“สุเทพ” ถามมติมหาชน เอกฉันท์ให้สู้ต่อจนกว่า กม.นิรโทษจะหายสาบสูญ พร้อมประกาศลาออกจากตำแหน่ง ส.ส.นำมวลชนต่อสู้ในฐานะคนธรรมดา โดยมี ส.ส.อีก 8 คนลาออกจากตำแหน่งตาม ลั่นยึดราชดำเนินเป็นที่มั่น ชวนหยุดงานทั่วประเทศ 13-15 พ.ย. พร้อมชะลอจ่ายภาษี ชักธงทุกบ้าน เจอนายกฯ-รมต.เป่านกหวีดไล่ทันที
วันนี้ (11 พ.ย.) เวลา 09.00 น. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มต่อต้านกฎหมายนิรโทษกรรม ที่เวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน มีประชาชนมาร่วมชุมนุมกันอย่าคึกคักตั้งแต่ช่วงเช้า โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะแกนนำผู้ชุมนุม ได้ขึ้นเวทีชี้แจงแนวทางและกิจกรรมการชุมนุมในวันนี้ และขอให้ผู้ชุมนุมที่เวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เปิดทางและอำนวยความสะดวกให้กับผู้ชุมนุมกลุ่มกองทัพธรรม กองทัพประชาชน และเครือข่ายประชาชน 77 จังหวัด ที่เดินจากสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ผ่านพื้นที่การชุมนุมเวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ผ่านด้านซ้ายของหน้าเวที ตลอดฝั่งถนนราชดำเนินกลาง เพื่อมุ่งหน้าสู่กระทรวงกลาโหม ไปแสดงสัญลักษณ์และปฏิบัติภารกิจสำคัญเกี่ยวกับการทวงคืนปราสาทพระวิหาร โดยช่วงที่กลุ่มกองทัพธรรมเดินผ่านเข้ามาทางกลุ่มผู้ชุมนุมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ทั้งสองกลุ่มได้มีการปรบมือทักทาย และเป่านกหวีดให้กำลังใจซึ่งกันและกันตลอดเส้นทาง ทั้งนี้ นายสุเทพได้เชื้อเชิญกลุ่มกองทัพธรรมหากปฏิบัติภารกิจเสร็จสามารถมาพักรับประทานอาหารที่เต็นท์ของกลุ่มราชดำเนินได้
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ที่เวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นายสุเทพได้ประกาศเตือนผู้เข้าร่วมชุมนุมว่า ห้ามรับอาหาร น้ำดื่ม รวมถึงยารักษาโรคจากบุคคลที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ เพราะเมื่อวันที่ 10 พ.ย. ที่ผ่านมา มีผู้ประสงค์ร้ายนำอาหารมาแจกจ่าย รวมถึงยาและเครื่องดื่ม ทำให้ประชาชนมีอาการท้องเสียไปหลายราย รวมถึงขอให้มีการสอดส่องดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เพราะเชื่อว่าวันนี้จะมีผู้ชุมนุมทยอยเดินทางมามากขึ้น ขณะที่การสัญจรขณะนี้มีการปิดเส้นทางตั้งแต่แยกสะพานผ่านฟ้าลีลาศถึงแยกคอกวัว จึงทำให้การจราจรค่อนข้างติดตัดเล็กน้อย
จากนั้นนายสุเทพให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า กลุ่มกองทัพธรรมได้ประสานงานกับทางกลุ่มว่าจะนำผู้ชุมนุมเดินผ่านถนนราชดำเนินเพื่อไปยังกระทรวงกลาโหม จึงรีบเดินทางมายังเวทีเพื่อจัดการทำให้พื้นที่ถนนกว้าง และให้กองทัพประชาชนเดินผ่านไปได้ และในการเดินทางกลับก็ได้สั่งทีมงานให้สนับสนุนน้ำ และอาหารกับกลุ่มดังกล่าวเพราะมีแนวทางการต่อสู้ที่เหมือนกัน ส่วนการที่กลุ่มนักธุรกิจ นัดชุมนุมกันในช่วง 11.00 น. นั้นไม่เกี่ยวกับการชุมนุมที่ราชดำเนิน ทั้งนี้ เห็นว่าไม่จำเป็นต้องเดินทางมารวมกัน เพราะไม่มีสถานที่ชุมนุมที่เพียงพอ แต่ถ้าอยากมาถนนราชดำเนินก็จะต้อนรับเป็นอย่างดี ทั้งนี้คิดว่าคืนนี้ประชาชนจะเข้าร่วมชุมนุมเต็มพื้นที่ ส่วนการประชุมของกลุ่มวุฒิสภาในวันนี้นั้น คิดว่าสมาชิกวุฒิสภาจะแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ซึ่งพวกตนไม่ใช่รัฐบาลที่จะเข้าไปก้าวก่ายได้
