ASTVผู้จัดการรายวัน-ผู้ชุมนุมเมินพ.ร.ก.ฉุกเฉิน จัดทัพบุกสำนักปลัดกระทรวงกลาโหม ขอความร่วมมืออย่าให้รัฐบาลใช้เป็นที่ตั้ง ศรส. พร้อมล้อมกระทรวงแรงงาน "เหลิม"หดหัวหนี ก่อนโผล่แถลงข่าวลั่นคืนความสงบให้กรุงเทพฯ ด้าน คปท. บุกปลดป้าย สตช. "สุเทพ"ย้ำรัฐบาลประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่ชอบธรรม เตือนทำตามคำสั่งติดคุกอย่างเดียว แนะชาวนาร่วมไล่ "ปู" พร้อมออกประกาศ กปปส. 3 ห้าม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (22 ม.ค.) ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เมืองทองธานี ซึ่งเป็นที่ตั้งศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) หลังรัฐบาลประกาศใช้พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เจ้าหน้าที่ทหารได้นำรั้วลวดหนามมาวางโดยรอบสำนักงานเพิ่มเป็น 2 ชั้น จากที่ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 21 ม.ค. ได้มีการวางรั้วลวดหนามไว้ก่อนแล้ว 1 ชั้นรอบสำนักงาน โดยเจ้าหน้าที่ให้เหตุผลว่า เพื่อเป็นการป้องกันคนร้ายกระโดดข้ามมาวางระเบิด พร้อมวางกำลังทหารจากศูนย์อำนวยการสร้างอาวุธ ศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และพลังงานทหาร กระทรวงกลาโหม จ.ลพบุรี จำนวน 1 กองรัอย และเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 กองร้อย ดูแลรักษาความปลอดภัยโดยรอบสำนักงาน และบริเวณรอบอิมแพค เมืองทองธานี พร้อมติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมรวม 32 ตัว มีการตรวจบุคคลเข้าออกอย่างเข้มงวด รวมถึงสื่อมวลชน โดยให้มีการลงทะเบียน ติดบัตรป้ายชื่อให้ชัดเจน
ต่อมาเวลา 09.45 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เดินทางมายังสำนักงานกระทรวงกลาโหม เพื่อประชุมประเมินสถานการณ์และรับฟังรายงานการชุมนุมกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ร่วมกับรัฐมนตรีและฝ่ายความมั่นคง
***ผู้ชุมนุมไม่กลัวพ.ร.ก.ฉุกเฉิน
จากนั้นเวลา 10.30 น. กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. นำโดย นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ นายสกลธี ภัททิยกุล นายชุมพล จุลใส เป็นแกนนำ ได้เดินทางมาถึงสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม โดยแกนนำได้สั่งให้การ์ด กปปส. ทำหน้าที่ควบคุมผูัชุมนุมไม่ให้บุกรุกเข้าไปในสำนักงานปลัดกระทรวงฯ พร้อมประกาศว่า มาเพื่อไม่ให้รัฐบาลใช้สถานที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นศูนย์บัญชาการ ศรส. ตามที่มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ออกจากพื้นที่ ให้ทหารดูแลสถานที่
ทั้งนี้ ระหว่างที่กลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางมาถึงได้มีข้าราชการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมบางส่วน ออกมายืนโบกมือ บริเวณระเบียบสำนักงานฯ และเป่านกหวีด ต้อนรับกลุ่มผู้ชุมนุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะเดินทางมาถึง ประมาณ 15 นาที ทีมรักษาความปลอดภัย รีบพาน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ออกจากสำนักงาน ทางด้านหลังของอาคาร รวมทั้งรัฐมนตรีและหัวหน้าส่วนราชการบางส่วน ต่างรีบเดินทางออกไปเช่นกัน โดยมีรายงานข่าวว่า มีความเป็นไปได้ว่า อาจจะย้ายที่ทำการ ศรส. ไปยังกองบัญชาการกองทัพอากาศ
** "เหลิม"หัวหดเก็บตัวหลบม็อบ
ต่อมาเวลา 14.50 น. นายชุมพล จุลใส แกนนำ กปปส. นำขบวนผู้ชุมนุม เดินทางไปปิดล้อมกระทรวงแรงงาน เพื่อไม่ให้มีการจัดประชุมของศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) ที่มีร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน เป็นผู้อำนวยการ ศรส. พร้อมกดดันให้ส่งตัวแทนมาเจรจา จนกระทั่งเวลา 16.00 น. พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ได้ออกมาเจรจากับผู้ชุมนุม พร้อมยืนยันว่า รถที่จอดอยู่ภายในบริเวณกระทรวงนั้น เป็นรถของตนเอง ไม่ใช่รถของร.ต.อ. เฉลิม โดยร.ต.อ.เฉลิม ไม่ได้อยู่ภายในกระทรวงแต่อย่างใด และก็ไม่มีการประชุมศรส. เช่นกัน ส่วนกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาประจำภายในกระทรวง ก็เพื่อมาดูแลพื้นที่เท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังกลุ่มผู้ชุมนุมได้รับฟังคำชี้แจงจาก พล.ต.ต.ฐิติราช ได้ทยอยเดินทางออกจากพื้นที่กระทรวงแรงงาน เพื่อกลับไปยังเวที ขณะที่ยังมีกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนที่ยังคงคอยสังเกตการณ์บริเวณด้านหน้ากระทรวง เพราะเกรงว่าจะเป็นการหลอกลวงให้ผู้ชุมนุมออกไปจากพื้นที่ และทันทีที่กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนย้ายออกไป ตำรวจผู้ติดตามร.ต.อ.เฉลิม ได้เดินเข้ามาแจ้งแก่กลุ่มผู้สื่อข่าวที่มารอทำข่าวว่าร.ต.อ.เฉลิม จะแถลงข่าว
