xs
xsm
sm
md
lg

สภาทาสพล่านกดดันศาล ผวา!ยุบพรรค "ปู"สั่ง"เหลิม"สกัดม็อบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน - "เพื่อไทย"พล่าน กดดันศาลรธน. ประธานสภาประสานเสียง 312 ส.ส.-ส.ว. ไม่รับอำนาจศาลรธน. "ปู"หวังให้คำวินิจฉัยทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ "มาร์ค" ย้ำคำตัดสินของศาลรธน.ผูกพันทุกองค์กร อย่าคิดว่ามีเสียงข้างมากแล้วจะใช้ "หลักกู" ทำอะไรก็ได้ "ชัยอนันต์" ชี้ต้องยุบพรรค แต่เชื่อว่าศาลจะตัดสินออกมาแบบกลางกลาง "บรรเจิด"ระบุมีสิทธิยกคำร้อง แต่กระบวนการแก้ไขขัดรธน. ด้านเสื้อแดงรวมพลังสนามราชมังคลาฯ รอฟังคำตัดสินศาลรธน.วันนี้ ลั่นหากตัดสินไม่ถูกต้อง ศาลรธน. จะต้องรับผิดชอบ "ยิ่งลักษณ์" เรียกใช้"เหลิม" ตั้งวอร์รูม "รับมือม็อบ "เทือก" ด้านสมช.ประเมินม็อบราชดำเนินไม่ถึงแสน ด้าน "สุเทพ" ลั่นไม่กลัว พร้อมแฉ “เป็ดเหลิม”มีมืออุ้มฆ่าเป็นทีมงาน

เมื่อเวลา 09.30 น. วานนี้ (19 พ.ย.) กลุ่มพลังเงียบรักสันติสุขประมาณ 100 คน นำโดย นายอัครกฤษ นุ่นจันทร์ ประธานกลุ่มได้เดินทางมามอบดอกไม้ให้กำลังใจตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในการที่จะวินิจฉัยคดีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่มาส.ว.ในวันที่ 20 พ.ย.นี้ โดยขอให้ศาลฯวินิจฉัยคดีด้วยความถูกต้อง เป็นธรรม เข้มแข็ง อย่าหวั่นไหวต่อแรงกดดัน ผลออกมาอย่างไรพร้อมยอมรับ ซึ่งการมาให้กำลังใจครั้งนี้ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ประกอบกับมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาคอยดูแลรักษาความปลอดภัย และเมื่อกลุ่มดังกล่าวได้มอบดอกไม้ให้กำลังใจตุลาการผ่าน นางอรรถพร เลาหสุรโยธิน ผู้อำนวยการกลุ่มงานบริหารทั่วไปแล้ว เดินทางกลับทันที

สำหรับการดูแลรักษาความปลอดภัยสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญก่อนการวินิจฉัยในวันนี้ ที่ศาลฯนัดเวลา 11.00 น. ได้มีการเสริมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 และกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รวม 4 กองร้อย เข้าดูแลภายในและบริเวณโดยรอบสำนักงานฯ โดยสำนักงานได้ประสานขอให้ตำรวจเข้ามาดูแลและติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนต่างๆ ที่อาจมาติดตามผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

**312 ส.ส.-ส.ว.กดดันศาลรธน.

ในวันเดียวกันนี้ กลุ่ม 312 ส.ส.- ส.ว. ที่ร่วมลงชื่อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มาของส.ว. นำโดย นายอำนวย คลังผา ประธานวิปรัฐบาล และนายกฤช อาทิตย์แก้ว ส.ว.กำแพงเพชร ร่วมกันแถลงการณ์ กรณีสมาชิกรัฐสภาปฏิเสธไม่ยอมรับอำนาจการพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ จากกรณีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ฉบับที่มา ส.ว. รวมถึง มาตรา 190 และมาตรา 68 ประกอบมาตรา 237

โดยนายกฤช แถลงการณ์ยืนยันว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวเป็นอำนาจของรัฐสภา และเห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจรับเรื่อง และพิจารณาตามที่มีผู้ยื่นร้องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ฉบับที่มา ส.ว. วันนี้จึงมีความจำเป็นที่พวกเราต้องแถลงจุดยืนในการทำหน้าที่อย่างถูกต้อง ตามขั้นตอนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 อีกทั้งยังเห็นว่า ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีบทบัญญัติในมาตราใด ที่ให้ลงมาตรวจสอบการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ ซึ่งแตกต่างจาก พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ และพระราชบัญญัติที่ให้อำนาจศาลกระทำได้เท่านั้น

ดังนั้น การกระทำแบบคร่อมเลน รับเรื่องนี้ไว้ จะทำให้เกิดปัญหาในอนาคตเพราะศาลไปแทรกแซงทุกองค์กรได้ ขณะที่การใช้สิทธิ์ตาม มาตรา 68 ของศาล ที่รับเรื่องไว้ ก็ไม่ชอบ เนื่องจากต้องผ่านขั้นตอนอัยการสูงสุดก่อน

