xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“แตงโม”ภัทรธิดา หัวใจของเธอสวยมาก “แตงโม” ตู่จันทร์โอชา หัวใจของนายแดงมาก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์- เป็นที่น่าตำหนิติเตียนอย่างยิ่งที่นายทหารใหญ่แห่งกองทัพบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) มัวแต่ก้มหน้ารับใช้รัฐบาลจนกระทั่งไม่รู้จักแยกแยะขาว-ดำ ดี-ชั่ว ไม่รู้ว่าร่างกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับสุดซอย จะทำลายหลักนิติรัฐ ทำลายกระบวนการยุติธรรม และคุณค่าทางจริยธรรมของสังคมย่อยยับ จึงทำเป็นวางมาดเท่ห์ออกมาพูดจาภาษาดอกไม้ “ให้ทุกฝ่ายถอยออกมาคนละก้าว” แทนที่จะแสดงความหาญกล้าเตือนรัฐบาลอย่าลุแก่อำนาจและให้หยุดการกระทำย่ำยีชาติบ้านเมืองเสียที
 
ขณะที่พลังทางสังคมทุกภาคส่วน ทุกสาขาอาชีพ ทั้งนักศึกษา นักวิชาการ นักธุรกิจ ข้าราชการ ตุลาการ องค์กรอิสระ ดารา ประชาชน กลุ่มราชนิกูล และนักการเมือง ฯลฯ ต่างผนึกกำลังรวมกันแสดงจุดยืนคัดค้านร่างกฎหมายนิรโทษกรรมอย่างไม่หวั่นเกรง แต่ “บิ๊กตู่” ผู้นำทหาร ซึ่งน่าจะเป็นหลักในการต่อสู้เพื่อความถูกต้องกลับทำตัวน่าผิดหวัง พึ่งพาไม่ได้
 
หรือว่า “บิ๊กตู่ ตาละห้อย” กล้าแต่กับแม่ค้าผัดกระเพรา แต่กับนายหญิงคนสวย น้องสาวนายใหญ่แห่งดูไบ กลับไม่กล้าหือ ดีแต่เอาตัวรอดไปวันๆ รอโอกาสและตำแหน่งใหญ่หลังเกษียณอย่างที่คนเสียงคล้ายนายใหญ่กับบิ๊กกลาโหม พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา สนทนาพาทีกันใน “คลิปลับถังเช่า” ??
 
สังคมจะหวังอะไรได้กับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่อ้างแต่ว่าทหารต้องอยู่ในระเบียบวินัย ต้องฟังคำสั่งและรับใช้รัฐบาล

เทียบเคียงกับ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย   ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) แล้ว ยังมีความกล้าหาญมากกว่า เพราะผบ.ทร.นั้นชัดเจนว่า “ถึงแม้กองทัพจะเป็นเครื่องมือของรัฐบาล แต่ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลจะใช้อย่างถูกต้องหรือไม่ หากถูกต้องตามกฎหมายก็พร้อมดำเนินการ แต่ถ้าเมื่อไหร่จะใช้ไม่ถูกต้อง เราก็ต้องทักท้วงหรืออาจจะยั้งมือ” และในกรณีการเคลื่อนไหวคัดค้านร่างกฎหมายนิรโทษกรรมนั้น ผบ.ทร.ไม่ห้ามกำลังพลเข้าร่วมเคลื่อนไหวในเวลานอกราชการแต่อย่างใด
 
ท่าทีเขียวนอกแดงในของนายทหารใหญ่แห่งกองทัพบกนั้น เมื่อนำไปเปรียบกับเด็กคราวลูกอย่างนางเอกสาว “แตงโม - ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์” ที่ขึ้นเวทีราชดำเนินร่วมต้านกม.นิรโทษฯ เมื่อคืนวันที่ 5 พ.ย. 56 ก็ยิ่งเห็นว่า หัวใจคนละเบอร์

เธออายุน้อยกว่า ผบ.ทบ.มาก แต่รู้จักแยกแยะขาวดำ ถูกผิด ดีชั่ว มีความกล้าหาญ กล้าแสดงจุดยืนโดยไม่หวั่นเกรงว่า การยืนอยู่ข้างความถูกต้อง จะกระทบต่ออาชีพการงานและเพื่อนพ้องบางคน ถ้ามีปัญหาเธอก็พร้อมสละทิ้ง

อยากถามว่า เพื่อความถูกต้อง เพื่ออนาคตของชาติบ้านเมือง “บิ๊กตู่” ใจถึงเหมือนเธอไหม ?
 