**ลั่นคืนความสงบสุขสู่กรุงเทพฯ
จากนั้นเวลา 16.30 น. ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนไม่ได้ไปประชุม ศรส. ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม แต่มาประชุมที่กระทรวงแรงงาน แต่กลุ่มผู้ชุมนุมก็ยังตามมาอีก ก็อยากให้เป็นครั้งสุดท้าย เพราะกลุ่มกปปส. มาปิดล้อมกระทรวงแรงงานบ่อยเกินไปแล้ว ส่วนวันนี้ (23ม.ค.) ไม่รู้ว่าจะประชุม ศรส.ที่กระทรวงแรงงาน อีกหรือไม่ แต่ครั้งนี้ก็มีหลายหน่วยงานมา แม้จะมากันไม่ครบ แต่ก็มีฝ่ายทหาร ตำรวจมาร่วมประชุม
สำหรับโครงสร้างของ ศรส. จะสรุปได้ในวันที่ 27 ม.ค. เพราะยังต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนการทำงานของศรส. ยึดหลัก 5 ข้อ คือ 1.ใช้กฎหมายเป็นหลักในการแก้ปัญหา 2.รัฐบาลและคณะทำงานของรัฐบาลยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 3.ให้ผู้ชุมนุมใช้สิทธิ์ชุมนุมตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ชุมนุมโดยสงบ สันติ ปราศจากอาวุธ 4.การดูแลผู้ชุมนุมใช้หลักสากล กระทำด้วยความละมุนละม่อมเน้นเจรจามากกว่าใช้กำลัง และ 5.ผู้ชุมนุมและผู้เกี่ยวข้องต้องเคารพสิทธิ์คนอื่นเช่นเดียวกัน
"เมื่อนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ประกาศชัตดาวน์กรุงเทพฯ ทางศรส.ก็มีคอนเซ็ปต์เช่นกัน ภายใต้ชื่อ คืนความสงบสุขสู่กรุงเทพฯ หรือ PEACE FOR BANGKOK โดยจะเริ่มปฏิบัติการตั้งแต่วันนี้ ศรส. จะเริ่มส่งทีมไปเจรจากับแกนนำ กปปส. เพื่อขอคืนพื้นที่ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ และขอเตือนผู้ชุมนุมว่า มีความผิดตาม พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน"
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ได้กำชับห้ามสลายการชุนุมและห้ามใช้กำลัง โดยเฉพาะอาวุธเอ็ม 16 อาก้า และปืนเอชเค จะไม่เข้าสลายม็อบในเวลากลางคืน แต่เน้นการเจรจาเพื่อขอคืนพื้นที่ และไม่มีการใช้กำลังโดยเด็ดขาด ยกเว้นมีการบุกรุกยึดสถานที่ราชการ ก็จะดำเนินการตามหลักสากล หากกลุ่มผู้ชุมนุมจะเดินก็เดินไป ศรส.ไม่ได้ห้าม แต่อย่าปิดสถานที่ราชการ ส่วนพื้นที่ที่ตนมองว่าน่าห่วง คือ พื้นที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพราะป้องกันยาก มีจุดเสี่ยงรายล้อมมากมาย ซึ่งที่บอกเช่นนี้ไม่ได้ขู่ แต่พูดด้วยความเป็นห่วง
***เผยมีผู้การกว่า 200 คนอาสาจับสุเทพ
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า การจับตัวแกนนำ กปปส. โดยเฉพาะนายสุเทพ ก็คงต้องดำเนินการให้เข้มข้นขึ้น โดยตนเป็นรมว.แรงงาน และผอ.ศรส. คงไม่ลงไปจับกุมเอง แต่เวลานี้มีตำรวจระดับผู้การทั่วประเทศกว่า 200 คน อาสาจับตัวนายสุเทพ ก็มีสิทธิจับได้ เพราะนายสุเทพ มีหมายจับอยู่ หากนายสุเทพยินยอมให้จับกุมทุกอย่างก็จบด้วยดี ไม่รู้จะไปเดินตากแดดหน้าดำทำไมกัน หากกลุ่มกปปส. เชื่อว่าได้รับความนิยมจากประชาชนอย่างมาก ก็ขอให้นายสุเทพ เลิกชุมนุมและมาตั้งพรรคลงสมัครเลือกตั้ง หากได้คะแนนมาก ก็จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี
***รัฐบาลพร้อมเจรจา กปปส. หาทางออก
เวลา16.00 น. ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เมืองทองธานี นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ ในฐานะประธานที่ปรึกษา ศรส. พร้อมด้วย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในฐานะที่ปรึกษาและโฆษก ศรส. ร่วมกันแถลงข่าว
นายสุรพงษ์กล่าวว่า วันที่ 21 ม.ค.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ประนามความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นในกรุงเทพฯ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต จึงเรียกร้องทางการไทยเร่งสืบสวน ขอให้ทุกฝ่ายละเว้นความรุนแรง ให้อดทน อดกลั้น โดยสนับสนุนให้ทุกฝ่ายในการหารืออย่างจริงใจ เพื่อแก้ปัญหาความแตกต่างทางการเมืองอย่างสันติ และเป็นประชาธิปไตย ซึ่งในส่วนของรัฐบาล พร้อมที่จะเจรจากับผู้ชุมนุม เพื่อหาทางออกให้แก่ประเทศไทย เพื่อให้เกิดความสงบ และขอยืนยันว่านายกฯ ยังสามารถทำงานได้ปกติ ส่วนการประกาศไล่ล่าตน นายกฯ และร.ต.อ.เฉลิม นั้น ก็ประกาศมาหลายครั้งแล้ว
