“พล.อ.ปรีชา” นำทัพปักหลักแยกผ่านฟ้าฯ ย้ำจุดยืนโค่นระบอบทักษิณ แม้ รบ.ส่อถอยนิรโทษกรรม “ทนายนกเขา” ยันไม่ได้ขัดเเย้งกันเอง “สมศักดิ์” เปรียบรัฐบาลเหมือนไก่ชน ถ้าชนไม่ได้จะหนี แล้วหาทางชนใหม่ “สมเกียรติ” ยันเดินหน้าต่อ 7 พ.ย. แม้เพื่อไทยส่อถอยนิรโทษกรรม ลั่นต้องถอน นายกฯ ประธานสภาผู้แทนฯ-วุฒิสภา ก่อน
วันนี้ (5 พ.ย.) พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ เสนาธิการร่วมกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) เปิดเผยว่า การเคลื่อนมวลชนในครั้งนี้ เพื่อขยายพื้นที่ให้กับมวลชนที่จะมาสมทบจากต่างจังหวัด และตนก็ขอเป็นทัพหน้าในการมาเปิดพื้นที่ อีกทั้งไม่เพียงแค่ต้องการกดดันรัฐบาลในการถอนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเท่านั้น แต่ต้องการ โค่นล้มระบอบทักษิณ ตามจุดยืน รวมไปถึงการปกป้องอธิปไตยของชาติ เนื่องจากในวันที่ 11 พ.ย.นี้จะมีคำตัดสินของศาลโลกออกมาในคดีปราสาทพระวิหาร สำหรับการเคลื่อนมวลชนมาจากแยกอุรุพงษ์ ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการแตกหักกับกลุ่ม คปท.แต่อย่างใด พร้อมทั้งย้ำว่าจะปักหลักการชุมนุมที่ถนนราชดำเนินนอก แห่งนี้เพื่อรอมวลชน จนถึงวันที่ 7 พ.ย.นี้จะประเมิณสถานการณ์อีกครั้ง แต่จะต่อสู้จนกว่าจะได้รับชัยชนะในการโค่นล้มระบอบทักษิณ
ในส่วนของกรณีที่นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลออกมาแถลง มีทีท่าจะถอน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ตนย้ำว่า ไม่ได้สนใจสิ่งที่นายกฯ พูด เพราะรัฐบาลนี้ได้ทำลายประเทศชาติและประชาชนทั้งปัญหาข้าวยากหมากแพง การทุจริตคอร์รัปชัน และการปกป้องอธิปไตยของชาติ
ทั้งนี้เนื่องจากบริเวณถนนราชดำเนินนอกเป็นพื้นที่ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง พล.อ.ปรีชากล่าวว่า ไม่ได้กังวลใจแต่อย่างใด และไม่กลัวหากจะมีการปิดล้อมกดดันเหมือนข้างทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 10 ต.ค. เพราะยืนยันว่าเป็นการชุมนุมอย่างถูกกฎหมาย สงบสันติ ปราศจากอาวุธ
พล.อ.ปรีชากล่าวต่อว่า นอกจากนี้กรณีที่จะไปรวมกับเวทีที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยหรือไม่นั้น พล.อ.ปรีชากล่าวว่า ในส่วนของเวทีดังกล่าวเป็นการคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเพียงอย่างเดียว ซึ่งหากรัฐบาลยอมถอน พ.ร.บ.ออกไป แต่ถึงยังไง ก็ยังเป็นรัฐบาลชุดเดิมในการบริหารประเทศ ดังนั้น กปท.ก็จะทำตามจุดยืนเดิมที่เคยประกาศไว้ แต่ขณะนี้เป้าหมายแรกเป็นเป้าหมายเดียวกันคือรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หากพูดคุยกันก็มีโอกาสเป็นไปได้
