ตร.ชี้เป้าหมายคนร้ายต้องการขว้างระเบิดเข้าใส่เต็นท์สื่อมวลชน ข้างเวทีอนุสาวรีย์ชัยฯ ยันจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด เปรียบเทียบภาพทหารนาวิกโยธิน ไม่ใช่คนเดียวกัน
วันนี้ (20 ม.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.พร้อมด้วย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว ผบช.สพฐ.ตร.และ พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์ บริรักษ์กุล ผบก.น.1 ร่วมกันแถลงความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนคดีคนร้ายขว้างระเบิดในพื้นที่การชุมนุมของกลุ่ม กปปส.ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา
โดย พล.ต.อ.เอก กล่าวว่า หลังเกิดเหตุตนพร้อมด้วย พล.ต.ท.คำรบ พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่หน่วยอีโอดีได้ลงพื้นที่ตรวจที่เกิดเหตุ เบื้องต้นจากการซักถามพยานผู้เห็นเหตุการณ์ ทราบว่ามีคนร้ายเป็นชายเข้าไปบริเวณด้านหลังเวที ซึ่งเป็นจุดป้ายรถประจำทางหน้า รพ.ราชวิถี และขว้างระเบิดด้านหลังเวที แต่ระเบิดไปกระทบกับชายคาของป้ายรถประจำทาง ทำให้ระเบิดเบี่ยงทิศทางไปตกตรงจุดเกิดเหตุ ก่อนที่ชายคนดังกล่าวจะวิ่งหลบหนีไปทาง ถ.ราชวิถี ใต้สะพานลอย ระหว่างนั้นมีการขว้างระเบิดอีกลูกเพื่อสกัดกั้นการจับกุม ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง ก่อนที่คนรายหลบหนีเข้าไปภายใน ซ.ราชวิถี 14 ซึ่งเป็นซอยตัน เกิดเหตุชุลมุนคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงผู้ที่ไล่จับกุม จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คนร้ายได้หลบหนีไปทางด้านหลังซึ่งเป็นคลองสามเสน ซึ่งเป็นวินรถจักรยานยนต์ ก่อนนั่งซ้อนรถจักรยานยนต์รับจ้างหลบหนีไป
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ได้เรียกประชุมทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งพนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน มีการสอบถามความคืบหน้าในการสอบถามพยานบุคคล การรวบรวมวัตถุพยาน โดยหลักฐานสำคัญคือภาพจากกล้องซีซีทีวีที่สามารถบันทึกภาพคนร้ายขณะลงมือไว้ได้ ซึ่งจุดที่คนร้ายลงมือเป็นจุดซึ่งเป็นช่องว่างทางเดินระหว่างร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น และร้านชาโคโค่ โดยตำรวจได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดตรงจุดนี้ไปขออนุมัติหมายจับจากศาล ซึ่งล่าสุดศาลได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาตามภาพจากกล้องวงจรปิด ในข้อหา 1.กระทำให้เกิดการระเบิดจนน่าจะทำให้เกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์ของผู้อื่น 2.พยายามฆ่าผู้อื่น 3.มีและใช้วัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้มีและใช้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย 4.มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 5.พาอาวุธปืนและวัตถุระเบิดติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันจำเป็นเร่งด่วน ตามสมควรแก่พฤติการณ์ 6.ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมืองหมู่บ้านหรือที่ชุมชน 7.ฝ่าฝืนประกาศข้อกำหนดที่ห้ามนำอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดออกนอกเคหสถาน ตาม พ.ร.บ.ความมั่งคงในราชอาณาจักร 2551 ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนทราบเบาะแส หรือรู้จักชายคนดังกล่าว สามารถแจ้งได้ที่หมายเลข 1599 หรือ www.facebook.com/team.policespokesmen
“ผบ.ตร.เน้นย้ำให้เร่งสืบสวนติดตามจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุ เพราะเป็นการกระทำที่อุกอาจ มีผู้ได้รับบาดเจ็บและบาดเจ็บสาหัสเป็นจำนวนมาก หากมีการแจ้งเบาะแสที่เป็นประโยชน์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเก็บข้อมูลของผู้แจ้งไว้เป็นความลับเพื่อความปลอดภัย โดยตำรวจจะใช้่ความพยายามอย่างสุดความสามารถในการติดตามคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีให้ได้” รอง ผบ.ตร.กล่าว พร้อมกับนำภาพจากกล้องวงจรปิดแสดงให้สื่อมวลชนดู
