ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-เดือนตุลาคมปีที่แล้วคณะกรรมการสอบสวนปมฮั้วเลือกตั้งประธานสภากรุงเทพมหานคร ของสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร(ส.ก.)ของพรรค หลังจากส.ก.บางส่วนร้องเรียน กรณี ส.ก.18 คนฝ่าฝืนมติพรรค โดยร่วมมือกับส.ก.พรรคเพื่อไทย 14 คน เสนอชื่อนายพิพัฒน์ ลาภปรารถนา ส.ก.เขตบางรัก ปชป. ซึ่งแพ้คะแนนโหวตภายในพรรค เข้าชิงตำแหน่งกับนายสมชาย เวสารัชตระกูล ส.ก.เขตสายไหม 2 ปชป. ที่พรรคมีมติให้ส่งรายชื่อเดียว
แต่ปรากฏว่านายพิพัฒน์ได้รับเลือกเป็นประธานสภา กทม.คนใหม่
“พรรคประชาธิปัตย์” ตั้งคณะกรรมการโดยให้นายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ เป็นประธาน นายเจริญ คันธวงศ์ นายถวิล ไพรสนธ์ เป็นกรรมการ
วันนั้นได้สรุปผลการสอบสวนข้อเท็จจริงพร้อมทั้งเสนอบทลงโทษในเรื่องดังกล่าวส่งให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค พิจารณาตามขั้นตอนของพรรค
โดยมีข้อสรุปว่าการกระทำของ ส.ก.ของพรรค 5 คน มีความผิดทางวินัยร้ายแรง พร้อมทั้งเสนอให้ดำเนินการตามข้อบังคับพรรค โดยผู้ที่ถูกชี้ว่ามีความผิด ประกอบด้วย
1.นายพิพัฒน์ ลาภปรารถนา สก.เขตบางรัก ที่แพ้โหวตในพรรคแต่ถูกเสนอชื่อแข่งกับผู้ที่พรรคโหวตเลือก 2.นายนภาพล จีระกุล ส.ก.เขตบางกอกน้อย ผู้เสนอชื่อนายพิพัฒน์ เข้าชิงตำแหน่ง
ส่วนอีก 3 คนเป็นอดีตประธานสภากทม.ที่สนับสนุนนายพิพัฒน์ คือ
3.นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ส.ก.เขตจอมทอง 4.นายกิตพล เชิดชูกิจกุล ส.ก.ประเวศ และ 5.นายธวัชชัย ปิยนนทยา ส.ก.สาทร
ขณะที่ นายพิพัฒน์ ก็พร้อมรับคำตัดสินของพรรคประชาธิปัตย์ หากพรรคมีคำสั่งให้ดำเนินการทางใดทางหนึ่ง ตนก็พร้อมที่จะดำเนินการตามคำสั่งพรรคเช่นนั้นโดยไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น เพราะในฐานะเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องน้อมรับคำตัดสิน และจะทำยังทำหน้าที่ประธานสภาต่อได้อย่างไม่มีปัญหา
โดยเฉพาะหากแม้พรรคประชาธิปัตย์จะมีคำสั่งปลดออกจากสมาชิกพรรคฯ ก็ยังสามารถทำหน้าที่ได้ในนามอิสระ
จากวันนั้นถึงวันนี้ครบ 1 ปี พอดี
เมื่อวันที่ 18ต.ค.56 ที่โรงแรมรามาการ์เด้น ถนนวิภาวดีรังสิต นายกรณ์ จาติกวนิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคฯได้นัดสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร(ส.ก.)สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ประชุม ทั้งนี้มีส.ก. เข้าร่วมประมาณ 20 คนจากจำนวนส.ก.สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ในสภากทม.จำนวน45คน