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า ขณะนี้มีการปลุกระดม บิดเบือนในการออกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งรัฐบาลยืนยันว่า ประชาชนสามารถดำรงชีวิต ปฏิบัติภารกิจ ร่วมชุมนุม พบปะ ภายใต้กรอบกฎหมาย แต่ขอให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ในการตรวจค้นในช่วงยามวิกาล ขอให้หลีกเลี่ยงการชุมนุมมั่วสุม ที่ทำให้เกิดความเดือดร้อน รัฐบาลไม่มีเจตนายบังคับใช้กฎหมาย เพื่อประโยชน์รัฐบาลฝ่ายเดียว แต่ประกาศใช้เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยของประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียม ขอให้ประชาชนที่เป็นห่วงว่ากฎหมายจะไปจำกัดสิทธิขอให้สบายใจ
** คปท.บุกถอดป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
วันเดียวกันนี้ นายอุทัย ยอดมณี แกนนำกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาและประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) พร้อมมวลชนจำนวนหนึ่ง ได้เดินทางไปปิดล้อมด้านหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถ.พระราม 1 โดยได้เรียกร้องให้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. มารายงานตัว และให้ตำรวจภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเก็บข้าวของภายใน 1 ชม. พร้อมประกาศว่าหากพล.ต.อ.อดุลย์ ยังเป็น ผบ.ตร. พวกตนจะเป็นศัตรูกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติตลอดไป เพราะตอนนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ เป็นทรราชไปแล้ว
จากนั้นนายอุทัยได้ประกาศบนเวทีให้กลุ่มผู้ชุมนุมช่วยกันเอาคำว่า "แห่งชาติ" ที่ป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติออก กลุ่มผู้ชุมนุมจึงช่วยกันใช้อุปกรณ์งัด ตอก จนข้อความนั้นหลุดมากองอยู่กับพื้น ที่ป้ายหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงเหลือเพียงคำว่า สำนักงานตำรวจ แต่สุดท้ายก็ได้ถอดป้ายออกจนหมด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนการรักษาความปลอดภัยตำรวจกองร้อยควบคุมฝูงชนที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังคงเตรียมพร้อมอยู่ในที่ตั้ง ไม่ปรากฏกายใหักลุ่มผู้ชุมนุมเห็น ไม่มีการเผขิญหน้า สำหรับประตูหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปิดโดยมีเพียงการคล้องโซ่กุญแจไว้เท่านั้น
**เผยรัฐบาลจะใช้ความรุนแรงประชาชน
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินว่า เป็นการประกาศใช้ทั้งที่ความรุนแรงไม่ได้เกิดจากผู้ชุมนุม แต่รัฐบาลมีภาวะฉุกเฉิน จึงต้องการยกระดับ กระชับอำนาจ แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลตั้งใจใช้ความรุนแรงในการควบคุมการชุมนุมของประชาชน โดยอ้างว่าการชุมนุมของประชาชน นำไปสู่ความไม่เรียบร้อย ทั้งๆ ที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัย 2 ครั้งแล้วว่า การชุมนุมเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ เช่นเดียวกับที่รัฐบาลเคยไปยื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง ก็ได้ชี้ว่าเป็นการชุมนุมโดยสงบ
**ชี้หวังใช้สกัดม็อบชาวนา
น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตุว่า รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อาจเพื่อสกัดกั้นชาวนาบุกเข้ามาเคลื่อนไหวร่วมกับ กลุ่มกปปส.ว่า ตนคิดว่าเกี่ยวข้องกัน เปรียบเสมือนเหมือนคนพาลที่เถียงเขาไม่ได้ ในทางจิตวิทยาเวลาที่เถียงกันไม่ได้ด้วยเหตุด้วยผล ก็จะทุบโต๊ะ หรือถ้ามีปืนก็จะชักปืนขึ้นมาขู่ วันนี้รัฐบาลเจอผู้ชุมนุมและผู้ชุมนุมไม่กลัว มีคนออกมาเยอะแยะรัฐบาลก็ไปไม่เป็น แล้วมาเจอเรื่องจำนำข้าว ซึ่งล่มไม่เป็นท่า ไม่มีเงินจ่ายชาวนา และกลัวว่าชาวนาจะเข้ามาสมทบ ก็เลยเอา พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็เอามาขู่
** 7 เครือข่ายสิทธิมนุษยชนแถลงการณ์ค้าน
ด้านสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน (สนส.), สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.), มูลนิธิส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน, มูลนิธิผสานวัฒนธรรม, ศูนย์กฎหมายสิทธิมนุษยชนเพื่อสังคม, มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม และศูนย์ข้อมูลชุมชน (ศมช.) ได้ออกแถลงการณ์ร่วมคัดค้านการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง พร้อมเรียกร้องให้ยกเลิกการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และให้ใช้มาตรการทางกฎหมายในการดูแล