ต่อมาเมื่อเวลา 17.00 น. นายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษากลุ่ม คปท. กล่าวถึงกรณีการเคลื่อนย้ายขบวนของกองทัพธรรมไปยังสะพานผ่านฟ้าลีลาศว่า การเคลื่อนขบวนของเเกนนำในครั้งนี้ทางกลุ่มผู้ประสานงาน คปท.ไม่ได้ทราบเรื่องมาก่อนเเต่ก็ไม่ได้มีการขัดเเย้งกันเเต่อย่างใด
มีรายงานแจ้งว่า เมื่อเวลาประมาณ 15 นาฬิกาเศษ ตอนนั้นตนอยู่ที่สำนักงานแถวพญาไท เรือตรีแซมดินได้โทรศัพท์เข้ามามาหาที่โทรศัพท์มือถือของนายนิติธร แต่เลขาฯ เป็นผู้รับสาย ทางเรือตรีแซมดินจึงฝากแจ้งผ่านเลขาฯ ของว่าจะมีการเคลื่อนขบวนแล้ว นายนิติธรจึงได้โทร.กลับเเละกล่าวว่าถ้าจะมีการเคลื่อนขบวนก็ขอให้เคลื่อนแบบเงียบๆ โดยได้บอกไปว่าอย่าเพิ่งให้แกนนำคนใดขึ้นเวทีประกาศแจ้งการเคลื่อนขบวน เพราะไม่ต้องการสร้างความสับสนให้ผู้ร่วมชุมนุม
ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวแจ้งมาว่าสำหรับการเคลื่อนขบวนครั้งนี้เป็นการตัดสินใจของกลุ่มกองทัพธรรม และกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นล้มระบอบทักษิณ ที่เพิ่งเคลื่อนขบวนมาจากสวนลุมพินี มาสมทบที่อุรุพงษ์ ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่เวทีอุรุพงษ์ในขณะนี้ ประกอบไปด้วยกลุ่มเเกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ที่มีนายอุทัย ยอดมณี เป็นผู้ประสานงาน และอีกกลุ่ม คือ เครือข่ายประชาชน 77 จังหวัด มีนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำเป็นผู้ดูแลกิจกรรมและทิศทางการเคลื่อนไหวต่างๆ ที่อุรุพงษ์ และการเคลื่อนขบวนใหญ่ ในวันที่ 7 พ.ย. 56 ยังเป็นไปตามกำหนดเดิม
จากนั้นเวลา 17.50 น. ที่เวทีเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นายสมศักดิ์ โกศัยสุข อดีตแกนนำ พธม. ได้เดินทางมาให้กำลังใจผู้ชุมนุม โดยกล่าวถึงร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมว่ารัฐบาลนี้ทำเหมือนเป็นไก่ชน ที่ชนไปหนีไป ถ้าหากทะลุซอยได้ก็จะทำ ถ้าไม่ได้ก็หนี แต่อย่างไรก็เชื่อว่าเป้าหมายรัฐบาลนี้ต้องการช่วยนักโทษหนีคดีให้พ้นผิด การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีออกมาเเถลงเรื่อง พรบ.นิรโทษกรรมในช่วงเที่ยงวันนี้ก็รู้กันอยู่แล้วว่า นายกไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย เพราะถึงไม่ต้องกำชับวุฒิสภา ทางวุฒิสภาก็มีหน้าที่ที่จะต้องกระทำอยู่เเล้ว ตนคิดว่าเป็นการส่งสัญญาณเเก่นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภามากกว่า
“การที่นายนิคมออกมาประกาศคว่ำร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมมองว่าเป็นเรื่องที่ตลก เพราะยังไม่ได้มีการประชุมวุฒิสมาชิกเลยเเล้วจะรู้ได้อย่างไร ว่าที่ประชุมจะมีความคิดเห็นเรื่องนี้เเละจะลงมติกันอย่างไร ความจริงวุฒิสภาควรที่จะต้องฟังเสียงประชาชน เเต่เป็นการออกมารับสัญญาณจาก นายกรัฐมนตรีเเล้วอย่างนี้จะปฏิเสธได้อย่างไรว่าวุฒิสภาเป็นอิสระจากทางการเมือง” นายสมศักดิ์กล่าว
