xs
xsm
sm
md
lg

ความโง่เขลาและบูชาศาสตร์มืดคือธรรมชาติของระบอบทักษิณ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปัญญาพลวัตร
โดย...พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต

แง่มุมที่น่าสนใจประการหนึ่งของการต่อสู้ทางการเมืองระหว่างประชาชนกับระบอบทักษิณในครั้งนี้คือ การใช้การเมืองแบบพุทธกับการเมืองแบบศาสตร์มืด แก่นความคิดของการเมืองแบบพุทธคือการใช้ปัญญาและหลักอหิงสา ส่วนแก่นความคิดของการเมืองแบบศาสตร์มืดคือความเชื่ออันงมงายและความรุนแรง

โดยทั่วไปจิตของมนุษย์มีลักษณะพลวัตร มิเคยหยุดนิ่ง หากแต่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องสลับไปมาระหว่างมิติทางด้านปัญญาและอหิงสา กับความเชื่ออันงมงายและความรุนแรง มนุษย์ที่มีการอบรมบ่มเพาะฝึกฝนจิตของตนเองอย่างต่อเนื่อง ประกายของปัญญาก็จะเปล่งออกมา และเมื่อเขาตัดสินใจกระทำการใดๆก็ตั้งอยู่บนพื้นฐานความมีเหตุมีผล เรื่องราวที่เขาทำก็สมเหตุสมผล เปี่ยมไปด้วยความสงบสันติตามหลักอหิงสาธรรม

แต่หากมนุษย์มิได้อบรมบ่มเพาะจิตใจของเขา ปล่อยให้จิตตกอยู่ภายใต้อำนาจของความปรารถนาตามสัญชาติญาณดั้งเดิม โอกาสที่จะตกอยู่ภายใต้บ่วงของความเชื่ออันงมงายก็จะมีสูง ยามใดที่ต้องตัดสินใจหรือกระทำการใด ก็จะปฏิบัติโดยใช้ไสยาศาสตร์หรือศาสตร์มืดเป็นเครื่องชี้นำ เรื่องราวที่กระทำก็ดูไม่สมเหตุสมผล และโน้มเอียงไปในทางแห่งความรุนแรง

สถานการณ์จะเลวร้ายยิ่งขึ้น หากเมื่อมนุษย์ที่ขาดการฝึกฝนทางจิตต้องเผชิญหน้าหรือประสบกับสถานการณ์ที่มีความกดดันสูง พวกเขาไม่มีทักษะและขาดความสามารถทางจิตในการจัดการกับพลังการกดดันที่ไร้สภาพได้อย่างเหมาะสม ความสามารถทางปัญญาของมนุษย์พวกนี้ซึ่งมีน้อยอยู่แล้ว ก็ยิ่งถูกกดทับให้ลดลงไปอีก ความเชื่ออันงมงายและอารมณ์อันเกิดมาจากสัญชาติญาณดั้งเดิมซึ่งดำรงอยู่เป็นจำนวนมากในจิตของพวกเขา ก็จะรุกคืบแผ่ขยายไปครอบครองพื้นทางทางจิตเอาไว้ทั้งหมด แสงสว่างแห่งปัญญาที่มีอยู่น้อยนิดก็จะดับวูบลงไป ความมืดบอดของไสยาศาสตร์และอารมณ์ดิบเถื่อนก็จะครอบครองพื้นที่ทั้งหมดของจิต เมื่อมนุษย์พวกนี้ตัดสินใจกระทำการใดจึงเปี่ยมไปด้วยความไร้เหตุผลและล้นด้วยความรุนแรง หนทางแห่งความหายนะแต่พวกเขาจึงมักตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ในสังคมมีมนุษย์จำพวกหนึ่งที่ขาดการฝึกฝนทางจิต ทำให้พวกเขามีแรงจูงใจใฝ่อำนาจสูง การกระทำของคนกลุ่มนี้ถูกผลักดันด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้าในการครอบครอง รักษา และขยายอำนาจออกไปอย่างไม่มีขอบเขต ความปรารถนาในอำนาจคือความต้องการที่จะควบคุมและบงการผู้อื่นให้กระทำในสิ่งที่พวกเขากำหนด ยามที่คนกลุ่มนี้เชื่อว่าตนเองได้อำนาจมาครอบครอง พวกเขาจะใช้อำนาจอย่างย่ามใจ ด้วยท่าทีที่ยโสโอหัง และด้วยวิธีแห่งความรุนแรงไม่สนใจไยดีว่าอำนาจที่พวกเขาใช้จะสร้างผลกระทบแก่ใครและทำร้ายผู้ใดบ้าง