วันนั้นสก.มากันน้อย เพราะ มีส.ก.บางส่วนติดภารกิจเลี้ยงรับรองสมาชิกสภาเมืองฟูกุโอกะ และบางส่วนได้เดินทางไปเยือนสภานครลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา
นายกรณ์ บอกกับ สก.ลูกพรรค โดยแจ้งผลการพิจารณาโทษของคณะกรรมการบริหารพรรค ถึงกรณีที่สมาชิกที่มีการลงคะแนนเลือกนายพิพัฒน์ ลาภปรารถนา ส.ก.เขตบางรัก ที่ขัดกับมติพรรคฯ ทั้งที่พรรคมีมติให้นายสมชาย เวสารัชตระกูล รับตำแหน่งดังกล่าว ซึ่งก่อนหน้านี้ทางพรรคฯได้พยายามให้นายพิพัฒน์ ลาออกจากตำแหน่งแต่ไม่เป็นผล
มติกรรมการบริหารพรรคฯจึงได้มีมติให้ขับนายพิพัฒน์ ออกจากการเป็นสมาชิกพรรคฯอย่างเป็นทางการแล้ว และจะมีการคัดเลือกผู้ที่มีความเหมาะสมมาลงรับสมัครส.ก.พื้นที่เขตบางรักแทน นายพิพัฒน์ต่อไป สำหรับส.ก.ที่โหวตให้นายพิพัฒน์ หักมติพรรคฯและไปหนุนให้ตำแหน่งรองประธานพรรคเพื่อไทยไป 1 เก้าอี้นั้น ทางพรรคฯยังไม่มีการพิจารณาโทษในชั้นนี้
มีรายงานว่า การตัดสินพิจารณาโทษของเรื่องที่เกิดขึ้นโดยลงโทษนายพิพัฒน์เพียงคนเดียว ก็มียังมีความเห็นที่แตกต่างกันทั้งในส่วนของส.ส.และส.ก. เพราะมีสมาชิกบางส่วนที่เห็นว่าหากไม่มีผู้สมรู้ร่วมคิดเหตุการณ์เช่นนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น ส่วนที่ไม่ให้ลงโทษส.ก.ที่สนับสนุนนายพิพัฒน์ เนื่องจากเกรงว่าจะกระทบต่อการเลือกตั้งหากส.ก.ที่ถูกขับออกไปอยู่กับพรรคเพื่อไทย อาจทำให้ส่งผลกระทบต่อการครองเก้าอี้ส.ก.ส่วนใหญ่ให้ตกเป็นของฝ่ายตรงข้าม
แม้นายพิพัฒน์ จะถูกให้ออกจากพรรคประชาธิปัตย์ แต่ก็ยังสามารถเป็นส.ก.ได้เช่นเดิมจนกว่าจะสิ้นสุดการดำรงตำแหน่งส.ก. ในเดือน ส.ค.57 เนื่องจากการเลือกตั้งส.ก. กฎหมายไม่ได้กำหนดให้ต้องสังกัดพรรคการเมือง เหมือนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แต่ที่ผ่านมาส.ก.มักลงในนามสังกัดพรรค เพื่อหวังคะแนนจัดตั้งจากพรรคส่วนหนึ่ง ส่วนตำแหน่งประธานสภากทม. คาดว่านายพิพัฒน์จะนั่งเก้าอี้นี้ไปจนกว่าจะหมดวาระในเดือนส.ค.57 เช่นกัน
นายกรณ์ และนายเฉลิมชัย ยังได้ย้ำกับสมาชิกให้เดินหน้าลงพื้นที่อย่างเข้มข้นหลังจากนี้ เพื่อเตรียมตัวสำหรับการลงสู้ศึกเลือกตั้งส.ก.ในปีหน้าที่คาดว่าจะมีการ เลือกตั้งในช่วงเดือนต.ค.57 อย่างไรก็ตามตามธรรมเนียมของพรรคฯจะส่งสมาชิกคนเดิมลงรักษาเก้าอี้ นอกจากนี้ในที่ประชุมยังได้มีการหารือเพื่อเตรียมวางกรอบการคัดเลือกประธาน และรองประธานสภากทม.ที่พรรคจะเข้ามามีบทบาทในการกำหนดรายละเอียดกติกา โดยจะมีกรรมการคัดเลือกและให้ส.ก.ส่งตัวแทนมาร่วมพิจารณาด้วย6คน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาและสร้างความแตกแยกในหมู่สมาชิกส.ก.ของพรรคฯอย่างเช่น ที่เกิดขึ้นในการเลือกตั้งประธานสภากทม.ในครั้งล่าสุด