ในค่ำคืนนั้น “แตงโม” สับเละ “นช.ทักษิณ” ทั้งฆ่าคน โกงกิน สร้างความแตกแยก ไม่ต้องกลับมากราบแผ่นดิน  คำพูดบนเวทีของเธอเรียกเสียงเฮจากผู้ชุมนุมไม่ขาดระยะ “.... พ่อสอนให้รักประเทศชาติ รักพระมหากษัตริย์มาตลอด เราก็ซึมซับสิ่งดีๆ มาตั้งแต่เล็ก แต่พอมีคนมาทำชั่วๆ ให้เห็น ไม่ต้องใช้ความเข้าใจมากก็ทำให้เห็นแล้ว ไม่ต้องกลับมากราบแผ่นดิน ไม่ต้องมาเป็นนักแสดงแทนหนู ไม่ต้องมาเดินตามเส้นทางของหนู ปล่อยให้หนูเดินเส้นทางนี้คนเดียวเถอะค่ะ พ่ออบรมหนูมาดี เลือด 14 ตุลาฯ อยู่ในตัวหนูเต็มตัว”
      
หลังจากนั้น “แตงโม” ได้อ่านข้อความที่โพสต์ลงอินสตาแกรมเมื่อวันที่ 4 พ.ย. ที่ผ่านมา มีเนื้อหาว่า “ออกเดินทาง 10 โมงเหมือนกันเลยค่ะ แต่ไปกันคนละที่ คนละจุดหมายปลายทาง สิ่งหนึ่งที่คล้ายกันคืออุดมการณ์เพื่อประชาชน เพื่อชาติบ้านเมืองที่เรารัก ไม่ได้คำนึงและเอนเอียงทางสีใดทั้งนั้นนะคะ เพราะซับซ้อนซ่อนเงื่อนทั้งคู่ แต่ที่เห็นได้ชัด รับรู้กันมาโดยตลอด คือการทำร้ายประชาชน ด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งปวงที่ผ่านมาของคุณนักโทษ ฆ่าคน โกงกิน ทำไทยให้ไม่เป็นไทย เปลี่ยนประเทศที่มีแต่คนรักกัน จิตใจดี สามัคคีกัน เป็นเอกลักลักษณ์เลื่องลือของประเทศไทย ให้แตกพรรคแตกฝ่าย กลายเป็นคนหัวรุนแรง ฆ่าแกงกันเอง ด้วยความคิดถึงแต่ผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นหลัก โดยมีนักโทษปลูกฝัง ความผิดร้ายแรงต่างๆ ล้วนแต่มีผลกระทบและผลเสียต่อประชาชนโดยตรง”
      
“การทำร้ายประชาชนอันเป็นที่รักของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว บริหารบ้านเมืองเยี่ยงสนามเด็กเล่น ล้วนแต่เป็นการกระทำที่ทำให้ระคายเคืองพระยุคลบาท ซึ่งกมลสันดานของตัวนักโทษเอง ไม่เคยคำนึงถึงพระองค์ท่านเป็นอาจิณ อย่างที่ทุกคนทราบอยู่แล้ว สิ่งดีฉาบฉวย บางฉากละครก็ขอชื่นชม แต่ผิดก็ว่าไปตามผิด นักโทษก็คือนักโทษ และพระมหากษัตริย์ของปวงชนชาวไทย มีบุญบารมีมากล้น ประชาชนคนไทยที่ดีพร้อมที่จะต่อสู้และปกป้องท่านด้วยชีวิตจิตใจ ต่อสู้ให้ประเทศไทยที่เราหลับนอนกลับมาสงบเหมือนดังเดิม”
      
“ไม่ว่าจุดจบจะเป็นอย่างไร นักโทษจะได้กลับมาชดใช้กรรมหรือไม่ ขอเพียงพระองค์ท่านมีความสุขกายสบายใจเป็นพอ นี่คือความสุขที่สุดของประชาชน Long live the king #กล้าพูดว่ารักจึงกล้าแสดงออก #ถ้าการโพสต์ครั้งนี้มีผลกระทบต่องานและเพื่อนบางคนก็ยอมจะสละคนเหล่านั้นทิ้ง #ขอร่วมงานและมีเพื่อนที่กล้าแสดงตนว่ารักในหลวงรักประชาชนอย่างชัดเจน #ที่สำคัญต้องรู้จักแยกแยะระหว่างความคิดเห็นส่วนตัวกับมิตรภาพ รวมถึงศักยภาพในการทำงานให้ออกค่ะ”
      
นักแสดงสาว ยังเชิญชวนทุกคนให้มาช่วยประเทศชาติด้วยจิตสำนึกที่เรามีวันนี้ มีที่หลับนอน มีความสุขอยู่บนประเทศไทยก็เพราะเรามีในหลวงของพวกเรา มันเป็นหน้าที่ของคำว่าคน ให้สู้ยันตายก็ยังต้องทำ “โมขอให้กำลังใจทุกคน ลุง ป้า น้า อา ที่มาจากต่างจังหวัด ที่ขึ้นรถไฟมา ที่มากันคนเดียว มากางมุ้งนอนที่นี่ ฝากถึงเด็กวัยรุ่นถ้ายังไม่ซึมซับเรื่องนี้ก็ขอให้นึกถึงแผ่นดินที่เรายืนอยู่ โมขอสาบานตรงนี้ว่าถ้าจะต้องแลกด้วยชีวิตโมก็จะยอมแลกเพื่อความสงบสุขของประเทศไทย ถ้าถึงวันนั้น ถ้าไม่เจอหน้าหนู ให้มาเหยียบหน้าได้เลย”

