พบผู้ประกอบการรายย่อยขายเหล้าวันลอยกระทงกว่า 53 ราย เผยหลังประชาสัมพันธ์สถานการณ์ทำความผิดลดลง ผู้ประกอบการรายใหญ่ให้ความร่วมมือเพิ่ม
วันนี้ (18 พ.ย.) นพ.สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กล่าวว่า จากมาตรการควบคุมการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครี่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ในช่วงเทศกาลลอยกระทง เจ้าหน้าที่ได้ออกตรวจและบังคับใช้กฎหมาย โดยพบการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ตั้งแต่วันที่ 15-17 พ.ย.จากการออกตรวจ 417 ราย พบการกระทำผิด 53 ราย แบ่งเป็นใน จ.เชียงใหม่ ดำเนินการตรวจ 121 ราย กระทำผิด 40 ราย เป็นความผิดตามมาตรา 32 เรื่อง การโฆษณาสื่อสารการตลาด มีการลด แลก แจก แถม มีโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 5แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ที่ จ.ตาก ดำเนินการตรวจ 116 ราย พบกระทำผิด 1 ราย จากการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง มีโทษสูงสุดจำคุก 6 เดือน ปรับ 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ที่ จ.สุโขทัย ดำเนินการตรวจ 112 ราย พบกระทำผิด 12 ราย แบ่งเป็น การดื่มในสวนสาธารณะของอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย มีโทษสูงสุดจำคุก 6 เดือน ปรับ 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง และกระทำผิดตามมาตรา 32 เรื่องการโฆษณาสื่อสารการตลาด และใน จ.อยุธยา สุพรรณบุรี ดำเนินการตรวจ 68 ราย ไม่พบการกระทำผิด
นพ.สมาน กล่าวต่อว่า จากการบังคับใช้กฎหมาย พบว่า ฐานความผิดที่พบส่วนใหญ่เป็นการกระทำความผิดโดยผู้ประกอบการรายย่อย ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณา หรือการขายเครื่องดื่มในสถานีบริการเชื้อเพลิง ที่มักแอบกระทำความผิด จึงจำเป็นต้องกวดขันและบังคับใช้กฎหมายในกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยอย่างต่อเนื่อง ส่วนประชาชนที่กระทำความผิด เรื่องการดื่มในสถานที่ห้ามนั้น ส่วนใหญ่พบว่าสถานที่ต่างๆ จะมีการประกาศให้ทราบ แต่หากสถานที่ใดไม่มีการบังคับใช้กฎหมายหรือจับจริงๆ ก็พบว่า ประชาชนมักจะละเมิดและกระทำความผิดขึ้น จึงต้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน และผู้ประกอบการรายย่อยทราบ ไปพร้อมกับการบังคับใช้กฎหมายด้วย อย่างไรก็ตาม พบว่าสถานการณ์กระทำความผิดมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ให้ความร่วมมือและไม่ละเมิดต่อกฎหมาย
วันนี้ (18 พ.ย.) นพ.สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กล่าวว่า จากมาตรการควบคุมการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครี่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ในช่วงเทศกาลลอยกระทง เจ้าหน้าที่ได้ออกตรวจและบังคับใช้กฎหมาย โดยพบการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ตั้งแต่วันที่ 15-17 พ.ย.จากการออกตรวจ 417 ราย พบการกระทำผิด 53 ราย แบ่งเป็นใน จ.เชียงใหม่ ดำเนินการตรวจ 121 ราย กระทำผิด 40 ราย เป็นความผิดตามมาตรา 32 เรื่อง การโฆษณาสื่อสารการตลาด มีการลด แลก แจก แถม มีโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 5แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ที่ จ.ตาก ดำเนินการตรวจ 116 ราย พบกระทำผิด 1 ราย จากการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง มีโทษสูงสุดจำคุก 6 เดือน ปรับ 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ที่ จ.สุโขทัย ดำเนินการตรวจ 112 ราย พบกระทำผิด 12 ราย แบ่งเป็น การดื่มในสวนสาธารณะของอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย มีโทษสูงสุดจำคุก 6 เดือน ปรับ 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง และกระทำผิดตามมาตรา 32 เรื่องการโฆษณาสื่อสารการตลาด และใน จ.อยุธยา สุพรรณบุรี ดำเนินการตรวจ 68 ราย ไม่พบการกระทำผิด
นพ.สมาน กล่าวต่อว่า จากการบังคับใช้กฎหมาย พบว่า ฐานความผิดที่พบส่วนใหญ่เป็นการกระทำความผิดโดยผู้ประกอบการรายย่อย ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณา หรือการขายเครื่องดื่มในสถานีบริการเชื้อเพลิง ที่มักแอบกระทำความผิด จึงจำเป็นต้องกวดขันและบังคับใช้กฎหมายในกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยอย่างต่อเนื่อง ส่วนประชาชนที่กระทำความผิด เรื่องการดื่มในสถานที่ห้ามนั้น ส่วนใหญ่พบว่าสถานที่ต่างๆ จะมีการประกาศให้ทราบ แต่หากสถานที่ใดไม่มีการบังคับใช้กฎหมายหรือจับจริงๆ ก็พบว่า ประชาชนมักจะละเมิดและกระทำความผิดขึ้น จึงต้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน และผู้ประกอบการรายย่อยทราบ ไปพร้อมกับการบังคับใช้กฎหมายด้วย อย่างไรก็ตาม พบว่าสถานการณ์กระทำความผิดมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ให้ความร่วมมือและไม่ละเมิดต่อกฎหมาย
