กปท.ถวายฎีกา ตั้งสภาประชาชน เพื่อการปฏิรูปประเทศไทย "จำลอง" แนะ ปชป.ลาออกยกพรรค มาร่วมสู้กับประชาชน ด้านปชป.เดินเกมสู้ 2 ทาง “เทือก”นำทีม 8 ส.ส. ไหว้พระแม่ธรณีบีบมวยผม ขอพรปราบมาร ก่อนยื่นใบลาออก บี้"ธาริต"ตรวจสอบนายทุนตัดท่อน้ำเลี้ยงม็อบ "ประยุทธ์ วอนพักศึกใน ไปแก้ไขศึกนอก "ชายจืด"คุย"แม้ว"อยู่เมืองนอกสบาย ไม่ได้อยากกลับประเทศไทย
เวลา 09.00 น. วานนี้ (12พ.ย.) ตัวแทนจากกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) ภาคีเครือข่ายประชาชน 77 แจังหวัด กองทัพธรรมมูลนิธิ และเครือข่ายที่ร่วมชุมนุมอยู่ที่เวทีผ่านฟ้าลีลาศ นำโดย คณะเสนาธิการร่วม กปท. อาทิ พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ และ พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ประธานภาคีเครือข่ายประชาชน 77 จังหวัด ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ ผู้ประสานงานกองทัพธรรมมูลนิธิ พร้อมด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ประธานกองทัพธรรมมูลนิธิ และแนวร่วมจำนวนมาก ได้ร่วมกันเดินเท้าไปยัง สำนักราชเลขาธิการ พระบรมมหาราชวัง เพื่อยื่นถวายฎีกาทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานจัดตั้งสภาประชาชนเพื่อปฏิรูปประเทศไทย ทำงานบริหารประเทศด้วยประชาชน ผ่าน นายฐากร ธรรมประทีป ผู้ช่วยราชเลขาธิการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดเส้นทางที่เครือข่าย กปท.สัญจรผ่านได้มีกลุ่มประชาชนออกมาให้การสนับสนุนโบกธงชาติ เป่านกหวีด และปรบมือให้กำลังใจขณะที่ขบวนเดินทางผ่าน ส่งผลให้บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก นอกจากนี้ระหว่างเส้นทางที่ผ่านอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พล.ต.จำลองได้ขึ้นเวทีปราศรัยกับกลุ่มต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของพรรคประชาธิปัตย์ โดยกล่าวเรียกร้องให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่บริเวณดังกล่าว มาร่วมเดินขบวน เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย
จากนั้น พล.ต.จำลอง ได้กล่าวกับสื่อมวลชนว่า ส่วนตัวจะขอเป็นแกนตาม ไม่ได้ร่วมเป็นแกนนำในกลุ่มผู้ที่เรียกตัวเองว่า “คณะผู้ก่อการปฏิวัติ” เนื่องจากมีผู้นำจำนวนมากแล้ว รวมทั้งต้องการให้สังคมเห็นว่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ยุติบทบาทแล้วจริงๆ สำหรับการจะเกิดขึ้นของสภาประชาชน สะท้อนให้เห็นถึงอำนาจรัฐบาลที่หมดความชอบธรรม และประชาชนไม่ยอมรับในการบริหารประเทศ
“ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่เป็นการปฏิวัติโดยประชาชน และกลุ่มผู้ก่อการปฏิวัติ ก็พร้อมยอมรับว่า หากเดินหน้าต่อไม่ได้ ก็จะกลายเป็นกบฎ แต่ทุกคนก็พร้อมจะสละชีวิต”พล.ต.จำลอง กล่าว
ส่วนกรณีที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ พร้อมด้วย ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ รวม 9 คน ลาออกจากตำแหน่ง ส.ส. เพื่อร่วมต่อสู้ขับไล่รัฐบาลนั้น พล.ต.จำลอง กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ตัดสินใจถูกต้องแล้ว แต่ทางที่ดี ส.ส.ประชาธิปัตย์ ต้องลาออกทุกคน แล้วมาร่วมกับประชาชนร่วมต่อสู้ต่อต้านรัฐบาล
ด้าน ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ ผู้ประสานงานกองทัพธรรมมูลนิธิ หนึ่งในแกนนำคณะผู้ก่อการปฏิวัติ กปท. กล่าวถึงการถวายฎีกาเพื่อจัดตั้งสภาประชาชนว่า เป็นเรื่องที่กลุ่มผู้ชุมนุมมีมติแล้วว่า จะไม่รับอำนาจการบริหารงานของรัฐบาล จึงได้ดำเนินการไปถวายฎีกาดังกล่าว แต่เบื้องต้นได้วางแผนว่า จะรวบรวมบุคคลจากหลากหลายอาชีพ ที่มีความเหมาะสมให้ได้ 99 คน มาทำหน้าที่บริหาร คล้ายระบบ ส.ส.ในสภา แต่จะคัดเลือกบุคคลที่มีความรู้ความสามารถที่เหมาะสม และหากฎีกาดังกล่าวไม่ได้รับการพิจารณาก็จะไม่ดึงดันในเรื่องนี้อีก
ขณะที่บรรยากาศการชุมนุม คปท.วันนี้ ช่วงบ่ายเริ่มคึกคักกว่าช่วงเช้า แม้อากาศจะร้อนอบอ้าว แต่มวลชนก็ทยอยเข้าพื้นที่เพิ่มขึ้น บนเวทีมีการแสดงดนตรีสลับกับการปราศรัย โดยเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ซึ่งเป็นการลดบทบาทประชาชน แต่ไปเพิ่มอำนาจให้นายกรัฐมนตรี
