ASTVผู้จัดการรายวัน-"เทือก"เดินหน้าล้มระบอบทักษิณ ยัน 24 พ.ย.นี้ชุมนุมใหญ่ มั่นใจสิ้นเดือนจบ ด้านส.ส.เพื่อไทย ร่อนหนังสือถึงสถานทูต อ้อนร่วมต้านม็อบ "แรมโบ้"จัดฉากแถลงข่าววันนี้ ซัดม็อบราชดำเนินซ่องสุมอาวุธ ศอ.รส.ปล่อยข่าวกลุ่ม "กระเบนธง" เตรียมป่วนกรุง ด้านนปช. ลั่นไม่รับคำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญ ยุรัฐบาลแก้ทั้งฉบับไปเลย ส่วนคนเสื้อแดงม้วนเสื่อเก็บข้าวของกลับบ้านแล้ว
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะแกนนำผู้ชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เปิดเผยภายหลังที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นที่มาของ ส.ว.ตามมาตรา 68 ว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ว่า เวทีนี้จะไม่มีการยุติการชุมนุมในวันที่ 24 พ.ย.นี้ แต่ยังคงเจตนารมณ์ที่จะต่อสู้ต่อไป จนกว่าจะได้รับชัยชนะ ซึ่งกำหนดไว้ว่าไม่เกินวันที่ 30 พ.ย. นั่นก็คือ จะต้องขจัดระบอบทักษิณให้สิ้นไปจากแผ่นดินไทย เพราะการยุบสภา หรือลาออกไม่ได้รับประกันว่าระบอบทักษิณ จะหมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทย ถ้ารัฐบาลตัดสินใจยุบสภาเพื่อแก้ไขปัญหาทางการเมือง ก็คงคาดหวังที่จะใช้การเลือกตั้งใหม่ฟอกตัวเอง
ทั้งนี้ คำวินิจฉัย ถือเป็นใบเสร็จมัดพฤติกรรมของ ส.ส. และ.ส.ว.ฝ่ายรัฐบาล โดยพฤติกรรมเหล่านี้ปรากฏในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่จะต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์การเมืองของประเทศไทย เป็นแนวทางปฏิบัติสืบต่อไปในวันข้างหน้า เสียงข้างมาก ไม่ได้หมายความว่าถูกต้องเสมอไป ถ้าพฤติกรรมไม่บริสุทธิ์ ไม่เป็นไปเพื่อประโยชน์ต่อประเทศชาติ และประชาชนเป็นที่ตั้ง
“การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นำร่างดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าฯ ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยไม่ฟังเสียงทักท้วงว่าควรรอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ชัดเจนก่อน เพราะไม่ควรดำเนินการใดๆ ให้เป็นที่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท แต่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ยับยั้งชั่งใจ ลุแก่อำนาจ บังอาจเสนอร่างที่เป็นปัญหาขึ้นกราบบังคมทูลต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นเรื่องที่ประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ต้องพิจารณาถึงพฤติกรรมที่มิบังควรของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต่อไป รวมถึงความผิดอื่นอีกมากมายที่ทำต่อประเทศชาติ จนนับไม่ถ้วน”
วันเดียวกันนี้ นายสุเทพ พร้อมด้วยอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์อีก 8 คน ได้นำรายชื่อประชาชน จำนวน 77กล่อง หรือ 115,500 รายชื่อ ยื่นต่อประธานวุฒิสภา เพื่อถอดถอน ส.ส. 310 คน ที่ลงมติผ่าน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดยนายสุเทพ ระบุว่า สาเหตุที่จำเป็นต้องนำรายชื่อมาจำนวนมากขนาดนี้ เพื่อต้องการให้ ส.ส.เหล่านั้นรับรู้ว่า ยังมีประชาชนจำนวนมากที่ไม่ต้องการพวกคุณ
***แดงเก็บข้าวของเดินทางกลับบ้าน
ส่วนการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ได้มีการถ่ายทอดสดการอ่านคำวินิจฉัยขึ้นบนจอโปรเจกเตอร์ขนาดใหญ่ และเมื่ออ่านคำวินิจฉัยเสร็จ โดยไม่มีการยุบพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ตัดสิทธิทางการเมือง312 ส.ส.-ส.ว. ทำให้คนเสื้อแดงไชโยโห่ร้อง และบางส่วนได้เริ่มเก็บของเดินทางกลับบ้าน
