xs
xsm
sm
md
lg

สางคดีเก่า-เซ็ตกลไกใหม่ ภารกิจเร่งด่วน "ป.ป.ช.-กกต."

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวการเมือง

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
มีเสียงยินดีออกมาจากกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)อย่างวิชา มหาคุณ หลังรู้ผลว่าคณะกรรมการสรรหาป.ป.ช.ได้ลงมติเลือก “ณรงค์ รัฐอมฤต”อดีตเลขาธิการสำนักงานป.ป.ช.ให้เข้ามาเป็นป.ป.ช.แทนกล้านรงค์จันทิก ที่พ้นจากตำแหน่งไปเมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา

โดย ณรงค์ได้รับเลือกด้วยมติ 3ต่อ 1 เฉือนสุภา ปิยะจิตติรองปลัดกระทรวงการคลัง เต็งหนึ่งมาได้อย่างพลิกความคาดหมาย

“ทีมข่าวการเมือง”ก็ได้แต่หวังว่า เมื่อ ป.ป.ช.ได้กรรมการกลับมาครบทีมแล้วการทำงานทุกอย่างน่าจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นจากเดิม โดยเฉพาะการเร่งสะสางคดีค้างคาจำนวนมากในแฟ้มสำนวนป.ป.ช.ไม่ใช่ปล่อยให้คั่งค้าง-ดองเค็ม มากมายนับไม่ถ้วนอย่างทุกวันนี้ที่หลายคดีกว่าจะได้ข้อยุติชี้มูลกันออกมาได้ ต้องรอกันที 4 ปีบ้าง 5 ปีบ้าง

ยิ่งตัวณรงค์ ก็เคยอยู่สำนักงานป.ป.ช.มาหลายปีจึงรู้ระบบขั้นตอนการพิจารณาไต่สวนคดีของป.ป.ช.เป็นอย่างดี ผู้คนก็หวังว่าเมื่อไปนั่งทำงานแล้วจะเข้าไปช่วยเหยียบคันแร่งให้ป.ป.ช.ทำงานให้เร็วกว่านี้

หากตรงกันข้ามถ้าเข้าไปแล้ว ทุกอย่างไม่ดีขึ้น ป.ป.ช.ยังทำงานอืดเหมือนเดิมปล่อยให้สำนวนจำนวนมากฝุ่นจับ สุดท้าย ที่กก.สรรหาฯ เลือก ณรงค์ ให้ไปเป็นป.ป.ช.ก็จะเป็นการเลือกที่เสียเปล่าและสังคมคงเสียดายที่ทำไมกรรมการสรรหาฯไม่เลือก “สุภา” เข้าไปเป็นป.ป.ช.ยังจะดีเสียกว่า

โดยคดีสำคัญๆที่หลายคนต้องการเห็นความคืบหน้าอันเป็นรูปธรรม ส่วนเรื่องจะชี้ว่า “ผิด”หรือ “ถูก”ไม่เป็นไรรับกันได้ หากว่าป.ป.ช.เห็นว่าบางคดีหลักฐานในสำนวนไปไม่ถึงเอาผิดใครไม่ได้ต้องยกคำร้อง ถ้าป.ป.ข.แจงขึ้น สังคมก็ยอมรับ แต่ไม่ควรทำงานแบบ “ดองเค็ม”สำนวนอย่างทุกวันนี้แล้วพอสื่อไปไล่จี้ถาม ก็ทำเป็นคุยโว รอก่อน รอก่อน ใกล้แล้ว แต่สุดท้ายเรื่องก็เงียบหาย ยิ่งสื่อไม่ไปไล่ตาม พวกป.ป.ช.ก็นั่งทับสำนวนต่อไป