** "เทือก"ลาพระแม่ธรณีไปปราบมาร
เมื่อเวลา 10.25 น. วันเดียวกันนี้ ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์อีก 8 คน ที่ได้ประกาศลาออกจากส.ส. คือ นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา, นายอิสสระ สมชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง, นายวิทยา แก้วภราดัย ส.ส.นครศรีธรรมราช, นายชุมพล จุลใส ส.ส.ชุมพร, นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ส.ส.กทม., นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ส.ส.กทม. และนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ส.ส.กทม. ได้สักการะพระแม่ธรณี ที่ลานด้านหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนที่จะเดินทางเข้ายื่นหนังสือลาออก ที่รัฐสภา โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบเหงา มีเพียงนายกษิต ภิรมย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมาให้กำลังใจ
นายสุเทพ กล่าวว่า พวกตนมากราบลา และขอพรกับพระแม่ธรณี ขอให้พวกเราและประชาชนที่ร่วมกันต่อสู้เพื่อปกปักรักษาประเทศชาติ สามารถสู้กับมารได้ เพราะพระแม่ธรณีเคยปราบมารในสมัยพุทธกาลมาก่อน ซึ่งตนเห็นว่า จำนวน ส.ส.ที่ลาออกทั้ง 9 คน นั้นเพียงพอที่จะต่อสู้เรื่องนี้แล้ว เพราะยังมีตัวแทนจากองค์กรเครือข่ายต่างๆ ร่วมต่อสู้ด้วย ส่วน ส.ส.ที่ไม่ได้ลาออก ก็ต้องทำหน้าที่ในสภาต่อไป ส่วนพวกตนจะต่อสู้ในฐานะประชาชนเต็มตัว และไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น
ต่อมานายสุเทพ พร้อมคณะ ได้เดินทางไปที่รัฐสภา เพื่อยื่นหนังสือขอลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ต่อสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และได้เป่านกหวีดที่บริเวณห้องโถง อาคารรัฐสภา 1 ด้วย
ส่วนการเลือกตั้งซ่อมแทนส.ส.เขตทั้ง 8 คนนั้น นายสุเทพกล่าวว่า พวกตนไม่เกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์แล้ว
**“มาร์ค”จี้ “วรพงษ์”ตามจับมือที่ 3 จ้องป่วนม็อบ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการที่ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. ยืนยันมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีนำชายชุดดำเตรียมอาวุธ และนำชาวต่างชาติทั้งเวียดนาม กัมพูชา มาสร้างสถานการณ์ความรุนแรง แล้วโยนความผิดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาล และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องไม่ให้เกิดขึ้น และถ้าสามารถระบุได้ขนาดนี้ น่าจะต้องเข้าไปเร่งจับกุมด้วย
ส่วนความคืบหน้าในการเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ขณะนี้ได้ร่างญัตติ และได้ตรวจสอบร่วมกับ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ประธานวิปฝ่ายค้านแล้ว ยืนยันได้ว่า พรรคพร้อม
นายจุรินทร์ ลักษณวิสิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า วันนี้ (13 พ.ย.) มีการประชุมร่วมรัฐสภา โดยมีวาระ2 เรื่องคือ กรอบการเจรจาความตกลงในเรื่องความร่วมมือด้านภาษีอากร ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ในด้านการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับสถาบันการเงิน เพื่อให้ผู้ลงทุนของไทยในอเมริกาได้รับการลดภาษี โดยวิปฝ่ายค้านให้ความเห็นชอบ แต่ฝ่ายค้านมีเครื่องหมายคำถามคือ กรณีที่รัฐบาลมีหนังสือมายังประธานรัฐสภา ขอให้ที่ประชุมรัฐสภาเปิดอภิปรายทั่วไปตาม มาตรา179 พิจารณากรณีที่ ครม.จะขอฟังความเห็นจากสมาชิก เดิมคิดว่าจะเป็นเรื่องสถานการณ์ทางการเมือง แต่กลายเป็นเรื่องกรณีปราสาทเขาพระวิหาร จึงขอตั้งข้อสังเกตว่า เป้าหมายคืออะไร เพราะครม.ขอเปิดรับฟังความเห็นตั้งแต่ก่อนมีคำพิพากษา อีกทั้งยังกำหนดเวลาไว้แค่ 9.30-13.30 น. มีเวลาพิจารณา 2 เรื่อง ไม่ทราบว่าจะมีการวบรัดการประชุมเพื่ออะไร จึงขอความชัดเจนจากรัฐบาลว่า มีจุดประสงค์อะไร
ส่วนกรณีที่มี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์บางส่วนลาออกไป และอาจจะมีการทยอยลาออกอีก จะมีผลต่อการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลหรือไม่นั้น ตนไม่สามารถตอบล่วงหน้าได้ แต่จำนวนส.ส.ที่มีอยู่ ณ ตอนนี้เพียงพอที่จะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจฯ
**เลือกซ่อมส.ส. 8 เขต 22 ธ.ค.ใช้งบ 80 ล้าน
นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ เปิดเผยว่า วันนี้ ที่ประชุมกกต.จะมีการพิจารณาเพื่อเสนอวันเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่าง กรณี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 9 คนลาออกจากการเป็นส.ส. โดยตามกฎหมายกกต. ต้องจัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 45 วัน นับแต่วันที่ตำแหน่งว่างลง และคาดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้น่าจะใช้งบประมาณไม่ต่ำกว่า 80 ล้านบาท เพราะต้องจัดการเลือกตั้งใน 8 เขต แต่ละเขตจะใช้งบประมาณราว 10 ล้านบาท ซึ่งกกต.จะใช้งบคงเหลือที่มีในการดำเนินการไปก่อน แล้วจึงค่อยขอตั้งเบิกจากรัฐบาล
