xs
xsm
sm
md
lg

"โต้ง"อ้าง 2 ล้านล.วืด ศก.ประเทศติดหล่ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

    ASTVผู้จัดการรายวัน-     "ส.ว.คำนูณ" อัดรัฐบาลจับเศรษฐกิจประเทศเป็นตัวประกัน บีบวุฒิสภา และกระบวนการนิติบัญญัติ ปล่อยผ่าน ด้วยแผนรีบจัดโรดโชว์หาเสียงจากโครงการ ทั้งที่ยังไม่ผ่านทุกขั้นตอน ชี้หลายปัจจัยบีบ "ยิ่งลักษณ์" ยุบสภา ทำให้ 2 พรรคต้องรีบหาเสียง ด้าน"มาร์ค"นำทีม ปชป. เปิดโครงการสร้างอนาคตไทยเข้มแข็ง 2020 บลั๊ฟเงินกู้ 2 ล้านล้าน ยันทำได้ดีกว่า ถูกกว่า ไม่ต้องกู้ แถมครอบคลุมทั้งคมนาคม ศึกษาฯ และสาธารณสุข "โต้ง"ห่วงงบ 57 และ เงินกู้2ล้านล.ติดหล่มศาลรธน."เด็จพี่" เย้ยคิดช้าเหมือนเกวียน  ส่วนรัฐบาลได้ฤกษ์แถลงผลงานวันนี้ มั่นใจชี้แจงได้หมด ทั้งรถคันแรก ไข่แพง พร้อมลุยโหวตแก้รธน.วาระ 3 วันที่ 28 ก.ย.ต่อ  ไม่สนแม้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลรธน.     

    ในการประชุมวุฒิสภา เมื่อวานนี้ (23ก.ย.) ช่วงก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ได้หารือต่อที่ประชุมถึง ร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ที่เพิ่งผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา ว่า การผ่านวาระ 3ในชั้นสภาผู้แทนราษฎร ถือว่ายังไม่สิ้นสุดกระบวนการนิติบัญญัติ เพราะต้องผ่านวุฒิสภาอีก 3 วาระ ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 60 วัน หลังจากนั้นไม่ใช่ว่าจะจบ เพราะยังอาจจะต้องมีการตั้งคณะกรรมาธิการร่วมกัน 2 สภา หากวุฒิสภามีความเห็นไม่ตรงกับสภาผู้แทนราษฎร และมีการแก้ไขมาก และถึงที่สุดก็ยังอาจจะต้องผ่านศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอีก เพราะเชื่อว่าจะมีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความแน่  

แต่ปรากฏว่า ทันทีที่ร่าง พ.ร.บ.ผ่านสภาผู้แทนฯ รัฐบาลได้วางแผนจัดโรดโชว์ทั่วประเทศ โดยมีกำหนดคิกออฟ หรือเริ่มต้นในวันที่ 26 ก.ย.นี้ ซึ่งเป็นการกำหนด ก่อนที่วุฒิสภาพิจารณาเสียอีก เมื่อเป็นเช่นนี้ ทางพรรคฝ่ายค้านจึงนิ่งเฉยไม่ได้ เพราะเป็นการหาเสียงล่วงหน้า จึงจัดโรดโชว์เหมือนกัน โดยเริ่มวันที่ 23 ก.ย. ด้วยการเปิดโครงการสร้างอนาคตไทยเข้มแข็ง 2020

     อย่างไรก็ตาม การกระทำของรัฐบาลที่จัดโรดโชว์ล่วงหน้าเช่นนี้ เหมือนไม่ให้เกียรติวุฒิสภา กระบวนการนิติบัญญัติ และการที่ผู้นำรัฐบาลพยายามพูดว่า ถ้าร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ตกไป ก็น่าเสียดาย เศรษฐกิจของประเทศจะสะดุด เป็นเสมือนการจับเอาเศรษฐกิจของประเทศเป็นตัวประกัน ให้วุฒิสภาต้องพิจารณา ร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ภายใต้ความกดดัน รวมทั้งองค์กรอิสระด้วย จึงขอฝากไปยังรัฐบาลว่า ได้โปรดยกเลิกการกระทำเช่นนี้เสีย