***"สุเทพ"ซัด "ปู" ไม่มีสิทธิ์ออกพ.ร.ก.
ที่สี่แยกปทุมวัน เมื่อเวลา 19.10 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้ขึ้นเวทีปราศรัย โดยระบุว่า รัฐบาลไม่มีความชอบธรรมในการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพราะการชุมนุม 2 เดือน 22 วัน ไม่ได้ทำอะไรให้เกิดเรื่องร้ายแรงในบ้านเมือง ชุมนุมโดยสันติ ปราศจากอาวุธ ชุมนุมแบบอหิงสา แต่ความรุนแรงที่เกิดขึ้น เพราะผู้รักษากฎหมายเป็นโจรห้าร้อย ไม่ทำหน้าที่ ตรงกันข้ามยังสมคบคิดเอาระเบิดปิงปองขว้าง ใช้ปืนเอ็ม 16 ยิง ขว้างระเบิดใส่ประชาชน เป็นการสร้างสถานการณ์
"น.ส.ยิ่งลักษณ์ และคณะรัฐมนตรี เป็นแก๊งเถื่อนแก๊งหนึ่งอยู่นอกกฎหมาย จึงไม่มีสิทธิ์ออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ถ้ายังดื้อด้าน อ้างว่ายังไม่มีรัฐบาลใหม่ ต้องรักษาการอยู่ต่อไป ไปไหนไม่ได้ ทั้งๆ ที่รัฐธรรมนูญมาตรา 181 กำหนดไว้ชัดเจน การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินผิดซ้ำไปอีก ถือเป็นโมฆะ ไม่มีความหมาย บังคับไม่ได้ ใครก็ตามที่ไปตามคำสั่งนี้ ก็ต้องรับผิดติดตัวกันไปทุกคน ส่วนคำสั่งที่จะออกโดย ศรส. ก็เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่ได้รับการคุ้มครอง ติดคุกได้ทุกคน ถ้าคนไหนบังอาจมาสลายการชุมนุม ใช้กำลัง ประชาชนจะฟ้องร้องดำเนินคดี เพราะเรื่องนี้ ทหารก็ยังไม่เล่นด้วย"
***แนะชาวนาอยากได้เงินเร็วต้องร่วมไล่"ปู"
นายสุเทพกล่าวว่า ตอนนี้ชาวนาทนไม่ไหว ปิดถนน ปิดศาลากลางภาคกลาง ภาคเหนือตอนล่างแล้ว ตนจึงฝากไปถึงชาวนาว่าขอให้อย่าไว้ใจรัฐบาล เพราะอาจจะตั้งใจไปเล่นงานชาวนาก็ได้ และขอแนะนำให้เตรียมสวดมนต์เหมือนพวกตน อย่าไปต่อสู้กับเจ้าหน้าที่เป็นอันขาด ตนสัญญากับชาวนา วันไหนที่ประชาชนของเราชนะ ยึดอำนาจได้เบ็ดเสร็จ เรื่องแรกที่จะทำ คือ ใช้หนี้ให้ชาวนาทุกคน ถ้าอยากจะได้เงินเร็วหน่อย ก็ออกมาช่วยพวกตนมากๆ หน่อย จะเร็วยิ่งขึ้น เห็นท่าไม่ดีเมื่อไร รีบบอกมา จะระดมคนไปช่วยด้วย และขอยืนยันว่าเราจะรับผิดชอบจ่ายเงินที่รัฐบาลค้างจ่ายให้ เพราะชาวนาถูกเบี้ยวจริงๆ ไม่ใช่ความผิดของชาวนา
ส่วนวันนี้ ตนจะเดินไปยังถนนสุขุมวิท หลังสวน ชิดลม ก่อนขึ้นเวทีปราศรัยต่อไป โดยแต่ละเวทีวางแผนไว้แล้ว ตนก็เดินท้า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ให้เห็นว่ามวลมหาประชาชนไม่กลัวขี้ข้าอย่าง ร.ต.อ.เฉลิม มันจนแต้มทุกวัน หงายไพ่ใบสุดท้ายแล้ว เดี๋ยวจะมีข้าราชการติดต่อมาแล้วว่าจะขึ้นเวทีแสดงตัวว่าไม่เอาระบอบทักษิณแล้ว เพราะฉะนั้นข้าราชการหน่วยไหนพร้อม มาแสดงตัวยืนอยู่ข้างประชาชน เหมือนบุคลากรกระทรวงสาธารณสุข มาเร็วๆ จบเร็วๆ จะได้กลับไปทำงานปกติ บ้านเมืองจะได้สงบเรียบร้อย
***กปปส.ประกาศ3ข้อห้าม
นายสุเทพกล่าวว่า กปปส. ได้ประกาศข้อห้ามว่า 1.ห้าม ร.ต.อ.เฉลิม และ ศรส. ส่งเจ้าหน้าที่ปราบปรามประชาชนเด็ดขาด การส่งกำลังเจ้าหน้าที่มาสลายการชุมนุม ถือว่าผิดกฎหมาย และจะดำเนินคดีทุกคน 2.ห้ามใช้อาวุธกับประชาชนที่มาชุมนุมโดยเด็ดขาด แม้แต่บุกเข้ามาขว้างระเบิด แก๊สน้ำตา กระสุนยาง ถือว่าทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ จะดำเนินคดีทุกคน 3.ห้ามไม่ให้ออกประกาศสั่งห้ามเอกชนนำข้าวสาร อาหาร หรือน้ำมันเชื้อเพลิงมาบริจาคแก่ผู้ชุมนุม เพราะจะมีประชาชนมาบริจาค จนตนรับไม่ไหว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (22 ม.ค.) ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เมืองทองธานี ซึ่งเป็นที่ตั้งศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) หลังรัฐบาลประกาศใช้พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เจ้าหน้าที่ทหารได้นำรั้วลวดหนามมาวางโดยรอบสำนักงานเพิ่มเป็น 2 ชั้น จากที่ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 21 ม.ค. ได้มีการวางรั้วลวดหนามไว้ก่อนแล้ว 1 ชั้นรอบสำนักงาน โดยเจ้าหน้าที่ให้เหตุผลว่า เพื่อเป็นการป้องกันคนร้ายกระโดดข้ามมาวางระเบิด พร้อมวางกำลังทหารจากศูนย์อำนวยการสร้างอาวุธ ศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และพลังงานทหาร กระทรวงกลาโหม จ.ลพบุรี จำนวน 1 กองรัอย และเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 กองร้อย ดูแลรักษาความปลอดภัยโดยรอบสำนักงาน และบริเวณรอบอิมแพค เมืองทองธานี พร้อมติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมรวม 32 ตัว มีการตรวจบุคคลเข้าออกอย่างเข้มงวด รวมถึงสื่อมวลชน โดยให้มีการลงทะเบียน ติดบัตรป้ายชื่อให้ชัดเจน
