ศอ.รส.แพร่คลิปมือระเบิดอนุสาวรีย์ชัยฯ ตั้งรางวัลแจ้งเบาะแส 2 แสน โฆษก บช.น.เล่าเป็นฉาก คนทำแต่งกายคล้ายผู้ชุมนุม เชี่ยวชาญการก่อเหตุ รู้ความเคลื่อนไหวอย่างดี หลบหนีได้ผ่านการฝึกฝน ออกหมายจับแล้ว “อ้ายปึ้ง” เรียกประชุม ศอ.รส.พรุ่งนี้ เตรียมกวักมือเรียก กปปส.ถกวางแผนป้องกันเหตุ
วันนี้ (20 ม.ค.) ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เมืองทองธานี เมื่อเวลา 14.30 น.นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศ ในฐานะกำกับดูแล ศอ.รส. และ พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รอง ผบช.น. ในฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาลร่วมกันแถลงถึงความคืบหน้าในการสืบสวนสอบสวนเหตุปาระเบิดใส่กลุ่มผู้ชุมนุมบริเวรอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 29 คน ว่า ทาง ศอ.รส.ได้รับข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจากการเข้าตรวจสอบในพื้นที่และจากภาพที่ได้จากกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ ปรากฏว่าพบภาพใบหน้าของผู้ต้องสงสัยในที่เกิดเหตุอย่างชัดเจน หากใครพบเห็นบุคคลที่มีใบหน้าคล้ายคลึงกับผู้ต้องสงสัยขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้จับกุมคนร้ายต่อไป โดยทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ประกาศให้รางวัลแก่ผู้ที่สามารถชี้เบาะแสจำนวน 2 แสนบาท
นายสุรพงษ์กล่าวต่อว่า จากสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับผู้ชุมนุมประท้วงในขณะนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้กำชับให้ ศอ.รส. ดูแลความปลอดภัยให้ประชาชนเข้มงวดมากขึ้นและได้สั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการจับกุมหาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมายโดยเร็วที่สุด ขณะเดียวกัน ศอ.รส.จะนัดประชุมร่วมกันในวันพรุ่งนี้ (21 ม.ค.) เพื่อวางมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่ผู้ชุมนุมประท้วงและจะจัดตั้งจุดตรวจร่วมเพิ่มมากขึ้น โดยให้มีกำลังทั้งตำรวจ ทหารรปฏิบัติการร่วมกับตามที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มีข้อห่วงกังวลต่อเหตุการณ์ความรุนแรงมที่เกิดขึ้นจากความพยายามของผู้ต้องการสร้างสถานการณ์จนทำให้ผู้ชุมนุมได้รับอันตรายบาดเจ็บจนถึงขั้นเสียชีวิต พร้อมกันนี้ ศอ.รส.จะเชิญ กปปส.มาร่วมหารือเพื่อจัดวางแนวทางร่วมกันในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายต่อไป
พล.ต.ต.อดุลย์กล่าวว่า จากกรณีคนร้ายขว้างระเบิดเข้าใส่พื้นที่ชั้นในของกลุ่ม กปปส. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย เหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นการปฏิบัติการที่อุกอาจไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย พล.ต.อ.อดุลย์สั่งการให้ชัดสืบสวนสอบสวนทุกคนเร่งติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด และหลังเกิดเหตุตำรวจได้เข้าพื้นที่สืบสวนข้อเท็จจริงต่างๆ รวมทั้งตรวจพิสูจน์หลักฐานพยานบุคคลต่างๆ และภาพเหตุการณ์จากกล้องวงจรปิดในพื้นที่ทั้งหมด เบื้องต้นพบข้อเท็จจริงดังนี้