ชี้หลายปัจจัยบีบ"ยิ่งลักษณ์"ยุบสภา

    ขณะที่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา แกนนำกลุ่ม 40 ส.ว. กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่ นายกรัฐมนตรี จะยุบสภา หาก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด กรณีโครงการรับจำนำข้าว และโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท  นอกจากนี้ จะมาจากจากความขัดแย้งจากการต่อต้าน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม รวมถึงแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาของส.ว. มิชอบ และ การผ่าน ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ขัดหลักรัฐธรรมนูญด้วยเช่นกัน เพราะเชื่อว่า หลายคดีดังกล่าวนี้ จะทำให้นายกรัฐมนตรี ทนกระแสสังคมไม่ไหว และนำไปสู่การยุบสภาได้

นอกจากนี้ ยังไม่เห็นด้วยกับการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สไกป์เข้ามาแทรกแซง สั่งรัฐบาล และสั่งสภาได้ โดยใช้อำนาจที่ไม่ถูกต้อง จึงเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ควรสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นในสังคมไทย

 “ถ้าพรรคการเมืองเป็นสถาบัน จะไม่มีปัญหา แต่ถ้ากลายเป็นสมบัติส่วนตัวของคนใดคนหนึ่ง อย่างเช่นพรรคการเมืองในประเทศไทย และคนนั้นอยู่ต่างประเทศด้วย ตนเชื่อการบริหารราชการแผ่นดินในประเทศไทยจะมีปัญหา อย่างที่ไม่เคยประสบมาก่อน”นายไพบูลย์ กล่าว

ปชป.เปิด"สร้างอนาคตไทยเข้มแข็ง 2020"

    ขณะเดียวกัน วานนี้ (23ก.ย.) เมื่อเวลา 12.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  พร้อมด้วยแกนนำพรรคได้เปิดตัว โครงการสร้างอนาคตไทยเข้มแข็ง 2020  เพื่อแสดงจุดยืนในการกำหนดทิศทางให้ประเทศไทยมีความเข้มแข็ง เพื่อเทียบเคียงกับการใช้เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ในการลงทุนโครงสร้างฟื้นฐานของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

 ทั้งนี้นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทางเลือกที่รัฐบาลนำเสนอ มีปัญหา 4 ประการ คือ  1 .การตัดสินใจที่จะใช้เงินจำนวนมหาศาล นอกระบบงบประมาณทำให้เป็นการใช้เงินที่ขาดวินัย ขาดการตรวจสอบ ขาดความโปร่งใส และยังเป็นการท้าทายเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ

 2 .ทำให้ประเทศเป็นหนี้ถึง 50 ปี แต่เงินถูกไปใช้เฉพาะการขนส่งระบบราง ถนน และท่าเรือ ทั้งๆ ที่ไทยต้องการการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทุกด้าน และพบว่า ความจำเป็นในด้านการศึกษา สาธารณสุขนั้นเร่งด่วนมากกว่าด้านคมนาคมเพียงด้านเดียว 3. รัฐบาลขาดความพร้อมในการดำเนินโครงการเป็นจำนวนมาก ทั้งเรื่องการศึกษาความเป็นไปได้ ความคุ้มค่าการลงทุน รายละเอียดเบื้องต้นของโครงการ จึงเท่ากับรัฐบาลขอเงินจำนวนมากเหมือนเช็คเปล่า นำไปใช้อะไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องอธิบายวงเงินที่สูงเกินความเป็นจริง

   4. เมื่อความพร้อมไม่มีและการตัดสินใจอยู่กับความไม่แน่นอน คู่กับนโยบายประชานิยมที่เดินหน้าเต็มสูบในระบบงบประมาณ จึงทำให้มีความเสี่ยงในเรื่องสถานะการคลังของประเทศอย่างสูง ไม่เหมือนกับที่ยืนยันว่าจะไม่มีหนี้สาธารณะเกิน 50 เปอร์เซนต์และทำงบประมาณสมดุลภายในปี 2560

 นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ ขอเสนอแนวทางที่สามารถปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานได้ โดยไม่จำเป็นต้องกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท หากศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า กฎหมายดังกล่าวขัดรัฐธรรมนูญ ไม่สามารถดำเนินการได้ โดยพรรคมีข้อเสนอที่สามารถลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดโดยไม่ต้องกู้เงิน แต่ทำในระบบงบประมาณ และให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนในโครงการที่มีผลตอบแทนทางธุรกิจ ซึ่งจะทำให้มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ 100 เปอร์เซนต์ ให้ผู้แทนประชาชนทุกฝ่ายตรวจสอบรายละเอียดแผนงาน 7 ปี ที่รัฐบาลวางไว้

 ทั้งนี้พรรคจะนำเงิน 2 ล้านล้าน จัดสรรให้กับเรื่องโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม รถไฟความเร็วสูง 36,722 ล้านบาท รถไฟทางคู่ 397,377 ล้านบาท รถไฟทางคู่สายใหม่ 110,555 ล้านบาท รถไฟฟ้า 410,996 ล้านบาท ปรับปรุงระบบรถไฟ 20,912 ล้านบาท ถนนทั้งระบบ และสถานีขนส่ง 198,422 ล้านบาท ท่าเรือ 26,622 ล้านบาท รวมเป็นงบประมาณ 1.2 ล้านล้านบาท ซึ่งจะเหลือเงิน 8 แสนล้านบาท มาจัดสรรด้านการศึกษา จำนวน 4 แสนล้านบาท ทำโรงเรียนวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยวิจัย 150,000 ล้านบาท อาชีวะสร้างชาติ 50,000 ล้านบาท ครูพันธุ์ใหม่ พัฒนาคุณภาพครูและ Excellent centre  110,000 ล้านบาท ปรับปรุงอุปกรณ์และสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน 90,000 ล้านบาท

   ด้านสาธารณสุข จะสามารถจัดสรรงบประมาณได้ 2 แสนล้านบาท เพื่อนำมาพัฒนาโรงพยาบาล 12,000 แห่งทั่วประเทศ วงเงิน 1 แสนล้านบาท และพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ และสถานศึกษาด้านสาธารณสุข 1 แสนล้านบาท
   นอกจากนี้ ยังมีงบประมาณเหลืออีก 2 แสนล้านบาท เพื่อพัฒนาระบบชลประทานเพื่อการเกษตรซึ่งในวงเงินกู้สองล้านล้านของรัฐบาลชุดนี้ไม่มีสิ่งเหล่านี้ โดยจะพัฒนาชลประทานพื้นที่เกษตร 75 ล้านไร่ทั่วประเทศ
 

    "เรามั่นใจว่า สิ่งที่พรรคเสนอ เป็นทางเลือกที่ดีกว่าการใช้เงินกู้ 2 ล้านล้านของรัฐบาล เพราะไม่กระทบวินัยการเงินการคลัง ควบคุมการขาดดุลงบประมาณไม่ให้เกินร้อยละ 50 ได้อย่างโปร่งใส เพราะการดำเนินการตามแผนนี้ จะทำให้รัฐบาลต้องลดค่าใช้จ่ายที่สิ้นเปลืองไม่เป็นประโยชน์ เช่น โครงการประชานิยมที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ อีกทั้งการดำเนินการตามข้อเสนอของพรรค ยังทำให้เกิดความโปร่งใสตรวจสอบได้ และยังเป็นการลงทุนครอบคลุมทุกด้าน ตอบโจทย์ประเทศได้อย่างสมดุล ทำให้ประชาชนจะได้รับความเป็นธรรมอย่างแท้จริง แตกต่างจากที่รัฐบาลจะทำให้คนทั้งประเทศเป็นหนี้ 50 ปี แต่บางพื้นที่จะไม่ได้ประโยชน์เลย พรรคจึงเสนอทางเลือกที่มีอยู่จริง ปฏิบัติได้ และยินดีส่งมอบให้รัฐบาลไปดำเนินการ”
 

    นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า แผนเหล่านี้ได้มีการจัดทำตั้งแต่ในช่วงที่ตนเป็นรัฐบาล ทั้งที่มีข้อจำกัดด้านการคลัง และการฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวในปี 53 รัฐบาลของตนก็เริ่มมีการเจรจากับจีน เกี่ยวกับรถไฟความเร็วสูง มีอนุมัติกรอบวงเงินรถไฟรางคู่ รถไฟฟ้า และสถาบันวิจัยแต่ถูกรัฐบาลชุดนี้ตัดงบประมาณทิ้งไป อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าสิ่งเหล่านี้ทำได้ทันทีตามกรอบเวลา 7 ปี หรืออาจจะรวดเร็วกว่า เพราะเป็นโครงการที่เคยมีการวางรากฐานไว้แล้ว สิ่งสำคัญคือ งบด้านการวิจัยของมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่ถูกรัฐบาลชุดนี้ตัดไป จะต้องจัดสรร 2 % ต่อจีดีพี จากปัจจุบันกำหนดงบวิจัยเพียงแค่ 0.3 % ต่อจีดีพี เท่านั้น

 รถไฟความเร็วสูงควรใช้วิธีร่วมทุน
    

    ด้านนายกรณ์ จาติกวนิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อธิบายเพิ่มเติมว่า ในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ ในเรื่องของรถไฟความเร็วสูงมีการคำนวณความคุ้มค่าแล้ว ซึ่งเส้นทางที่คุ้มค่ามากที่สุดคือ กรุงเทพ -หนองคาย แต่ถูกยกเลิกไป สร้างแค่โคราช เท่านั้น และกรุงเทพ-ปาดังเบซาร์ เพื่อเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน จีน ลาวเชื่อมไทย และไทยไปมาเลเซีย สิงคโปร์ เป็นยุทธศาสตร์ของประเทศเพื่อนบ้านเข้าสู่ยุค AEC ซึ่งจีนได้ส่งสัญญาณที่จะเข้ามาร่วมทุน ดังนั้นสิ่งที่พรรคนำเสนอจึงมีความชัดเจน แต่สิ่งที่รัฐบาลทำไม่ควรอนุมัติ เพราะเปรียบเสมือนให้เช็คเปล่าล่วงหน้าให้รัฐบาล

 นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า รถไฟความเร็วสูงที่จะใช้วิธีร่วมทุน และจะทำรถไฟรางคู่ ที่มีการทำแผนแม่บท 17 สายทางในรัฐบาลอภิสิทธิ์ ให้ครบทั้งหมด แตกต่างจากที่รัฐบาลชุดนี้ทำ เพราะมีการบรรจุไว้ในแผนเงินกู้ 2 ล้านล้าน เพียงแค่ 11 เส้นทางเท่านั้น ในส่วนของพรรคจะเพิ่มอีก 6 เส้นทาง เพื่อให้ครบตามแผนแม่บท มีระยะทางเพิ่ม 1,100 กม. รวมระยะทางทั้ง 17 เส้นทาง 3,300 กม.  และวิธีบริหารที่จะดึงเอาเอกชนมาร่วม จะช่วยลดต้นทุนของรัฐบาลได้ และยังเข้าสู่ระบบงบประมาณปกติที่สามารถตรวจสอบได้อย่างโปร่งใส