นายสุเทพกล่าวอีกว่า ส่วนการที่แกนนำ นปช.ประกาศให้มวลชนเตรียมพร้อม 12 ชั่วโมง ให้ออกมาปกป้องรัฐบาลนั้น เมื่อได้ตัดสินใจต่อสู้แล้ว ก็ไม่มีอะไรที่ต้องห่วงและกังวล ซึ่งท่าทางของกลุ่ม นปช. และพฤติกรรมของรัฐบาลนั้น เป็นการท้าทายประชาชนไม่แยแสความคิดประชาชน ต้องการเอาชนะ มีเล่ห์เหลี่ยม จะถอยและยอมแล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่ถอยและไม่ยอม กลับคิดสู้เอาคนเสื้อแดงมาต่อสู้ ทั้งนี้ไม่ห่วงว่าจะมีการปะทะกัน เพราะการชุมนุมที่ราชดำเนินจะอยู่กับที่ ไม่มีการนำผู้ชุมนุมไปปะทะใครหรือตีกับตำรวจและเจ้าหน้าที่ แต่หากคนเสื้อแดงจะบุกมาหาทางกลุ่ม ก็เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องปกป้องผู้ชุมนุม และหากไม่ปกป้องผู้ชุมนุมยืนยันว่าจะเล่นงานตำรวจในภายหลัง
ด้านนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกเวทีหยุดกฎหมายล้างผิด กล่าวถึงกระแสข่าวที่ระบุว่าแกนนำผู้ชุมนุมต่อต้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ได้สั่งการให้ปิดเส้นทางถนน เส้นทางรถไฟฟ้า ปิดสนามบิน หรือล้อมสถานที่ราชการต่างๆ ว่า ไม่เป็นความจริง ทั้งนี้ขอให้ประชาชนที่จะมาร่วมชุมนุมกับทางกลุ่มอย่าหวั่นไหวกับข่าวลือที่ออกมา และขอยืนยันว่าวันนี้จะยืนยันปักหลักชุมนุมอยู่ที่เวทีอนุสาวรีย์ฯ เช่นเดิม จนถึงเวลา 18.00 น.และการชุมนุมดังกล่าวเป็นการชุมนุมที่ถูกต้องตามกฎหมาย ตามรัฐธรรมนูญ เป็นการต่อสู้ด้วยสันติวิธี และวันนี้เวทีจะเป็นไปด้วยความเข้มข้น โดยทางกลุ่มจะรักษาความปลอดภัยให้กับผู้ชุมนุมเป็นอย่างดี อีกทั้งขอยืนยันว่าร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมจะต้องตายจากสภาฯ ไปในเวลา 18.00 น.
นายเอกนัฏกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ กล่าวว่า กลุ่มผู้ชุมนุมทำผิดกฎหมายนั้น ขอให้นายธาริต หยุดพฤติกรรมใส่ร้ายประชาชน เพื่อที่จะเอาใจรัฐบาลได้แล้ว เพราะการชุมนุมครั้งนี้เป็นการชุมนุมที่ถูกต้องตามกฎหมาย และ พล.ท.ภราดร พัฒนาถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) รวมถึงโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ได้ยืนยันแล้วว่าเป็นการชุมนุมที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว จึงขอให้นายธาริตหยุดพฤติกรรมการใส่ร้ายประชาชนได้แล้ว
เมื่อถามว่าหลังจากเวลา 18.00 น.จะมีการเคลื่อนไหวหรือไม่ นายเอกนัฏกล่าวว่า ขอให้ดูการปราศรัยบนเวที และขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของศาลประชาชน
ขณะที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ขึ้นปราศรัยบนเวทีโดยกล่าวตอนหนึ่งว่า ได้รับข่าวจากประชาชาชนว่า ตำรวจ สน.นางเลิ้ง ปลอมมาเป็นวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เพื่อมาดูสถานการณ์การชุมนุมที่เวทีราชดำเนินและไปรายงานความเคลื่อนไหวของมวลชนให้เจ้านายทราบ ดังนั้นจึงอยากบอกประชาชนว่าเปลี่ยนใจได้ก็ให้เปลี่ยนใจมาร่วมชุมนุม เพราะเชื่อว่าวันนี้ประชาชนจะชนะแน่นอน ทั้งนี้หลายพื้นที่ในต่างจังหวัดทราบว่ามีมวลชนคนเสื้อแดงกลับใจเข้ามาร่วมต่อสู้ข้างประชาชนแล้ว และวันนี้ประชาชนคนไทยตื่นแล้วทั้งในประเทศ เพราะคนไทยได้ให้โอกาส น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้เข้ามาบริหารประเทศไป แต่รัฐบาลกลับใช้อำนาจอย่างป่าเถื่อน โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นเผด็จการยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และอีกไม่กี่วันต่อจากนี้ไปหากรัฐบาลแพ้จะกลายเป็นทรราชยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
“พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่เคยยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และให้สัญญาณในการระดมมวลชนคนเสื้อแดงออกมา นั่นเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่ารัฐบาลไม่ยอมเราแน่ แม้ที่ประชุมวุฒิสภาจะมีมติคว่ำกฎหมายนี้ รัฐบาลก็จะไม่ยอมให้กับประชาชนแน่นอน” นพ.วรงค์กล่าว
