xs
xsm
sm
md
lg

รวยแท้หนอ "วัตถุนิยม" ระบาดวงการผ้าเหลือง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ในยุคแห่งโลกเทคโนโลยี และสังคมแบบวัตถุนิยม การได้เห็นพระภิกษุนั่งบนรถหรูราคาหลายล้านบาท มีโทรศัพท์ราคาแพง หรือการได้เห็นพระภิกษุนั่งบนเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว ด้วยเหตุต้องเดินทางไปปฏิบัติกิจของสงฆ์ อาจเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปแล้วสำหรับพระในยุคนี้ ถึงแม้ไม่ใช่ความผิดร้ายแรงตามพระวินัยสงฆ์ แต่ดูเอาเถิด ความอู้ฟู่หรูหราเหล่านี้เหมาะสมแล้วหรือกับสมณสารูป ผู้เผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอน ดำเนินชีวิตตามเส้นสายกลาง แต่ ณ ขณะนี้ อาจหลงลืมคำว่า “สมถะ” ไปเสียแล้ว

พระยุคใหม่ คลั่งไคล้วัตถุนิยม

พระใช้ไอแพด พระใช้ไอโฟน พระนอนในกุฏิติดแอร์ ฯลฯ เชื่อว่าทุกคนต้องเคยพบเห็นเหตุการณ์เช่นนี้และเอามาถกเถียงกันถึงความเหมาะสมว่า สมณเพศผู้น่าเลื่อมใสเหล่านี้ สมควรแล้วหรือการกับใช้วัตถุราคาแพง เกินความจำเป็น นำเงินที่ญาติโยมทำบุญถวายมาใช้จ่ายเหมือนเป็นเงินส่วนตน ซึ่งสิ่งของเครื่องใช้ที่ว่าต้องใช้อำนวยความสะดวกสบายนั้น ประชาชนหาเช้ากินค่ำบางคนยังหาซื้อไม่ได้!!

ยิ่งมาพบเจอข่าวอันน่าสลดใจ พระชื่อดังรูปหนึ่งมีชื่อเป็นผู้ครอบครองรถยนต์มูลค่าหลายล้านบาท จากกรณีข่าวครึกโครมวิ่งไล่จับรถหรูหนีภาษีกันให้จ้าละหวั่นในช่วงนี้ ซึ่งปรากฏพบว่า พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐม เป็นเจ้าของผู้ครอบครองรถยนต์หรูโบราณ ยี่ห้อจากัวร์ แพนเธอร์

โดยเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ที่ผ่านมา หลวงพี่น้ำฝนได้แถลงต่อสื่อมวลชนว่า รถยนต์จากัวร์ แพนเธอร์ คันที่ต้องสงสัย ตนเองเป็นผู้ครอบครองจริง แต่เป็นรถที่ลูกศิษย์ได้ถวายมาให้จากประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2554 โดยดำเนินการแยกชิ้นส่วน และจดประกอบ มีบริษัทแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรสาคร เป็นผู้ดำเนินการ และเสียภาษีสรรพสามิต จำนวน 1,506,615 บาท โดยนายเติมศักดิ์ ปิติธนสารสมบัติ เป็นผู้จ่ายค่าภาษีสรรพสามิต จากนั้นได้นำรถยนต์ไปจดทะเบียนที่สำนักงานขนส่งจังหวัดสระบุรี ต่อมาได้ย้ายมาจดทะเบียนที่กรุงเทพฯ และได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบของทางราชการอย่างถูกต้อง

สำหรับรถยนต์คันดังกล่าวไม่ได้นำไปใช้งานแต่อย่างใด มีเพียงใช้ในงานครบรอบหลวงพ่อพูล ในการอัญเชิญรูปเหมือนให้ประชาชนได้สักการะเท่านั้น แล้วตั้งโชว์ไว้ให้ญาติโยมที่สนใจเกี่ยวกับรถโบราณได้ศึกษาหาความรู้ เพราะรถรุ่นนี้นับวันจะหาดูได้ยากแล้ว ส่วนกรณีที่ถูกกล่าวหาว่าทางวัดมีการสะสมรถหรูไว้หลายคัน อาตมายอมรับว่ารถทุกคันได้มาจากลูกศิษย์นำมาถวายทั้งสิ้น และมีเพียงรถจากัวร์ แพนเธอร์ เพียงคันเดียวที่เป็นรถจดประกอบ” หลวงพี่น้ำฝนกล่าว