**บี้“ธาริต”ตรวจสอบนายทุน
นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวตอบคำถามที่ว่า เมื่อส.ว.มีมติเอกฉันท์ 141 เสียง คว่ำร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแล้ว ถือว่าตกไปในชั้นส.ว. และยืนยันว่า 180วัน ก็จะไม่นำกลับมาพิจารณา ดังนั้นเมื่อทุกอย่างชัดเจนแล้ว แต่ทำไม นายสุเทพ และพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่หยุด จะยื้อการชุมนุมต่อไปเพื่ออะไร ส่วนการที่นายสุเทพ เรียกร้องให้มีการหยุดงาน ไม่ให้จ่ายภาษีนั้น เท่ากับกำลังให้ประชาชนทำผิด ท้าทายกฎหมาย ตนจะหาช่องทางดำเนินคดีกับนายสุเทพ
**“ยิ่งลักษณ์”วอนอย่าชะลอเสียภาษี-หยุดงาน
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ นายสุเทพ เรียกร้องให้ประชาชนใช้มาตรการอารยะขัดขืน ด้วยการให้ประชาชนหยุดงาน สถานศึกษาหยุดการเรียนการสอน ตั้งแต่วันที่ 13-15 พ.ย. และให้ชะลอการเสียภาษี ว่า รัฐบาลรณรงค์ตลอดเวลาให้ประชาชนทุกคนเสียภาษีอย่างถูกต้องตามขั้นตอน ซึ่งเป็นสิ่งทีรัฐต้องทำ และการทำงานต่างๆ หรือการศึกษา ต่างๆ อย่าหยุดงานเลย เพราะยังมีเวลาอื่นๆ นอกเวลาทำงานยังสามารถแสดงออก แสดงความคิดเห็นได้ การเสียภาษีต่างๆ สุดท้ายจะทำให้ประเทศเราเจ็บปวด ที่ไม่เสียภาษี และจะส่งผลถึงเศรษฐกิจที่จะกระทบต่อพวกเราเอง ตรงนี้ต้องขอความร่วมมือ
**“เหลิม”ซัดปลุกระดมหยุดงาน ผิดม.117
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน กล่าวว่า ต้องยอมรับวิธีการจัดม็อบของประชาธิปัตย์ ดีเกินคาด ต้องการล้มรัฐบาลชุดนี้ โดยหา 3 สูตร คือ 1. ให้นายกฯ ยุบสภา แต่เลือกตั้งใหม่ ก็จะแพ้พรรคเพื่อไทยอีก 2. ให้นายกฯ ลาออก โดยการโหวตใหม่ แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็จะได้รับโหวตกลับมาอีก เพราะนักการเมืองชั่วที่เคยหนีพรรคเพื่อไทยไป วันนี้หมดแล้ว และ 3. จะหาทางด่วนและทางพิเศษ แต่วันนี้ทางดังกล่าวหมดแล้วจากสังคมไทย เพราะประชาชนส่วนใหญ่ไม่เอาด้วย
**“ถาวร”ยันนัดหยุดงานไม่ผิด ป.อาญา 117
นายถาวร เสนเนียม อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะแกนนำการชุมนุมต่อต้าน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม กล่าวถึงกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ให้ความเห็นว่าข้อเสนออารยะขัดขืน ด้วยการหยุดงาน การงดจ่ายภาษีประท้วงนั้น ถือเป็นความผิดเข้าข่ายประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 117 ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นแค่การข่มขู่คุกคาม และสกัดกั้นผู้ร่วมชุมนุมเท่านั้น เพราะการนัดหยุดงาน หยุดเรียน ในวันที่ 13-15 พ.ย. นั้น ไม่ได้เป็นการสั่ง หรือการยุยงใดๆ และยืนยันว่า การนัดทำอารยะขัดขืนครั้งนี้ ไม่ได้ทำเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดิน เพื่อบังคับรัฐบาล หรือเพื่อข่มขู่ประชาชนแต่อย่างใด เพราะกฎหมายจะตีความเป็นบรรทัด ไม่ได้ต้องดูว่าทำเพื่ออะไร ซึ่งตนยืนยันว่าการนัดหยุดงานในครั้งนี้ ยังไม่เข้าข่ายผิดกฎหมายแต่อย่างใด จึงอยากให้ผู้ชุมนุมและผู้ที่เห็นด้วยกับการทำอารยะขัดขืนสบายใจได้
**“เต้น”จวก“สุเทพ”จิ้งจอกเจ้าเล่ห์
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ และแกนนำกลุ่ม นปช. กล่าวตอบคำถามว่า นปช.จะมีการตั้งเวทีในกรุงเทพฯหรือไม่ ว่า เราต้องประเมินสถานการณ์ เราอยากจะให้เรื่องนี้ใช้กลไกของระบอบประชาธิปไตยในการแก้ปัญหา พรรคฝ่ายค้านไม่กี่วัน ก็จะมีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจก่อนปิดสมัยประชุมสภาอยู่แล้ว แล้วเอาทุกเรื่องที่อยู่บนเวที ไปว่ากันในสภา เพราะไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรีทั้งคณะอยู่แล้ว แต่ว่ามีเจตนาชัดคือ ไม่ไว้วางใจก็จะยื่น แต่เวทีก็จะเอา ก็เลยให้นายสุเทพ และส.ส.จำนวนหนึ่งลาออก เพื่ออธิบายว่ามันแตกต่างกัน แล้วก็เดินทั้งสองแบบ ทั้งในและนอกสภา
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์หลังจากนี้ ก็คงจะมีความพยายามยกระดับกันทุกวัน ตนยืนยันกับพี่น้องประชาชนว่า การชุมนุมนี้เรียกอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากเรียกว่า ม็อบประชาธิปัตย์ แม้ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะพยายามใส่เสื้อคลุมล่องหนเพื่อปิดบังตัวเอง แล้วจดใส่บัญชีไว้ ว่าม็อบประชาธิปัตย์ ยุยงไม่ให้คนเสียภาษี ยุยงให้คนหยุดงาน โค่นล้มรัฐบาลที่มาจาการเลือกตั้งโดยร่วมมือกับกลไกอำนาจนอกระบบทั้งหลาย