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้กล่าวสรุปสั้นๆ ว่า จบแล้วสำหรับร่างแก้ไขนี้ สำหรับนายสุเทพ ที่หวังจะมีส้มหล่นตัดสิทธิ ส.ส.-ส.ว.แล้วยุบพรรค แต่บทสรุปคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ คือ สู้กันต่อ ชกต่อกันไปอีก ระฆังแก้รัฐธรรมนูญหมดยกแล้ว ต่อไปนี้ระฆังการต่อสู้เพื่อปกป้องประชาธิปไตยเพื่อต่อต้านอำนาจนอกระบบดังขึ้นแล้ว
ขณะที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. กล่าวว่า ขอบคุณศาลที่ทำให้ชะตากรรมประเทศไทยได้แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ
ต่อมาเวลา 19.00 น. นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธาน นปช. ได้ประกาศบนเวทีของคนเสื้อแดงถึงจุดยืนของคนเสื้อแดงว่า ยังเหมือนเดิม คือ ปฏิเสธคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญที่ใช้อำนาจแทรกแซง อำนาจนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร ที่ผ่านมา ทางกลุ่มนปช.ได้ยื่นถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไปแล้ว แต่เรื่องไปค้างอยู่ที่ป.ป.ช. อยากถามว่า ป.ป.ช.เอาไปดองไว้ทำไม และขอเรียกร้องต่อรัฐบาลต่อรัฐสภา ขอให้เดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 ให้ได้ โดยผ่านวาระ 3 หรือไม่ก็แก้ทั้งฉบับไปเลย
นางธิดากล่าวอีกว่า เราอาจจะแยกย้ายกันกลับบ้านไปก่อน แต่เราต้องกลับบ้านอย่างเข้าใจ จึงอยากให้พี่น้องกลับไปเตรียมตัวสำหรับการต่อสู้ เพราะเรายังไม่ยอมแพ้ เราจะอยู่ในที่มั่นอย่างมีความรู้ มีสติ แล้วเราจะชนะหัวใจประชาชนไทย
**"คปท."บุกป.ป.ช.จี้เอาผิด 312ส.ส.-ส.ว.
นายอุทัย ยอดมณี ผู้ประสานงานกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาและประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) กล่าวภายหลังฟังผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่า การที่ ส.ส.และส.ว. 312 คน แถลงไม่รับคำตัดสินของศาลนั้น ทำให้วันที่ 21 พ.ย.นี้ กลุ่ม คปท.จะเดินทางไปยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช. ) เวลา 11.00 น. ให้เอาผิดกับ 312 คนดังกล่าว ทั้งนี้ จุดยืนคปท.ยังเป็นเช่นเดิม ขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ โค่นล้มระบอบทักษิณ ปฏิรูปประเทศไทย
**พท.ส่งหนังสือถึงสถานทูตร่วมต้านม็อบ
ทางด้านความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทย นำโดยน.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวานิช ส.ส.กรุงเทพฯ , น.ส.วีสารดี เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย ,นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒ์ ส.ส.เชียงใหม่ และ น.ส.ตวงรัตน์ โล่ห์สุนทร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ร่วมกันแถลงข่าวว่า 10 ส.ส.พรรคเพื่อไทย ร่วมลงชื่อในหนังสือแจ้งสถานการณ์การเมือง ยื่นต่อสถานทูตต่างประเทศ เช่น สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร จีน และอินโดนีเซีย เป็นต้น เพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์การเมืองที่เป็นจริง และขอให้สนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง โดยปฏิเสธอำนาจนอกระบบ ที่อาจจะใช้กลไกทางกระบวนการยุติธรรมที่ผิดปกติ ในการตัดสินตีความกฎหมายเพื่อโค่นล้มรัฐบาลของประชาชนโดยไม่เป็นธรรม
