ASTVผู้จัดการรายวัน-"สนธิ" อดีตแกนนำพันธมิตรฯ ชี้ ผบ.หน่วยซีลพูดมีนัย ทำนายอนาคตได้ เตือน "สุเทพ" ระวังถูกสอย หลังประกาศจับ "ปู" ซัด "ทักษิณ" สุดอำมหิตจ้องเล่นแรงหลังแพ้หมดรูป จวก "ประยุทธ์" ดีแต่พลิ้ว สับ "ธนะศักดิ์" ใช้ไม่ได้ แฉ "อดุลย์" ไม่ทำอะไร เพราะเป็นเด็ก "วิริยา" คนสนิทนายใหญ่ ชี้การเปลี่ยนแปลงใกล้มาถึง "ยิ่งลักษณ์" เตรียมหนีออกนอกประเทศ ด้าน "ประยุทธ์" ลั่นทหารพร้อมออก หากมีเหตุรุนแรง จี้ทุกฝ่ายหยุดขัดแย้ง ขู่มือป่วน รู้ตัวแล้วใครทำ เตือนอย่าทำอีก
นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ ASTVผู้จัดการ กล่าวในรายการ “สภาท่าพระอาทิตย์” ที่สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี วานนี้ (22 ม.ค.) ว่า ตนได้อ่านข่าวเจอบทสัมภาษณ์ของ พล.ร.ต.วินัย กล่อมอินทร์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ (ผบ.นสร.) กองเรือยุทธการ กองทัพเรือ (หน่วยซีล) ซึ่งมีนัยลึกกว้างและสามารถอธิบายปรากฏการณ์ พอจะทำนายได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น และบ่งชี้ถึงสถานะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.สส.
***เตือนดูแล"สุเทพ"ให้ดีระวังถูกสอย
นายสนธิกล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะความโลภ ความอหังการ์ และยโสโอหังของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่สั่งทาง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เห็นว่าตัวเองควบคุมได้ทุกอย่างแล้วจะทำอะไรก็ได้ ในสภามีการผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแบบสุดซอย ที่เขากล้าทำ เพราะเห็นว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยประกาศยุติบทบาทไปแล้ว แต่ตนได้บอกหลายครั้งว่าการยุติบทบาทของพันธมิตรฯ เพื่อเพิ่มพลังให้มวลชนเพิ่มมากขึ้น การเคลื่อนไหวที่ผ่านมา มีทั้งคนรักและคนเกลียด บางคนก็เหยียบศพเราขึ้นไปมีอำนาจ เมื่อเรายุติบทบาทจึงเกิดนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. ขึ้นมา สิ่งที่ตนเคยพูด นายสุเทพก็ทำตามทุกอย่าง แต่มีอย่างเดียวที่นายสุเทพไม่แตะ คือ การปฏิรูปเรื่องพลังงาน ซึ่งทุกคนก็สงสัยว่าทำไม แต่ก็ไม่เป็นไร ถือว่านายสุเทพทำดีแล้ว
"ผมยังเป็นห่วงเหตุการณ์ ณ วันนี้ ผมเป็นห่วงความปลอดภัยของนายสุเทพ ผมอยากให้คนที่รอบตัวคุณสุเทพ ให้ดูแลและระมัดระวังอย่างชัดเจน เพราะว่าการเปลี่ยนกระบวนการใหม่ในการต่อสู้กับประชาชนครั้งนี้ เป้าหมายจริงๆ คือ การฆ่านายสุเทพ ผมยืนยันได้"นายสนธิกล่าว
