“ภักดี” ยื่นสำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ แสดงเจตจำนง ป.ป.ช.ไม่เอานิรโทษกรรมล้างผิดคดีโกง ทำคดีที่กำลังพิจารณาอยู่ถูกตีตก ซ้ำหากผ่านมีผลภาพลักษณ์ชาติ ขัดอนุสัญญาต้านทุจริต ไม่พูดเอาผิดพวกหนุน
วันนี้ (6 พ.ย.) ที่สำนักงานองค์การสหประชาชาติประจำประเทศไทย นายภักดี โพธิศิริ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง นายยูรี เฟโดตอฟ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ผ่านนายเจอรามี ดักกลาส ผู้แทน UNODC ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยนายภักดีกล่าวว่า การยื่นหนังสือในครั้งนี้เพื่อแสดงให้เจตจำนงของ ป.ป.ช.ต่อ UNODC ในการปฏิเสธการนิรโทษกรรมให้ความผิดทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งเป็นประเด็นที่มีการบรรจุในร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และจะทำให้คดีที่เกี่ยวกับการทุจริต ซึ่ง คตส.สอบสวน ทั้งที่ตัดสินไปแล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณาของ ป.ป.ช.ต้องตกไป อีกทั้ง ป.ป.ช.ได้ลงนามในอนุสัญญาต่อต้านการทุจริตของสหประชาชาติ และหากร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ออกไปจะมีผลกระทบต่อการป้องกันและปราบการการทุจริต และกระทบภาพลักษณ์ของประเทศ ว่าเราไม่สามารถทำในสิ่งที่ลงนามไปได้ และในปีนี้ UNODC กำลังประเมินประเทศไทยเรื่องการต่อต้านการทุจริต หากเราไม่ปฏิบัติตามอนุสัญญา เมื่อผลประเมินออกมาก็จะเป็นภาพลบต่อไทย และคงมีการเผยแพร่รายงานดังกล่าวไปยังประเทศต่างๆ ด้วยว่าประเทศไทยมีปัญหาเรื่องการป้องกันการทุจริต
ส่วนท่าที ป.ป.ช.จะมีการเอาผิดผู้เกี่ยวข้องกับการเสนอร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ในความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 157 หรือไม่นั้น นายภักดีกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้
วันนี้ (6 พ.ย.) ที่สำนักงานองค์การสหประชาชาติประจำประเทศไทย นายภักดี โพธิศิริ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง นายยูรี เฟโดตอฟ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ผ่านนายเจอรามี ดักกลาส ผู้แทน UNODC ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยนายภักดีกล่าวว่า การยื่นหนังสือในครั้งนี้เพื่อแสดงให้เจตจำนงของ ป.ป.ช.ต่อ UNODC ในการปฏิเสธการนิรโทษกรรมให้ความผิดทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งเป็นประเด็นที่มีการบรรจุในร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และจะทำให้คดีที่เกี่ยวกับการทุจริต ซึ่ง คตส.สอบสวน ทั้งที่ตัดสินไปแล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณาของ ป.ป.ช.ต้องตกไป อีกทั้ง ป.ป.ช.ได้ลงนามในอนุสัญญาต่อต้านการทุจริตของสหประชาชาติ และหากร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ออกไปจะมีผลกระทบต่อการป้องกันและปราบการการทุจริต และกระทบภาพลักษณ์ของประเทศ ว่าเราไม่สามารถทำในสิ่งที่ลงนามไปได้ และในปีนี้ UNODC กำลังประเมินประเทศไทยเรื่องการต่อต้านการทุจริต หากเราไม่ปฏิบัติตามอนุสัญญา เมื่อผลประเมินออกมาก็จะเป็นภาพลบต่อไทย และคงมีการเผยแพร่รายงานดังกล่าวไปยังประเทศต่างๆ ด้วยว่าประเทศไทยมีปัญหาเรื่องการป้องกันการทุจริต
ส่วนท่าที ป.ป.ช.จะมีการเอาผิดผู้เกี่ยวข้องกับการเสนอร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ในความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 157 หรือไม่นั้น นายภักดีกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้