*** "สุภรณ์"จัดแถลง"ม็อบเทือก"มีอาวุธ
นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้นำบันทึกปากคำของ นายเต้ย จักราช อายุ 23 ปี อส.ทพ. สังกัดกรมทหารพราน 42 อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งอ้างว่า รู้เห็นการขนอาวุธสงครามเข้ามาในพื้นที่การชุมนุมของนายสุเทพ มาแสดงต่อสื่อมวลชน พร้อมกับกล่าวว่า ขณะนี้นายเต้ย มาอยู่ในความดูแลเรียบร้อยแล้ว โดยเมื่อวันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมา พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และ พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกฯ ได้มีการสอบปากคำ ดูพยานหลักฐาน และเซ็นบันทึกปากคำเรียบร้อยแล้ว ต่อจากนั้นจะให้ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกฯ สอบปากคำอีกครั้ง ซึ่งในวันที่ 21 พ.ย. เวลา 10.00 น. ตนจะนำนายเต้ย มาให้สื่อมวลชนได้ซักถามกันอย่างเต็มที่ ที่ทำเนียบรัฐบาล
**ศอ.รส.สั่งจับตากลุ่ม "กระเบนธง"
พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) กล่าวว่า เวทีการชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จะมีการยกระดับการชุมนุมสูงสุดในวันที่ 24 พ.ย.นี้ โดยการข่าวล่าสุดมีรายงานว่า จะมีกลุ่มเจ้าหน้าที่การ์ดประมาณ 30 คน ซึ่งใช้ชื่อว่า "กระเบนธง" มีการเคลื่อนไหว โดยใช้แท็กซี่เป็นยานพาหนะ แต่ยังไม่ทราบเป้าหมายที่ชัดเจน โดยฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างการติดตามและตรวจสอบอย่างใกล้ชิด อีกทั้งได้สั่งการไปยังผู้บัญชาการตำรวจภูธรทุกภาค จับตาการเคลื่อนไหวของมวลชนในพื้นที่ว่าจะเคลื่อนเข้ามาสมทบในกรุงเทพฯ หรือรวมตัวที่ศาลากลางจังหวัดต่างๆ รวมถึงกิจกรรมและเป้าหมายของแต่ละกลุ่ม
** "เทือก"ย้ำ 24 พ.ย.มีนัดเหมือนเดิม
เมื่อเวลา 20.00 น. นายสุเทพ ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยที่เวทีราชดำเนินว่า วันนี้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้แสดงให้สังคมเห็นแล้วว่า เป็นคนเที่ยงธรรม และใช้วิจารญาณเพื่อประชาชนและชาติอย่างแท้จริง นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานรัฐสภา ส.ส. และ ส.ว.ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ แน่นอนว่า อนาคตพวกเขาเหล่านั้นกำลังจะเดินไปติดคุก
ทั้งนี้ นายสุเทพย้ำว่า กำหนดการ วันที่ 24 พ.ย.นี้ ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เพราะนัดนี้สำคัญกว่านัดอื่น เนื่องจากเป็นนัดเพื่อชาติ ความชั่วช้าของระบอบทักษิณยังมีอีกมาก เราจึงไม่สามารรถให้ระบอบทักษิณดำรงอยู่ได้
**พท.แนะปธ.สภาฯรับญัตติครึ่งเดียว
ที่รัฐสภา มีความเคลื่อนไหวการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ และนายพิชิต ชื่นบาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะวิปรัฐบาล ร่วมกันแถลงถึงการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย โดยระบุว่า ขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันจะไม่ยื่นสำเนาคำร้องยื่นถอดถอนเพิ่มเติมในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทั้งที่ยื่นญัตติเรื่องนี้ ถือว่ากำลังทำความผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 และ มาตรา271 รวมทั้งกำลังข่มขู่ประธานสภาฯ ว่าจะยื่นถอดถอน ข้อหาช่วยเหลือรัฐบาล ถือว่าพรรคประชาธิปัตย์กำลังทำผิด มาตรา 123
ทางด้านนายพิชิต กล่าวว่า การยื่นญัตติทำไม่ครบตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 วรรค ที่บัญญัติว่า “การยื่นญัตติเกี่ยวกับการทุจริตต่อหน้าที่ และกระทำผิดต่อกฎหมาย จะต้องยื่นคำร้องขอตาม มาตรา 271” ดังนั้น ประธานสภาฯ จะดำเนินการต่อไปไม่ได้ จึงจะเสนอให้ประธานสภาฯ รับญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเพียงครึ่งเดียว คือ ส่วนที่เกี่ยวข้องกับความบกพร่องการบริหารราชการแผ่นดินเท่านั้น