ยกตัวอย่างก็คดี“รับจำนำข้าว”เป็นเคสที่เห็นชัดสุดเพราะตั้งแต่เริ่มมีการยื่นเรื่องไปให้ป.ป.ช.ตรวจสอบจนต่อมาพรรคประชาธิปัตย์ที่นำโดย นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม สส.พิษณุโลกพรรคประชาธิปัตย์อภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องโครงการรับจำนำข้าวเมื่อช่วงปลายปีที่แล้วเสร็จก็มายื่นเรื่องและเอกสารเพิ่มกับป.ป.ช.ให้สอบเรื่องรับจำนำข้าวควบคู่ไปกับการยื่นถอดถอนรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง

ช่วงเรื่องรับจำนำข้าว กำลังเป็นประเด็นร้อนป.ป.ช.ก็ขยันให้ข่าวตลอดตั้งแต่ปลายปีที่แล้วว่าเร่งกันเต็มที่แล้วกำลังหาพยานหลักฐานเด็ดๆ แถม ขู่ฟอดๆ ว่าหลักฐานโยงถึงใครก็ไม่ไว้หน้าทั้งสิ้นต่อให้ใหญ่ขนาดไหน

ทำเอาสังคมตื่นเต้นกันไปใหญ่ ถึงขั้นพวกแกนนำ-ส.ส.เพื่อไทยต้องเปิดวอร์รูมถกลับวิเคราะห์กันหน้าดำเคร่งเครียด หวั่นยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ(กขช.)จะโดนป.ป.ช.สอยร่วงหลุดจากเก้าอี้ต้องหยุดพักการปฏิบัติหน้าที่ไปพร้อมกับบุญทรง เตริยาภิรมย์รมว.พาณิชย์คนก่อนหน้านี้

ถึงขั้นมีข่าวแกนนำเพื่อไทยบอกวางใจไม่ได้ ต้องเตรียมรับสถานการณ์ จนมีการตระเตรียม “นายกฯสำรอง”ไว้แล้ว คือ “เจ๊แดง-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์”มีการสั่งให้ส.ส.เชียงใหม่เพื่อไทย ลาออกเพื่อเปิดทางให้เจ๊แดงได้เป็นส.ส.เผื่อมีอะไรฉุกเฉินจะได้เข้ามาเป็นนายกฯเสียบแทนยิ่งลักษณ์ได้

เพราะก็มีนักกฎหมายหลายคนชี้ช่องเอาไว้ว่าหากป.ป.ช.สอยเรื่องรับจำนำข้าว อาจทำให้ยิ่งลักษณ์และรัฐบาลอยู่ในสถานการณ์ลำบาก

อาทิความเห็นสดศรีสัตยธรรมรักษาการกกต.และอดีตผู้พิพากษาศาลฎีกาก็ออกมาชี้ในข้อกฎหมายเมื่อช่วงก.ค.56 ที่ผ่านมาว่าการเมืองอาจถึงทางตันหากว่าป.ป.ช.ชี้มูลคดีรับจำนำข้าวอย่างที่ให้สัมภาษณ์ไว้ดังนี้

“ที่ป.ป.ช.กำลังพิจารณาการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวหากมีคำวินิจฉัยในเรื่องดังกล่าว อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลและอาจทำให้เกิดสุญญากาศทางการเมือง เช่น หากป.ป.ช.ชี้มูลความผิดในโครงการรับจำนำข้าว แล้วส่งฟ้องต่อศาลฎีกาฯ นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ก็ต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ แต่ไม่สามารถยุบสภาได้จนกว่าศาลฎีกาฯจะมีคำวินิจฉัย กระบวนการของฝ่ายบริหารต่างๆ ต้องหยุดชะงักซึ่งเชื่อว่าเมื่อสถานการณ์นี้เกิดขึ้นอาจจะทำให้กลุ่มที่เคลื่อนไหวทางการเมืองต่างๆ ออกมาชุมนุม จนนำไปสู่ความรุนแรงยิ่งกว่าเมื่อปี2553”

ทว่าที่หลายคนวิเคราะห์ประเมินกันไปว่าเรื่องรับจำนำข้าวจะเป็น “จุดตายรัฐบาล-หมัดสลบน็อคยิ่งลักษณ์”สุดท้ายก็อย่างที่ทุกคนเห็น