***เผยระวังรุนแรงเหตุ"ทักษิณ"ไม่ยอมแพ้
อดีตแกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนอำมหิตมาก ที่ส่งน้องสาวมาตายแทนเขา แต่ความเป็นพี่เป็นน้องก็ยังมี ทำไมนายเอกยุทธ อัญชันบุตร ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ไทยอินไซเดอร์ถึงตาย ก็เพราะไปพูดเรื่องโฟร์ซีซั่นส์ และขู่จะเปิดคลิปสวาทที่มัลดิฟ ถือเป็นการเซ็นใบมรณบัตรให้ตัวเอง เราก็รู้ใครเป็นคนทำ คนที่ได้ดีเพราะพี่ให้เป็นคนสั่งการ และตั้งแต่นายสุเทพประกาศจับตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นจุดที่ตัดสินใจต้องเล่นแรง ต้องฆ่านายสุเทพให้ได้ การขว้างระเบิดที่บรรทัดทอง และจุดอื่น มุ่งเป้าที่แกนนำทั้งสิ้น ตนยืนยันงานนี้ตำรวจอยู่เบื้องหลัง มีการนำอาวุธมาจากภาคใต้ทั้งสิ้น
"จะมีการเล่นแรงขึ้น เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนแพ้ไม่เป็น ถ้ากูไม่ได้มึงก็อย่าได้ เมื่อสู้ในสภาไม่ได้ ก็ต้องออกมาสู้นอกสภา ที่มีการผลักดันให้มีการเลือกตั้ง เพื่อสร้างเครดิตในทางสากลปกป้องประชาธิปไตย แต่ในทางลึกเขารู้ว่าเขาแพ้หมดแล้ว ทั้ง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม การแก้รัฐธรรมนูญที่มา ส.ว. เพื่อต้องการกระชับอำนาจในการเลือกองค์กรอิสระโดยที่ไม่มีใครค้าน การทำทุกอย่างเพื่อขายประเทศให้ต่างชาติ ในเรื่องทรัพยากรธรรมชาติพลังงาน เงินกู้ 2 ล้านล้าน ก็ทำท่าจะไม่ได้ แถมโดน ป.ป.ช. ชี้มูลเรื่องจำนำข้าว ธนาคารออมสิน, ธอส. ก็ไม่ยอม เอาเงินประกันสังคมมาใช้ก็ไม่ได้"
***จวก"ประยุทธ์-ธนะศักดิ์-อดุลย์"
นายสนธิกล่าวว่า สิ่งเดียวที่เขาทำได้ คือ การที่ได้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นพวกเขา ดูได้จากคลิปถังเช่า ตนจึงฟันธงได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ กับ พ.ต.ท.ทักษิณ จับมือกันตลอด แต่ พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนที่น่าสมเพช ที่อยู่ในสภาพที่ไม่รู้จะทำอย่างไร จะมาทางนายสุเทพก็ไม่ได้ มาทาง น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ถูกสังคมจับตามอง จึงได้แต่พลิ้วไปพลิ้วมา การที่ พล.อ.ประยุทธ์ ลงใต้ไม่เข้าร่วมประชุมออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็เพื่อทำให้ฝ่ายประชาชนเห็นว่าไม่ได้เข้าไปร่วมด้วย แต่ในขณะเดียวกันการหนีไปใต้ ก็เหมือนส่งสัญญาณว่าตนไม่ยุ่ง ใครทำอะไรก็จะไม่ยุ่ง กำลังเลียนแบบ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต ผบ.ทบ. คือ ประคองเหตุการณ์ไปเรื่อยๆ แถมไม่รู้หน้าที่ในการปกป้องสถาบัน เป็นเรื่องที่น่าสมเพช