ทั้งนี้ มีรายงานว่าในเวลา 18.00 น.จะมี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ประกาศลาออกจาก ส.ส.เพื่อร่วมสู้ในฐานะพลเมืองร่วมกับประชาชน 6 คน นำโดย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี, นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา, นายอิสสระ สมชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายวิทยา แก้วภราดัย ส.ส.นครศรีธรรมราช, นายชุมพล จุลใส ส.ส.ชุมพร และนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง
เมื่อเวลา 18.10 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กล่าวบนเวทีปราศรัยที่ถนนราชดำเนิน ว่าถึงกำหนดเวลา 18.00 น.ที่ได้ให้โอกาสรัฐบาลนำกฎหมายนิรโทษกรรมออกไปจากสภาฯ ซึ่งปรากฏแล้วว่าเมื่อถึงเวลารัฐบาลไม่ปฏิบัติตามสัญญาและประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ปฏิเสธข้อเรียกร้องของประชาชน ในขณะที่รัฐบาลก็มีความพยายามสร้างกระแสข่าวใส่ร้ายและข่มขู่ผู้ที่ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ต่างๆ นานา จนประชาชนทนไม่ไหวต้องออกมาชุมนุมเพิ่มมากขึ้น ถ้าพี่น้องไม่มาชุมนุมมากขนาดนี้ ป่านนี้สภาคงพิจารณา 3 วาระรวด จนผ่านร่างจบไปแล้ว อย่างที่เคยทำ ซึ่งถือว่าการออกมาเคลื่อนไหวจำนวนมากของประชาชนครั้งนี้ เป็นชัยชนะเบื้องต้น
นายสุเทพ ยังประกาศย้ำว่าถึงแม้วุฒิสภาจะมีมติไม่รับหลักการ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ก็ยังไม่สามารถทำให้กฎหมายฉบับนี้ตกไปจากสภา เพราะยังคงต้องค้างร่างดังกล่าวไว้ 180 วัน ซึ่งหากเราหยุดแค่นี้จะทำให้การออกมาเคลื่อนไหวของประชาชนครั้งนี้สูญเปล่า นี่คือความจริงที่ประชาชนควรรู้ เพราะถ้าวันใดที่มวลชนเผลอรัฐบาลสามารถออกเป็นพระราชกำหนด หรือ พ.ร.ก.ด้วยมติคณะรัฐมนตรี ซึ่งจะมีอำนาจใช้ทันที ทั้งนี้ทราบมาว่าหัวหน้าพรรคเพื่อไทยก็ได้พูดเรื่องนี้กับนายกรัฐมนตรีแล้ว วันนี้ขอให้ศาลประชาชนตัดสิน ขอให้มวลชนตั้งสติพิจารณาแค่เฉพาะเรื่องนิรโทษกรรมไม่รวมความผิดสะสมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยค่อยเอาไว้พิจารณากันวันหลัง เพราะให้พิจารณาแค่เรื่องนี้ประชาชนก็ตัดสินใจได้แล้ว
นายสุเทพกล่าวถามไปยังมวลชนที่ออกมาชุมนุมคัดค้านนิรโทษกรรมเพื่อขอมติของมหาชนและตนจะปฎิบัติตามอย่างเคร่งครัด ได้แก่ ทางเลือกที่ 1 ยินดีกับชัยชนะขั้นต้นที่รัฐบาลและสภาผู้แทนราษฎรชะลอกฎหมายนิรโทษกรรมไว้ 180 วัน ทางเลือกที่ 2 ขอประชาชนสู้ต่อไปจนกว่าร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวจะตายไปจากสภาฯ โดยทันทีที่นายสุเทพ ขอมติจากมวลชนที่ร่วมชุมนุมที่ถนนราชดำเนินได้เสียงตอบรับว่าจะคัดค้านร่างกฎหมายดังกล่าวจนถึงที่สุด
จากนั้น นายสุเทพ ได้ประกาศลาออกจากความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร “บัดนี้ขอประกาศว่ามติมหาชนของประชาชนผู้รักประชาธิปไตยอย่างแท้จริง และผู้รักชาติรักแผ่นดินมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ให้สู้ต่อไป” เพื่อให้เป็นการต่อสู้ของมวลชนโดยแท้จริงไม่มีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ตนขอประกาศออกจากสมาชิกสภาสภาผู้แทนราษฎร โดยมีสมาชิกที่ร่วมลาออกจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอีก 8 คน ประกอบด้วย นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง นายอิสระ สมชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายวิทยา แก้วภราดัย ส.ส.นครศรีธรรมราช นายชุมพล จุลไสย ส.ส.ชุมพร นายพุฒิพงศ์ ปุณณกันต์ ส.ส.กทม. นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ส.ส.กทม.นายณัฐพล ทีปสุวรรณ ส.ส.กทม.
