xs
xsm
sm
md
lg

“ทักษิณ” ในร่าง “เณรคำ”

เผยแพร่:   โดย: สุนันท์ ศรีจันทรา

ตำนานของหลวงปูเณรคำที่ญาติโยมศรัทธาทั่วบ้านทั่วเมืองถูกปิดฉากลงแล้ว เหลือเพียงเรื่องราวของ 18 มงกุฎคนหนึ่งที่อาศัยผ้าเหลืองหลอกลวงชาวบ้าน จนร่ำรวยมหาศาลเท่นั้น

ถึงตอนนี้มีคำถามว่า คนอย่างเณรคำ ทำไมจึงมีคนแห่ไปกราบไหว้ บริจาคทรัพย์สินเงินทองมากมาย ทำไมพุทธศาสนิกชนจึงเลื่อมใส โดยไม่ใส่ใจในพฤติกรรมเบื้องลึกเลยหรือ

เณรคำไม่ใช่พระคนแรกที่ห่มผ้าเหลืองทำมาหากินอย่างเป็นล่ำเป็นสัน เพราะมีพระชื่อดังมากมายที่มีพฤติกรรมไม่แตกต่าง ทั้งที่ถูกเปิดโปงจนชาวบ้านสิ้นศรัทธาไปแล้ว และที่ยังนุ่งจีวรกอบโกยความมั่งคั่งอยู่

นักต้มตุ๋นหลอกหลวง นักสร้างภาพว่าเป็นคนดี ไม่ได้มีแต่พระเท่านั้น แต่พวก 18 มงกุฎเหล่านี้กระจัดกระจายในสังคม แล้วแต่ใครจะสถาปนาเป็นศาสดาทางด้านไหน

บางคนสวมผ้าเหลือง บางคนตั้งตัวเป็นเกจิอาจารย์เข้าเจ้าเข้าทรง บางคนกอบโกยจากการเป็นหมอดูชื่อดังหน้าจอทีวี บางคนอาจสวมสูทเป็นนักธุรกิจ และบางคนก็อาจมาในคราบนักการเมือง

ช่องทางที่คนเหล่านี้จะสถาปนาตัวเองเป็นศาสดาได้มีทางเดียวคือ การสร้างความศรัทธา เพราะถ้าเรียกความศรัทธาได้ เงินทองหรือแม้แต่อำนาจจะไหลมาเทมา

ใครก็ตามที่ความศรัทธาคนใดคนหนึ่ง ก็พร้อมจะเทใจให้ทุกอย่าง บริจาคอย่างไม่อั้น วัดดังบางวัดสามารถสร้างความศรัทธา จนญาติโยมยอมขายบ้านที่ตัวเองอาศัย เพื่อนำเงินไปถวาย นับประสาอะไรกับการบริจาคเงินนับสิบล้าน รถหรูราคาแพงให้เณรคำ

ความศรัทธาไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่ระหว่างความศรัทธากับความงมงาย มีเพียงเส้นแบ่งบางๆ เท่านั้น เพราะถ้าศรัทธาเกินขีดจำกัด จะกลายเป็นความงมงาย และเมื่อยกระดับเป็นความงมงายเมื่อไหร่ จะกลายเป็นความไร้เหตุผล

ความเชื่อความศรัทธาที่ไม่ต้องการเหตุต้องการผล กลายเป็นความโง่กลายๆ ซึ่งกำลังเป็นปัญหาใหญ่ในสังคมไทย เพราะศรัทธาในสิ่งผิด งมงายกับคนผิด

เณรคำอาจเป็น 18 มงกุฎคนหนึ่ง แต่เส้นทางก่อนจะสถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็นหลวงปูเณรคำที่คนกราบไหว้ เป็นสิ่งที่น่าศึกษา เพราะจะทำให้คนไทยหูตาสว่างขึ้น ไม่หลงเชื่องมงายคนที่มีพฤติกรรมเช่นเดียวกับเณรคำ ซึ่งแฝงตัวเองอยู่ทั่วสังคมไทยในรูปแบบต่างๆ

เณรคำเพียงคนเดียวไม่สามารถสถาปนาตัวเองเป็นหลวงปู่ที่ชาวบ้านเลื่อมใสได้ แต่ต้องจัดฉากสร้างภาพอย่างเป็นขบวนการ โดยมีคณะลูกศิษย์ห้อมล้อมร่วมขบวนการ และนำผลประโยชน์มาแบ่งปันกัน

พฤติกรรมมั่วสีกา ทำตัวเป็นพระไฮโซ โยกย้ายเงินออกนอก ซื้อบ้านในต่างประเทศเพื่อเตรียมลี้ภัย เช่นเดียวกับนักการเมืองหลายคน ทำไมลูกศิษย์ใกล้ชิดจะไม่รู้

แต่เพราะผลประโยชน์เงินบริจาคที่ได้รับแบ่งปัน จึงช่วยกันปกปิดพฤตกรรมชั่วไว้ แม้มีข่าวฉาวโฉ่งถูกเปิดโปง ก็เรียงหน้าออกมาปกป้องเสียอีก