"เขาต้องการยืดเยื้ออยู่แล้ว อย่างน้อยที่สุดก็หวังให้ยืดเยื้อไปจนถึงวันที่ 20 พ.ย.แล้วไปลุ้นเอาว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยอย่างไร ก็ลุ้นเป็นศาลๆ ตั้งแต่ลากการชุมนุมมาถึงวันที่ 11 พ.ย. แต่เมื่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินแล้ว เอามาขยายผลทางการเมืองไม่ได้ ก็มาลุ้นที่ศาลรัฐธรรมนูญ ที่จะพิจารณาว่า การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญว่าด้วยที่มา ส.ว. เป็นการล้มล้างการปกครองตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 หรือไม่ต่อ"
เมื่อถามว่า หากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินในทางลบ จะนำมวลชนออกมาปกป้องรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตนนึกไม่ออกเลยว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินทางลบในกรณีนี้ได้อย่างไร เพราะฉะนั้นรอให้เกิดขึ้นแล้วมาว่ากันอีกที
เมื่อถามว่า ถึงเวลาแล้วหรือไม่ ที่จะลาออกจาก ส.ส. และรัฐมนตรี แล้วมาเป็นแกนนำ นปช. เพื่อออกมาปกป้องรัฐบาลอย่างเต็มที่ เพราะ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ก็ลาออกแล้ว นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ลาออกคนละเหตุผลกัน ที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ลาออก เป็นการลาออกด้วยท่วงทำนองสุนัขจิ้งจอกทางการเมือง เจ้าเล่ห์ พยายามที่จะทำให้ขาดระหว่างพรรคกับม็อบเท่านั้นเอง ซึ่งจริง ๆ ตัดไม่ขาด
“ผมได้กราบเรียนนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อนว่าถ้าผมประเมินว่าสถานการณ์จำเป็น ผมก็จะลาออกจากการปฏิบัติหน้าที่ แล้วไปทำหน้าที่ต่อสู้ปกป้องระบอบประชาธิปไตย เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ผมประเมินเอง ประเมินทุกวัน ทุกนาที แล้วผมขอบอกพรรคประชาธิปัตย์ว่า ไม่ต้องมาเรียกร้องอะไรจากผม เพราะไม่ได้มีหน้าที่มาทำตามใจพรรคประชาธิปัตย์” แกนนำนปช. กล่าว
มีรายงานข่าวว่า กลุ่มเสื้อแดงเตรียมระดมกำลังจัดตั้งม็อบเพื่อมาสู้กับม็อบที่ต่อต้านรัฐบาลในขณะนี้
**“ประชา”แจงครม.ม็อบสูงสุดครึ่งแสน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวานนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เรียกประชุมความมั่นคงนอกรอบกับ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง นายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกฯ และรมช.เกษตรและสหกรณ์ นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกฯ และพล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ถึงการชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ที่ถนนราชดำเนิน ขณะที่ประชุม ครม.พล.ต.อ.ประชา รายงานตัวเลขผู้ชุมนุมสูงสุดทั้ง 3 จุด โดยที่เวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยมีผู้ชุมนุม 3.8 หมื่นคน เวทีกองทัพประชาชนโค่นล้มระบอบทักษิณ (กปท.) สะพานผ่านฟ้า 5 พันคน และเวทีเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ที่แยก จปร. 3 พันคน ไม่ได้มีจำนวนเป็นแสนคนอย่างที่พูดกัน
**"ประยุทธ์"วอนพักศึกใน แก้ไขศึกนอก
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมมีการเคลื่อนไหว ขับไล่รัฐบาล ว่า จะต้องระมัดระวังทุกฝ่าย สิ่งที่ตนทำคือการทำให้ประเทศชาติปลอดภัย ทหารทุกคนทำหน้าที่ตามที่ได้กำหนดไว้ทุกประการ ทหารอยู่เคียงข้างประชาชนเสมอ เพราะกองทัพบก ต้องเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนได้ทุกโอกาส
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในส่วนของรัฐบาล ตนได้เรียนกับนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นฝ่ายความมั่นคงว่า ท่านต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวัง ขอให้ดูแลประชาชนให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด วันนี้ทหารทำงานทุกหน้าที่ อยากใช้คำว่า ศึกนอกก็มาก ศึกในก็ใหญ่หลวง ดังนั้นศึกในกันเองต้องลดลงให้มากที่สุด คนไทยด้วยกันต้องรักและสามัคคี
** "ชายจืด"คุย"แม้ว"อยู่เมืองนอกสบาย
วานนี้ ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กลุ่มนักธุรกิจสตรี ได้จัดเสวนาในหัวข้อ “ประเทศไทยไปทางไหน?”โดยมี นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมเป็นวิทยากร และได้กล่าวช่วงหนึ่งว่า “วันนี้ที่ประชาชนเป็นห่วงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะกลับบ้านนั้น ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ อยู่เมืองนอก สบายแล้ว ไปได้ทุกประเทศ แต่แปลกที่กลับประเทศไทยไม่ได้ และร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ก็ไม่ได้ทำเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ทำเพื่อทุกคน