กลุ่มคนของระบอบทักษิณเป็นตัวแทนของผู้ที่ถูกขับเคลื่อนด้วยแรงจูงใจใฝ่อำนาจ ด้วยจิตที่ฐานมาจากความเชื่ออันงมงายในศาสตร์มืด และการใช้แนวทางการปฏิบัติด้วยความรุนแรงและป่าเถื่อน ทักษิณ ชินวัตรได้อำนาจมาโดยการใช้เล่ห์เพทุบายหลอกลวงประชาชนด้วยนโยบายประชานิยม ผสมกับการซื้อเสียง เมื่อมีอำนาจก็ใช้วิธีคิดแบบตื้นเขินที่เปี่ยมด้วยความโง่เขลาเบาปัญญา และความรุนแรงในการบริหารประเทศ

วิธีคิดอันโง่เขลาที่โด่งดังประการแรกในการบริหารประเทศของทักษิณ ชินวัตร คือ นโยบายปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาดและรุนแรง นโยบายแบบนี้ของเขามีรากฐานจากการเอาอารมณ์ส่วนตัวที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของบุตรชาย มากำหนดนโยบาย และคิดอย่างไม่รู้ความว่า ต้องใช้ความรุนแรงในการแก้แค้นต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับบุตรชาย และเชื่ออย่างงมงายว่าความรุนแรงจะทำให้ปัญหายาเสพติดหมดไป สิ่งที่ตามมาคือทำให้เกิดการฆาตกรรมหมู่ผู้บริสุทธิ์เกือบสามพันคน

ถัดมาอีกนโยบายที่สะท้อนความมืดบอดทางปัญญาและความงมงายของทักษิณ ชินวัตรคือ นโยบายแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งทักษิณ ถูกหลอกด้วยตำรวจที่เป็นลูกน้องใกล้ชิดว่า สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่มีปัญหาใดแล้ว นำไปสู่การยุบ ศอบต. ในยุคแรก สิ่งที่ตามมาคือทำให้จังหวัดแดนภาคใต้ขาดองค์การในการแก้ปัญหา ผลลัพธ์คือความรุนแรงได้ขยายตัวออกไป จนทำให้เกิดมีประชาชนเสียชีวิตและบาดเจ็บนับหมื่นรายแล้ว


เราเห็นความมืดบอดทางปัญญาและการบูชาศาสตร์มืดของคนในระบอบทักษิณ ทั้งแกนนำและสมุนบริวารเสื้อแดงอย่างชัดเจนเมื่อคราวการทุบทำลายศาลพระพรหม การใช้เลือดคนผสมเลือดสัตว์เทลงไปบริเวณทำเนียบรัฐบาล รวมทั้งการพยายามทาสีพระพรหมในทำเนียบรัฐบาลเป็นสีแดง การบูชาไสยาศาสตร์ของคนในระบอบทักษิณทำให้ผู้คนเสียชีวิตจำนวนมาก ทั้งในกรณีการทุบทำลายพระพรหม และการชุมนุมเผาบ้านเผาเมืองเมื่อ พ.ศ. 2552 และ 2553 ของพวกอันธพาลเสื้อแดง