นายสนธิกล่าวอีกว่า อีกคนหนึ่งคือ พล.อ.ธนะศักดิ์ เป็นทหารที่ใช้ไม่ได้ หลังจากคลิปถังเช่าก็เห็นได้ชัดว่าเทมาอยู่กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ทหารจริงๆ ไม่ต้องปฏิวัติ เพียงแค่แสดงออกว่าไม่เห็นด้วยกับวิธีการ แต่วันนี้ไม่มี รวมไปถึงการแต่งตั้งตำแหน่ง อย่างตำรวจ สมัยพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ใครจะเอาตำแหน่งต้องจ่ายเงิน จึงไม่มีบุญคุณกัน แต่สมัยรัฐบาลนี้ ใครอยากได้ตำแหน่งต้องไปหา พ.ต.ท.ทักษิณจึงจะได้ตำแหน่ง ไม่ต้องเสียเงิน แต่ให้ทำงานให้ จึงมีบุญคุณกัน อย่างระเบิดก็นำมาจากภาคใต้ เพราะระเบิดสามารถนำมาใช้จากคลังโดยไม่มีใครรู้ และพบว่ามีการนำรถหุ้มเกราะเข้ามา ตอนนี้ที่กำลังจะเกิดขึ้น เป็นการเผชิญหน้าระหว่างตำรวจกับทหาร จะเริ่มเห็นมีการปะทะกันระหว่างตำรวจกับทหาร แต่เป้าแรกต้องฆ่านายสุเทพก่อน ขณะที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ก็เป็นคนสนิทของท่านผู้หญิงวิริยา ชวกุล คนสนิทของ พ.ต.ท.ทักษิณ และได้ผลประโยชน์จากรัฐบาลนี้
***แนะจับตาสิ่งที่ผบ.หน่วยซีลพูดมีนัย
นายสนธิกล่าวว่า สิ่งที่ พล.ร.ต.วินัยพูด ทำให้มองย้อนกลับไปปี 2549 และนึกถึง พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร สมัยนั้น พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. ไม่พูดออกมาต่อต้านทักษิณ นั่งเงียบๆ แต่คนซึ่งออกมาซัดระบอบทักษิณ คือ พล.ท.สพรั่ง กัลยาณมิตร แม่ทัพภาค 3 ตอนนั้น เหมือนกัน วันนี้ ผบ.ซีล ออกมาชัดเจน ไม่ต้องแปล และคราวนี้ท่านพูดบอกว่ามีกองกำลังเขมรมา ท่านพูดได้เจ็บใจมาก เพราะว่าทหารบางส่วนและตำรวจส่วนใหญ่รู้เห็นเป็นใจที่ให้ไอ้พวกนี้ขนกำลังจากเขมรมา ไอ้พวกนี้ไปฝึกมา เพราะฉะนั้นพวกนี้เป็นพวกที่ทำร้ายประเทศไทยหมดทุกอย่าง
"ผมจะให้จับตาดู การเปลี่ยนแปลงใกล้จะมาแล้ว และผมจะบอกให้รู้ วันนี้ยิ่งลักษณ์เตรียมตัวหนีออกนอกประเทศ เฉลิม อยู่บำรุง ทำซ่าอย่างนี้ แต่เตรียมตัวถอยแล้ว ปุ๊บปั๊บๆ รับรองหนีทันทีเลย คนพวกนี้ หลายคนเตรียมตัวหนีออกต่างประเทศ มีเงินมีทองทิ้งไว้ที่ต่างประเทศเยอะแยะไปหมด นักการเมืองส่วนใหญ่ อย่างที่สำนักข่าวเอเอฟพีเขียน เป็นคนที่ขี้โกง โกงชาติ โกงบ้านโกงเมือง เพราะฉะนั้นแล้ว พวกนี้จะพูดบอกว่าประชาธิปไตยคือการเลือกตั้ง เราต้องไม่ยืนยันในการเลือกตั้ง แต่เราต้องบอกว่า ประชาธิปไตยมีหลายรูปแบบ การมีส่วนร่วมของประชาชนคือรูปแบบหนึ่ง