษี ไม่มีกฎหมายใดๆ รองรับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
"องค์กรปตท.เป็นประเภทสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ เหมือนจรเข้ที่กินทุกอย่าง วันดีคืนดีบอกเป็นองค์กรรัฐ วันดีคืนดีบอกเป็นองค์กรเอกชน วันดีคืนดีบอกผู้ถือหุ้น ว่าเราเป็นเอกชน พอจะเสียผลประโยชน์ก็มาบอกว่าเป็นองค์กรรัฐ จึงอยากให้ประชาชนนมาใส่ใจเรื่องนี้ให้มากขึ้นกว่าเดิม" นายคมสัน กล่าว
ด้านนายณรงค์ กล่าวว่า ปัจจุบันทุนเป็นทุนต่อสังคม เศรษฐกิจ สังคมให้แก่โลก และสะสมความมั่งคั่งจากแรงงานผู้อื่น พลังงงานก็เป็นตัวอย่างการสะสมทุนของโลก ประเด็นอยู่ที่ว่า ทำไมประชาชนยังหลงไหลพวกทุนเหล่านี้ และประชาชนจึงถูกให้ฆ่าฟันกันเองขณะที่ทุนไม่เคยล่มสลาย เพราะฉะนั้นระบบทุนนิยมของไทยเกิดขึ้นภายใต้การโอบอุ้มของเผด็จการ ทุนจึงเป็นการขับเคลื่อนผลประโยชน์ส่วนตนทั้งสิ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น