โฆษกเพื่อไทยเผยที่ประชุม ส.ส.พรรค เคาะฝ่ายค้านอภิปราย 10 ชั่วโมง ฝั่งเพื่อไทย 7 ชั่วโมง ยันแถลงผลงานล่าช้าไม่ขัด รธน.ท้า ปชป.โชว์หลักฐาน “เจ๊ ด.” ชักหัวคิวงบ 2 ล้านล้าน 40% ซัดไทยเข้มเเข็ง 2020 แค่แผนแก้เกี้ยวการเมือง ไม่หวั่น 40 ส.ว.ยื่นศาล รธน.วินิจฉัยร่างกฎหมายหลายฉบับส่อขัด รธน.เตรียมส่งข้อมูลความเดือดร้อนน้ำท่วมให้นายกฯ-รมต.ที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการ
วันนี้ (23 ก.ย.) ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงหลังการประชุม ส.ส.พรรค ว่า ที่ประชุมได้กำชับให้สมาชิกพรรคงดภารกิจลงพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 24-28 ก.ย.เพื่อเข้าร่วมการประชุมสภาเพื่อรับทราบรายงานการแถลงผลงานรัฐบาลในวันที่ 24 ก.ย.ตั้งแต่เวลา 14.00 น.เป็นต้นไป และวันที่ 25 ก.ย.ตั้งแต่เวลา 09.00-13.00 น.โดยแบ่งเวลาการอภิปรายให้ฝ่ายค้านใช้เวลา 10 ชม.และฝ่ายรัฐบาลเวลา 7 ชั่วโมง โดยหลังจากนั้นในวันที่ 26 ก.ย.จะมีการประชุมสภาวาระปกติ และการประชุมรัฐสภาพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตราที่มา สว.ในวาระ 3 ในวันที่ 28 ก.ย.นี้
ทั้งนี้ ขอเรียกร้องไปยัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และสมาชิก ปชป.ให้ควบคุมการอภิปรายเหมือนการประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทที่ผ่านมาที่มีภาพรวมดี ประชาชนให้ความเชื่อมั่น อย่างไรก็ตามทราบว่าทางพรรค ปชป.พยายามจะให้การอภิปรายในวันที่ 24 ก.ย.นี้ ไม่ต่างจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจย่อยรัฐบาล จึงอยากเรียนไปยังนายอภิสิทธิ์ และสมาชิก ปชป.ให้อภิปรายอย่างสร้างสรรค์ อยู่ในกรอบประเด็น และไม่พาดพิงบุคคลอื่น พร้อมทั้งควบคุมสมาชิกไม่ให้มีการประท้วงมาก ไม่ให้เกิดภาพในอดีตที่มีการขว้างเก้าอี้ ขว้างปาเอกสาร และใช้วาจาที่ไม่สุภาพ นอกจากนี้การแถลงผลงานในวันที่ 24 ก.ย.นี้ จะมีการถ่ายทอดสดผ่านทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ด้วย
นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวด้วยว่า ที่ประชุมพรรคเห็นว่า การแถลงผลงานของรัฐบาลล่าช้าไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญตามที่มีการตั้งข้อสังเกตก่อนหน้านี้ เพราะหากย้อนดูการบริหารงานของรัฐบาลที่ผ่านมา ก็มีความล่าช้าแทบทั้งสิ้น โดยเฉพาะรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ที่แถลงนโยบายต่อสภาเมื่อครั้งบริหารงานรัฐบาลในวันที่ 30 ธ.ค. 2551 แต่กลับมีการแถลงผลงานผลงานในวันที่ 24-25 ก.พ.2554 ถือว่าเกินระยะเวลา 1 ปี ที่กำหนดไว้เช่นกัน
นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวตอบโต้พรรค ปชป.ที่ออกมาระบุว่า มีนักธุรกิจ ส.กว้านซื้อที่ดินและมีชื่อ “เจ๊ ด.” รายเดิมกินหัวคิว 40% ผ่านโครงการตามร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทว่าไม่เป็นความจริง ตรวจสอบแล้วไม่มีการกระทำตามที่ ปชป.กล่าวหา อย่างไรก็ตามขณะนี้ ร่าง พ.ร.บ.2 ล้านล้าน ยังไม่ผ่านการพิจารณาของวุฒิสภา ดังนั้นจึงไม่อยากให้จินตนาการล่วงหน้า แต่ขอท้าว่าหาก ปชป.มีหลักฐานว่ามีการทุจริตจริง ขอให้ไปยื่นองค์กรอิสระ คณะกรรมการป้องกันปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ให้ดำเนินการได้