ที่สำคัญที่สุด ประชาธิปไตยคือประโยชน์ส่วนใหญ่ของประชาชน ไม่ใช่ประโยชน์เฉพาะตระกูลชินวัตร หรือทักษิณ ประชาธิปไตยบ้าบอคอแตกอะไร มีน้องสาวเป็นนายกฯ ตัวเองสั่งการอยู่เมืองนอก คนจะเป็นตำรวจ เป็นพลตำรวจโท พลตำรวจเอก ต้องไปกราบตีนที่ฮ่องกง พวกนี้อายแก่ใจตัวเองบ้างหรือเปล่า ละอายแก่ใจตัวเองบ้างหรือเปล่า แล้วก็รังแกประชาชน เอาระเบิดมาขว้างบ้าง เอาปืนมายิงบ้าง แล้วคอยดูจะแรงมากกว่านี้อีก"นายสนธิกล่าว
***"ประยุทธ์"ย้ำทหารจะดูแลประชาชน
วันเดียวกันนี้ ที่กองการบิน กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินว่า คงไม่กล่าวว่าจำเป็นหรือไม่จำเป็น เพราะได้มีการประกาศใช้ไปแล้ว อำนาจในการประกาศเป็นของฝ่ายบริหาร และใช้ตำรวจเป็นหลักในการดูแล ส่วนทหารเป็นผู้สนับสนุน โดยทหารยืนยันที่จะดูแลทุกภาคส่วนให้เกิดความปลอดภัย และป้องกันการรุนแรงที่จะเกิดขึ้น เพราะทุกวันนี้ ความแตกแยกในสังคมที่มีมากขึ้น หากทุกคนแบ่งแยกกันหมด และไม่ลดความรุนแรงที่จะเกิดขึ้น จึงอยากเตือนให้ทุกส่วนลดระดับความรุนแรงและความขัดแย้ง และสนับสนุนให้มีการพูดคุยกัน
"อย่าไปมองว่า ทหารกลัวนั่น กลัวนี่ หรืออยู่ข้างนั้น ข้างนี้ เพราะเป็นเรื่องการกำหนดบทบาทตัวเองให้ชัดเจน ไม่เช่นนั้นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ไปปฏิบัติหน้าที่ ก็ทำงานแบบไม่สบายใจ ถ้าทุกคนเห็นต่างกัน แล้วออกไปทำงาน คิดว่า อันตราย เพราะต้องไปสัมผัสกับประชาชนและอยู่ในสถานการณ์ที่มีความขัดแย้ง ต้องให้ความเป็นธรรมกับทหารว่าเราไปเพราะความห่วงใย ไม่ใช่ไปเพราะคำสั่งหรือกฎหมาย กำลังพลทุกคนพกพาจิตใจที่งดงามออกไป ผมได้ให้นโยบายไปแล้วว่า จะทำอย่างไรให้ประชาชน เจ้าหน้าที่ และสถานที่ปลอดภัย และอย่าไปสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้น"
ทั้งนี้ เมื่อไรก็ตาม ที่มีข้อขัดแย้งและเหตุการณ์เกิดขึ้น ขอความร่วมมือให้ตำรวจได้เข้าไปทำงานตรวจสอบหลักฐานเพื่อให้ได้ความชัดเจน มิเช่นนั้นจะถูกสงสัย พาดพิง หรือนำไปสู่การกล่าวให้ร้ายกันในโซเชี่ยลมีเดีย ทุกวันนี้มีข่าวเกิดขึ้นมากมาย ในโซเชี่ยลมีเดีย ส่วนใหญ่ไม่ค่อยจริง ฟังดูแล้วน่าหวาดกลัว หากมีอะไรต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ หากกล่าวอ้างกันไปมา ภาพความรุนแรง จะไปสู่สากล