เมื่อคราวเลือกตั้ง พ.ศ. 2554 ประชาชนไทยก็ได้เห็นทักษิณคิดอย่างโง่เขลา พรรคเพื่อไทยและยิ่งลักษณ์ ชินวัตรก็ทำอย่างมืดบอดอีกหลายครั้งหลายคราว เรื่องที่โง่ๆที่โด่งดังระดับโลกคือ นโยบายจำนำข้าว ทักษิณ คิดอย่างโง่เขลาว่า หากให้รัฐบาลผูกขาดการซื้อข้าวจากชาวนาในราคาสูง และให้รัฐบาลเก็บข้าวไว้ในปริมาณมากๆ ไม่ขายสู่ตลาดโลก จะทำให้ข้าวในตลาดโลกราคาแพงขึ้น จากนั้นจึงค่อยขายข้าวเพื่อทำกำไร วิธีคิดแบบนี้หากไม่เรียกว่าโง่บรมแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไร เพราะคิดแบบไม่เข้าใจธรรมชาติของสินค้าเกษตร คิดแบบไม่เข้าใจระบบการผลิตและซื้อขายข้าวในตลาดโลก คิดแบบไม่เข้าใจแม้กระทั่งประสิทธิภาพในการค้าขายของข้าราชการกระทรวงพาณิชย์

ผลที่ตามมาในปัจจุบันคือ อุตสาหกรรมข้าวไทยพังพินาศ คุณภาพข้าวตกลงไป ชาวนานับล้านครอบครัวเดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้าด้วยรัฐบาลเอาข้าวชาวนาไปแล้วแต่ไม่มีเงินให้ เมื่อชาวนาไม่มีเงินในการยังชีพ และมีหนี้สินล้นพ้นตัว จนทำให้มีชาวนาสิบกว่าคนฆ่าตัวตาย และที่เลวร้ายกว่านั้นคือขณะนี้ผลกระทบของนโยบายจำนำข้าวแบบโง่ๆก็ลุกลามไปสู่ระบบธนาคาร ทำเอาธนาคารออมสินเกือบล่มสลายเพราะผู้บริหารปล่อยเงินกู้ระหว่างธนาคารให้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส) เพื่อนำไปใช้ในนโยบายจำนำข้าว ซึ่งส่งผลให้ลูกค้าธนาคารออมสินแห่กันไปถอนเงินฝากเกือบแสนล้านบาทเข้าไปแล้ว

ความเชื่องมงายบูชาศาสตร์มืดของตระกูลชินวัตร ยังสร้างความเสียหายแก่สังคมไทยอย่างต่อเนื่อง เมื่อทักษิณ เครือญาติ และลูกน้องไปดูดวงชะตา พร้อมประกอบพิธีกรรมทางไสยาศาสตร์เพื่อแก้กรรมที่ประเทศพม่าเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ ในการนี้มีข่าวว่าได้รับคำแนะนำจากพ่อมดหมอผีที่นั่นให้ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรต้องเข้าเหยียบพื้นดินภายในทำเนียบรัฐบาลให้ได้ภายในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2557 หากทำไม่ได้ตระกูลชินวัตร จะต้องประสบความพ่ายแพ้ทางการเมือง

ภายใต้การชี้นำของศาสตร์มืดทำให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ สั่งให้ เฉลิม อยู่บำรุง ผอ. ศรส. เปิดยุทธการปราบปรามประชาชน เริ่มจากวันที่ 14 กุมภาพันธ์ โดยให้ตำรวจจัดการพื้นที่ชุมนุมรอบทำเนียบรัฐบาลบางส่วน จนทำให้เฉลิม เข้าไปเหยียบทำเนียบรัฐบาลได้ จากนั้นในวันที่ 18 กุมภาพพันธ์ ศรส. ก็ระดมกำลังตำรวจจำนวนมากพร้อมเครื่องมือปราบปรามประชาชนและอาวุธสงครามครบมือบุกสลายผู้ชุมนุมกองทัพธรรมบริเวณผ่านฟ้า เพื่อให้ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้าไปเหยียบทำเนียบรัฐบาลให้ได้