นายอำนวย กล่าวว่า การออกมาแสดงตนของสมาชิกรัฐสภาครั้งนี้ เพื่อแสดงการคัดค้าน ไม่ยอมรับการใช้อำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเราไม่ได้กระทำผิดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 วรรคสอง เพราะเราไม่ใช่บุคคล หรือพรรคการเมือง แต่เราเป็นสมาชิกรัฐสภาที่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราได้

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาล จะถือเป็นการกดดันพระราชอำนายหรือไม่ นายกฤช ปฏิเสธตอบคำถาม โดยกล่าวเพียงว่า ไม่ขอก้าวล่วง

ขณะที่ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวยืนยันว่า ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจรับคำร้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มา ส.ว. เพราะสมาชิกรัฐสภา มีอำนาจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 291 และไม่มีบทบัญญัติใดรองรับอำนาจศาล ในการกระทำดังกล่าว โดยหากศาลวินิจฉัยมาทางใดทางหนึ่ง จะพิจารณาแนวทางปฏิบัติอีกครั้ง แต่ส่วนตัวเชื่อมั่นว่า ศาลจะมีดุลพินิจที่ดี บนพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย

ขณะที่ฝ่ายกฎหมายของรัฐสภา แถลงอ้างอิงข้อกฎหมาย ยืนยันว่า กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญของสมาชิกรัฐสภา เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายที่ให้อำนาจไว้ และไม่มีข้อบัญญัติใดให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญที่จะวินิจฉัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

***“จาตุรนต์”ย้ำศาลรธน.ไม่มีอำนาจ ***

นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจรับคำร้องแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญไว้พิจารณามาแต่ต้น และเห็นว่าเรื่องดังกล่าวมีมูลแล้วรับเรื่องไปดำเนินการทั้งที่ไม่มีมูลเลย เนื่องจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เปลี่ยนที่มาของ ส.ว. ไม่มีอะไรที่จะเป็นการล้มล้างการปกครองหรือทำให้ได้มาซึ่งอำนาจที่ไม่เป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตย

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ศธ.สั่งกำชับผ่านทางสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ห้ามไม่ให้นิสิตนักศึกษาเข้าร่วมชุมนุมทางการเมือง โดยหากพบว่าใครเข้าร่วมจะไม่ได้เข้ารับปริญญาบัตร รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง และตนได้พูดชัดเจนกับ สกอ.และอธิการมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ที่ได้พบเมื่อมีการหารือร่วมกันว่าเราเคารพในสิทธิเสรีภาพของมหาวิทยาลัย

**"ทนายแดง"โกนหัวประท้วงตุลาการศาลรธน.

ด้านกลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (กวป.) นำโดย นายศรรักษ์ มาลัยทอง นายหนึ่งดิน วิมุตตินันท์ ทนายชมรมผู้รักความเป็นธรรม และนายโชคชัย ฤทธิ์บุญรอด เครือข่ายสภายุติธรรม เดินทางมาประท้วงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ด้วยการโกนหัว โดยมี พระวิรัตน์ หรือหลวงพ่อสาย จากวัดใน จ.ชุมพร มาเป็นผู้โกนหัวให้ ท่ามกลางกลุ่มผู้สนับสนุนจำนวนหนึ่งที่มารวมตัวอยู่บริเวณภายในศูนย์ราชการ อาคาร เอ ที่ตั้งของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ

**"ปู"หวังศาลตัดสินให้ประเทศเดินหน้าไปได้

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมือง ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยตัดสินประเด็นที่มาของส.ว. ท่ามกลางการชุมนุมของฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ว่า จริงๆไม่อยากให้ใช้อารมณ์ต่อกัน และเราได้ย้ำทางด้านฝ่ายความมั่นคงในการดูแลความปลอดภัย ทุกๆ สถานที่แล้ว ไม่อยากให้สิ่งที่ประชาชนกังวลนำไปสู่ความรุนแรง หรือเป็นอันตรายต่อประชาชน ซึ่งได้ฝากย้ำในประเด็นนี้ไว้แล้ว

ส่วนการที่ ส.ส.และส.ว.ออกมาแถลงไม่รับอำนาจศาล นั้น นายกฯ กล่าวว่า เชื่อว่าเป็นการแสดงออกซึ่งความคิดเห็นส่วนบุคคล แต่อยากให้ทุกท่านฟังคำตัดสินก่อน เชื่อศาลรัฐธรรมนูญ จะใช้ข้อมูลเป็นหลักในการตัดสินใจต่างๆ อย่างรอบคอบ หวังว่าทุกอย่างจะทำให้ประเทศเดินหน้าไปได้ และทำให้ประเทศมีทางออก แต่ก็ยอมรับมีความกังวลกับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญบ้าง

เมื่อถามว่า มองเสถียรภาพรัฐบาลและตัวนายกฯ ที่กำลังจะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกฯ กล่าวว่า เราเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งยึดระบอบประชาธิปไตย ซึ่งกลไกการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล คือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เรายินดีให้ความร่วมมือ และถือเป็นกลไกที่ถูกต้องในการใช้กลไกนี้ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ถือเป็นโอกาสอันดีที่ประชาชนจะได้รับฟังข้อมูลครบด้าน เพื่อพิจารณาการทำงานของรัฐบาลได้