ต่อมาเวลา 09.45 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เดินทางมายังสำนักงานกระทรวงกลาโหม เพื่อประชุมประเมินสถานการณ์และรับฟังรายงานการชุมนุมกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ร่วมกับรัฐมนตรีและฝ่ายความมั่นคง
***ผู้ชุมนุมไม่กลัวพ.ร.ก.ฉุกเฉิน
จากนั้นเวลา 10.30 น. กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. นำโดย นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ นายสกลธี ภัททิยกุล นายชุมพล จุลใส เป็นแกนนำ ได้เดินทางมาถึงสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม โดยแกนนำได้สั่งให้การ์ด กปปส. ทำหน้าที่ควบคุมผูัชุมนุมไม่ให้บุกรุกเข้าไปในสำนักงานปลัดกระทรวงฯ พร้อมประกาศว่า มาเพื่อไม่ให้รัฐบาลใช้สถานที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นศูนย์บัญชาการ ศรส. ตามที่มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ออกจากพื้นที่ ให้ทหารดูแลสถานที่
ทั้งนี้ ระหว่างที่กลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางมาถึงได้มีข้าราชการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมบางส่วน ออกมายืนโบกมือ บริเวณระเบียบสำนักงานฯ และเป่านกหวีด ต้อนรับกลุ่มผู้ชุมนุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะเดินทางมาถึง ประมาณ 15 นาที ทีมรักษาความปลอดภัย รีบพาน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ออกจากสำนักงาน ทางด้านหลังของอาคาร รวมทั้งรัฐมนตรีและหัวหน้าส่วนราชการบางส่วน ต่างรีบเดินทางออกไปเช่นกัน โดยมีรายงานข่าวว่า มีความเป็นไปได้ว่า อาจจะย้ายที่ทำการ ศรส. ไปยังกองบัญชาการกองทัพอากาศ
** "เหลิม"หัวหดเก็บตัวหลบม็อบ
ต่อมาเวลา 14.50 น. นายชุมพล จุลใส แกนนำ กปปส. นำขบวนผู้ชุมนุม เดินทางไปปิดล้อมกระทรวงแรงงาน เพื่อไม่ให้มีการจัดประชุมของศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) ที่มีร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน เป็นผู้อำนวยการ ศรส. พร้อมกดดันให้ส่งตัวแทนมาเจรจา จนกระทั่งเวลา 16.00 น. พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ได้ออกมาเจรจากับผู้ชุมนุม พร้อมยืนยันว่า รถที่จอดอยู่ภายในบริเวณกระทรวงนั้น เป็นรถของตนเอง ไม่ใช่รถของร.ต.อ. เฉลิม โดยร.ต.อ.เฉลิม ไม่ได้อยู่ภายในกระทรวงแต่อย่างใด และก็ไม่มีการประชุมศรส. เช่นกัน ส่วนกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาประจำภายในกระทรวง ก็เพื่อมาดูแลพื้นที่เท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังกลุ่มผู้ชุมนุมได้รับฟังคำชี้แจงจาก พล.ต.ต.ฐิติราช ได้ทยอยเดินทางออกจากพื้นที่กระทรวงแรงงาน เพื่อกลับไปยังเวที ขณะที่ยังมีกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนที่ยังคงคอยสังเกตการณ์บริเวณด้านหน้ากระทรวง เพราะเกรงว่าจะเป็นการหลอกลวงให้ผู้ชุมนุมออกไปจากพื้นที่ และทันทีที่กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนย้ายออกไป ตำรวจผู้ติดตามร.ต.อ.เฉลิม ได้เดินเข้ามาแจ้งแก่กลุ่มผู้สื่อข่าวที่มารอทำข่าวว่าร.ต.อ.เฉลิม จะแถลงข่าว
**ลั่นคืนความสงบสุขสู่กรุงเทพฯ
จากนั้นเวลา 16.30 น. ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนไม่ได้ไปประชุม ศรส. ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม แต่มาประชุมที่กระทรวงแรงงาน แต่กลุ่มผู้ชุมนุมก็ยังตามมาอีก ก็อยากให้เป็นครั้งสุดท้าย เพราะกลุ่มกปปส. มาปิดล้อมกระทรวงแรงงานบ่อยเกินไปแล้ว ส่วนวันนี้ (23ม.ค.) ไม่รู้ว่าจะประชุม ศรส.ที่กระทรวงแรงงาน อีกหรือไม่ แต่ครั้งนี้ก็มีหลายหน่วยงานมา แม้จะมากันไม่ครบ แต่ก็มีฝ่ายทหาร ตำรวจมาร่วมประชุม