เย้ยปชป.คิดช้าเหมือนเกวียน

       ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ เปิดตัวโครงการไทยเข้มแข็ง 2020 ว่า เป็นแผนของ ครม.เงา และนายกฯเงา พรรคประชาธิปัตย์ ประชาชนจะได้เปรียบเทียบกับแผน พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ของรัฐบาล ซึ่งเปรียบเหมือนการนั่งเครื่องบิน แต่แผนของพรรคประชาธิปัตย์ เหมือนเทียมเกวียน ตอนเป็นรัฐบาลทำไมไม่ทำ ทำไมถึงคิดช้า และยังเป็นการประจานแผนไทยเข้มแข็งที่ล้มเหลวของตัวเอง ทั้งโครงการก่อสร้างโรงพักทดแทน 396 สถานีทั่วประเทศ ที่ปัจจุบันเหลือแต่เสากับคาน รวมทั้งโครงการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์อาชีวะ ที่มีการร้องเรียนต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) อีกด้วย
 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องที่ดีอยู่บ้าง ที่ได้เห็นพรรคประชาธิปัตย์ พูดถึงแนวทางที่จะนำไปสู่การพัฒนาประเทศ  หวังว่าต่อไปพรรคประชาธิปัตย์ จะยึดแนวทางนี้  แต่เห็นว่าแผนแม่แบบพัฒนาประเทศ ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่บอกว่าจัดทำครบวงจร ทั้งด้านการศึกษา สาธาณสุข และคมนาคมนั้น อาจเป็นแค่ราคาคุย เพราะที่ผ่านมาแสดงให้พี่น้องประชาชนได้เห็นแล้วว่า คิดได้ พูดได้ แต่ทำไม่เคยได้ จึงควรเปลี่ยนคอนเซ็ปต์ เป็นการชี้แจงมลทินไทยเข้มแข็งยุคที่แล้ว ก่อนที่จะไปสู่อนาคตในปี 2020 จะดีกว่า

ห่วงงบ 57- กู้2ล้านล.ติดหล่มศาลรธน.

    นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวถึงกรณี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และ ส.ว.สรรหาบางส่วนได้ยื่นรายชื่อต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้พิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 57 ว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ว่า เป็นห่วงทุกๆกรณีที่ส่งผลต่อความล่าช้าของการใช้งบประมาณ โดยกรณีดังกล่าว ถือว่าทำให้กฎหมายล่าช้าชัดเจน แม้ว่าผู้ร้องเรียนจะขอให้ศาลพิจารณา ร่างกฎหมายเพียง 2-3 มาตราเท่านั้น ดังนั้นหากกฎหมายไม่สามารถใช้ได้ทันในวันที่ 1 ต.ค.นี้ ก็ส่งผลถึงงบลงทุนในโครงการใหม่ไม่สามารถเบิกจ่ายได้  เบื้องต้นได้สั่งให้ทุกหน่วยงานได้เตรียมพร้อมขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างให้เสร็จสิ้น หากงบประมาณประกาศใช้ ก็ให้รีบลงนามในสัญญาจัดซื้อจัดจ้างทันที

"งบประมาณปี 57 นี้ ถือว่ามีความพร้อมเพราะทำงานมา 2 ปีแล้ว โดยได้กำชับให้ทุกหน่วยงานต้องทำงานอย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้นหากงบประมาณผ่าน และสามารถใช้ได้ในเดือนต.ค.นี้ ก็ลงนามสัญญาจัดซื้อจัดจ้างได้เลย แต่ถ้าหน่วยงานไหนยังไม่มีความพร้อม ก็ให้ไปของบปี 58 แทน เพราะตอนนี้จะขอดูโครงการที่มีความพร้อมเป็นหลักก่อน”

 ส่วนร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 2ล้านล้านบาท คงต้องเร่งดำเนินการให้เสร็จสิ้น และผ่านการเห็นชอบจากรัฐสภา พร้อมกับพ.ร.บ.งบประมาณปี 57ก็เป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะจะได้ดำเนินโครงการต่างๆได้ทันที