เมื่อตำรวจเข้าสลาย ผู้ชุมนุมก็นั่งสวดมนต์ใช้หลักอหิงสาในการรับมือ แต่กลับถูกตำรวจทุบตีและยิงทำร้ายด้วยก๊าซน้ำตา ปืนกระสุนยาง และปืนกระสุนจริง จนมีประชาชนเสียชีวิตไปแล้ว 4 ราย และบาดเจ็บอีกประมาณ 60 กว่าราย แต่ในที่สุดกองกำลังตำรวจก็ต้องถอยกลับไป ด้วยสาเหตุที่ยังเป็นปริศนา บ้างก็ว่าเป็นพลังแห่งธรรมที่เข้ามาคุ้มครองผู้ชุมนุม บ้างก็ว่าเป็นพลังข้าวโพดคั่ว ปมนี้คงจะได้รับการคลี่คลายในอนาคต เมื่อประชาชนได้รับชัยชนะอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดต่อระบอบทักษิณ

ด้วยความงมงายบูชาศาสตร์มืดของนักการเมืองในระบอบทักษิณ พวกเขาจึงยึดวิถีแห่งความรุนแรงเป็นที่ตั้งในการจัดการกับผู้ที่มีความเห็นแตกต่าง ตลอดระยะเวลาที่ตระกูลชินวัตรครองอำนาจ จึงทำให้ประชาชนคนไทยต้องเสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก แม้กระนั้นก็ตาม ประชาชนยังคงยืนหยัดต่อสู้ด้วยปัญญาและอหิงสาธรรมต่อไป

การใช้ปัญญาและอหิงสาธรรมในการต่อสู้กับระบอบทักษิณของประชาชนไทยปรากฏต่อสายตาของชาวโลกอย่างชัดเจนในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ และ 18 กุมภาพันธ์ ในสองวันดังกล่าวรัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้สั่งให้ตำรวจเข้าสลายการชุมนุม ปรากฏว่าภาพที่เกิดขึ้นท่ามกลางการปราบปรามอย่างรุนแรงของตำรวจคือประชาชนทั้งชาวพุทธและมุสลิมต่างนั่งสวดมนต์ตามหลักศาสนาของตนอย่างไม่หวาดหวั่น ภาพความกล้าหาญของประชาชนเหล่านั้นได้รับการบันทึก ถ่ายทอด และเผยแพร่จากสื่อมวลชนแขนงต่างๆมากมายไปสู่สายตาของชาวโลก

จนบัดนี้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาของคนไทยและชาวโลกแล้วว่า แท้จริงแล้วทักษิณ ชินวัตรหาได้มีความฉลาดอย่างที่สร้างภาพขึ้นมาแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกลับมีวิธีคิดที่โง่เขลาเบาปัญญาอย่างมากในการทำความเข้าใจกับปรากฏการณ์ที่ซับซ้อนของสังคม จึงมักผลิตนโยบายจำนวนมากที่ผิดพลาด นำไปสู่ความล้มเหลวและสร้างความเสียหายแต่ประเทศขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่า

ยิ่งไปกว่านั้นในการรักษาอำนาจของระบอบทักษิณก็ตกภายใต้การชี้นำจากความคิดที่มืดบอด หรือลัทธิบูชาคลั่งไคล้ไสยาศาสตร์ คนในระบอบทักษิณจึงใช้ความรุนแรงเป็นแนวทางบริหารประเทศและรักษาอำนาจของตนเอง ส่งผลให้ชีวิตของประชาชนไทยต้องถูกสังเวยไปนับหมื่นชีวิตแล้ว

อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ของประชาชนกับระบอบทักษิณหลายครั้งหลายคราวตั้งแต่ พ.ศ.2548 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันได้ใกล้จะถึงจุดจบแล้ว ประชาชนสู้โดยยึดหลักพุทธธรรม ใช้ปัญญาและธรรมเป็นพื้นฐาน และใช้อหิงสาเป็นแนวทางและวิธีการหลักในการต่อสู้ จึงทำให้สะสมชัยชนะอย่างต่อเนื่อง แสงสว่างแห่งปัญญา ความมีเหตุมีผล และพลังแห่งธรรมได้ขยายออกไป ค่อยๆทำลายความโง่เขลาและความมืดบอด ตลอดจนอำนาจมารของระบอบทักษิณ จนใกล้จะหมดสิ้นแล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น