เมื่อถามว่านายกฯ ยังมั่นใจหรือไม่ว่า จะสามารถบริหารประเทศได้ครบ 4 ปี น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าาว่า “โอ๊ย อย่างเพิ่งถามกันอย่างนี้สิคะ อย่างนี้จะยิ่งทำให้ความเชื่อมั่นในภาพรวมยิ่งลดลง ต้องเรียนว่า วันนี้ยังอยู่ในระบบอยู่ ขอให้กลไกต่างๆได้ทำงาน และถ้าเรายึดมั่นในกติกา ในหลักนิติธรรม ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยทุกอย่างมีกลไกลของตัวเองค่ะ และในขณะนี้รัฐบาลยังไม่มีเหตุผลที่จะยุบสภาและลาออกแต่อย่างใด”

**“มาร์ค”งัดรธน.ยันผลตัดสินผูกพันทุกองค์กร

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย แสดงท่าทีไม่รับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ ว่า รู้สึกตกใจ เพราะถ้าเราไม่เคารพการใช้อำนาจของแต่ละฝ่ายแล้วบ้านเมืองจะอยู่กันอย่างไร ไม่ทราบว่าพรรคเพื่อไทยตื่นตระหนกอะไร ทั้งนี้ต้องถามว่าที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทย มีเหตุผลอะไรที่ชอบทำอะไรคาบลูกคาบดอกในเรื่องของกฎหมาย ทำในสิ่งที่ไม่พึงกระทำ บางกรณีทำผิดกฎหมายเองชัดเจน เช่น การกดบัตรแทนกัน ใช้เสียงข้างมากในการละเมิดสิทธิ์ ตัดสิทธิ์ผู้แปรญัตติ เป็นต้น แต่พอมีคนเอาเรื่องไปร้องศาล ก็บอกว่า จะไม่รับอำนาจศาล หมายความว่า ใครมีเสียงข้างมาก ก็อยู่เหนือกฎหมายได้หรือไม่ วันนี้พรรคเพื่อไทยพยายามประกาศว่า ตัวเองอยู่เหนือองค์กร ซึ่งมีอำนาจตามรัฐธรรมนูญ ทั้งที่รัฐธรรมนูญเขียนชัดว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ถือเป็นเด็ดขาด และผูกพันทุกองค์กร สาเหตุที่ทำให้พรรคเพื่อไทยกล้าประกาศอย่างนี้เพราะ เชื่อว่าเสียงข้างมากเป็นใบอนุญาตที่จะทำอะไรก็ได้ ซึ่งไม่ถูกต้อง เพราะที่สุดแล้ว ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย และพรรคเพื่อไทยก็ต้องเรียนรู้ในเรื่องนี้

นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่ม นปช. ที่สนามกีฬาหัวหมากว่า อยากถามว่า นี่หรือคืออาการถอย ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุว่ารัฐบาลถอยแล้ว เป็นการกล่าวเท็จกับประชาชน จึงคิดว่าประชาชน คนธรรมดา ก็ต้องเดินหน้ายืนยันว่า สังคมนี้มีกฎหมายไม่ว่าใครจะใหญ่แค่ไหน ก็ต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย การเอามวลชนมาปะทะกับมวลชน เป็นเรื่องไม่สมควร

** อัดรัฐบาลชอบอ้างปชต.แต่ยึดหลักกู

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า การที่ฝ่ายรัฐบาลประกาศไม่รับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ ที่จะวินิจฉัยคำร้อง การแก้ไขรัฐธรรมนูญ กรณีที่มาส.ว.ถือว่าเป็นการไม่ยอมรับนิติรัฐ ที่เป็นหัวใจของการปกครองระบอบประชาธิปไตย ที่ผ่านมาชอบอ้างประชาธิปไตย ถือเป็นแค่คำพูดสวยหรู และหากศาลวินิจฉัยไม่เป็นประโยชน์ ก็จะออกมาปฏิเสธ และหลักการก็จะไม่มีประโยชน์ จะมีก็แต่ “หลักกู”เท่านั้น จึงขอให้กำลังใจศาลฯ ที่จะปฏิบัติหน้าที่ตรงไปตรงมา เพื่อเป็นหลัก

ทั้งนี้ ฝ่ายค้านยื่นคำร้องให้วินิจฉัยเรื่องนี้ ในประเด็น มาตรา 68 ที่ผ่านมารัฐบาลจะโต้แย้งประเด็นว่า ไม่เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง แต่กลับไม่พูดถึงอีกประเด็นหนึ่ง คือ ในมาตรา 68 ประเด็นการกระทำใดเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งไม่เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ นอกจากนี้ยังมีความพยายามข่มขู่ คุกคามศาล จึงมีความพยายามหลายรูปแบบข่มขู่ศาล เพื่อให้วินิจฉัยออกมา พ้นจากการกระทำความผิด