***ยันเหตุการณ์รุนแรงทหารออกมาแน่
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าเราจะทำอย่างไร ที่จะลดความรุนแรงให้ได้โดยเร็ว และมีข้อตกลงที่ยอมรับกันได้ โดยมีการบังคับใช้กฎหมายให้น้อยที่สุด ความเห็นต่างมีได้ แต่ใครจะเป็นผู้นำพาสิ่งเหล่านี้ให้ลดระดับลง และทำให้ทุกคนยอมรับได้ และจะแก้ไขอย่างไร ด้วยวิธีการปกติ แต่ตราบใดที่เงื่อนไขความขัดแย้งไม่ได้ลดลง ความจริงไม่ได้พิสูจน์ชัด ก็ต้องใช้เวลา และกระบวนการในการพิสูจน์ทราบ สถานการณ์จะลดระดับลง ถ้าเราไม่ขยายความขัดแย้งให้มากขึ้น ไม่มีการใช้ความรุนแรงปะทะกัน ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งที่รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง ตนไม่ไปก้าวล่วงอำนาจของใคร หรือให้ร้ายใคร แต่สิ่งที่เป็นความขัดแย้งในปัจจุบันน่าจะมีทางออก ไม่ใช่ว่า จะต้องฆ่าฟันกัน ทำร้ายกัน อย่าลืมว่า ทุกคนคือคนไทยด้วยกัน ถ้าเป็นคนไทยแล้วฆ่ากันเองจะเรียกว่า คนไทยและประเทศไทยได้อย่างไร ในวันข้างหน้า ประเทศคงต้องสูญสลายไปหรือแบ่งแยกประเทศกันไป แต่คิดว่า ยังไม่ถึงขั้นนั้น เราน่าจะพูดทุกคุยกันได้ ไม่ว่า เป็นคนภาคไหน เพราะทั้งหมดคือคนไทย
"เราต้องหยุดความขัดแย้งให้ได้ เพื่อนำพาประเทศก้าวไปช้างหน้า เราจะเห็นต่างอย่างไรก็ตามต้องหาทางออกกันให้เจอ ถ้ายังต้องไล่ล่าฆ่าฟัน บังคับใช้กฎหมายต่อกันคงไม่ได้ ต้องนำความขัดแย้งมาพูดคุยกัน ผมสนับสนุนเรื่องการพูดคุย ไม่มีใครได้ทั้งหมด หรือเสียทั้งหมด ไม่มีใครชนะหรือแพ้ทั้งหมด จึงต้องหาทางกันให้เจอ ซึ่งผมไม่รู้ว่า อยู่ตรงไหน เพราะผมไม่ได้เป็นคนเริ่มต้นความขัดแย้ง และสร้างปัญหา แต่ทหารจะทำหน้าที่ของทหารให้ดีที่สุด เมื่อไรก็ตาม ที่ความขัดแย้งรุนแรงถึงขนาดที่แก้ไขอะไรไม่ได้ ทหารจำเป็นจะต้องแก้ไข เราจะดูแลประเทศชาติให้ดีที่สุด ตามวิธีการที่ถูกต้อง คิดว่า พวกเราทกุคนคงไม่ก้าวไปสู่ความรุนแรงที่แก้ไขไม่ได้ เพราะจะทำให้สถานการณ์เลวลงไปเรื่อยๆ ขอเตือนทุกภาคส่วนว่า อย่าให้เกิดขึ้น ทุกคนและสื่อต้องช่วยกันลดความรุนแรงลง ฝ่ายไหนยังทำให้เกิดภาพความรุนแรง เช่น กลุ่มคนที่ใช้อาวุธ และความรุนแรง ใช้ระเบิด คนเหล่านี้ไม่น่าจะใช่คนที่เกิดมาบนแผ่นดินนี้ ผมไม่รู้ว่า คนเหล่านี้หัวใจทำด้วยอะไร มันฆ่าคนไทยด้วยกัน สร้างความรุนแรง เพื่อหวังผลอะไรสักอย่าง แต่คงไม่เกิดอย่างที่เขาต้องการ ยิ่งทำให้การแก้ไขปัญหายากขึ้นไปทุกวัน ทุกคนและสังคมต้องช่วยกันนำคนเหล่านี้มาลงโทษให้ได้”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