สำหรับโครงสร้างของ ศรส. จะสรุปได้ในวันที่ 27 ม.ค. เพราะยังต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนการทำงานของศรส. ยึดหลัก 5 ข้อ คือ 1.ใช้กฎหมายเป็นหลักในการแก้ปัญหา 2.รัฐบาลและคณะทำงานของรัฐบาลยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 3.ให้ผู้ชุมนุมใช้สิทธิ์ชุมนุมตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ชุมนุมโดยสงบ สันติ ปราศจากอาวุธ 4.การดูแลผู้ชุมนุมใช้หลักสากล กระทำด้วยความละมุนละม่อมเน้นเจรจามากกว่าใช้กำลัง และ 5.ผู้ชุมนุมและผู้เกี่ยวข้องต้องเคารพสิทธิ์คนอื่นเช่นเดียวกัน
"เมื่อนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ประกาศชัตดาวน์กรุงเทพฯ ทางศรส.ก็มีคอนเซ็ปต์เช่นกัน ภายใต้ชื่อ คืนความสงบสุขสู่กรุงเทพฯ หรือ PEACE FOR BANGKOK โดยจะเริ่มปฏิบัติการตั้งแต่วันนี้ ศรส. จะเริ่มส่งทีมไปเจรจากับแกนนำ กปปส. เพื่อขอคืนพื้นที่ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ และขอเตือนผู้ชุมนุมว่า มีความผิดตาม พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน"
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ได้กำชับห้ามสลายการชุนุมและห้ามใช้กำลัง โดยเฉพาะอาวุธเอ็ม 16 อาก้า และปืนเอชเค จะไม่เข้าสลายม็อบในเวลากลางคืน แต่เน้นการเจรจาเพื่อขอคืนพื้นที่ และไม่มีการใช้กำลังโดยเด็ดขาด ยกเว้นมีการบุกรุกยึดสถานที่ราชการ ก็จะดำเนินการตามหลักสากล หากกลุ่มผู้ชุมนุมจะเดินก็เดินไป ศรส.ไม่ได้ห้าม แต่อย่าปิดสถานที่ราชการ ส่วนพื้นที่ที่ตนมองว่าน่าห่วง คือ พื้นที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพราะป้องกันยาก มีจุดเสี่ยงรายล้อมมากมาย ซึ่งที่บอกเช่นนี้ไม่ได้ขู่ แต่พูดด้วยความเป็นห่วง
***เผยมีผู้การกว่า 200 คนอาสาจับสุเทพ
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า การจับตัวแกนนำ กปปส. โดยเฉพาะนายสุเทพ ก็คงต้องดำเนินการให้เข้มข้นขึ้น โดยตนเป็นรมว.แรงงาน และผอ.ศรส. คงไม่ลงไปจับกุมเอง แต่เวลานี้มีตำรวจระดับผู้การทั่วประเทศกว่า 200 คน อาสาจับตัวนายสุเทพ ก็มีสิทธิจับได้ เพราะนายสุเทพ มีหมายจับอยู่ หากนายสุเทพยินยอมให้จับกุมทุกอย่างก็จบด้วยดี ไม่รู้จะไปเดินตากแดดหน้าดำทำไมกัน หากกลุ่มกปปส. เชื่อว่าได้รับความนิยมจากประชาชนอย่างมาก ก็ขอให้นายสุเทพ เลิกชุมนุมและมาตั้งพรรคลงสมัครเลือกตั้ง หากได้คะแนนมาก ก็จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี
***รัฐบาลพร้อมเจรจา กปปส. หาทางออก
เวลา16.00 น. ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เมืองทองธานี นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ ในฐานะประธานที่ปรึกษา ศรส. พร้อมด้วย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในฐานะที่ปรึกษาและโฆษก ศรส. ร่วมกันแถลงข่าว
นายสุรพงษ์กล่าวว่า วันที่ 21 ม.ค.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ประนามความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นในกรุงเทพฯ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต จึงเรียกร้องทางการไทยเร่งสืบสวน ขอให้ทุกฝ่ายละเว้นความรุนแรง ให้อดทน อดกลั้น โดยสนับสนุนให้ทุกฝ่ายในการหารืออย่างจริงใจ เพื่อแก้ปัญหาความแตกต่างทางการเมืองอย่างสันติ และเป็นประชาธิปไตย ซึ่งในส่วนของรัฐบาล พร้อมที่จะเจรจากับผู้ชุมนุม เพื่อหาทางออกให้แก่ประเทศไทย เพื่อให้เกิดความสงบ และขอยืนยันว่านายกฯ ยังสามารถทำงานได้ปกติ ส่วนการประกาศไล่ล่าตน นายกฯ และร.ต.อ.เฉลิม นั้น ก็ประกาศมาหลายครั้งแล้ว
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า ขณะนี้มีการปลุกระดม บิดเบือนในการออกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งรัฐบาลยืนยันว่า ประชาชนสามารถดำรงชีวิต ปฏิบัติภารกิจ ร่วมชุมนุม พบปะ ภายใต้กรอบกฎหมาย แต่ขอให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ในการตรวจค้นในช่วงยามวิกาล ขอให้หลีกเลี่ยงการชุมนุมมั่วสุม ที่ทำให้เกิดความเดือดร้อน รัฐบาลไม่มีเจตนายบังคับใช้กฎหมาย เพื่อประโยชน์รัฐบาลฝ่ายเดียว แต่ประกาศใช้เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยของประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียม ขอให้ประชาชนที่เป็นห่วงว่ากฎหมายจะไปจำกัดสิทธิขอให้สบายใจ