1. พื้นที่เกิดเหตุระเบิดใกล้เต๊นท์หลังเวทีการชุมนุม โดยทั่วไปจะมีการรักษาความปลอดภัยเป็นอย่างดีเพราะอยู่ใกล้กับแกนนำผู้ชุมนุม 2. คนร้ายที่ก่อเหตุแต่งกายมีสัญลักษณ์เช่นเดียวกับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งจาการสัมภาษณ์นายถาวร เสนเนียม แกนนำผู้ชุมนุม กปปส.ให้ข้อมูลยืนยันชัดเจน หากเป็นบุคคลทั่วไปที่ไม่ใช่บุคคลที่เกี่ยวข้องหรือมีพฤติกรรมน่าสงสัยจะถูกการ์ดผู้ชุมนุมกันตัวออกทันที สอดคล้องกับการตรวจสอบภาพคนร้ายที่ได้จากกล้องวงจรปิด พบว่ามีการแต่งกายใช้สัญลักษณ์การคล้องนกหวีดเช่นเดียวกับกลุ่มผู้นุมนุม 3. คนร้ายที่ก่อเหตุจะต้องมีความเชี่ยวชาญและมีความชำนาญเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างดี เพราะการดำเนินการในลักษณะดังกล่าวผู้ก่อเหตุต้องรู้ความเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุมทั้งพื้นที่และสภาพภายในการชุมนุมอย่างดี จนเกิดความมั่นใจว่าหากลงมือคนร้ายต้องสามารถปฏิบัติการสกัดกั้นโต้ตอบและหลบหนีได้อย่างปลอดภัย
4. การที่คนร้ายก่อเหตุและหลบหนีได้อย่างปลอดภัย แสดงให้เห็นว่าคนร้ายได้รับการฝึกฝนการปฏิบัติการในลักษณะดังกล่าวอย่างดี นอกจากความสามารถในการปฏิบัติแล้ว ยังต้องเป็นผู้มีความพร้อมทางด้านร่างกายและจิตใจด้วย โดยจะเห็นได้จากผลการสอบสวนพยานในที่เกิดเหตุที่ให้การตรงกันว่า หลังจากที่คนร้ายก่อเหตุข้างระเบิดลุกแรกและถูกตรวจพบคนร้ายได้หลบหนีไปหลังเวที ระหว่างหลบหนีคนร้ายสามารถปฏิบัติการโต้ตอบและสกัดกั้นผู้ติดตามจับกุมได้อย่างมืออาชีพ ทั้งการขว้างระเบิดและการใช้อาวุธปืนยิงสกัดกั้นผู้ติดตามจับกุมและการยิงถูกเป้าหมายได้อย่างแม่นยำเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงข่าว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการนำภาพการก่อเหตุของคนร้ายจากกล้องวงจรปิดในพื้นที่มาเปิดให้สื่อมวลชนและประชาชนได้ชมด้วย ซึ่งเป็นภาพเดียวกันกับภาพที่มีการเผนแพร่บนสื่อออนไลน์
พล.ต.ต.อดุลย์กล่าวอีกว่า จากข้อเท็จจริงที่นำเรียนมาทั้หงมดสรุปได้ว่าคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี โดยบุคคลที่มีขีดความสามารถในการปฏิบัติการดังกล่าวย่อมไม่ใบช่บุคคลธรรมดาทั่วไป เพราะแม้แต่ตำรวจ ทหารทั่วไป ถ้าไม่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นกรณีพิเศษ ก็เชื่อได้ว่าไม่สามารถปฏิบัตการได้อย่างอุกอาจในลักษณะดังกล่าว และจากหลักฐานทั้งหมดที่เจ้าหน้าที่ตรำวจตรวบรวมไว้ โดยเฉพาะภาพจากวงจรปิดจะเป็นหลักฐานสำคัญในการติดตามตัวผู้กระทำความผิดในครั้งนี้มาลงโทษโดยเร็วที่สุด ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขออนุมัติหมายจับผู้กระทำความผิดกับศาลอาญาไว้แล้ว หากพบบุคคลที่ก่อเหตุร้ายครั้งนี้ขอให้แจ้งสายด่วนมาที่หมายเลข 1599