ASTV ผู้จัดการรายวัน - เน็กซัสฯชี้ตลาดคอนโดกรุงเทพฯโตต่อเนื่อง หลังผลพวงการขยายตัวของระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ คาดปี57ราคาปรับขึ้นอีก 3-5% เผย ติวานนท์-รัตนาธิเบศร์ อัตราการขยายตัวสูงสุดกว่า 123% ระบุสถานการณ์ตลาดรวมผู้ประกอบการรายใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ยังเป็นผู้ชี้นำ เหตุสามารถทำต้นทุนได้มากกว่า อัตราต่อรองที่ดีกว่า เผยกว่า 70 % ของคอนโดเกิดใหม่ในปี56 มาจากบริษัทจดทะเบียน
นางนลินรัตน์ เจริญสุพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ที่ปรึกษาด้านการตลาด และการขายโครงการอสังหาริมทรัพย์ กล่าวถึงการเติบโตของตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่กรุงเทพฯ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาว่า การเติบโตของคอนโดในกรุงเทพฯ เพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจน หลังจากได้รับปัจจัยบวกจากการพัฒนาระบบการขนส่งมวลชนสาธารณะทั้งเส้นทางหลัก และส่วนต่อขยาย โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ชานเมือง
จากการวิเคราะห์ตลาดในช่วงเดือนธ.ค.54 พบว่าซับพลายคอนโดรวมกรุงเทพฯมีจำนวน 223,371 ยูนิต ขณะที่ไตรมาส 3 ของปี 56 มีจำนวนคอนโดรวม 325,518 ยูนิต เพิ่มขึ้น 45% จากปี54โดยพื้นที่ที่มีจำนวนคอนโดเกิดขึ้นมากที่สุดในปัจจุบัน คือ ทำเลโซนพระโขนง-สวนหลวง-แบริ่ง โดยมีจำนวน 68,900 ยูนิต ส่วนในโซนเขตพญาไท-รัชดาภิเษก มี 62,400 ยูนิต และโซนติวานนท์-รัตนาธิเบศร์ มีจำนวน 38,300 ยูนิต
อย่างไรก็ตามเมือพิจารณาโซนที่มีการขยายตัวของคอนโดสูงสุด 3อันดับแรกนับจากไตรมาส 4/2554 – ไตรมาส 3/2556 พบว่า ย่าน ติวานนท์-รัตนาธิเบศร์ มีอัตราการขยายตัวของซับพลายเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 123% รองลงมาคือ โซน ธนบุรี-ราชพฤกษ์-เพชรเกษม มีอัตราการขยายตัวสูงถึง101% ถัดมาคือโซนพระโขนง มีอัตราการขยายตัวถึง 59%
ทั้งนี้ เมื่อพิจาณาถึงความต้องการคอนโดในช่วงปลายปี 55 พบว่าอัตราการขายคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯอยู่ที่ 88 % และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 92 %ในสิ้นปีนี้ ขณะที่ ราคาเฉลี่ยของคอนโดในกรุงเทพ อยู่ที่ 89,000 บาท/ ตารางเมตร(ตร.ม.) โดยราคาเฉลี่ยค่อยๆ ปรับสูงขึ้น เนื่องจากการปรับตัวขึ้นของต้นทุนการพัฒนาโครงการ เช่น ราคาที่ดิน ราคาวัสดุก่อสร้าง และค่าแรง
“การที่รักษาระดับราคาขายให้คงที่ ทำให้ผู้ประกอบการหลายๆรายเลือกที่จะปรับขนาดห้องชุดให้เล็กลง เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถซื้อคอนโดได้ในราคาเดิม โดยจะให้ความสำคัญในการจัดวางพื้นที่ใช้สอยภายในห้องเพื่อได้พื้นที่ใช้สอยที่ได้รับประโยชน์สูงสุด”
นางนลินรัตน์ กล่าวว่า การเติบโตของตลาดคอนโด ถูกคาดการณ์ว่าจะเกิดภาวะโอเวอร์ซับพลาย เพราะมีโครงการเกิดขึ้นจำนวนมาก แต่จากข้อมูลการวิเคราะห์พบว่า แม้จะมีการเติบโตจะสูงขึ้นมาก แต่เมื่อเทียบกับความต้องการ กลับตรงกันข้าม เพราะจำนวนครัวเรือนในกรุงเทพปัจจุบัน มีมากว่า 5 ล้านครัวเรือน เมื่อเทียบแล้ว มีซับพลายที่ถูกพัฒนาขึ้นใหม่ คิดเป็น 10% เท่านั้น