** ฝ่ายค้านยันไม่ส่งสำเนาเพิ่ม
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมา นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาฯ ทำหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ เพื่อขอให้แนบสำเนาคำร้องถอดถอนเพิ่มเติม ในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ได้ทำหนังสือตอบกลับว่า สิ่งที่ฝ่ายค้านยื่นมีความสมบูรณ์ครบถ้วนแล้ว ดังนั้นฝ่ายค้านจะไม่ส่งสำเนาเพิ่มเติม
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะแกนนำผู้ชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เปิดเผยภายหลังที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นที่มาของ ส.ว.ตามมาตรา 68 ว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ว่า เวทีนี้จะไม่มีการยุติการชุมนุมในวันที่ 24 พ.ย.นี้ แต่ยังคงเจตนารมณ์ที่จะต่อสู้ต่อไป จนกว่าจะได้รับชัยชนะ ซึ่งกำหนดไว้ว่าไม่เกินวันที่ 30 พ.ย. นั่นก็คือ จะต้องขจัดระบอบทักษิณให้สิ้นไปจากแผ่นดินไทย เพราะการยุบสภา หรือลาออกไม่ได้รับประกันว่าระบอบทักษิณ จะหมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทย ถ้ารัฐบาลตัดสินใจยุบสภาเพื่อแก้ไขปัญหาทางการเมือง ก็คงคาดหวังที่จะใช้การเลือกตั้งใหม่ฟอกตัวเอง
ทั้งนี้ คำวินิจฉัย ถือเป็นใบเสร็จมัดพฤติกรรมของ ส.ส. และ.ส.ว.ฝ่ายรัฐบาล โดยพฤติกรรมเหล่านี้ปรากฏในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่จะต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์การเมืองของประเทศไทย เป็นแนวทางปฏิบัติสืบต่อไปในวันข้างหน้า เสียงข้างมาก ไม่ได้หมายความว่าถูกต้องเสมอไป ถ้าพฤติกรรมไม่บริสุทธิ์ ไม่เป็นไปเพื่อประโยชน์ต่อประเทศชาติ และประชาชนเป็นที่ตั้ง
“การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นำร่างดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าฯ ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยไม่ฟังเสียงทักท้วงว่าควรรอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ชัดเจนก่อน เพราะไม่ควรดำเนินการใดๆ ให้เป็นที่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท แต่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ยับยั้งชั่งใจ ลุแก่อำนาจ บังอาจเสนอร่างที่เป็นปัญหาขึ้นกราบบังคมทูลต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นเรื่องที่ประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ต้องพิจารณาถึงพฤติกรรมที่มิบังควรของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต่อไป รวมถึงความผิดอื่นอีกมากมายที่ทำต่อประเทศชาติ จนนับไม่ถ้วน”
วันเดียวกันนี้ นายสุเทพ พร้อมด้วยอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์อีก 8 คน ได้นำรายชื่อประชาชน จำนวน 77กล่อง หรือ 115,500 รายชื่อ ยื่นต่อประธานวุฒิสภา เพื่อถอดถอน ส.ส. 310 คน ที่ลงมติผ่าน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดยนายสุเทพ ระบุว่า สาเหตุที่จำเป็นต้องนำรายชื่อมาจำนวนมากขนาดนี้ เพื่อต้องการให้ ส.ส.เหล่านั้นรับรู้ว่า ยังมีประชาชนจำนวนมากที่ไม่ต้องการพวกคุณ
***แดงเก็บข้าวของเดินทางกลับบ้าน
ส่วนการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ได้มีการถ่ายทอดสดการอ่านคำวินิจฉัยขึ้นบนจอโปรเจกเตอร์ขนาดใหญ่ และเมื่ออ่านคำวินิจฉัยเสร็จ โดยไม่มีการยุบพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ตัดสิทธิทางการเมือง312 ส.ส.-ส.ว. ทำให้คนเสื้อแดงไชโยโห่ร้อง และบางส่วนได้เริ่มเก็บของเดินทางกลับบ้าน
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้กล่าวสรุปสั้นๆ ว่า จบแล้วสำหรับร่างแก้ไขนี้ สำหรับนายสุเทพ ที่หวังจะมีส้มหล่นตัดสิทธิ ส.ส.-ส.ว.แล้วยุบพรรค แต่บทสรุปคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ คือ สู้กันต่อ ชกต่อกันไปอีก ระฆังแก้รัฐธรรมนูญหมดยกแล้ว ต่อไปนี้ระฆังการต่อสู้เพื่อปกป้องประชาธิปไตยเพื่อต่อต้านอำนาจนอกระบบดังขึ้นแล้ว