เวลา 09.00 น. วานนี้ (12พ.ย.) ตัวแทนจากกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) ภาคีเครือข่ายประชาชน 77 แจังหวัด กองทัพธรรมมูลนิธิ และเครือข่ายที่ร่วมชุมนุมอยู่ที่เวทีผ่านฟ้าลีลาศ นำโดย คณะเสนาธิการร่วม กปท. อาทิ พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ และ พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ประธานภาคีเครือข่ายประชาชน 77 จังหวัด ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ ผู้ประสานงานกองทัพธรรมมูลนิธิ พร้อมด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ประธานกองทัพธรรมมูลนิธิ และแนวร่วมจำนวนมาก ได้ร่วมกันเดินเท้าไปยัง สำนักราชเลขาธิการ พระบรมมหาราชวัง เพื่อยื่นถวายฎีกาทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานจัดตั้งสภาประชาชนเพื่อปฏิรูปประเทศไทย ทำงานบริหารประเทศด้วยประชาชน ผ่าน นายฐากร ธรรมประทีป ผู้ช่วยราชเลขาธิการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดเส้นทางที่เครือข่าย กปท.สัญจรผ่านได้มีกลุ่มประชาชนออกมาให้การสนับสนุนโบกธงชาติ เป่านกหวีด และปรบมือให้กำลังใจขณะที่ขบวนเดินทางผ่าน ส่งผลให้บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก นอกจากนี้ระหว่างเส้นทางที่ผ่านอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พล.ต.จำลองได้ขึ้นเวทีปราศรัยกับกลุ่มต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของพรรคประชาธิปัตย์ โดยกล่าวเรียกร้องให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่บริเวณดังกล่าว มาร่วมเดินขบวน เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย
จากนั้น พล.ต.จำลอง ได้กล่าวกับสื่อมวลชนว่า ส่วนตัวจะขอเป็นแกนตาม ไม่ได้ร่วมเป็นแกนนำในกลุ่มผู้ที่เรียกตัวเองว่า “คณะผู้ก่อการปฏิวัติ” เนื่องจากมีผู้นำจำนวนมากแล้ว รวมทั้งต้องการให้สังคมเห็นว่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ยุติบทบาทแล้วจริงๆ สำหรับการจะเกิดขึ้นของสภาประชาชน สะท้อนให้เห็นถึงอำนาจรัฐบาลที่หมดความชอบธรรม และประชาชนไม่ยอมรับในการบริหารประเทศ
“ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่เป็นการปฏิวัติโดยประชาชน และกลุ่มผู้ก่อการปฏิวัติ ก็พร้อมยอมรับว่า หากเดินหน้าต่อไม่ได้ ก็จะกลายเป็นกบฎ แต่ทุกคนก็พร้อมจะสละชีวิต”พล.ต.จำลอง กล่าว
ส่วนกรณีที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ พร้อมด้วย ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ รวม 9 คน ลาออกจากตำแหน่ง ส.ส. เพื่อร่วมต่อสู้ขับไล่รัฐบาลนั้น พล.ต.จำลอง กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ตัดสินใจถูกต้องแล้ว แต่ทางที่ดี ส.ส.ประชาธิปัตย์ ต้องลาออกทุกคน แล้วมาร่วมกับประชาชนร่วมต่อสู้ต่อต้านรัฐบาล
ด้าน ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ ผู้ประสานงานกองทัพธรรมมูลนิธิ หนึ่งในแกนนำคณะผู้ก่อการปฏิวัติ กปท. กล่าวถึงการถวายฎีกาเพื่อจัดตั้งสภาประชาชนว่า เป็นเรื่องที่กลุ่มผู้ชุมนุมมีมติแล้วว่า จะไม่รับอำนาจการบริหารงานของรัฐบาล จึงได้ดำเนินการไปถวายฎีกาดังกล่าว แต่เบื้องต้นได้วางแผนว่า จะรวบรวมบุคคลจากหลากหลายอาชีพ ที่มีความเหมาะสมให้ได้ 99 คน มาทำหน้าที่บริหาร คล้ายระบบ ส.ส.ในสภา แต่จะคัดเลือกบุคคลที่มีความรู้ความสามารถที่เหมาะสม และหากฎีกาดังกล่าวไม่ได้รับการพิจารณาก็จะไม่ดึงดันในเรื่องนี้อีก
ขณะที่บรรยากาศการชุมนุม คปท.วันนี้ ช่วงบ่ายเริ่มคึกคักกว่าช่วงเช้า แม้อากาศจะร้อนอบอ้าว แต่มวลชนก็ทยอยเข้าพื้นที่เพิ่มขึ้น บนเวทีมีการแสดงดนตรีสลับกับการปราศรัย โดยเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ซึ่งเป็นการลดบทบาทประชาชน แต่ไปเพิ่มอำนาจให้นายกรัฐมนตรี
** "เทือก"ลาพระแม่ธรณีไปปราบมาร
เมื่อเวลา 10.25 น. วันเดียวกันนี้ ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์อีก 8 คน ที่ได้ประกาศลาออกจากส.ส. คือ นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา, นายอิสสระ สมชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง, นายวิทยา แก้วภราดัย ส.ส.นครศรีธรรมราช, นายชุมพล จุลใส ส.ส.ชุมพร, นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ส.ส.กทม., นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ส.ส.กทม. และนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ส.ส.กทม. ได้สักการะพระแม่ธรณี ที่ลานด้านหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนที่จะเดินทางเข้ายื่นหนังสือลาออก ที่รัฐสภา โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบเหงา มีเพียงนายกษิต ภิรมย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมาให้กำลังใจ