 นายกิตติรัตน์ ยังกล่าวถึงการแถลงผลงาน 1 ปี ต่อรัฐสภาว่า ได้เตรียมความพร้อมชี้แจงโครงการต่างๆ ที่ฝ่ายค้านจะอภิปรายแล้ว โดยเฉพาะนโยบายคืนภาษีในโครงการรถยนต์คันแรก ยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้นำเงินภาษีประชาชนส่วนใหญ่ไปจ่ายคืนผู้ที่ซื้อรถยนต์ แต่เงินดังกล่าว เป็นเงินภาษีของผู้ที่ซื้อรถเอง และได้ครอบครองรถยนต์จนครบเวลา 1 ปี ส่วนนโยบายอื่นๆ เช่น การดูแลสถานการณ์ราคาสินค้า ก็ยอมรับว่า มีบางช่วงเท่านั้นที่ราคาสินค้ามีราคาสูงขึ้น เช่น ไข่ไก่ แต่ก็สูงขึ้นเพียงบางช่วงเท่านั้น และในช่วงที่ราคาตกต่ำ ผู้ที่เดือดร้อนก็คือผู้เลี้ยงไก่ไข่  จึงอยากให้เห็นใจและรับทราบถึงเหตุผลด้วย

ได้ฤกษ์แถลงผลงานรัฐบาลวันนี้

    นายอำนวย คลังผา ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงการแถลงผลงานรัฐบาลในรอบ 1 ปี ที่จะมีขึ้นในวันที่ 24-25 ก.ย. โดยจะใช้เวลาทั้งหมด 15 ชั่วโมง แบ่งเป็นฝ่ายรัฐบาลและคณะรัฐมนตรี (ครม.) 5 ชั่วโมง และฝ่ายค้าน 10 ชั่วโมง ตามที่ฝ่ายค้านร้องขอมา ทั้งนี้จะมีการถ่ายทอดสดผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 ด้วย

 “ที่ฝ่ายค้านตั้งเป้าจะใช้เวทีนี้ในการซ้อมอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ทางรัฐบาลยินดี เพราะเป็นประเพณีปฏิบัติอยู่แล้ว ที่รัฐบาลต้องแถลงผลงานภายใน 1 ปี ดังนั้นกรอบการที่ฝ่ายค้านจะถามรัฐบาลคือ เรื่องนโยบาย และการทำงานของรัฐบาลเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าใช้เวลา 2 วันน่าจะจบ” นายอำนวย กล่าว

 นายอำนวย กล่าวด้วยว่า  ในวันที่ 28 ก.ย.เวลา 10.00 น. จะมีการประชุมสภา เพื่อลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา ส.ว.ในวาระ 3 โดยจะมีการถ่ายทอดสดผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์ฯ ช่อง 11 เชื่อว่าจะไม่มีความวุ่นวาย เพราะเป็นการลงมติอย่างเดียว มีเพียงเห็นด้วย และไม่เห็นด้วยเท่านั้น ส่วนที่ฝ่ายค้านยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความนั้น ขอชี้แจงว่า ในฐานะสมาชิกรัฐสภา โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญ มาตรา 90 นั้นชัดเจนว่า เป็นความยินยอมของรัฐสภา เรื่องนี้ไม่มีความกังวลใดๆ เพราะถือว่าเราทำหน้าที่รัฐสภาแล้ว

 ผู้สื่อข่าวถามว่า การลงมติวาระ 3 โดยไม่รอคำวินิจฉัยของศาลรธน. จะเหมือนกับรัฐสภากำลังเปิดศึกกับศาลรธน. หรือไม่ นายอำนวย กล่าวว่า เราทำตามหน้าที่ของรัฐสภา กฎหมายกำหนดแล้ว เราต้องพิจารณา ส่วนศาลรธน.จะวินิจฉัยอย่างไรนั้น ยังไม่ได้ประเมินไว้

 เมื่อถามว่า หากศาลสั่งระงับ แล้วมีการนำขึ้นทูลเกล้าฯ จะเหมาะสมหรือไม่ นายอำนวย กล่าวว่า ตนไม่ขอวิจารณ์ แต่เราทำหน้าที่ตาม มาตรา 90 หลังจากรัฐสภาเห็นชอบแล้ว จึงส่งให้มีการโปรดเกล้าฯ