จากที่บอกว่าจะเห็นความชัดเจนในคดีนี้ว่าจะออกมาแบบไหนภายในช่วงต้นปีสุดท้ายก็ไม่มีอะไรคืบหน้า แล้วก็อ้างพยานหลักฐานยังไม่ครบถ้วน ขอให้รอก็บอกแบบนี้มาหลายครั้ง จนตอนนี้ล่วงเลยมาจะปลายปี56 เข้าไปแล้ว คดีก็ยังไม่คืบหน้า

แล้วพอมาตอนนี้เรื่องโครงการรับจำนำข้าว กลับมาเป็นเรื่องร้อนอีกครั้งให้ผู้คนตรวจสอบและพูดถึง

ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่นายกฯยิ่งลักษณ์ ออกมาประกาศข่าวใหญ่ว่าจากเดิมที่จีนได้ลงนามในสัญญาซื้อข้าวจากไทย1 ล้านตันภายในระยะเวลา 5 ปี แต่ขณะนี้จีนปรับการซื้อข้าวเป็นปีละ 1ล้านตันแบบจีทูจี อันเป็นข้อตกลงหลังจากนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีของจีนมาเยือนไทยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทว่าเมื่อมีการไล่ถามรายละเอียดเรื่องนี้จากตัวยิ่งลักษณ์ก็ปรากฏว่า นายกฯ ดำน้ำไม่รู้รายละเอียดตามเคย

หรือกรณีที่เสียงเตือนเรื่องให้รัฐบาลทบทวนโครงการรับจำนำข้าวดังขึ้นมาอีกรอบจากบุคคลหลายคนแม้จะถูกมองว่าเป็น “คนกลุ่มเดิม”อาทิม.ร.ว.ปรีดิยาธรเทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี -อัมมาร สยามวาลาและนิพนธ์พัวพงศกร สองนักวิชาการเกียรติคุณจาก TDRI -ธีระชัยภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.การคลัง -ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯที่พร้อมใจกันออกมาตีแผ่ผลเสียของโครงการรรับจำนำข้าวว่าหากยังคงเดินหน้าทำต่อไปจะสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติหลายแสนล้านบาทระหว่างที่ทั้งหมดไปร่วมงานเสวนาเรื่องจำนำข้าว เมื่อ15 ตุลาคม ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

พอเรื่องโครงการรับจำนำข้าวกลับมาเป็นประเด็นอีกครั้ง ป.ป.ช.ก็เอาอีกแล้ว ล่าสุด “วิชา มหาคุณ” ปธ.อนุกรรมการไต่สวนคดีนี้ก็ออกมาบอกว่า กำลังเร่งสอบกันเต็มที่ ตั้งเป้าไม่เกินสิ้นเดือนหน้า พ.ย.น่าจะได้ข้อสรุปการสอบเรื่องว่าการขายข้าวในโครงการดังกล่าวว่าเป็นแบบรัฐต่อรัฐหรือ จีทูจีอย่างที่รัฐบาลอ้างหรือไม่แต่ก็ตัดพ้อว่าการตรวจสอบหลักฐานบางอย่างเช่น แคชเชียร์เช็คที่เกี่ยวข้องเจอปัญหาบางธนาคารยังไม่ส่งข้อมูลมาให้ป.ป.ช.

อันนี้ก็มุขเดิมอีกแล้ว เมื่อหลายเดือนที่แล้วป.ป.ช.ก็บอกกำลังแกะรอยแคชเชียร์เช็คกันอยู่ คืบหน้าไปมากแล้วใกล้จะได้ข้อสรุปแล้ว แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรคืบหน้า

ก็ไม่รู้ว่าป.ป.ช.จะใช้มุขนี้หากินไปเรื่อยๆแบบนี้อีกนานแค่ไหน เชื่อว่า พอใกล้ถึงเวลาช่วงปลายปีก็คงออกมาบอก ยังสรุปไม่ได้ พยานหลักฐานยังไม่ครบถ้วน ขอไปแล้วยังไม่ได้รับรองเลยได้เจอมุขนี้ชัวร์