** "ชัยอนันต์" ชี้ต้องยุบพรรค

ศ.ดร. ชัยอนันต์ สมุทวณิช ประธานสถาบันนโยบายศึกษา และ อดีตอาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตอบคำถาม นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นักวิชาการอิสระ ในการกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ‘ชัยอนันต์พูด :วิกฤติประเทศไทย’ ที่ถามถึงกรณี ส.ส.312 คน ที่สนับสนุนการแก้ไขรธน. ประเด็นที่มาส.ว. ออกมาแสดงจุดยืนในการไม่รับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จะมีผลอย่างไรตามมาต่อสังคม และ กล่าวว่า ปัญหาทุกวันนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะคนเห็นแก่ตัวเพียงคนเดียว แต่เพราะคนเห็นแก่ตัวคนนั้น ได้ใช้คนเห็นแก่ตัวในสังคมในระบบอุปถัมภ์ มาทำลายระบบทั้งหมด มาเป็นเครื่องมือแสวงหาผลประโยชน์อีกทอดหนึ่ง เพราะฉะนั้นวิกฤติของประเทศ คงไม่จบลงหาก พ.ต.ท.ทักษิณ หายไป หากคนยังเห็นแก่ตัวอยู่ โดย ศ.ดร.ชัยอนันต์ กล่าวว่า ถ้าเป็นต่างประเทศ เขาจะแก้ระบบให้ดี และก็แก้ที่ตัวคน วิธีการก็คือ ทำกฎหมายให้รุนแรง ทำให้คนผิดมีโอกาสได้รับโทษสูงสุด แต่กฎหมายบ้านเรายังไม่เด็ดขาดมากพอ ตอนเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตนก็เป็นเสียงข้างน้อย แต่ถ้ายังเป็นอยู่ ก็คงตัดสินให้เกิดการยุบพรรค เพราะว่าจริงๆ ตนคิดว่าสถานการณ์ปัจจุบัน ศาลรธน.คงตอบอะไรกลางๆ มากกว่าตัดสินให้ยุบพรรค

ศ.ดร.ชัยอนันต์ กล่าวยืนยันว่า คำว่าประชาธิปไตยอยู่ในมือของเรา ในท้ายที่สุดประชาชนก็เป็นผู้มีอำนาจสูงสุด และวิธีการปกป้องประชาธิปไตยที่สำคัญที่สุดก็คือ การออกมาเคลื่อนไหวของประชาชนอย่างที่ทำกันอยู่ในขณะนี้

ขณะเดียวกันนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สื่อมีผลต่อปัญหาในปัจจุบันที่มีสื่อเคเบิลทีวีเลือกข้างเป็นจำนวนมาก ไม่เว้นกระทั่งสื่อหลัก ที่โดนแทรกแซงจากกลุ่มนายทุน รวมถึงในปัจจุบันมีการแชร์ข้อมูลทางโซเชียลมีเดีย ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคม ซึ่งมีทั้งข้อมูลที่ถูกต้อง และข้อมูลที่ไม่ได้รับการตรวจสอบ ศ.ดร.ชัยอนันต์ กล่าวยอมรับว่า สื่อมีอิทธิพลมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะในอนาคตที่มีแนวโน้มว่าจะมีการซื้อสื่อ และต่อสู้กันรุนแรงมากขึ้น

เมื่อถามถึงการดำเนินการอย่างไร จึงจะให้รัฐบาลรับฟังความเห็นของประชาชน ศ.ดร.ชัยอนันต์ กล่าวว่า ก็จนปัญญา เพราะผู้นำรัฐบาลยังไม่มีความเข้าใจอย่างแท้จริง ตนไม่ได้พูดเพื่อเสียดสี แต่เป็นเรื่องจริง ที่ทุกคนต้องให้อภัย เพราะผู้นำไม่สามารถมองเห็นปัญหาได้

นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมเสวนายังตั้งข้อสังเกตถึงระบอบทักษิณ ว่าเหตุใดปัจจุบันระบอบนี้ยังคงอยู่ ศ.ดร.ชัยอนันต์ กล่าวว่า เงินเป็นแค่จุดเริ่มต้นนอกเหนือจากเรื่องเงินแล้ว สิ่งที่ทำให้ระบอบทักษิณแข็งแรงได้ ก็คือ เรื่องการสร้างมวลชนโดยการสร้างอุดมการณ์ทางการเมือง แม้พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่ได้รู้สึกจริงจังกับอุดมการณ์นั้น แต่ก็เป็นกระบวนการทางจิตวิทยา ที่ทำให้ระบอบทักษิณแข็งแรง วันนี้ต้องไม่โยนความผิดให้คนๆ เดียว แต่ต้องมองที่ตัวเองด้วยว่า เป็นคนเลือกเขาเข้ามาทำหน้าที่ ถ้าไม่อยากให้เกิดปัญหา การเลือกตั้งครั้งหน้า ต้องคิดให้ดีๆ ก่อนจะเลือกใครมาทำหน้าที่แทนเรา ต้องไม่เห็นแก่ตัว กับนโยบายประชานิยมยั่วยวนคนเห็นประโยชน์ส่วนตัว เพราะเมื่อไหร่ที่ประชาชนตื่นรู้เพียงพอ ระบอบทักษิณก็อยู่ไม่ได้ ประเทศชาติก็พ้นวิกฤติ