“ปู”ยันรัฐบาลพร้อมแถลงผลงาน1ปี

    น.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมในการแถลงผลงาน 1 ปีของรัฐบาลต่อรัฐสภาในวันนี้ว่า จริงๆ แล้วเราได้มีการเตรียมการไว้ตั้งแต่ที่มีการเสนอเรื่องนี้ผ่านที่ประชุมครม. เสนอไปยังประธานรัฐสภา มีการเตรียมการอยู่แล้ว คงจะมีกระทรวงที่เกี่ยวข้องที่ต้องเตรียมการด้วยเช่นกัน
   ผู้สื่อข่าวถามว่า ผลงาน 1 ปีนายกฯ คิดว่ารัฐบาลได้ทำงานตามที่วางไว้หมดหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตอบว่า ต้องเรียนว่า งานที่เป็นไปตามที่แถลงนโยบายไว้ต่อรัฐภานั้นเราปฏิบัติตามในส่วนของนโยบายเร่งด่วน แต่ว่าอย่างที่เรียนว่า บางส่วนมีปัญหาอุปสรรคต่างๆ แต่เราได้รายงานไปในผลการดำเนินงาน 1 ปีแล้ว คงจะได้ใช้โอกาสชี้แจงให้รัฐสภาทราบ

ปชป.จัด70 ส.ส.ถล่มรัฐบาลล้มเหลว-ทุจริต

    นายประเสริฐ พงษ์สุวรรณศิริ ส.ส.ยะลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการอภิปรายผลงานรัฐบาลว่า สัดส่วนของพรรคมีผู้ขออภิปรายเบื้องต้น 70 คนโดยประมาณ โดยวางกรอบเน้นเรื่องการทุจริต และความล้มเหลวของนโยบายรัฐบาลที่สืบเนื่องมาตั้งแต่ครั้งหาเสียง ทั้งในเรื่องการกระชากค่าครองชีพ ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ค่าพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น ราคายางพาราตกต่ำ โครงการจำนำข้าว ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ ปัญหาอุทกภัย ตลอดจนระบบคมนาคมขนส่งที่แบ่งเป็น 3 เรื่องใหญ่ คือ เหตุการณ์รถไฟตกราง แอร์พอร์ตลิงค์ และโครงการรถไฟความเร็วสูง ซึ่งจะเป็นการพูดต่อจากที่รัฐบาลไม่ได้เปิดโอกาสให้อภิปรายเต็มที่เมื่อครั้งสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.เงินกู้  2 ล้านล้านบาท ในวาระ 2 และวาระ 3 ที่ผ่านมา

พท.สั่งลุยโหวตแก้รธน.วาระ 3

    ขณะเดียวกัน วานนี้ (23ก.ย.) ที่พรรคเพื่อไทย มีการประชุมคณะกรรมการประสานภารกิจ ของพรรค โดยมีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ได้หารือถึงการโหวตวาระ 3 ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาส.ว. ในวันที่ 28 ก.ย. รวมถึงการประชุมสภา เพื่อแถลงผลงานรัฐบาลครบรอบ 1 ปี  โดยนายสมชาย ได้กำชับให้ประธานธานโซน ไปกำชับส.ส.ในโซนของตัวเอง ต้องมาประชุมทุกคน ห้ามลา ห้ามขาด ให้งดการลงพื้นที่ในช่วงสุดสัปดาห์นี้
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หารือถึงแคมเปญโครงการเงินกู้ 2 ล้านล้าน ที่จะต้องเตรียมลงพื้นที่ ชี้แจงทำความเข้าใจประชาชนในพื้นที่ต่างๆ  ขณะนี้กำลังคิดกันอยู่ว่า จะทำอย่างไร โดยอาจจะเป็นการเชิญแกนนำท้องถิ่น นักธุรกิจ หอการค้า ในพื้นที่ มารับฟังผลกระทบ

ประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ แล้วไปกระจายให้คนในพื้นที่ได้รับทราบ เบื้องต้นอาจจะต้องมีรัฐมนตรี ส.ส. หรือผู้ที่เกี่ยวข้อง ทำหน้าที่ในการชี้แจง
กำลังโหลดความคิดเห็น