ขณะที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. กล่าวว่า ขอบคุณศาลที่ทำให้ชะตากรรมประเทศไทยได้แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ
ต่อมาเวลา 19.00 น. นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธาน นปช. ได้ประกาศบนเวทีของคนเสื้อแดงถึงจุดยืนของคนเสื้อแดงว่า ยังเหมือนเดิม คือ ปฏิเสธคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญที่ใช้อำนาจแทรกแซง อำนาจนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร ที่ผ่านมา ทางกลุ่มนปช.ได้ยื่นถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไปแล้ว แต่เรื่องไปค้างอยู่ที่ป.ป.ช. อยากถามว่า ป.ป.ช.เอาไปดองไว้ทำไม และขอเรียกร้องต่อรัฐบาลต่อรัฐสภา ขอให้เดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 ให้ได้ โดยผ่านวาระ 3 หรือไม่ก็แก้ทั้งฉบับไปเลย
นางธิดากล่าวอีกว่า เราอาจจะแยกย้ายกันกลับบ้านไปก่อน แต่เราต้องกลับบ้านอย่างเข้าใจ จึงอยากให้พี่น้องกลับไปเตรียมตัวสำหรับการต่อสู้ เพราะเรายังไม่ยอมแพ้ เราจะอยู่ในที่มั่นอย่างมีความรู้ มีสติ แล้วเราจะชนะหัวใจประชาชนไทย
**"คปท."บุกป.ป.ช.จี้เอาผิด 312ส.ส.-ส.ว.
นายอุทัย ยอดมณี ผู้ประสานงานกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาและประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) กล่าวภายหลังฟังผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่า การที่ ส.ส.และส.ว. 312 คน แถลงไม่รับคำตัดสินของศาลนั้น ทำให้วันที่ 21 พ.ย.นี้ กลุ่ม คปท.จะเดินทางไปยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช. ) เวลา 11.00 น. ให้เอาผิดกับ 312 คนดังกล่าว ทั้งนี้ จุดยืนคปท.ยังเป็นเช่นเดิม ขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ โค่นล้มระบอบทักษิณ ปฏิรูปประเทศไทย
**พท.ส่งหนังสือถึงสถานทูตร่วมต้านม็อบ
ทางด้านความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทย นำโดยน.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวานิช ส.ส.กรุงเทพฯ , น.ส.วีสารดี เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย ,นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒ์ ส.ส.เชียงใหม่ และ น.ส.ตวงรัตน์ โล่ห์สุนทร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ร่วมกันแถลงข่าวว่า 10 ส.ส.พรรคเพื่อไทย ร่วมลงชื่อในหนังสือแจ้งสถานการณ์การเมือง ยื่นต่อสถานทูตต่างประเทศ เช่น สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร จีน และอินโดนีเซีย เป็นต้น เพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์การเมืองที่เป็นจริง และขอให้สนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง โดยปฏิเสธอำนาจนอกระบบ ที่อาจจะใช้กลไกทางกระบวนการยุติธรรมที่ผิดปกติ ในการตัดสินตีความกฎหมายเพื่อโค่นล้มรัฐบาลของประชาชนโดยไม่เป็นธรรม
*** "สุภรณ์"จัดแถลง"ม็อบเทือก"มีอาวุธ
นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้นำบันทึกปากคำของ นายเต้ย จักราช อายุ 23 ปี อส.ทพ. สังกัดกรมทหารพราน 42 อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งอ้างว่า รู้เห็นการขนอาวุธสงครามเข้ามาในพื้นที่การชุมนุมของนายสุเทพ มาแสดงต่อสื่อมวลชน พร้อมกับกล่าวว่า ขณะนี้นายเต้ย มาอยู่ในความดูแลเรียบร้อยแล้ว โดยเมื่อวันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมา พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และ พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกฯ ได้มีการสอบปากคำ ดูพยานหลักฐาน และเซ็นบันทึกปากคำเรียบร้อยแล้ว ต่อจากนั้นจะให้ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกฯ สอบปากคำอีกครั้ง ซึ่งในวันที่ 21 พ.ย. เวลา 10.00 น. ตนจะนำนายเต้ย มาให้สื่อมวลชนได้ซักถามกันอย่างเต็มที่ ที่ทำเนียบรัฐบาล