ย้อนกลับไปดูความขัดแย้งวุ่นวายอย่างหนักในการเลือกตั้งประธานสภากรุงเทพมหานครที่ผ่านมา สืบเนื่องเพราะมีสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร(สก.)พรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 18 คนกับ สก.เพื่อไทย 14 คน เห็นด้วยให้ นายพิพัฒน์ ลาภปรารถนา สก.เขตบางรัก เป็นประธานสภาฯ และมีรองประธานสภาคนที่ 1กับโฆษกสภาฯ มาจากพรรคเพื่อไทย
แต่การโหวตเลือกตัว “ประธานสภากทม.” ของพรรคประชาธิปัตย์ที่หัวหิน มี นายกรณ์ จาติกวณิช, นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นประธานนายสมชาย เวสารัชตระกูล สก.เขตสายไหม (2) ได้ 23 คะแนนนายพิพัฒน์ ลาภปรารถนา ได้ 22 คะแนน (งดออกเสียง 1 คน)ซึ่งสวนทางกับมติของสมาชิกสภาฯที่มี สก.ของพรรคประชาธิปัตย์และเพื่อไทยร่วมยกมือโหวต นายพิพัฒน์ ลาภปรารถนา จนชนะได้นั่งเก้าอี้ประธานสภา กทม.ไป เรื่องนี้ทำให้ทั้ง นายกรณ์ จาติกวณิช,นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่พอใจอย่างมาก จนมีการสั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงขึ้น อันประกอบด้วย นายเจริญ คันธวงศ์, นายเทิดพงษ์ไชยนันทน์ และนายถวิล ไพรสณฑ์ เป็นกรรมการ
แต่ที่ต้องจับตาต่อไปนี้ ไม่ใช่เรื่องของนายพิพัฒน์คนเดียว แต่จะรวมไปถึง สก.อีก 18 คนชื่อข้างต้น เพราะเรื่องที่ นายกรณ์ บอกกับ สก.ลูกพรรค โดยแจ้งผลการพิจารณาโทษสมาชิกที่มีการลงคะแนนเลือกนายพิพัฒน์ ลาภปรารถนา ส.ก.เขตบางรัก ที่ขัดกับมติพรรคฯ มติพรรคให้ขับนายพิพัฒน์คนเดียวเท่านั้น
แม้มติพรรค จะเห็นว่า ส.ก.ของพรรค 5 คน มีความผิดทางวินัยร้ายแรงเช่นกัน
ดูได้จากคณะกรรมการสอบสวนชุดนี้ ที่ลงมติว่า นายพิพัฒน์ และ 18 สก. ขัดขืนมติพรรค โดยโทษสูงสุดถึงขั้นขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรค แต่ทาง 18 สก. ก็เคยแสดงความคิดเห็นว่า ถ้าพรรคขับ สก. 18 คน ออก ก็จะพร้อมใจออกกันทั้งหมด
สอดคล้องกับที่นายพิพํฒน์เคยให้สัมภาษณ์ว่า “ไม่มีปัญหาทั้งกับผมและสก.กทม.ทั้งหมด”
ไม่นานมานี้ ก็เลยมีกระแสว่า อาจมีการนิรโทษกรรมให้กับกลุ่ม สก.ของพรรคทั้ง 18 คน เพื่อป้องกันความวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้นไม่รู้จริงเท็จแค่ไหน
มีการตั้งข้อสังเกตว่า หากนายกรณ์ กับ นายอภิสิทธิ์ ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับตำแหน่ง “ประธานสภากทม.”แต่ต้น โดยให้ สก.พรรคเดียวกันไปพูดคุยตกลงกัน ปัญหาเลวร้ายแสลงใจคอการเมืองท้องถิ่นอาจไม่เกิดขึ้น เพราะถ้ามีการลงโทษ สก. 18 คนจริง ประชาธิปัตย์จะร้าวหนักยิ่ง
ดังนั้น แทนที่จะผิดทั้ง 18 คน หวยเลยไปลงที่ ส.ก.ของพรรค 5 คน ว่ามีความผิดทางวินัยร้ายแรงดังกล่าว.