** "บรรเจิด"ชี้ไม่ขัดรธน.แต่กระบวนการมิชอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการวินิจฉัยคดีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่มาของส.ว. ที่จะมีขึ้นในวันนี้ ( 20 พ.ย.) นั้น คณะตุลาการฯ จะมีการประชุมเพื่อแถลงคำวินิจฉัยส่วนตนของตัวเอง และลงมติกันในเวลา 09.30 น. จากนั้นจะมีการจัดทำคำวินิจฉัยกลาง ก่อนที่จะออกนั่งบัลลังก์ อ่านคำวินิจฉัยในเวลา 11.00 น. ตามที่ได้นัดหมาย

โดยประเด็นที่ศาลจะมีคำวินิจฉัยนั้น จะเป็นการวินิจฉัยว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่มาส.ว.เข้าข่ายเป็นการกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีทางที่มิได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 หรือไม่ และหากเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ศาลจะสั่งให้หยุดการกระทำนั้นๆ และสั่งให้ยุบพรรคการเมืองที่ผู้ถูกร้องสังกัดอยู่หรือไม่

ทั้งนี้ นายบรรเจิด สิงคะเนติ คณบดีคณะนิติศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ นิด้า คาดการณ์ว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยยกคำร้อง คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่มาของ ส.ว. ยังไม่พบว่าเป็นการกระทำที่เข้าข่ายเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิถีทางที่ไม่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ

แต่ขณะเดียวกันจะวินิจฉัยว่า กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าว ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จากกรณีที่มีหลักฐานชัดเจนว่า องค์ประชุมไม่ครบ มีการเสียบบัตรแสดงตน และบัตรลงคะแนนแทนกัน ซึ่งก็จะทำให้ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญดังกล่าวตกไปทันที ส่วนที่ประธานวุฒิสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงยืนยันไม่รับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญนั้น หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยในลักษณะดังกล่าวแล้ว สมาชิกรัฐสภา ยังดึงดันก็จะเท่ากับกระทำการขัดต่อรัฐธรรมนูญ

**นปช.รอศาลตัดสินก่อนเคลื่อนม็อบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเที่ยงวานนี้ (19 พ.ย.) กลุ่มมวลชนแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้เดินทางกันมารวมตัว ที่ สนามราชมังคลากีฬาสถาน กรุงเทพฯ เพื่อแสดงพลังปกป้องประชาธิปไตย และปกป้องรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยต่างสวมเสื้อสีแดง พร้อมพกอุปกรณ์ในการเชียร์แกนนำที่ขึ้นปราศรัย อาทิ ตีนตบ และแตรเป่า

นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานกลุ่ม นปช. เปิดเผยถึงแนวทางการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ว่า จะเป็นไปอย่างสงบและเป็นเอกภาพ โดยคาดว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมประมาณ กว่า 1 แสนคน ส่วนการรักษาความปลอดภัยนั้น จะมีตำรวจเข้ามาดูแลความเรียบร้อยและตรวจอาวุธให้ โดยเบื้องต้นจะชุมนุม 2 วัน แต่ต้องดูสถานการณ์อีกครั้ง รวมถึงฟังผลของศาลรัฐธรรมนูญตีความแก้ที่มาของ ส.ว. ในวันที่ 20 พ.ย.นี้ก่อน ว่าเป็นอย่างไร

ทั้งนี้ ยืนยันว่า นปช. ก้าวข้าม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไปแล้ว เพราะคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแบบสุดซอย ส่วนกรณีพรรคเพื่อไทยไม่รับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญนั้น ค่อนข้างมีทิศทางเดียวกัน เพราะรัฐสภามีอำนาจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตาม มาตรา 291 ดังนั้น หากตุลาการศาลทำงานตามรัฐธรรมนูญ ก็จะเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ แต่หากขัดรัฐธรรมนูญก็จะเป็นการละเมิดอำนาจของรัฐสภา และละเมิดพระราชอำนาจ แต่ทาง นปช. จะรอดูคำตัดสินต่อไป หากตัดสินไม่ถูกต้องตามความชอบธรรม ศาลรัฐธรรมนูญจะต้องรับผิดชอบ ยืนยันไม่ได้เป็นการข่มขู่ศาล

ด้านนพ.เหวง โตจิราการ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำนปช. กล่าวว่า ขณะนี้ทางกลุ่มเสื้อแดงได้ตกผลึกแล้วว่า ทางคนเสื้อแดงจะรับฟังมติการเคลื่อนไหวจาก 3 แกนนำ คือ นางธิดา นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ เท่านั้น ดังนั้น ขอให้มวลชนคนเสื้อแดงรอฟังท่าทีการเคลื่อนไหวจาก 3 แกนนำ โดยทาง นปช.ยืนยันว่า คนเสื้อแดงจะใช้หลักการต่อสู้อย่างสันติวิธีตามกรอบรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นหลักการที่ นปช.ยึดมั่น และไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์กระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล

** "เหลิม"ตั้งวอร์รูม จัดการ"ม็อบเทือก"

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน กล่าวภายหลังการประชุมครม. ถึงสถานการณ์ชุมนุมของกลุ่มต่อต้านรัฐบาล ว่า นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ตนมาช่วยทำงานดูแลทุกเรื่องที่เกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมืองร่วมกับ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง โดยจะเปิดวอร์รูม ที่กระทรวงแรงงาน เพื่อติดตามสถานกาณณ์

“วอร์รูมนี้มีอำนาจสั่งการ ซึ่งก่อนสรุปอะไร จะมีทีมงานประกอบด้วย กองอำนวนการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โฆษกประจำสำนักนายกฯ โฆษกพรรคเพื่อไทย ฝ่ายตำรวจ และทีมงานพล.ต.อ.ประชา ตัดสินใจร่วมกัน และก่อนจะทำอะไรจะรายงานมายังนายกฯก่อนทุกครั้ง” รมว.แรงงาน ระบุ

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวด้วยว่า เมื่อคืนวันที่ 18 พ.ย. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจค้นขบวนรถของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำม็อบราชดำเนิน รวม 4 คัน ซึ่งพบอาวุธ แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด อย่างไรก็ตามการชุมนุมเป็นสิทธิ แต่จะเดินทางเป็นขบวนแล้วมีอาวุธปืนไม่ได้

“ผมได้บอกตำรวจว่า รอบบ้านนายสุเทพใน 5 กิโลเมตรให้มีด่านตรวจทั้งหมด รถใครมาตรวจหมด ส่วนมวลชนทางภาคใต้ที่จะขึ้นมานั้น หากมีจังหวะค้นทุกคันรถ”

ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวถึง มวลชนที่เข้าร่วมชุมนุมที่เวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ว่า ประชาชนที่มาร่วมชุมนุมหลังเวลา 21.00 น. เป็นคนภาคใต้ถึงร้อยละ 80 ขณะนี้มีการระดมรถ และว่าจ้างรถไฟ รถยนต์ และเครื่องบิน ที่จะเดินทางเข้ามากทม. บางส่วนจัดกำลังเอาไว้ จะยึดศาลากลางจังหวัด จึงได้ฝากไปยัง นาย จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย ให้เตรียมการไว้ ส่วนสถานีตำรวจ และกองบัญชาการตำรวจ แม้ตนไม่ได้คุม แต่จะเรียกประชุม ถ้าจะมายึดอาวุธหรือครอบครองเป็นเจ้าหน้าที่แทน ไม่ได้โดยเด็ดขาด วันไหนที่นายสุเทพ ประกาศลองมาร์ช หากปรากฏการกระทำความผิด ตนจะเป็นคนแจ้งจับนายสุเทพด้วยตัวเอง นอกเหนือจากที่มีคนจะไปร้องข้อหากบฎ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 117 ด้วย

**“ภราดร”ฟันธง 24 พ.ย.ม็อบไม่ถึงแสน

พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองในวันที่ 20 พ.ย. ที่ศาลรัฐธรรมนูญ จะวินิจฉัย ร่าง แก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาส.ว.ว่า ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากตั้งแต่วันที่ 18 พ.ย.เป็นต้นมา มีมวลชนเข้ามามากพอสมควร เพื่อมาร่วมชุมนุมที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ย่อมมีผลต่อสถานการณ์ทางการเมืองแน่นอน แต่เชื่อมั่นว่าศาลรัฐธรรมนูญจะต้องมองในทุกมิติ รอบด้าน คำนึงถึงความสงบเรียบร้อยของประเทศ และยึดหลักความเป็นธรรม

ส่วนที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จะระดมคนให้ได้ 1 ล้านคน ในวันที่ 24 พ.ย. ถือเป็นปฏิบัติการข่าวสารที่ต้องการสื่อออกสู่สาธารณะ แต่เชื่อว่าปริมาณไม่น่าจะถึงล้านคน เพราะที่ผ่านมาทุกครั้งสูงสุดจะอยู่ที่หลักหมื่น แต่ครั้งนี้เนื่องจากมีการรณรงค์ทุกภาคส่วน จึงมีโอกาสที่จะสูงขึ้นกว่าเก่า แต่เท่าที่ติดตามยังไม่ถึงหลักแสน หากจะเป็นหลักมากๆ การเคลื่อนตัวจะต้องไหลเข้ามาตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปแล้ว