** คปท.บุกถอดป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
วันเดียวกันนี้ นายอุทัย ยอดมณี แกนนำกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาและประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) พร้อมมวลชนจำนวนหนึ่ง ได้เดินทางไปปิดล้อมด้านหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถ.พระราม 1 โดยได้เรียกร้องให้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. มารายงานตัว และให้ตำรวจภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเก็บข้าวของภายใน 1 ชม. พร้อมประกาศว่าหากพล.ต.อ.อดุลย์ ยังเป็น ผบ.ตร. พวกตนจะเป็นศัตรูกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติตลอดไป เพราะตอนนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ เป็นทรราชไปแล้ว
จากนั้นนายอุทัยได้ประกาศบนเวทีให้กลุ่มผู้ชุมนุมช่วยกันเอาคำว่า "แห่งชาติ" ที่ป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติออก กลุ่มผู้ชุมนุมจึงช่วยกันใช้อุปกรณ์งัด ตอก จนข้อความนั้นหลุดมากองอยู่กับพื้น ที่ป้ายหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงเหลือเพียงคำว่า สำนักงานตำรวจ แต่สุดท้ายก็ได้ถอดป้ายออกจนหมด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนการรักษาความปลอดภัยตำรวจกองร้อยควบคุมฝูงชนที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังคงเตรียมพร้อมอยู่ในที่ตั้ง ไม่ปรากฏกายใหักลุ่มผู้ชุมนุมเห็น ไม่มีการเผขิญหน้า สำหรับประตูหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปิดโดยมีเพียงการคล้องโซ่กุญแจไว้เท่านั้น
**เผยรัฐบาลจะใช้ความรุนแรงประชาชน
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินว่า เป็นการประกาศใช้ทั้งที่ความรุนแรงไม่ได้เกิดจากผู้ชุมนุม แต่รัฐบาลมีภาวะฉุกเฉิน จึงต้องการยกระดับ กระชับอำนาจ แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลตั้งใจใช้ความรุนแรงในการควบคุมการชุมนุมของประชาชน โดยอ้างว่าการชุมนุมของประชาชน นำไปสู่ความไม่เรียบร้อย ทั้งๆ ที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัย 2 ครั้งแล้วว่า การชุมนุมเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ เช่นเดียวกับที่รัฐบาลเคยไปยื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง ก็ได้ชี้ว่าเป็นการชุมนุมโดยสงบ
**ชี้หวังใช้สกัดม็อบชาวนา
น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตุว่า รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อาจเพื่อสกัดกั้นชาวนาบุกเข้ามาเคลื่อนไหวร่วมกับ กลุ่มกปปส.ว่า ตนคิดว่าเกี่ยวข้องกัน เปรียบเสมือนเหมือนคนพาลที่เถียงเขาไม่ได้ ในทางจิตวิทยาเวลาที่เถียงกันไม่ได้ด้วยเหตุด้วยผล ก็จะทุบโต๊ะ หรือถ้ามีปืนก็จะชักปืนขึ้นมาขู่ วันนี้รัฐบาลเจอผู้ชุมนุมและผู้ชุมนุมไม่กลัว มีคนออกมาเยอะแยะรัฐบาลก็ไปไม่เป็น แล้วมาเจอเรื่องจำนำข้าว ซึ่งล่มไม่เป็นท่า ไม่มีเงินจ่ายชาวนา และกลัวว่าชาวนาจะเข้ามาสมทบ ก็เลยเอา พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็เอามาขู่
** 7 เครือข่ายสิทธิมนุษยชนแถลงการณ์ค้าน
ด้านสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน (สนส.), สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.), มูลนิธิส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน, มูลนิธิผสานวัฒนธรรม, ศูนย์กฎหมายสิทธิมนุษยชนเพื่อสังคม, มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม และศูนย์ข้อมูลชุมชน (ศมช.) ได้ออกแถลงการณ์ร่วมคัดค้านการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง พร้อมเรียกร้องให้ยกเลิกการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และให้ใช้มาตรการทางกฎหมายในการดูแล