หรืออีกกรณีหนึ่ง ภาพเก่าเล่าใหม่ของหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ที่มีทั้งรูป ทั้งคลิปวิดีโอปลิวว่อนเน็ตมานานแล้วพอสมควร แต่เห็นคราใดก็สลดใจได้ทุกครั้ง ภาพพระสงฆ์บนเครื่องบินส่วนตัวที่อ้างว่าลูกศิษย์ถวายให้ใช้เดินทางไกล ด้านข้างมีกระเป๋าแบรนด์เนมชื่อดัง รวมถึงสวมใส่แว่นกันแดดมียี่ห้อ ก่อนจะลงจอดที่สนามบินอุบลราชธานี หลักฐานแน่นหนาแต่ก็ยังมีผู้เลื่อมใสศรัทธาบางส่วนออกมาโต้แย้งให้กับพระรูปนี้

เหตุการณ์ทั้งหลายในทางเสื่อม ไม่ว่าจะเกิดขึ้นแบบเงียบๆ หรือฮือฮากันในโลกออนไลน์ ก็คงทำเอาชาวพุทธสะดุ้งได้ไม่น้อยกับสิ่งของ วัตถุ ยานพาหนะอันหรูหรา ราคาแพง หรือแม้กระทั่งรูปแบบการใช้ชีวิตของพระที่แทบจะใกล้เคียงทุกอย่างแล้วกับฆราวาสทั่วไปในวันนี้ แล้วจะให้ไม่เกิดข้อสงสัยได้อย่างไรว่า พระบางรูปคือพระที่น่าเคารพเชื่อถืออย่างแท้จริง หรือพระบางรูปใช้เพียงแต่ผ้าเหลืองหุ้มห่อแต่เปลือกภายนอกเพื่อทำประโยชน์ให้แก่ตนเท่านั้น

ค่านิยมเพี้ยน ทำมาก ได้มาก

เหตุการณ์แบบนี้จะโทษเพียงแต่ฝ่ายพระภิกษุสงฆ์คงไม่ถูกต้องนัก ส่วนหนึ่งนั้นต้องโทษเหล่าฆราวาสเช่นกันที่ถวายของราคาแพง โดยมักยึดกุศโลบายผิดๆ ที่ว่า ทำบุญมากเท่าไหร่ ชาติหน้าก็จะได้กลับคืนมาเท่านั้น ดร. ธวัช หอมทวนลม หัวหน้าภาควิชาปรัชญา คณะศาสนาและปรัชญา มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย กล่าวว่า การถวายของเข้าวัด จะมากจะน้อยก็ได้บุญ หากทำด้วยใจบริสุทธิ์ ซึ่งต้องดูถึงประโยชน์และความจำเป็น เพราะการให้วัตถุมีค่า ราคาแพง ไม่ได้การันตีว่าคุณจะได้บุญมากกว่าใครๆ

การถวายของพระ มันอยู่ที่วัตถุประสงค์ แล้วก็ต้องดูว่ามีความจำเป็นหรือเปล่า คือของบางอย่างมันไม่สมควรกับสมณสารูป บางครั้งก็อยู่ที่ท่านจะพิจารณาว่า ควรจะรับหรือไม่แล้วเหมาะกับสมณสารูปหรือไม่ อย่างที่มีข่าวถวายรถราคาแพงๆ คือถ้าท่านคิดว่าเกินความจำเป็นหรือว่าเกินกว่าที่ท่านจะใช้ก็ควรบริจาคต่อไป