นายสุเทพ กล่าวว่า พวกตนมากราบลา และขอพรกับพระแม่ธรณี ขอให้พวกเราและประชาชนที่ร่วมกันต่อสู้เพื่อปกปักรักษาประเทศชาติ สามารถสู้กับมารได้ เพราะพระแม่ธรณีเคยปราบมารในสมัยพุทธกาลมาก่อน ซึ่งตนเห็นว่า จำนวน ส.ส.ที่ลาออกทั้ง 9 คน นั้นเพียงพอที่จะต่อสู้เรื่องนี้แล้ว เพราะยังมีตัวแทนจากองค์กรเครือข่ายต่างๆ ร่วมต่อสู้ด้วย ส่วน ส.ส.ที่ไม่ได้ลาออก ก็ต้องทำหน้าที่ในสภาต่อไป ส่วนพวกตนจะต่อสู้ในฐานะประชาชนเต็มตัว และไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น
ต่อมานายสุเทพ พร้อมคณะ ได้เดินทางไปที่รัฐสภา เพื่อยื่นหนังสือขอลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ต่อสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และได้เป่านกหวีดที่บริเวณห้องโถง อาคารรัฐสภา 1 ด้วย
ส่วนการเลือกตั้งซ่อมแทนส.ส.เขตทั้ง 8 คนนั้น นายสุเทพกล่าวว่า พวกตนไม่เกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์แล้ว
**“มาร์ค”จี้ “วรพงษ์”ตามจับมือที่ 3 จ้องป่วนม็อบ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการที่ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. ยืนยันมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีนำชายชุดดำเตรียมอาวุธ และนำชาวต่างชาติทั้งเวียดนาม กัมพูชา มาสร้างสถานการณ์ความรุนแรง แล้วโยนความผิดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาล และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องไม่ให้เกิดขึ้น และถ้าสามารถระบุได้ขนาดนี้ น่าจะต้องเข้าไปเร่งจับกุมด้วย
ส่วนความคืบหน้าในการเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ขณะนี้ได้ร่างญัตติ และได้ตรวจสอบร่วมกับ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ประธานวิปฝ่ายค้านแล้ว ยืนยันได้ว่า พรรคพร้อม
นายจุรินทร์ ลักษณวิสิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า วันนี้ (13 พ.ย.) มีการประชุมร่วมรัฐสภา โดยมีวาระ2 เรื่องคือ กรอบการเจรจาความตกลงในเรื่องความร่วมมือด้านภาษีอากร ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ในด้านการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับสถาบันการเงิน เพื่อให้ผู้ลงทุนของไทยในอเมริกาได้รับการลดภาษี โดยวิปฝ่ายค้านให้ความเห็นชอบ แต่ฝ่ายค้านมีเครื่องหมายคำถามคือ กรณีที่รัฐบาลมีหนังสือมายังประธานรัฐสภา ขอให้ที่ประชุมรัฐสภาเปิดอภิปรายทั่วไปตาม มาตรา179 พิจารณากรณีที่ ครม.จะขอฟังความเห็นจากสมาชิก เดิมคิดว่าจะเป็นเรื่องสถานการณ์ทางการเมือง แต่กลายเป็นเรื่องกรณีปราสาทเขาพระวิหาร จึงขอตั้งข้อสังเกตว่า เป้าหมายคืออะไร เพราะครม.ขอเปิดรับฟังความเห็นตั้งแต่ก่อนมีคำพิพากษา อีกทั้งยังกำหนดเวลาไว้แค่ 9.30-13.30 น. มีเวลาพิจารณา 2 เรื่อง ไม่ทราบว่าจะมีการวบรัดการประชุมเพื่ออะไร จึงขอความชัดเจนจากรัฐบาลว่า มีจุดประสงค์อะไร
ส่วนกรณีที่มี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์บางส่วนลาออกไป และอาจจะมีการทยอยลาออกอีก จะมีผลต่อการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลหรือไม่นั้น ตนไม่สามารถตอบล่วงหน้าได้ แต่จำนวนส.ส.ที่มีอยู่ ณ ตอนนี้เพียงพอที่จะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจฯ
**เลือกซ่อมส.ส. 8 เขต 22 ธ.ค.ใช้งบ 80 ล้าน
นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ เปิดเผยว่า วันนี้ ที่ประชุมกกต.จะมีการพิจารณาเพื่อเสนอวันเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่าง กรณี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 9 คนลาออกจากการเป็นส.ส. โดยตามกฎหมายกกต. ต้องจัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 45 วัน นับแต่วันที่ตำแหน่งว่างลง และคาดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้น่าจะใช้งบประมาณไม่ต่ำกว่า 80 ล้านบาท เพราะต้องจัดการเลือกตั้งใน 8 เขต แต่ละเขตจะใช้งบประมาณราว 10 ล้านบาท ซึ่งกกต.จะใช้งบคงเหลือที่มีในการดำเนินการไปก่อน แล้วจึงค่อยขอตั้งเบิกจากรัฐบาล