***"สุเทพ"ซัด "ปู" ไม่มีสิทธิ์ออกพ.ร.ก.
ที่สี่แยกปทุมวัน เมื่อเวลา 19.10 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้ขึ้นเวทีปราศรัย โดยระบุว่า รัฐบาลไม่มีความชอบธรรมในการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพราะการชุมนุม 2 เดือน 22 วัน ไม่ได้ทำอะไรให้เกิดเรื่องร้ายแรงในบ้านเมือง ชุมนุมโดยสันติ ปราศจากอาวุธ ชุมนุมแบบอหิงสา แต่ความรุนแรงที่เกิดขึ้น เพราะผู้รักษากฎหมายเป็นโจรห้าร้อย ไม่ทำหน้าที่ ตรงกันข้ามยังสมคบคิดเอาระเบิดปิงปองขว้าง ใช้ปืนเอ็ม 16 ยิง ขว้างระเบิดใส่ประชาชน เป็นการสร้างสถานการณ์
"น.ส.ยิ่งลักษณ์ และคณะรัฐมนตรี เป็นแก๊งเถื่อนแก๊งหนึ่งอยู่นอกกฎหมาย จึงไม่มีสิทธิ์ออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ถ้ายังดื้อด้าน อ้างว่ายังไม่มีรัฐบาลใหม่ ต้องรักษาการอยู่ต่อไป ไปไหนไม่ได้ ทั้งๆ ที่รัฐธรรมนูญมาตรา 181 กำหนดไว้ชัดเจน การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินผิดซ้ำไปอีก ถือเป็นโมฆะ ไม่มีความหมาย บังคับไม่ได้ ใครก็ตามที่ไปตามคำสั่งนี้ ก็ต้องรับผิดติดตัวกันไปทุกคน ส่วนคำสั่งที่จะออกโดย ศรส. ก็เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่ได้รับการคุ้มครอง ติดคุกได้ทุกคน ถ้าคนไหนบังอาจมาสลายการชุมนุม ใช้กำลัง ประชาชนจะฟ้องร้องดำเนินคดี เพราะเรื่องนี้ ทหารก็ยังไม่เล่นด้วย"
***แนะชาวนาอยากได้เงินเร็วต้องร่วมไล่"ปู"
นายสุเทพกล่าวว่า ตอนนี้ชาวนาทนไม่ไหว ปิดถนน ปิดศาลากลางภาคกลาง ภาคเหนือตอนล่างแล้ว ตนจึงฝากไปถึงชาวนาว่าขอให้อย่าไว้ใจรัฐบาล เพราะอาจจะตั้งใจไปเล่นงานชาวนาก็ได้ และขอแนะนำให้เตรียมสวดมนต์เหมือนพวกตน อย่าไปต่อสู้กับเจ้าหน้าที่เป็นอันขาด ตนสัญญากับชาวนา วันไหนที่ประชาชนของเราชนะ ยึดอำนาจได้เบ็ดเสร็จ เรื่องแรกที่จะทำ คือ ใช้หนี้ให้ชาวนาทุกคน ถ้าอยากจะได้เงินเร็วหน่อย ก็ออกมาช่วยพวกตนมากๆ หน่อย จะเร็วยิ่งขึ้น เห็นท่าไม่ดีเมื่อไร รีบบอกมา จะระดมคนไปช่วยด้วย และขอยืนยันว่าเราจะรับผิดชอบจ่ายเงินที่รัฐบาลค้างจ่ายให้ เพราะชาวนาถูกเบี้ยวจริงๆ ไม่ใช่ความผิดของชาวนา
ส่วนวันนี้ ตนจะเดินไปยังถนนสุขุมวิท หลังสวน ชิดลม ก่อนขึ้นเวทีปราศรัยต่อไป โดยแต่ละเวทีวางแผนไว้แล้ว ตนก็เดินท้า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ให้เห็นว่ามวลมหาประชาชนไม่กลัวขี้ข้าอย่าง ร.ต.อ.เฉลิม มันจนแต้มทุกวัน หงายไพ่ใบสุดท้ายแล้ว เดี๋ยวจะมีข้าราชการติดต่อมาแล้วว่าจะขึ้นเวทีแสดงตัวว่าไม่เอาระบอบทักษิณแล้ว เพราะฉะนั้นข้าราชการหน่วยไหนพร้อม มาแสดงตัวยืนอยู่ข้างประชาชน เหมือนบุคลากรกระทรวงสาธารณสุข มาเร็วๆ จบเร็วๆ จะได้กลับไปทำงานปกติ บ้านเมืองจะได้สงบเรียบร้อย
***กปปส.ประกาศ3ข้อห้าม
นายสุเทพกล่าวว่า กปปส. ได้ประกาศข้อห้ามว่า 1.ห้าม ร.ต.อ.เฉลิม และ ศรส. ส่งเจ้าหน้าที่ปราบปรามประชาชนเด็ดขาด การส่งกำลังเจ้าหน้าที่มาสลายการชุมนุม ถือว่าผิดกฎหมาย และจะดำเนินคดีทุกคน 2.ห้ามใช้อาวุธกับประชาชนที่มาชุมนุมโดยเด็ดขาด แม้แต่บุกเข้ามาขว้างระเบิด แก๊สน้ำตา กระสุนยาง ถือว่าทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ จะดำเนินคดีทุกคน 3.ห้ามไม่ให้ออกประกาศสั่งห้ามเอกชนนำข้าวสาร อาหาร หรือน้ำมันเชื้อเพลิงมาบริจาคแก่ผู้ชุมนุม เพราะจะมีประชาชนมาบริจาค จนตนรับไม่ไหว