หากไม่ปิดหูปิดตาจนหูตามืดบอดสนิท ใครๆ ต่างก็รู้ว่า คนที่วางเกมผลักดันและลูกสมุนขี้ข้ารับใช้ที่ให้การสนับสนุนออกกฎหมายอุบาทว์นี้มีความคิดชั่วช้าสามานย์เพียงใด มีประเทศไหนในโลกนี้ที่ออกกฎหมายล้างผิดคดีทุจริตและคดีอาญาย้อนหลังหากไม่ใช่รัฐบาลเผด็จการ แต่คนอย่างพล.อ.ประยุทธ์ กลับไม่รู้ ไม่เข้าใจ ขอให้พวกที่ออกมาคัดค้านถอยกลับไป ท่าทีเช่นนี้ ควรอย่างยิ่งที่ “บิ๊กตู่ แตงโม” ต้องรีบหาเวลาว่างจากการเดินตามก้นสาวทรงเสน่ห์ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มาศึกษาเหตุและผลทำไมจึงต้องค้านนิรโทษกรรมสุดซอย อย่าอายที่ต้องมาเริ่มต้นนับหนึ่ง ทั้งที่ประชาชนเขาไปไกลแล้ว
 
ถ้าหากเลือกไม่ถูกว่าจะฟังใครดี เพราะออกมาเยอะแยะมืดฟ้ามัวดินไปหมด (ยกเว้นทหาร) ก่อนอื่นขอแนะนำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลองฟังเหตุผลของ “กลุ่มตุลาการผู้รักแผ่นดิน” ที่มี 63 ตุลาการร่วมลงชื่อในแถลงการณ์คัดค้านร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม เพราะระดับตุลาการศาลที่ทำหน้าที่ตัดสินคดีชี้ถูกชี้ผิด ย่อมมีน้ำหนักควรค่าแก่การรับฟัง
 
ถ้อยแถลงของกลุ่มตุลาการผู้รักแผ่นดิน ชี้ว่า ร่างกฎหมายนี้ขัดต่อหลักนิติธรรม ซึ่งมีเป้าประสงค์สูงสุดเพื่อปกป้องสุจริตชนและเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยแก่บ้านเมือง ซ้ำร้ายยังครอบคลุมถึงความผิดเกี่ยวกับการประพฤติมิชอบต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการไม่ว่าศาลมีคำพิพากษาสูงสุดแล้ว หรืออยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล หรืออยู่ระหว่างการสอบสวน ทั้งที่ความผิดลักษณะดังกล่าวเป็นภัยร้ายแรงต่อประเทศชาติ น่ารังเกียจในสังคมโลก แต่ร่าง พ.ร.บ ฉบับนี้กลับกำหนดยกเว้นกฎหมาย ทำลายนิติรัฐ โดยอ้างว่าเป็นเหตุอันมีที่มาจากการเมือง ทั้งที่ประจักษ์ชัดโดยคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วว่าเป็นการทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ อันจะเป็นบรรทัดฐานที่ไม่ถูกต้องของสังคมไทยต่อไปในอนาคต จึงขอให้ทบทวนหรือยับยั้งการออกกฎหมายนี้โดยเร็วที่สุด
      
ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ ยังสงสัยอีกว่า จะมีคดีกี่มากน้อยที่เข้าข่ายได้รับนิรโทษกรรม และจะมีปัญหาอะไรกันหนักกันหนา ทำไมถึงไม่ถอยกันคนละก้าวสองก้าว แล้วเจรจาหาทางออกร่วมกันเพื่อความสงบสุขของบ้านเมืองอย่างที่พวกกลางกลวงชอบยกขึ้นมาอ้าง ก็ขอให้กลับไปดูคำแถลงของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 56 เผื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จะยกระดับการรับรู้ขึ้นมาอีกนิดว่า มิน่า! เรื่องมันใหญ่โตขนาดนี้ถ้ายอมให้ผ่านบ้านเมืองฉิบหายแน่ๆ  
 
นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช แถลงผลการประชุมว่า มาตรา 3 และมาตรา 4 ของร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม มีประเด็นปัญหาที่กระทบถึงการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันและธรรมาภิบาล การเสริมสร้างทัศนคติและค่านิยมเกี่ยวกับความซื่อสัตย์สุจริต และการดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามพันธกรณีและข้อตกลงระหว่างประเทศในการต่อต้านการทุจริต ซึ่งประเทศไทยได้ลงนามสัตยาบันเข้าเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาต่อต้านการทุจริตของสหประชาชาติ (UNCAC 2003) เมื่อวันที่ 1 มี.ค. 54
      
ป.ป.ช.จึงเห็นสมควรให้มีข้อเสนอแนะต่อวุฒิสภาเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา คือ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ มาตรา 3 และมาตรา 4 มีผลกระทบต่อเรื่องกล่าวหาที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ดำเนินการไต่สวนและส่งฟ้องคดีต่อศาลที่มีเขตอำนาจแล้ว และเรื่องกล่าวหาที่ คตส.ส่งมอบสำนวนให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ รวมจำนวน 24 เรื่อง

อีกทั้งยังรวมทั้งเรื่องกล่าวหาที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ดำเนินการไต่สวนตามอำนาจหน้าที่ จำนวน 25,331 เรื่อง เป็นเรื่องกล่าวหาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับสูง 400 เรื่อง และเรื่องกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐทั่วไป จำนวน 24,931 เรื่อง ในจำนวนนี้เป็นเรื่องที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดจำนวน 666 เรื่อง ซึ่งเป็นเรื่องกล่าวหาเกี่ยวกับการทุจริตจะเป็นอันต้องระงับสิ้นไป และเรื่องที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วให้ถือว่าไม่เคยต้องคำพิพากษาดังกล่าว เนื่องจากผู้กระทำพ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง
 
ขณะเดียวกัน ประเทศไทยยินยอมเข้าผูกพันเป็นภาคีในอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต 2003 (UNCAC) หลัก การของอนุสัญญาดังกล่าวได้ตระหนักถึงความรุนแรงของปัญหาและความเสี่ยงที่ เกิดจากการทุจริตที่มีผลต่อความมั่นคงและความปลอดภัยของสังคม ซึ่งบ่อนทำลายสถาบันและหลักของระบอบประชาธิปไตย คุณค่าทางจริยธรรม ความยุติธรรม และเป็นอันตรายต่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและหลักนิติรัฐ หมายถึงประเทศไทยยินยอมจำกัดอำนาจอธิปไตยบางส่วนเข้าผูกพันตามอนุสัญญาดัง กล่าว  ดังนั้น หากประเทศไทยจะออกกฎหมายล้มล้างคดีทุจริตจะเป็นการขัดต่อหลักการของอนุสัญญา ดังกล่าว และส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศเป็นอย่างมาก โดยขณะนี้ประเทศไทยอยู่ระหว่างการถูกประเมินและติดตามผลการปฏิบัติตาม พันธกรณีของอนุสัญญา UNCAC ดังกล่าวด้วย
 
นอกจากนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีมติแจ้งต่อสำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) โดยมีรายละเอียดเช่นเดียวกับข้อเสนอที่มีต่อวุฒิสภา เพื่อแสดงถึงเจตจำนงในการปฏิเสธการนิรโทษกรรมความผิดฐานทุจริตคอร์รัปชัน
 
ชัดเจนไหมท่าน ผบ.ทบ.

ถ้ายังไม่เข้าใจ โปรดฟังอีกครั้ง คดีคตส.ทั้งหมด จบเห่ คนผิดพ้นผิดกันถ้วนหน้า และต้องคืนเงินให้กับอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกยึดทรัพย์ตามคำสั่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และคดีที่อยู่ในมือป.ป.ช.กว่าสองหมื่นกว่าคดีก็ต้องระงับทั้งหมด นี่คือผลที่จะตามมา

วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์กำลังตกขบวนประวัติศาสตร์ จะช่วงชิงสร้างการณ์เหมือน พล.อ.สนธิ บุณยรัตนกลินด้วยการรัฐประหาร ประชาชนก็ไม่ยอมรับ เพราะเห็นแล้วว่า ยิ่งทำให้ประเทศชาติฉิบหายหนักไปกว่าเก่าอีก

แต่ที่เจ็บปวดจนไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกไว้ที่ไหนก็คือ วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์กำลังถูกสายตาของทหารผู้ใต้บังคับบัญชาดูหมิ่นดูแคลน เพราะภาพลักษณ์ของทหารกำลังตกต่ำถึงขีด สุดชนิดที่ยากจะฟื้นกลับคืนมาเหมือนเดิมได้

ไม่แน่นักว่า เก้าอี้ผู้บัญชาการทหารบกของ พล.อ.ประยุทธ์จะอยู่ได้นานเท่าไหร่ แถมเก้าอี้ที่วาดฝันไว้หลังเกษียณอายุราชการก็พลอยจะจบสิ้นลงไปด้วย



 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
กำลังโหลดความคิดเห็น