รอง ผบช.น.แถลงสรุปสถานการณ์คนร้ายลอบปาระเบิดที่บริเวณเวทีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ พร้อมเปิดเผยยอดผู้ได้รับบาดเจ็บ 29 ราย ย้ำประชาชนอย่าออกมาร่วมชุมนุม อ้างการข่าวจะเกิดเหตุรุนแรง
เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (20 ม.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) แถลงข่าวกรณีเกิดเหตุคนร้ายใช้ระเบิดสังหารปาใส่กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.บริเวณหลังเวทีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 2 จุด และก่อนหลบหนีไป เมื่อวันที่ 19 ม.ค. เวลาประมาณ 13.20 น.ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.อดุลย์กล่าวว่า เกิดเหตุพบคนร้ายเป็นชาย 1 คน อายุประมาณ 30-35 ปี รูปร่างสันทัด สูงประมาณ 172 ซม. สวมเสื้อยืดคอกลม สีขาวด้านใน และสวมเสื้อแจ็กเกตสีเขียวอ่อนแบบมีซิปรูดด้านหน้า มีแถบสีน้ำเงินเข้มด้านข้างกางเกงสีครีม รองเท้าสีขาวหัวสีดำ สวมหมวกแก๊ปสีดำ มีเป้สะพายข้างสีดำ มีสายนกหวีดและมีนกหวีดแขวนคล้องคอ ได้เดินไปที่บริเวณช่องทางเดินระหว่างร้านชานมไข่มุก กับเซเว่นอีเลฟเว่น ซึ่งทั้งสองร้านดังกล่าวอยู่ด้านหลังเวทีปราศรัย และเต็นท์ผู้สื่อข่าวซึ่งเป็นที่พักแกนนำ กปปส. โดยจุดที่คนร้ายยืนขณะขว้างระเบิดห่างจากจุดที่ระเบิดตกประมาณ 5 เมตร จากนั้นคนร้ายได้หาโอกาสเตรียมปาระเบิดใส่กลุ่มผู้ชุมนุมโดยมีการถอดสลักระเบิดแล้วกำไว้ที่มือขวา ต่อมาคนร้ายจึงได้ขว้างระเบิดไปยังเต็นท์หลังเวทีที่เกิดเหตุและระเบิดได้ทำงาน แต่ระเบิดไปโดนกิ่งไม้แฉลบออกมาด้านข้างเต็นท์ จากนั้นได้วิ่งหลบหนีไปทางถนนราชวิถี โดยได้วิ่งหลบหนีไปถึงบริเวณปากซอยราชวิถี 13 ได้มีการ์ดกลุ่มผู้ชุมนุมเห็นเหตุการณ์และได้วิ่งตามคนร้ายไป คนร้ายจึงได้ขว้างระเบิดลูกที่ 2 เพื่อเปิดทางหลบหนี จากนั้นคนร้ายได้วิ่งหลบหนีเข้าไปในซอยราชวิถี 14 จนถึงบ้านนายมานพ ชนินนัตติพงศ์ หรือบังหมัด นายมานพได้ยินเสียงร้องเรียกจากกลุ่มการ์ดที่ได้วิ่งไล่ตามคนร้าย และร้องตะโกนให้ช่วยทำการจับกุมคนร้าย จึงได้พยายามจับกุมตัวคนร้าย คนร้ายจึงได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดยิงใส่นายมานพบริเวณท้องได้รับบาดเจ็บ จากนั้นคนร้ายได้วิ่งต่อไปยังท้ายซอยราชวิถี 14 ซึ่งเป็นทางตันและมีรั้วสังกะสีกั้น คนร้ายจึงได้พังรั้วสังกะสีและวิ่งหลบหนีไปตามทางเดินเลียบคลองสามเสน มุ่งหน้าไปทางวัดมะกอกทะลุออกใต้ทางด่วนวัดมะกอก (ซอยราชวิถี 18) และได้ขึ้นจักรยานยนต์รับจ้าง ซึ่งคนร้ายได้ว่าจ้างให้ไปส่งที่สะพานซังฮี้ เมื่อไปถึงสะพานซังฮี้คนร้ายได้ให้ไปส่งต่อที่วัดรวก บางบำหรุ จึงได้เข้าไปส่ง จากนั้นคนร้ายได้หายไปในซอยวัดดังกล่าว
พล.ต.ต.อดุลย์กล่าวต่อว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจนครบาลพญาไท พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐาน และชุด E.O.D. ได้ทำการตรวจที่เกิดเหตุ ผลการตรวจพบ จุดระเบิดที่ 1 พบกระเดื่องตกอยู่บริเวณผิวถนนใกล้เต็นท์หลังเวทีปราศรัย จำนวน 1 ชิ้น, จุดระเบิดที่ 2 พบสลักระเบิดตกอยู่บนพื้นผิวถนนห่างจากจุดที่เกิดเหตุระเบิด 4 เมตร จำนวน 1 ชิ้น และพบกระเดื่องอยู่ในกองเสื้อผ้าที่วางไว้ที่แผงขายเสื้อผ้า ห่างจากจุดระเบิดประมาณ 3 เมตรจำนวน 1 ชิ้น ซึ่งระเบิดที่ใช้ในการก่อเหตุครั้งนี้เป็นระเบิด RGD5 ซึ่งเป็นชนิดเดียวกันกับที่ใช้ก่อเหตุระเบิดที่ถนนบรรทัดทอง นอกจากนั้น ทาง E.O.D. ได้ตรวจสอบพบว่ากระเดื่องนิรภัยที่พบทั้ง 2 จุดเป็นชุดเดียวกัน จากกรณีดังกล่าวจึงสันนิษฐานได้ว่าคนร้ายในสองเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกัน ซึ่งขณะนี้ได้รับรายงานว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บรวมทั้งสิ้นจำนวน 29 ราย นำส่ง 4 โรงพยาบาล ดังนี้
1. โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า จำนวน 2 ราย
2. โรงพยาบาลรามาธิบดี จำนวน 9 ราย
3. โรงพยาบาลราชวิถี จำนวน 13 ราย
4. โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ จำนวน 4 ราย
5. โรงพยาบาลพญาไท 2 จำนวน 1 ราย
พล.ต.ต.อดุลย์กล่าวอีกว่า ภายหลังเกิดเหตุพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลพญาไท ได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิด และได้สอบสวนพยานไว้แล้ว 5 ปาก โดยจะได้เร่งรัดทำการสืบสวนสอบสวนนำตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
จากกรณีดังกล่าวกองบัญชาการตำรวจนครบาล จึงขอย้ำเตือนมายังพี่น้องประชาชนให้หลีกเลี่ยงการเข้าร่วมชุมนุม เนื่องจากได้รับรายงานจากการข่าวอย่างต่อเนื่องว่ามีผู้ไม่หวังดีจะเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่การชุมนุม ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้ามาดูแลพี่น้องประชาชน โดยมีการเพิ่มจุดตรวจจุดสกัดโดยรอบพื้นที่การชุมนุมอย่างเข้มงวด และขอประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนช่วยสอดส่องผู้ไม่หวังดีที่จะเข้ามาก่อเหตุ หากพบบุคคุลต้องสงสัยให้โทรแจ้งได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือสถานีตำรวจใกล้เคียงได้ทันที