เมื่อถามว่ามองการเคลื่อนไหวของ คปท.ต่างกับการชุมนุมของพรรคประชาธิปัตย์อย่างใด นายสมศักดิ์กล่าวว่า การชุมนุมของพรรคประชาธิปัตย์แน่นอนว่าเป็นการชุมนุมของพรรคการเมือง ย่อมแตกต่างจากการชุมนุมของ คปท.ซึ่งเป็นกลุ่มประชาชนเเละนิสิตนักศึกษาซึ่งเป็นพลังบริสุทธิ์ แต่อย่างไรก็ตาม การชุมนุมของพรรคประชาธิปัตย์ก็ถือเป็นความก้าวหน้าของพรรคการเมือง ซึ่งในสมัยก่อนประชาธิปัตย์จะเล่นการเมืองเเต่ในสภา แต่เดี๋ยวนี้มีการออกมาเล่นการเมืองนอกสภาแต่ก็สามารถที่จะกระทำได้โดยประชาธิปัตย์ก็ออกมานำขบวนชุมนุมโดยไม่ได้กระทำการฝ่าฝืนกฎหมายเเต่อย่างใด ซึ่งในการชุมนุมในปัจจุบันนี้นอกจากการต่อสู้และหลักการณ์แล้วเราต้องมีการกำหนดยุทธวิธีควบคู่ไปด้วยถึงจะประสบความสำเร็จ
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่าเมื่อเวลา 19.50 น. นายสมเกียรติ พงศ์ไพบูลย์ แกนนำภาคีเครือข่ายประชาชน 77 จังหวัด ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคเพื่อไทยอาจจะยอมถอยหากสว.มีมติไม่รับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ว่า เรื่องกฎหมายนิรโทษกรรมไม่ใช่เป้าหมายหลัก แต่เป็นการปฏิรูปประเทศไทยโดยประชาชน ซึ่งรวมไปถึงจะต้องถอนนายกรัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานวุฒิสภาออกจากตำแหน่งเสียก่อนถึงจะยอมรับได้ ดังนั้น ในวันที่ 7 พ.ย.นี้ ยืนยันว่าจะยังเคลื่อนไหวต่อไป มั่นใจว่ามวลชนของภาคีเครือข่ายจะไม่หมดไฟแน่นอน ทั้งนี้ การที่พรรคเพื่อไทยท่าทียอมถอยเรื่องนิรโทษกรรมนั้น ส่วนตัวมองว่าเป็นการเล่นแร่ แปรธาตุของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่หวังให้คนที่ออกมาต่อต้านตายใจ ซึ่งขณะนี้ประชาชนมีความตื่นตัวสูงสุดแล้ว จึงขออย่าได้หลงเล่ห์เหลี่ยมเดินทางกลับบ้าน ไม่เช่นนั้นจะพบกับความผิดหวัง
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การชุมนุมของกลุ่ม คปท.ตั้งแต่ช่วงค่ำ ยังมีเครือข่ายนักศึกษาหลายมหาวิทยาลัยสลับกันขึ้นปราศรัยเพื่อคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม อาทิ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต รวมถึงกลุ่มเครือข่ายเภสัชกรพิทักษ์นิติธรรมของทุกมหาวิทยาลัย ก็ได้มาขึ้นเวทีแยกอุรุพงษ์ เพื่อประกาศขอให้วุฒิสภาล้ม พ.ร.บ.นิรโทษกรรม นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ได้เดินทางมาที่หลังเวทีอุรุพงษ์ โดยระบุว่ามาให้กำลังใจนักศึกษาที่มาช่วยต่อสู้เพื่อบ้านเมือง
ส่วนการจราจรโดยรอบ ขณะนี้ผู้ชุมนุม ปิดเส้นทางตั้งแต่แยก จปร.ถึงแยกสะพานผ่านฟ้าลีลาศในเส้นทางหลัก แต่จะสามารถใช้เส้นทางคู่ขนานได้