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า พวกเราต้องต่อสู้กับนางมารร้ายทั้งในสภาและนอกสภา ดังนั้นตนเพื่อนรักต้องแยกทางกันเดินโดยเด็ดขาด พวกที่มีหน้าที่สู้ในสภาไปสู้ในสภาให้เข้มแข็ง ส่วนพวกตน 9 คนขอถอดหัวใจหลอมชีวิตหลอมวิญญาณเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับประชาชน ประชาชนเป็นอย่างไรเราเป็นอย่างนั้น พวกตนตัดสินใจเตรียมการถ้าบอกว่าจะสู่ต่อเราจะทำอย่างไรบ้างต้องขอย้ำและทุกคนต้องปฏิบัติตามเรามาต้อสู้ แบบที่ต่อสู้ของเราจะยึดหลักอหิงสา สู้โดยสงบปราศจากอาวุธ เราต่อสู้ตามสิทธิที่กำหนดไว้ในกฎหมายรัฐธรรมนูญและกฎบัตรสหประชาชาติ โดยเราจะยึดถนนราชดำเนินเป็นชัยภูมิในการต่อสู้จนกว่าเราจะชนะ
โดยมติกรรมการแกนนำ ขอให้ทุกเครือข่ายได้ปฏิบัติให้สอดคล้องโดยจะยกระดับการต่อสู้โดยการเชิญชวนกระทำอารยะขัดขืนอย่างเข้มแข็งทั่วประเทศ 1.วันที่ 12 พ.ย. ให้ทุกคนทุกบริษัท ทุกหน่วยงานราชการ สะสางงานของตัวเอง 1 วัน จากนั้นวันที่ 13-15 พ.ย.เป็นวันหยุดงานทั่วประเทศ ขอความร่วมมือเจ้าของกิจการโปรดสั่งพนักงานของท่านให้หยุดงานและมาร่วมชุมนุมกับเราทั่วประเทศ ไปเวทีไหนก็ได้ หน่วยงานไหนบริษัทเอกชนไหน จำเป็นจริงหยุดงานไม่ได้ให้ชะลอความรวดเร็วในการทำงานลง สถาบันการศึกษา มหาวิทยาลัยทุกแห่งให้อาจารย์และนักศึกษาไปให้ขึ้นป้ายได้ว่า 13-15 หยุดเรียน หยุดสอน โรงเรียนทุกแห่งทั้งมัธยม ประถม อนุบาล หยุดเรียนหยุดสอนทั่วประเทศ ขอให้ทุกฝ่ายได้เข้าใจว่านี่คือการกระทำอารยะขัดขืนของพลเมือง ดีเพื่อประวัติศาสตร์จะได้จารึก
2.ขอให้บรรดาพ่อค้านักธุรกิจช่วยกรุณราไปปรึกษากันว่าวิธีปฏิบัติในการชะลอการชำระภาษี อย่าใหรรัฐบาลมีเงินภาษีออกมาใช้ 3.ต่อสู้ด้วยสัญลักษณ์ ขอให้ทุกบ้านทุกสำนักงานชักธงชาติขึ้นทั่วประเทศ แขวนคอด้วยนกหวีด ไปไหนมาไหนพกไป 2 อย่างคือนกหวีดและธงชาติ และ 4.ตั้งแต่นาทีนี้ถ้าประชาชนพบเห็นนายกฯ รองนายกฯ รัฐมนตรี และหลายลิ่วล้อไม่ต้องพูดกับมัน ไม่ต้องทำอะไรเป่านกหวีดอย่างเดียว