**บี้“ธาริต”ตรวจสอบนายทุน
นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวตอบคำถามที่ว่า เมื่อส.ว.มีมติเอกฉันท์ 141 เสียง คว่ำร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแล้ว ถือว่าตกไปในชั้นส.ว. และยืนยันว่า 180วัน ก็จะไม่นำกลับมาพิจารณา ดังนั้นเมื่อทุกอย่างชัดเจนแล้ว แต่ทำไม นายสุเทพ และพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่หยุด จะยื้อการชุมนุมต่อไปเพื่ออะไร ส่วนการที่นายสุเทพ เรียกร้องให้มีการหยุดงาน ไม่ให้จ่ายภาษีนั้น เท่ากับกำลังให้ประชาชนทำผิด ท้าทายกฎหมาย ตนจะหาช่องทางดำเนินคดีกับนายสุเทพ
**“ยิ่งลักษณ์”วอนอย่าชะลอเสียภาษี-หยุดงาน
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ นายสุเทพ เรียกร้องให้ประชาชนใช้มาตรการอารยะขัดขืน ด้วยการให้ประชาชนหยุดงาน สถานศึกษาหยุดการเรียนการสอน ตั้งแต่วันที่ 13-15 พ.ย. และให้ชะลอการเสียภาษี ว่า รัฐบาลรณรงค์ตลอดเวลาให้ประชาชนทุกคนเสียภาษีอย่างถูกต้องตามขั้นตอน ซึ่งเป็นสิ่งทีรัฐต้องทำ และการทำงานต่างๆ หรือการศึกษา ต่างๆ อย่าหยุดงานเลย เพราะยังมีเวลาอื่นๆ นอกเวลาทำงานยังสามารถแสดงออก แสดงความคิดเห็นได้ การเสียภาษีต่างๆ สุดท้ายจะทำให้ประเทศเราเจ็บปวด ที่ไม่เสียภาษี และจะส่งผลถึงเศรษฐกิจที่จะกระทบต่อพวกเราเอง ตรงนี้ต้องขอความร่วมมือ
**“เหลิม”ซัดปลุกระดมหยุดงาน ผิดม.117
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน กล่าวว่า ต้องยอมรับวิธีการจัดม็อบของประชาธิปัตย์ ดีเกินคาด ต้องการล้มรัฐบาลชุดนี้ โดยหา 3 สูตร คือ 1. ให้นายกฯ ยุบสภา แต่เลือกตั้งใหม่ ก็จะแพ้พรรคเพื่อไทยอีก 2. ให้นายกฯ ลาออก โดยการโหวตใหม่ แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็จะได้รับโหวตกลับมาอีก เพราะนักการเมืองชั่วที่เคยหนีพรรคเพื่อไทยไป วันนี้หมดแล้ว และ 3. จะหาทางด่วนและทางพิเศษ แต่วันนี้ทางดังกล่าวหมดแล้วจากสังคมไทย เพราะประชาชนส่วนใหญ่ไม่เอาด้วย
**“ถาวร”ยันนัดหยุดงานไม่ผิด ป.อาญา 117
นายถาวร เสนเนียม อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะแกนนำการชุมนุมต่อต้าน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม กล่าวถึงกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ให้ความเห็นว่าข้อเสนออารยะขัดขืน ด้วยการหยุดงาน การงดจ่ายภาษีประท้วงนั้น ถือเป็นความผิดเข้าข่ายประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 117 ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นแค่การข่มขู่คุกคาม และสกัดกั้นผู้ร่วมชุมนุมเท่านั้น เพราะการนัดหยุดงาน หยุดเรียน ในวันที่ 13-15 พ.ย. นั้น ไม่ได้เป็นการสั่ง หรือการยุยงใดๆ และยืนยันว่า การนัดทำอารยะขัดขืนครั้งนี้ ไม่ได้ทำเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดิน เพื่อบังคับรัฐบาล หรือเพื่อข่มขู่ประชาชนแต่อย่างใด เพราะกฎหมายจะตีความเป็นบรรทัด ไม่ได้ต้องดูว่าทำเพื่ออะไร ซึ่งตนยืนยันว่าการนัดหยุดงานในครั้งนี้ ยังไม่เข้าข่ายผิดกฎหมายแต่อย่างใด จึงอยากให้ผู้ชุมนุมและผู้ที่เห็นด้วยกับการทำอารยะขัดขืนสบายใจได้
**“เต้น”จวก“สุเทพ”จิ้งจอกเจ้าเล่ห์
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ และแกนนำกลุ่ม นปช. กล่าวตอบคำถามว่า นปช.จะมีการตั้งเวทีในกรุงเทพฯหรือไม่ ว่า เราต้องประเมินสถานการณ์ เราอยากจะให้เรื่องนี้ใช้กลไกของระบอบประชาธิปไตยในการแก้ปัญหา พรรคฝ่ายค้านไม่กี่วัน ก็จะมีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจก่อนปิดสมัยประชุมสภาอยู่แล้ว แล้วเอาทุกเรื่องที่อยู่บนเวที ไปว่ากันในสภา เพราะไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรีทั้งคณะอยู่แล้ว แต่ว่ามีเจตนาชัดคือ ไม่ไว้วางใจก็จะยื่น แต่เวทีก็จะเอา ก็เลยให้นายสุเทพ และส.ส.จำนวนหนึ่งลาออก เพื่ออธิบายว่ามันแตกต่างกัน แล้วก็เดินทั้งสองแบบ ทั้งในและนอกสภา
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์หลังจากนี้ ก็คงจะมีความพยายามยกระดับกันทุกวัน ตนยืนยันกับพี่น้องประชาชนว่า การชุมนุมนี้เรียกอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากเรียกว่า ม็อบประชาธิปัตย์ แม้ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะพยายามใส่เสื้อคลุมล่องหนเพื่อปิดบังตัวเอง แล้วจดใส่บัญชีไว้ ว่าม็อบประชาธิปัตย์ ยุยงไม่ให้คนเสียภาษี ยุยงให้คนหยุดงาน โค่นล้มรัฐบาลที่มาจาการเลือกตั้งโดยร่วมมือกับกลไกอำนาจนอกระบบทั้งหลาย