ด้าน พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่า จากวิถีการปาคนร้ายพยายามขว้างระเบิดให้พ้นชายคาป้ายรถประจำทางโดยข้างหน้าเป็นเต็นท์พักของสื่อมวลชน ขณะที่ด้านข้างเป็นตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งเป็นที่พักของแกนนำกปปส.จากวิถีการปา พบว่ากระเดื่องได้กระเด็นไปตกร่องระบายน้ำริมทางเท้า ส่วนตัวระเบิดซึ่งมีน้ำหนักได้แฉลบไปโดนกันสาดร้านโคโค่ ระเบิดจึงได้แฉลบออกขวามาตกตรงจุดดังกล่าว หากระเบิดไม่แฉลบถูกกันสาดเสียก่อน จะไปตกตรงเต็นท์ของสื่อมวลชน ซึ่งตามวัตถุประสงค์ของคนร้ายน่าจะเป็นเช่นนั้น ทั้งนี้ สำหรับจุดที่คนร้ายลงมือก่อเหตุเป็นจุดที่มีคนเดินผ่านไปมาได้ตามปกติ จากการตรวจสอบวัตถุระเบิดที่คนร้ายใช้ในครั้งนี้เป็นระเบิดขว้างสังหารแบบ RGD5 ซึ่งเป็นชนิดเดียวกันเหตุระเบิดที่ ถ.บรรทัดทอง โดยระเบิดทั้ง 2 ลูก มีล็อตนัมเบอร์เดียวกัน คือ 48 ซึ่งอาจสันนิษฐานได้ว่าระเบิดจากทั้ง 2 จุดมาจากแหล่งเดียวกัน ขณะที่ระเบิดที่จับกุมได้บริเวณด่านความมั่นคงหน้ากรมอุตุนิยมวิทยา พื้นที่ สน.บางนา แม้จะเป็นระเบิดชนิดเดียวกันแต่ล็อตนัมเบอร์ไม่ตรงกัน และจากการสอบสวนผู้ที่พกพาระเบิดในจุดนี้บอกเพียงว่าได้รับระเบิดมาจากเพื่อน ซึ่งเจ้าตัวยังไม่ยอมให้การใดๆ ในชั้นนี้ จึงยังไม่สามารถระบุถึงความเชื่อมโยงได้ ส่วนที่ระเบิดที่บ้านพัก นายอภิสทธิ์ เวชชาชีวะ และวังสวนผักกาด เป็นระเบิดชนิด M26 ซึ่งเป็นคนละชนิดกัน ส่วนที่ระบุว่าเป้าหมายเป็นนายถาวร เสนเนียม แกนนำ กปปส.นั้น ไม่สามารถระบุได้ เพราะปกตินายถาวร จะพักอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ แต่จากวิถีที่คนร้ายขว้างเป็นเต็นท์ที่มีสื่อมวลชน และการ์ดนั่งอยู่
ด้าน พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์ กล่าวว่า จากการสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาได้เดินทางมาจากหลังเต็นท์ และเข้ามายืนอยู่ในช่องทางเดินระหว่างร้านโคโค่ และร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น ก่อนลงมือมาก่อเหตุ ทั้งนี้ จากการสอบสวนไม่พบว่าคนร้ายเคยมาร่วมชุมนุมก่อนหน้านี้ หรือมีบทบาทใดในการชุมนุม สำหรับกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพจากกล้องวงจรปิดในโซเชียลมีเดีย โดยมีการนำภาพชายระบุว่าเป็นทหารเรือ พร้อมมีชื่อ สังกัด ตรงนี้ทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่งยืนยันว่าตำรวจไม่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้
พล.ต.อ.เอก กล่าวด้วยว่า สำหรับกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพคนร้ายจากกล้องวงจรปิดเปรียบเทียบภาพชายที่ระบุว่าเป็นทหารนาวิกโยธินนั้น ยืนยันว่าจากดูเปรียบเทียบแล้วชัดเจนว่าไม่ใช่คนเดียวกัน อีกทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ไม่ได้เป็นผู้เผยแพร่และไม่มีวัตถุประสงค์ที่จะไปยืนยันใดๆ ในการทำคดีของตำรวจการจะออกมาเปิดเผยข้อมูลอะไรต้องมีหลักฐานยืนยันทั้งสิ้น บางครั้งจึงทำให้ถูกมองว่าล่าช้าไปบ้าง ขณะนี้ ผบ.ตร.ได้สั่งตั้งทีมสืบสวน ผ่านมา 24 ชม.คดีก็มีความคืบหน้าไปมาก จากหลักฐานที่มีในขณะนี้ เหตุระเบิดแต่ละจุดไม่พบว่ามีความเชื่อมโยงกัน แต่ข้อสันนิษฐานที่ระบุได้ขณะนี้คือ ระเบิดที่ใช้ในการก่อเหตุที่ ถ.บรรทัดทอง และอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มาจากแหล่งเดียวกัน ส่วนความคืบหน้าเหตุระเบิดที่ ถ.บรรทัดทอง ไม่สามารถระบุว่ามีผู้ก่อเหตุกี่คน ขณะนี้ตำรวจกำลังตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งมีอยู่หลายมุม มากกว่าภาพที่เผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งตำรวจจะดูภาพจากกล้องวงจรปิดตลอดเส้นทางเพื่อจะต่อจิ๊กซอว์ว่าคนร้ายมากับขบวนหรือติดตามมาหรือไม่
รอง ผบ.ตร.กล่าวด้วยว่า สำหรับระเบิดชนิด RGD5 ไม่มีใช้ในราชการทหารและตำรวจ แต่หากมีการนำเข้ามาก็เป็นการนำเข้ามาโดยผิดกฎหมาย ซึ่งก็พบว่ามีการนำเข้ามาจากแนวชชายแดนประเทศลาวและกัมพูชา