ทั้งนี้ ปัจจัยหลักในการผลักดันการเติบโตของตลาดคอนโด ส่วนหนึ่ง คือภาวะเศรษฐกิจ และความมั่นคงทางการเมือง แต่อย่างไรก็คาดว่า คอนโดมีราคาเพิ่มขึ้น 3-5% ในช่วงระยะเวลา 6 เดือนถึงหนึ่งปีข้างหน้า และผู้พัฒนาอสังหาฯรายใหญ่ยังคงมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาโครงการคอนโดอย่างมาก โดยในช่วงที่ผ่านมาพบว่าจำนวนคอนโดมิเนียมที่เกิดขึ้นมาจากบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ถึง 70% ของอุปทานรวม
นางนลินรัตน์ เจริญสุพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ที่ปรึกษาด้านการตลาด และการขายโครงการอสังหาริมทรัพย์ กล่าวถึงการเติบโตของตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่กรุงเทพฯ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาว่า การเติบโตของคอนโดในกรุงเทพฯ เพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจน หลังจากได้รับปัจจัยบวกจากการพัฒนาระบบการขนส่งมวลชนสาธารณะทั้งเส้นทางหลัก และส่วนต่อขยาย โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ชานเมือง
จากการวิเคราะห์ตลาดในช่วงเดือนธ.ค.54 พบว่าซับพลายคอนโดรวมกรุงเทพฯมีจำนวน 223,371 ยูนิต ขณะที่ไตรมาส 3 ของปี 56 มีจำนวนคอนโดรวม 325,518 ยูนิต เพิ่มขึ้น 45% จากปี54โดยพื้นที่ที่มีจำนวนคอนโดเกิดขึ้นมากที่สุดในปัจจุบัน คือ ทำเลโซนพระโขนง-สวนหลวง-แบริ่ง โดยมีจำนวน 68,900 ยูนิต ส่วนในโซนเขตพญาไท-รัชดาภิเษก มี 62,400 ยูนิต และโซนติวานนท์-รัตนาธิเบศร์ มีจำนวน 38,300 ยูนิต
อย่างไรก็ตามเมือพิจารณาโซนที่มีการขยายตัวของคอนโดสูงสุด 3อันดับแรกนับจากไตรมาส 4/2554 – ไตรมาส 3/2556 พบว่า ย่าน ติวานนท์-รัตนาธิเบศร์ มีอัตราการขยายตัวของซับพลายเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 123% รองลงมาคือ โซน ธนบุรี-ราชพฤกษ์-เพชรเกษม มีอัตราการขยายตัวสูงถึง101% ถัดมาคือโซนพระโขนง มีอัตราการขยายตัวถึง 59%
ทั้งนี้ เมื่อพิจาณาถึงความต้องการคอนโดในช่วงปลายปี 55 พบว่าอัตราการขายคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯอยู่ที่ 88 % และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 92 %ในสิ้นปีนี้ ขณะที่ ราคาเฉลี่ยของคอนโดในกรุงเทพ อยู่ที่ 89,000 บาท/ ตารางเมตร(ตร.ม.) โดยราคาเฉลี่ยค่อยๆ ปรับสูงขึ้น เนื่องจากการปรับตัวขึ้นของต้นทุนการพัฒนาโครงการ เช่น ราคาที่ดิน ราคาวัสดุก่อสร้าง และค่าแรง
“การที่รักษาระดับราคาขายให้คงที่ ทำให้ผู้ประกอบการหลายๆรายเลือกที่จะปรับขนาดห้องชุดให้เล็กลง เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถซื้อคอนโดได้ในราคาเดิม โดยจะให้ความสำคัญในการจัดวางพื้นที่ใช้สอยภายในห้องเพื่อได้พื้นที่ใช้สอยที่ได้รับประโยชน์สูงสุด”
นางนลินรัตน์ กล่าวว่า การเติบโตของตลาดคอนโด ถูกคาดการณ์ว่าจะเกิดภาวะโอเวอร์ซับพลาย เพราะมีโครงการเกิดขึ้นจำนวนมาก แต่จากข้อมูลการวิเคราะห์พบว่า แม้จะมีการเติบโตจะสูงขึ้นมาก แต่เมื่อเทียบกับความต้องการ กลับตรงกันข้าม เพราะจำนวนครัวเรือนในกรุงเทพปัจจุบัน มีมากว่า 5 ล้านครัวเรือน เมื่อเทียบแล้ว มีซับพลายที่ถูกพัฒนาขึ้นใหม่ คิดเป็น 10% เท่านั้น
ทั้งนี้ ปัจจัยหลักในการผลักดันการเติบโตของตลาดคอนโด ส่วนหนึ่ง คือภาวะเศรษฐกิจ และความมั่นคงทางการเมือง แต่อย่างไรก็คาดว่า คอนโดมีราคาเพิ่มขึ้น 3-5% ในช่วงระยะเวลา 6 เดือนถึงหนึ่งปีข้างหน้า และผู้พัฒนาอสังหาฯรายใหญ่ยังคงมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาโครงการคอนโดอย่างมาก โดยในช่วงที่ผ่านมาพบว่าจำนวนคอนโดมิเนียมที่เกิดขึ้นมาจากบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ถึง 70% ของอุปทานรวม