แล้วของที่ถวายเนี่ย ไม่ใช่ถวายมากแล้วจะได้บุญมากอย่างนั้น ไม่ใช่นะ มันอยู่ที่ว่าประโยชน์ที่ได้จากการถวาย ไม่ใช่อยู่ที่ราคาของ ในทางพระธรรมวินัยจะเน้นเรื่องวัตถุที่ได้มา ได้มาด้วยความบริสุทธิ์ ไม่ได้ไปลักขโมย จี้ชิงวิ่งราว ของที่ได้มาโดยบริสุทธิ์ ไม่จำเป็นต้องมีราคาแพง แล้วของเนี่ยถวายแล้วเราต้องยินดีอนุโมทนาบุญไปด้วย ไม่ใช่ถวายแล้วเกิดมาเสียดายทีหลังก็จะไม่ได้บุญอะไร

ส่วนสิ่งของที่นำมาถวายพระภิกษุในพระวินัยเนี่ยจะเน้นเรื่องปัจจัยสี่ คือ อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค เป็นหลัก ส่วนรถมันเป็นเพียงปัจจัยที่ห้า เพียงแต่ว่าสมัยพุทธกาลเนี่ย จะเดินทางไปไหนก็เดินทางเท้าเป็นหลัก อาจจะอาศัยไปเกวียน อาศัยไปทางเรือ ก็ไปได้อยู่ ทีนี้ปัจจุบัน พระเราก็มีภารกิจเยอะมากๆ เหมือนกัน ก็คงมีความจำเป็นต้องใช้รถ แต่ไม่ถึงกับนั่งเบนซ์ หรือรถอะไรราคาหลายๆ ล้าน มันเกินสมณสารูป บางครั้งคนมาเห็นก็คิดว่า ทำไมพระคุณเจ้าเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ไม่ใช้ชีวิตแบบสมถะ ฟุ่มเฟือย แต่มีบางครั้งเราอาจจะลืมนึกไปว่ามีญาติโยมคนอื่นถวายให้มา แต่ญาติโยมเค้าไม่รู้หรอก เค้าจะมองว่า พระเอาเงินมาซื้อเองหรือเปล่า ในลักษณะนี้ มันก็คงไม่เหมาะสม อย่างข่าวที่ออกมา ก็คงมีหลายคนไม่เห็นด้วย แล้วบางคนอาจจะสงสัย ทำไมต้องมีรถส่วนตัว เครื่องบินส่วนตัว ทำไมต้องนอนกุฏิติดแอร์ด้วย ซึ่งสุดท้ายแล้ว ให้มองดูที่ความจำเป็น แต่ต้องไม่เกินสมณสารูป”

ด้านสมณสงฆ์ก็ออกมาแสดงความคิดเห็นเช่นกัน ว่าการใช้ยานพาหนะเดินทางไปปฏิบัติกิจของสงฆ์นั้นไม่ใช่เรื่องผิด เพียงแต่ต้องดูความเหมาะสมด้วยโดยสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) ได้กล่าวถึงกรณีนี้ว่า

“ต้องไปศึกษาว่าเป็นเครื่องบินของพระหรือโยมจริงหรือไม่ ต้องตรวจสอบให้ดี แต่ถ้าดูเกินฐานะความเป็นพระก็ดูไม่ดี ซึ่งเรื่องการสำรวมหรือสังวร มีอยู่ในพระวินัยอยู่แล้ว ในขณะเดียวกันสังคมเจริญในเรื่องวัตถุมากขึ้นจึงไหลเข้ายังวัด อย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ความเป็นพระต้องอยู่ในความพอดี

ดังนั้น พระเมื่อเห็นว่า ของที่ถวายเกินความพอดีของพระ เช่น รถหรู ก็สามารถปฏิเสธได้ สำหรับประชาชนมองว่าทุกวันนี้ วัดหลายแห่งกลายเป็นพุทธพาณิชย์ นั้น จะต้องดูในหลายองค์ประกอบ บางวัดทำเพื่อนำปัจจัยมาทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ซึ่งมหาเถรสมาคม คงจะไม่มีออกระเบียบอะไร เนื่องจากพระวินัยได้กำหนดให้พระ หรือวัดอยู่ในความพอดี พอเพียงอยู่แล้ว หากวัดใดทำเกินความพอดี ก็ควรที่ต้องปรับปรุงให้ประชาชนเห็น จึงขอฝากเตือนพระสงฆ์ และวัดทั่วประเทศ ให้ยึดพระธรรมวินัยเป็นตัวตั้ง ดำรงตนสำรวมอยู่ในสมณสารูป”