ลูกศิษย์ใกล้ชิดรู้ดีว่า เณรคำเป็นพระเลว แต่จำเป็นต้องออกมาปกป้องจนวาระสุดท้าย ไม่แตกต่างจากพวก “ขี้ข้า” ที่ปกป้อง “นาย” เพราะถ้าเณรคำมีอันเป็นไป ถูกเปิดโปงพฤติกรรมชั่ว ลูกศิษย์จะหมดโอกาสตักตวงผลประโยชน์ไปด้วย

เมื่อร่วมหากินจากการสร้างภาพหลอกลวงต้มตุ๋น จะเลวจะชั่วอย่างไร ต้องช่วยกันปกปิดไว้ เพราะถ้า “ความแตก” สังคมหูตาสว่าง ประชาชนรู้ข้อเท็จจริง เส้นทางการตักตวงความมั่งคั่งจะปิดฉากลง ทั้งเณรคำและลูกศิษย์ ทั้ง “นาย” และเหล่า “ขี้ข้า” จะไม่มีที่ยืนในแผ่นดิน

เบื้องหลังแก๊ง 18 มงกุฎ ขบวนการเณรคำถูกเปิดโปงแล้ว ญาติโยมตื่นจากความงมงาย ความศรัทธาที่เคยให้กลายเป็นเสียงสาปแช่งประณาม

แต่คนที่อาศัยผ้าเหลืองเพื่อกอบโกยความร่ำรวย คนที่สร้างภาพเป็นคนดีหลอกลวงชาวบ้าน คนที่ตั้งตัวเป็นศาสดาในสายอาชีพต่างๆ ยังไม่ได้ถูกกำจัดให้พ้นจากสังคม

ถ้าเณรคำยังอยู่ คงตักตวงความมั่งคั่งจากความงมงายได้อีกไม่น้อย ถ้าพระที่มีพฤติกรรมไม่แตกต่างจากเณรคำยังห่มผ้าเหลืองหลอกเงินบริจาคญาติโยมอยู่ ศาสนาจะเสื่อมหนักขึ้น ถ้าพวก 18 มงกุฎที่ตั้งตนเป็นศาสดาในสาขาอาชีพต่างๆ เพื่อต้มตุ๋นชาวบ้าน ยังไม่ถูกเปิดโปง คงมีประชาชนอีกไม่น้อยที่จะตกเป็นเหยื่อ

และถ้านักการเมืองที่อวดอ้างตัวว่าเป็นคนดี โดยมีลูกสมุนคอยเชลียร์ แต่กลับนำชาติไปสูหายนะ ยังกุมอำนาจอยู่ สุดท้ายประเทศคงพินาศ

เส้นทางการสร้างภาพของเณรคำ จนสถาปนาตัวเองก้าวขึ้นมาเป็นพระระดับเศรษฐี เที่ยวหว่านเงินซื้อพระด้วยกัน แบ่งปันผลประโยชน์ที่หลอกต้มมาได้ให้ลูกศิษย์ลูกหาจนยอมก้มหัวรับใช้พระเลวดุจขี้ข้า ถ้าคิดกันให้ดี คงไม่แตกต่างจากเส้นทางของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรเท่าไหร่นัก

เพียงแต่ขีดความสามารถในการสร้าภาพหลอกลวงต่างชั้นกันเท่านั้น

เณรคำเป็นเพียง 18 มงกุฎที่หลอกลวงคนในเฉพาะพื้นที่ ความเสียหายเกิดขึ้นเฉพาะญาติโยมที่งมงายในวงจำกัด แต่พ.ต.ท.ทักษิณเป็น 18 มงกุฎขั้นเทพ หลอกคนทั่วประเทศ ความเสียหายจึงเกิดกับประชาชนทั้งประเทศ

เณรคำซ่อนตัวอยู่ภายใต้ผ้าเหลืองได้นับสิบปี แต่เพียงข้ามวันที่ถูกเปิดโปงพฤติกรรมเ ความศรัทธาก็ดับสูญ เหลือแต่เสียงแช่งด่าจากคนทั้งประเทศ

ส่วนพ.ต.ท.ทักษิณอยู่ระหว่างประคับประคองระดับความงมงายไม่ให้ตกต่ำลงไปอีก เพราะถ้าคนที่หลงงมงายเกิดหูตาสว่างขึ้นมา รู้ว่าจริงๆ แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณก็เป็นคนประเภทเดียวกับเณรคำ “ทักษิณ” ก็พังในพริบตาเหมือนกัน

สักวันหนึ่งประชาชนทั้งประเทศจะหูตาสว่าง สักวันหนึ่งคนจะเลิกงมงาย และถึงวันนั้น ไม่รู้ว่าเสียงแช่งด่าใครจะดังกว่ากัน ระหว่าง “เณรคำ” กับ “ทักษิณ”
กำลังโหลดความคิดเห็น