ทั้งนี้ การที่พรรค ปชป.อกมาแถลงโครงการสร้างอนาคต ไทยเข้มแข็ง 2020 นั้น ถือว่าเป็นแผนแก้เกี้ยวทางการเมืองที่ต้องการแข่งขันกับโครงการ 2 ล้านล้านของรัฐบาลเพื่อไทย นอกจากจะเป้นการประดิษฐ์วาทกรรมของรัฐบาลเงาแล้ว การใช้ชื่อไทยเข้มแข็งยังเป็นการประจานตัวเอง เพราะผลงานที่ผ่านมาเต็มไปด้วยความล้มเหลวและความทุจริต ทั้งการก่อสร้างโรงพักทดแทน และแฟลตตำรวจ ครุภัณฑ์อาชีวศึกษา และอีกหลายโครงการ จึงอยากให้ ปชป.เลิกเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น เพราะหากโครงการที่พูดดีจริง เหตุใด ปชป.จึงรู้สึกตัวช้าไม่เคยทำสิ่งใดให้เป็นรูปธรรมตลอดเวลาที่พรรค ปชป.เป็นรัฐบาล
นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวอีกว่า ที่ประชุมพรรคเพื่อไทยได้มีการหารือถึงกรณีที่ฝ่ายค้านและกลุ่ม 40 ส.ว.ยืนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นที่มา ส.ว.ต่อศาลรัฐธรรมนูญ ว่าเป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ซึ่งอยู่ที่ดุลยพินิจของศาลรัฐธรรมนูญ โดยยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีความกังวลในเรื่องนี้ เพราะได้ดำเนินการตามกรอบกฎหมายอย่างเคร่งครัดแล้ว ซึ่งในวันเสาร์ที่ 28 กันยายนนี้ จะมีการลงมติแบบเปิดเผยโดยวิธีการขานชื่อ ซึ่ง ส.ส.และ ส.ว.ที่ไม่เห็นด้วยก็มีสิทธิ์โหวตไม่เห็นด้วยได้ ซึ่งก็ถือเป็นวิธีการตามระบบรัฐสภา
ส่วนกรณี พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ที่มีกลุ่ม 40 ส.ว.รวมถึงฝ่ายค้านจ่อยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญหากร่างดังกล่าวผ่านความเห็นชอบในชั้นของ ส.ว.แล้วนั้นก็ถือเป็นสิทธิ์ที่ทำได้ ซึ่งยอมรับว่าเรื่องดังกล่าวที่ประชุมพรรคเพื่อไทยยังมีหลายความเห็นที่ถกเถียงกันว่า พ.ร.บ.ดังกล่าวเป็นเงินคงคลังและขัดต่อมาตรา 169 ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามทีมกฎหมายของพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าร่างดังกล่าวไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และไม่ได้เป็นเงินแผ่นดินตามที่หลายฝ่ายเข้าใจ ซึ่งความเห็นดังกล่าวตรงกับความเห็นของกฤษฎีกา ส่วนคนในพรรคหรือนักวิชาการที่เห็นต่างนั้น ก็ถือเป็นสิทธิ์ในการแสดงความเห็นและวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งนี้ส่วนตัวเห็นว่ากลุ่มคนที่เตรียมยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อคัดค้านเรื่องดังกล่าวนั้นเป็นพวกที่ขวางความเจริญของประเทศ เนื่องจากโครงการเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ก็เป็นการวางแผนด้านระบบการขนส่งเพื่อพัฒนาประเทศให้มีศักยภาพแข่งขันกับนานานาชาติได้ โดยให้มีระบบการขนส่งสินค้าที่ทันสมัยรวดเร็วปลอดภัย รวมทั้งเป็นการลดต้นทุนในการผลิตในระยะยาวต่อไป
นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวด้วยว่า ที่ประชุมมีความห่วงใยผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคเหนือในบางจังหวัด โดยให้สมาชิกพรรคการรวบรวมข้อมูลพร้อมดำเนินการให้ความช่วยเหลือพร้อมส่งให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องความช่วยเหลือในพื้นที่ที่ต้องการถุงยังชีพและป้องกันโรคภัยทางน้ำโดยมอบหมายให้รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการระหว่างรอแผนบริการจัดการโครงการบริหารน้ำ 3.5 แสนล้านบาทโดยมีแผนช่วยเหลือระยะสั้นในการดำเนินการก่อนภายในกรอบวงเงิน