**ศอ.รส.สั่งจับตากลุ่ม "กระเบนธง"
พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) กล่าวว่า เวทีการชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จะมีการยกระดับการชุมนุมสูงสุดในวันที่ 24 พ.ย.นี้ โดยการข่าวล่าสุดมีรายงานว่า จะมีกลุ่มเจ้าหน้าที่การ์ดประมาณ 30 คน ซึ่งใช้ชื่อว่า "กระเบนธง" มีการเคลื่อนไหว โดยใช้แท็กซี่เป็นยานพาหนะ แต่ยังไม่ทราบเป้าหมายที่ชัดเจน โดยฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างการติดตามและตรวจสอบอย่างใกล้ชิด อีกทั้งได้สั่งการไปยังผู้บัญชาการตำรวจภูธรทุกภาค จับตาการเคลื่อนไหวของมวลชนในพื้นที่ว่าจะเคลื่อนเข้ามาสมทบในกรุงเทพฯ หรือรวมตัวที่ศาลากลางจังหวัดต่างๆ รวมถึงกิจกรรมและเป้าหมายของแต่ละกลุ่ม
** "เทือก"ย้ำ 24 พ.ย.มีนัดเหมือนเดิม
เมื่อเวลา 20.00 น. นายสุเทพ ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยที่เวทีราชดำเนินว่า วันนี้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้แสดงให้สังคมเห็นแล้วว่า เป็นคนเที่ยงธรรม และใช้วิจารญาณเพื่อประชาชนและชาติอย่างแท้จริง นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานรัฐสภา ส.ส. และ ส.ว.ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ แน่นอนว่า อนาคตพวกเขาเหล่านั้นกำลังจะเดินไปติดคุก
ทั้งนี้ นายสุเทพย้ำว่า กำหนดการ วันที่ 24 พ.ย.นี้ ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เพราะนัดนี้สำคัญกว่านัดอื่น เนื่องจากเป็นนัดเพื่อชาติ ความชั่วช้าของระบอบทักษิณยังมีอีกมาก เราจึงไม่สามารรถให้ระบอบทักษิณดำรงอยู่ได้
**พท.แนะปธ.สภาฯรับญัตติครึ่งเดียว
ที่รัฐสภา มีความเคลื่อนไหวการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ และนายพิชิต ชื่นบาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะวิปรัฐบาล ร่วมกันแถลงถึงการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย โดยระบุว่า ขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันจะไม่ยื่นสำเนาคำร้องยื่นถอดถอนเพิ่มเติมในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทั้งที่ยื่นญัตติเรื่องนี้ ถือว่ากำลังทำความผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 และ มาตรา271 รวมทั้งกำลังข่มขู่ประธานสภาฯ ว่าจะยื่นถอดถอน ข้อหาช่วยเหลือรัฐบาล ถือว่าพรรคประชาธิปัตย์กำลังทำผิด มาตรา 123
ทางด้านนายพิชิต กล่าวว่า การยื่นญัตติทำไม่ครบตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 วรรค ที่บัญญัติว่า “การยื่นญัตติเกี่ยวกับการทุจริตต่อหน้าที่ และกระทำผิดต่อกฎหมาย จะต้องยื่นคำร้องขอตาม มาตรา 271” ดังนั้น ประธานสภาฯ จะดำเนินการต่อไปไม่ได้ จึงจะเสนอให้ประธานสภาฯ รับญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเพียงครึ่งเดียว คือ ส่วนที่เกี่ยวข้องกับความบกพร่องการบริหารราชการแผ่นดินเท่านั้น
** ฝ่ายค้านยันไม่ส่งสำเนาเพิ่ม
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมา นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาฯ ทำหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ เพื่อขอให้แนบสำเนาคำร้องถอดถอนเพิ่มเติม ในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ได้ทำหนังสือตอบกลับว่า สิ่งที่ฝ่ายค้านยื่นมีความสมบูรณ์ครบถ้วนแล้ว ดังนั้นฝ่ายค้านจะไม่ส่งสำเนาเพิ่มเติม