**สั่งผู้ว่าฯกทม.ขอคืนพื้นที่จัดงาน 5 ธ.ค.

นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มต่างๆ บนถนนราชดำเนินว่าได้พบและพูดคุยกับนายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานหอการค้าไทย ซึ่งมีความห่วงใย เพราะการส่งออกของประเทศไทยชะงัก และเรื่องการท่องเที่ยวหากในช่วงไฮซีซั่นมีปัญหาเรื่องความไม่สงบในบ้านเมือง แน่นอนว่าจะต้องชะงักอีกครั้ง แสดงให้เห็นว่าเป็นการทำร้ายประเทศไทยชัดเจน อยากให้ทุกคนตระหนักว่าการจะเล่นเกมอะไรก็ตาม ขอให้นึกถึงประเทศชาติเป็นสำคัญ หากเราทำกันโดยหลงลืม ที่สุดคนที่แพ้คือประเทศชาติ ถือว่าน่าเสียดาย จึงอยากให้ยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าขณะนี้มีความเป็นห่วงผู้ชุมนุมทั้งสองฝ่าย เพราะค่อนข้างจะมีการเผชิญหน้าอยู่เหมือนกัน แต่การชุมนุมของคนเสื้อแดง อยู่ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน มีรั้วรอบขอบชิด ควบคุมง่าย ส่วนการชุมนุมที่ถนนราชดำเนิน ค่อนข้างจะเปิดโล่ง และเป็นถนนราชดำเนิน ซึ่งแปลว่าถนนที่พระราชาเสด็จ และยังจะมีการจัดงานเฉลิมพระเกียรติในวันที่ 5 ธ.ค.ด้วย จึงได้ฝากปลัดกทม.ไปยังผู้ว่าฯกทม. ให้ไปเจรจาขอพื้นที่คืนให้เสร็จ เพื่อจะร่วมกันกับรัฐบาลจัดงานให้ยิ่งใหญ่ เพราะหากตนไปเจรจาเอง จะไม่สำเร็จ จะยิ่งเป็นการเรียกแขก

**"อาชีวะ"แยกทางคปท.โดดร่วมเวทีราชดำเนิน

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมของเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ล่าสุด ทางกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาอาชีวะทั้งหมดที่เคยร่วมชุมนุมกับกลุ่ม คปท. ที่เวทีสะพานมัฆวานรังสรรค์ ได้ย้ายออกจากพื้นที่ชุมนุมไปทั้งหมดแล้ว หลังจากนักเรียนอาชีวะบางส่วน ปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อครั้งทำกิจกรรมติดธงชาติ ที่แยกนางเลิ้ง เมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งถูกแกนนำคปท.ตักเตือนจากพฤติกรรมดังกล่าว ส่งผลให้กลุ่มนักศึกษาอาชีวะ จึงแจ้งขอย้ายออกจากพื้นที่ชุมนุม คปท. แต่ยังมีแนวทางในการต่อต้านรัฐบาลเช่นเดิม โดยจะไปร่วมชุมนุมที่ เวทีราชดำเนินแทน

นายอุทัย ยอดมณี ผู้ประสานงานเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) แถลงทิศทางการชุมนุมว่า คปท. ยืนยันแนวทางมาตลอดว่า จะไม่ใช้ความรุนแรง ส่วนกรณีที่กลุ่มอาชีวะ ที่ออกย้ายออกจากพื้นที่ชุมนุมม คปท. นั้น ได้มีการทำความเข้าใจว่ายังมีแนวทางเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกัน แต่เนื่องจากเวทีที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ของกลุ่ม นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประกาศรวมตัววันที่ 24 พ.ย.นี้ ทางกลุ่มอาชีวะจึงได้แจ้งว่าจะขอไปร่วมด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) เครือข่ายประชาชนปฏิรูปประเทศไทย 77 จังหวัด และกองทัพธรรม ได้แถลงการณ์ร่วม ฉบับที่ 3 มีมติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลยิ่งลักษณ์ นอกสภา ที่เวทีชุมนุมผ่านฟ้า ตั้งแต่วันที่ 21 - 23 พ.ย. เวลา 20.00-23.00 น. โดยระบุเหตุผลว่า เนื่องจากนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ยังไม่ยอมรับญัติติการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน ทำให้ภาคประชาชนต้องเดินหน้าเปิดเวทีอภิปรายเอง

**"แจ๊ด"เหน็บ"เทือก" ไม่มีนิสัยหมาลอบกัด

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. เปิดเผยถึงการดูแลสถานการณ์การชุมนุมว่า ขณะนี้ทางฝ่ายกลุ่มผู้ชุมนุมอีกกลุ่มหนึ่ง บริเวณสนามราชมังคลากีฬาสถาน โดยมีการทยอยมาและเปิดเวทีตั้งแต่ 12.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะพยายามดูแลไม่ให้มีการกระทบกระทั่งกัน ซึ่งจะต้องดูแลบริเวณจุดที่มาชุมนุมทั้งหมด 4 จุด ไม่ให้มีมือที่สามเข้ามาก่อกวน ยืนยันว่าดูแลได้ ส่วนกลุ่มผู้ชุมนุมที่สนามราชมังคลากีฬาสถานจะมีจำนวนเท่าใดนั้น ยังไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัด แต่ก็จะพยายามดูแลอย่างเต็มที่ดีที่สุดทุกพื้นที่