"เขาต้องการยืดเยื้ออยู่แล้ว อย่างน้อยที่สุดก็หวังให้ยืดเยื้อไปจนถึงวันที่ 20 พ.ย.แล้วไปลุ้นเอาว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยอย่างไร ก็ลุ้นเป็นศาลๆ ตั้งแต่ลากการชุมนุมมาถึงวันที่ 11 พ.ย. แต่เมื่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินแล้ว เอามาขยายผลทางการเมืองไม่ได้ ก็มาลุ้นที่ศาลรัฐธรรมนูญ ที่จะพิจารณาว่า การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญว่าด้วยที่มา ส.ว. เป็นการล้มล้างการปกครองตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 หรือไม่ต่อ"
เมื่อถามว่า หากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินในทางลบ จะนำมวลชนออกมาปกป้องรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตนนึกไม่ออกเลยว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินทางลบในกรณีนี้ได้อย่างไร เพราะฉะนั้นรอให้เกิดขึ้นแล้วมาว่ากันอีกที
เมื่อถามว่า ถึงเวลาแล้วหรือไม่ ที่จะลาออกจาก ส.ส. และรัฐมนตรี แล้วมาเป็นแกนนำ นปช. เพื่อออกมาปกป้องรัฐบาลอย่างเต็มที่ เพราะ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ก็ลาออกแล้ว นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ลาออกคนละเหตุผลกัน ที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ลาออก เป็นการลาออกด้วยท่วงทำนองสุนัขจิ้งจอกทางการเมือง เจ้าเล่ห์ พยายามที่จะทำให้ขาดระหว่างพรรคกับม็อบเท่านั้นเอง ซึ่งจริง ๆ ตัดไม่ขาด
“ผมได้กราบเรียนนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อนว่าถ้าผมประเมินว่าสถานการณ์จำเป็น ผมก็จะลาออกจากการปฏิบัติหน้าที่ แล้วไปทำหน้าที่ต่อสู้ปกป้องระบอบประชาธิปไตย เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ผมประเมินเอง ประเมินทุกวัน ทุกนาที แล้วผมขอบอกพรรคประชาธิปัตย์ว่า ไม่ต้องมาเรียกร้องอะไรจากผม เพราะไม่ได้มีหน้าที่มาทำตามใจพรรคประชาธิปัตย์” แกนนำนปช. กล่าว
มีรายงานข่าวว่า กลุ่มเสื้อแดงเตรียมระดมกำลังจัดตั้งม็อบเพื่อมาสู้กับม็อบที่ต่อต้านรัฐบาลในขณะนี้
**“ประชา”แจงครม.ม็อบสูงสุดครึ่งแสน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวานนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เรียกประชุมความมั่นคงนอกรอบกับ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง นายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกฯ และรมช.เกษตรและสหกรณ์ นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกฯ และพล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ถึงการชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ที่ถนนราชดำเนิน ขณะที่ประชุม ครม.พล.ต.อ.ประชา รายงานตัวเลขผู้ชุมนุมสูงสุดทั้ง 3 จุด โดยที่เวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยมีผู้ชุมนุม 3.8 หมื่นคน เวทีกองทัพประชาชนโค่นล้มระบอบทักษิณ (กปท.) สะพานผ่านฟ้า 5 พันคน และเวทีเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ที่แยก จปร. 3 พันคน ไม่ได้มีจำนวนเป็นแสนคนอย่างที่พูดกัน
**"ประยุทธ์"วอนพักศึกใน แก้ไขศึกนอก
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมมีการเคลื่อนไหว ขับไล่รัฐบาล ว่า จะต้องระมัดระวังทุกฝ่าย สิ่งที่ตนทำคือการทำให้ประเทศชาติปลอดภัย ทหารทุกคนทำหน้าที่ตามที่ได้กำหนดไว้ทุกประการ ทหารอยู่เคียงข้างประชาชนเสมอ เพราะกองทัพบก ต้องเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนได้ทุกโอกาส
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในส่วนของรัฐบาล ตนได้เรียนกับนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นฝ่ายความมั่นคงว่า ท่านต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวัง ขอให้ดูแลประชาชนให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด วันนี้ทหารทำงานทุกหน้าที่ อยากใช้คำว่า ศึกนอกก็มาก ศึกในก็ใหญ่หลวง ดังนั้นศึกในกันเองต้องลดลงให้มากที่สุด คนไทยด้วยกันต้องรักและสามัคคี
** "ชายจืด"คุย"แม้ว"อยู่เมืองนอกสบาย
วานนี้ ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กลุ่มนักธุรกิจสตรี ได้จัดเสวนาในหัวข้อ “ประเทศไทยไปทางไหน?”โดยมี นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมเป็นวิทยากร และได้กล่าวช่วงหนึ่งว่า “วันนี้ที่ประชาชนเป็นห่วงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะกลับบ้านนั้น ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ อยู่เมืองนอก สบายแล้ว ไปได้ทุกประเทศ แต่แปลกที่กลับประเทศไทยไม่ได้ และร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ก็ไม่ได้ทำเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ทำเพื่อทุกคน