***เผยรู้ตัวคนก่อเหตุ ขู่อย่าทำอีก
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มีกลุ่มเล็กๆ ที่ชอบออกมาเคลื่อนไหว ชอบกดดันเจ้าหน้าที่ ซึ่งกลุ่ม กปปส. ที่ออกมาเขาก็ผิด แต่เขาทำในความเชื่อที่มีเหตุผลของเขา แต่อีกกลุ่มที่ใช้ความรุนแรงนอกกฎหมาย ตนขอประนามคนเหล่านี้ และตนพอรู้อยู่บ้างว่า เป็นคนกลุ่มไหน ขอเตือนอีกครั้งว่า อย่าทำอีก เรากำลังติดตามหาหลักฐาน หาข้อมูลเพื่อให้ตำรวจดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งจะมีหลายกลุ่มด้วยกัน ที่พูดจารุนแรงตามสถานีวิทยุต่างๆ ที่อออกมาข่มขู่เจ้าหน้าที่รัฐ เอาพวกออกมาหวังต้องการให้กระทบกระทั่ง กับประชาชน ถือว่า เป็นกระทำนอกกฎหมาย ซึ่งเป็นเรื่องของรัฐที่ต้องดำเนินการ จะเห็นว่า ทหารพยายามทำทุกอย่างเพื่อไม่ใช้ความรุนแรง พยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
"ปัญหาภาคใต้เราก็มี เราจะเสี่ยงทุกจังหวัดเลยหรือ ประเทศไทยจะรบกันทั้งประเทศเลยหรือ เมื่อถึงเวลานั้นใครจะแก้ปัญหาก็ไปคิดเอา ถ้าประชาชนไม่ใช่คนแก้ก็ไม่รู้ว่า ใครจะแก้ เราต้องหาทางออกกันให้ได้ท่ามกลางความขัดแย้ง อย่าให้ใครเข้ามาจัดระเบียบในประเทศเรา ถ้าคนอื่นมาจัดการประเทศมีแต่จะเสียหาย เพราะไม่ใช่บ้านเมืองของเขา อย่าไปคิดว่า จะต้องหาคนมายุติเหตุการณ์ในประเทศเราโดยคนอื่น ปัญหาเกิดขึ้นจากคนไทยก็ต้องแก้ด้วยคนไทยให้ได้"พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
***ชี้ ผบ.นสร.ปูดข่าวแค่ความเห็นส่วนตัว
พล.ร.ต.กาญจน์ ดีอุบล เลขานุการกองทัพเรือ ในฐานะโฆษกกองทัพเรือ กล่าวถึงกรณี พล.ร.ต.วินัย ระบุว่า มีการนำกองกำลังต่างชาติเข้ามาในกรุงเทพฯ เพื่อเตรียมก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่การชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ว่า เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวไม่ได้เกี่ยวกับภาพรวมของกองทัพเรือ ซึ่ง พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร. ได้มีการสั่งการไปยังหน่วยขึ้นตรงของกองทัพเรือว่า กำลังพลคนใดที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ควรออกมาแสดงความคิดเห็น เนื่องจากสถานการณ์ขณะนี้อยู่ในช่วงละเอียดอ่อน หากมีการให้สัมภาษณ์อาจมีผลกระทบต่อภาพโดยรวม
ทั้งนี้ ยืนยันว่า การให้สัมภาษณ์ของ พล.ร.ต.วินัย เป็นเรื่องส่วนบุคคล โดย ผบ.ทร. ไม่ได้มีการตักเตือน พล.ร.อ.วินัย โดยตรง แต่ได้มีการเน้นย้ำและตักเตือนกำลังพลของกองทัพเรือในการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองให้ระมัดระวังในการให้สัมภาษณ์ และยืนยันว่า ทางกองทัพเรือยังเป็นกองทัพของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน รวมถึงมีความเป็นกลางทางการเมือง