เมื่อถามถึงกรณีที่นายสุเทพออกมาปราศรัย กรณีที่ส่งเจ้าหน้าที่ขึ้นไปบนตึกแล้วหากถูกยิง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ต้องรับผิดชอบนั้น พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวว่า ตนส่งตำรวจไปจริง แต่ส่งตำรวจไปเพื่อดูแลความปลอดภัยบริเวณจุดสูงข่ม ซึ่งตั้งแต่ส่งขึ้นไปทุกจุด เพราะอยู่ในมุมสูงมีกล้องดูตลอด เพื่อตรวจสอบดูแลความเคลื่อนไหว หากใครจะเข้ามาสร้างสถานการณ์จะได้อยู่ในสายตา ไม่มีที่จะไปลอบทำร้ายใคร แบบนั้นเขาเรียกว่าลอบทำร้าย หมาลอบกัด ไม่มีหรอก ไม่ต้องกลัว

“แต่ขอให้ดูแล้วกันว่า ตั้งแต่เริ่มต้นทำงานมามีเหตุการณ์เกิดขึ้นหรือไม่ ก็เพราะเรามีจุดสูงข่ม มีชุดเคลื่อนที่เร็ว พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รองผบช.น. ควบคุมดูแลชุดเคลื่อนที่เร็ว เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้น ตำรวจก็มีชุดพิสูจน์ทราบ อันนี้คือสิ่งที่ทำ แต่ไม่ขึ้นไปอยู่ข้างบนก็มองไม่เห็น ส่วนจะมีการฟ้องร้องกันหรือไม่นั้น ตนไม่ฟ้องร้องใครอยู่แล้ว แต่เรื่องของการเมืองก็ต้องให้การเมืองว่าไป”ผบช.น. กล่าว

** "เทือก"ลั่นรัฐบาลอยู่ไม่ถึง 29 พ.ย.

ที่เวทีราชดำเนิน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำกลุ่มต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม กล่าวบนเวทีปราศรัยถึง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ว่า เป็นคนแรกที่บอกว่า ถ้าจะทำนิรโทษกรรมต้องทำให้สุดท้าย ขอให้ผู้ชุมนุมจารึกไว้ว่าร.ต.อ.เฉลิมเป็นเจ้าของคำว่า “สุดท้าย”ในบรรดาคณะรัฐมนตรีเรื่องประจบสอพลอ ไม่มีใครเกิน ร.ต.อ.เฉลิม

นายสุเทพ ยังกล่าวถึง กรณี นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งพิเศษแต่งตั้ง ร.ต.อ.เฉลิม เป็นผู้มีอำนาจเต็มจัดการกับผู้ชุมนุมที่ราชดำเนิน เพราะฉะนั้นตนขออโหสิให้ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี แล้ว เหลือแต่ร.ต.อ.เฉลิม เท่านั้น

นายสุเทพ กล่าวว่า ข่าววงในบอกว่า ร.ต.อ.เฉลิม ยืนยันกับนายกฯ จะจัดการผู้ชุมนุมราชดำเนินให้เรียบร้อย เนื่องจากตนพูดไว้ว่า การต่อสู้ของเราต้องจบสิ้นลงภายใน 30พ.ย. ดังนั้น ร.ต.อ.เฉลิม จึงอาสาสลายการชุมนุมให้ได้ก่อน 29 พ.ย.นี้ จึงขอบอกเลยว่า นายกฯและร.ต.อ.เฉลิมไม่สามารถอยู่ได้ถึง 29 พ.ย. นี้แน่นอน

นอกจากนี้ ร.ต.อ.เฉลิม บอกว่าจะใช้ทุกวิธีจัดการกับผู้ชุมนุม ตนก็ขอบอกตรงนี้เช่นกันว่า ร.ต.อ.เฉลิม ไม่ใช่คนกล้าหาญ แต่ถือดีว่ามีตำรวจทีมชำนาญการอุ้มฆ่าอยู่หลายคนเป็นลูกน้องทำงานให้ ตนเคยเป็นรองนายกฯ ซึ่งได้รับมอบหมายดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงรู้ดีว่าตำรวจแต่ละนายเป็นอย่างไร และรู้ดีว่านายตำรวจท่านใดทำงานให้ร.ต.อ.เฉลิมอยู่ ซึ่งได้จดชื่อให้พรรคพวกหมดแล้ว

นายสุเทพ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ ร.ต.อ.เฉลิม สั่งการตำรวจให้สกัดรถทุกคันที่จะมาร่วมชุมนุมกับเรา ดังนั้นหากใครจะร่วมชุมนุมให้ทยอยเดินทางมาได้แล้ว หากบังเอิญนั่งรถมาด้วยกัน ขอให้ดูแลตรวจสอบคนขับให้ดี ว่ามีใบขับขี่หรือพกอาวุธหรือไม่ เพราะเขาจ้องจะหาเรื่องตลอดเวลา

อย่างไรก็ตาม การชุมนุมของเราจะนั่งอยู่เฉยๆ ไม่เคลื่อนขบวนไปไหน ไม่มีทางที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ขว้างแก๊สน้ำตา แต่ถ้า ร.ต.อ.เฉลิม แน่จริงก็ขอให้มาขว้างเอง ตนจะฟ้องให้ถึงศาลโลก ใครกล้าทำลายพลเมืองดีที่มาชุมนุม เราจะประจาน และพวกมันจะไม่มีแผ่นดินอยู่ ขอบอกว่า “กูไม่กลัวมึงเฉลิม”
กำลังโหลดความคิดเห็น