“โลกวัชชะ” ชาวโลกติเตียน

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ครั้งนี้สรุปได้ว่า การที่พระสงฆ์มีสิ่งของหรูหรา มีค่า ราคาแพง ใช้สอย ไม่ถือว่าผิดธรรมวินัยแต่อย่างใด แต่ถือว่าก็ไม่เหมาะสมสำหรับสมณสารูป ดังนั้นจึงไม่อาจกล่าวโทษได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ชาวพุทธไม่อาจปฏิเสธได้คือการเกิดข้อกังขา และทำให้นึกตำหนิติเตียนกับความหรูหราเกิดพอดีในรูปกายห่มผ้าเหลือง อย่างในโลกออนไลน์ พื้นที่เสรีในการแสดงความคิดเห็นก็มีการพูดถึงอย่างมากมาย และทำให้บางคนถึงขั้นเสื่อมศรัทธา

เดี๋ยวนี้เป็นพระนี่โคตรจะสบาย อวดอ้างต่างๆ นานา โม้เก่งๆ หน่อย เดี๋ยวก็มีคนหลงเชื่อมากมาย รวยระดับเศรษฐีได้ง่ายๆ เลย ได้ไปเที่ยวต่างประเทศบ่อยด้วย”

“คิดแบบง่ายๆ ครับ ท่านละกิเลสไม่ได้ จริงๆ คำว่าสมถะ ส่วนใหญ่ให้ใช้กับพระป่า ส่วนพระป๋า ท่านรู้จักแต่ปฏิบัติไม่เป็น
“ในความเห็นส่วนตัว ถ้าท่านเป็นพระที่ดี ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าจริง? ท่านคงไม่ใช้ของแบรนด์เนม ราคาแพง และมีการดำรงชีพที่ไม่เหมาะสมกับสมณะสารูปแบบนี้หรอกครับ”

คนที่ให้ของพระพวกนี้ เงินมาจากไหน ก็น่าจะไปสืบดูนะ ส่วนใหญ่เงินหมุนในพวกนี้ก็ไม่ต่างจากเงินสกปรก”

“เพราะสังคมเราไปสร้าง พระจอมปลอมแบบนี้ขึ้นมาเองไงละครับ สร้างวัตถุนิยม ปรนเปรอ ขายความเชื่องมงาย ไอ้ความงมงายบ้าวัตถุสิ่งของนี่ไม่ใช่คำสอนพระพุทธเจ้า

ทำไมพระที่มีรถหรูๆ นั่งเครื่องบินแพงๆ มีของแบรนด์เนมใช้ ไม่ขายเอาเงินไปถวายวัดอ่ะครับ อย่างรถแพงๆ นำเข้าบอกลูกศิษย์ถวายมาให้ แล้วทำไมท่านไม่ขายเข้าตลาดเอาเงินเข้าวัด เป็นตัวอย่างให้เห็นแก่การทำบุญเสียสละ อีกท่านก็ใช้ของแพงๆ หรูๆ ก็น่าจะขายแล้วหันมาใช้ของแบบเรียบง่าย สมถะ เป็นการใช้ชีวิตแบบพอเพียงให้ลูกศิษย์หรือชาวบ้านได้เห็นเป็นตัวอย่างล่ะครับ”

อย่างไรก็ตาม หลากความคิดเห็น หลายคำสนับสนุน ข้อถกเถียงต่างๆ คงไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมา เพราะเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องของนานาจิตตัง ใครจะคิดกันไปอย่างไรก็สุดแล้วแท้แต่ เพียงเราชาวพุทธยึดมั่นในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า คิดดี ทำดี พูดดี ก็จะช่วยจรรโลงพุทธศาสนาให้ยั่งยืนต่อไปได้ โดยไม่ต้องสนใจมารศาสนาในคราบผ้าเหลืองที่นับวันยิ่งเพิ่มมากขึ้นและมีอำนาจมากขึ้นจนแตะต้องไม่ได้

ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Live


หลวงพี่น้ำฝนแจงกรณีรถหรู
หลวงปู่เณรคำ
กำลังโหลดความคิดเห็น