อันนี้ขนาดว่าเป็นคดีที่สังคมติดตามทวงถามตลอดก็ยังอืดขนาดนี้ แล้วคดีต่างๆ ที่ยื่นกันไป

อย่างเช่นเรื่องที่ถาวร เสนเนียม ส.ส.ประชาธิปัตย์ -กลุ่มกรีนยื่นให้ป.ป.ช.สอบจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อดีตอัยการสูงสุดในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่จากกรณีไม่อุทธรณ์คดีเลี่ยงภาษีของคุณหญิงพจมานณ ป้อมเพชร-บรรณพจน์ ดามาพงศ์ และการไม่สั่งฟ้องนักโทษชาย ทักษิณชินวัตรในคดีก่อการร้าย

หรือเรื่องที่นายศรีสุวรรณจรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนฯยื่นให้ป.ป.ช.เอาผิดกับกิตติรัตน์ ณ ระนองรมว.คลังฐานปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบจากกรณีการลงนามกู้เงินตามพ.ร.ก.กู้เงินฯ 3.5แสนล้านบาททั้งที่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้ระงับโครงการก่อสร้างเพื่อรอการทำประชาพิจารณ์ก่อน

ที่ยกตัวอย่างมารับรองได้ คำร้องพวกนี้ ขั้นต่ำรอไปเถอะ 3ปียังไม่รู้ผลเลยว่าจะเสร็จหรือเปล่า เผลอๆ ยาวกว่านั้น!

หากป.ป.ช.ไม่เร่งแก้ปัญหาตรงนี้คำกล่าวที่ว่า ป.ป.ช.คือสำนักงานแช่แข็งการทุจริตโกงชาติ คนคงเห็นตรงกันว่าเป็นเรื่องจริง

ขณะที่“คณะกรรมการการเลือกตั้ง”( กกต. )ก็กำลังจะได้กกต.ชุดใหม่เข้าไปทำงานแล้วอีกไม่ช้า หลังจากตอนนี้ได้รายชื่อว่าที่กกต.มาแล้ว 4 คนคือนายศุภชัย สมเจริญ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา-บุญส่ง น้อยโสภณผู้พิพากษาอาวุโสศาลอุทธรณ์ภาค 7 -ประวิช รัตนเพียร อดีตผู้ตรวจการแผ่นดินและสมชัยศรีสุทธิยากร อดีตเลขาธิการพีเน็ต ขณะนี้ก็เหลืออีก 1 คนที่จะมาจากการเลือกของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเร็วๆนี้

กกต.ชุดใหม่ก็มีภารกิจต้องเข้าไปสะสางเรื่องเก่าที่ค้างคาอยู่และเข้าไปจัดการเซ็ตระบบการทำงานให้ดีขึ้นกว่าเดิมอย่างคดีที่ค้างอยู่และคาดว่ากกต.ชุดรักษาการก็คงรอให้กกต.ชุดใหม่เข้ามาสะสางก็เช่นคดียุบพรรคภูมิใจไทยหรือการพิจารณาคำร้องคัดค้านการประกาศผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ของม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ที่ยังเหลือคำร้องคัดค้านอยู่ร่วม 30 คำร้อง เป็นต้น

เมื่อทั้งป.ป.ช.-กกต.มีการเปลี่ยนแปลงปรับทีม กันเช่นนี้ มันก็เป็นโอกาสอันดีไม่น้อย หากทั้งสององค์กรนี้จะใช้โอกาสดังกล่าว จัดการรีเซ็ตระบบการทำงานหลายอย่างให้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้
สุภา ปิยะจิตติ
นายศุภชัย สมเจริญ
เยาวภา วงศ์สวัสดิ์
ประวิช รัตนเพียร
สมชัย ศรีสุทธิยากร
กำลังโหลดความคิดเห็น