กลุ่ม 40 ส.ว.เรียกร้องปรับปรุงพรรคการเมืองเป็นสถาบัน อย่าให้เป็นสมบัติของใครคนใดคนหนึ่งเหมือน “นช.แม้ว” บัญชาการรัฐบาลอยู่ในขณะนี้ “คำนูณ” ฉะรัฐบาลไม่ให้เกียรติวุฒิสภา จัดโรดโชว์เงินกู้ 2 ล้านล้านก่อนผ่านการพิจารณา ด้าน “สมชาย” ขู่ ส.ว.ลงมติผ่านวาระ 3 แก้ รธน.มีคดีแน่ “หมอเจตน์” แนะแก้ปัญหายาเสพติด ยกระดับเจรจาระหว่างประเทศ ห้ามยาแก้หวัดผสมสูโดฯ เป็นวาระภูมิภาค
ที่รัฐสภา เช้าวันนี้ (23 ก.ย.) มีการประชุมวุฒิสภา โดยมีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม โดยก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา และแกนนำกลุ่ม 40 ส.ว. หารือว่า จากผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 62.4 เชื่อว่าผู้นำรัฐบาลตัวจริงที่บริหารประเทศคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่อยู่ต่างประเทศ ซึ่งตนเห็นด้วยและเชื่อมามาตลอดว่าคือเจ้าของพรรคตัวจริง ส่วนปัญหาการเมืองร้อยละ 80 เห็นว่ามาจากนักการเมืองเพราะโครงสร้างของพรรคการเมืองไทยที่เป็นปัญหา ซึ่งรัฐธรรมนูญไทยได้ให้พรรคการเมืองมีอำนาจมากที่สุด โดย ส.ส.ต้องเป็นสมาชิกพรรค 90 วัน แต่ตอนนี้กำลังแก้ไขให้พรรคการเมืองสามารถส่งคนมาลงเป็น ส.ว.ได้อีก
อย่างไรก็ตาม ถ้าพรรคการเมืองเป็นสถาบันจะไม่มีปัญหา แต่ถ้ากลายเป็นสมบัติส่วนตัวของคนใดคนหนึ่งอย่างเช่นพรรคการเมืองในประเทศไทย และคนนั้นอยู่ต่างประเทศด้วย ตนเชื่อการบริหารราชการแผ่นดินในประเทศไทยจะมีปัญหา อย่างที่ไม่เคยประสบมาก่อน เพราะผู้ที่อยู่ในต่างประเทศย่อมไม่รู้ทุกข์ รู้ร้อนต่อความเดือดร้อนของประชาชนคนไทย ซึ่งประเทศไทยน่าอายไปทั่วโลกเพราะมีพรรคการเมืองที่มีรูปแบบบการเป็นเจ้าของ และเป็นเจ้าของรัฐบาลบริหารซึ่งไม่เคยปรากฎมาก่อนในโลกว่ามีพรรคการเมืองลักษณะอย่างนี้ ดูตัวอย่างพรรคคอมมิวนิวต์จีนสามารถเลือกผู้นำได้ดีโดยล่าสุดได้ตัดสินลงโทษผู้นำพรรคในคดีทุจริตคอรัปชั่น จึงอยากฝากการเมืองไทยให้ปรับปรุงพรรคการเมืองให้เป็นสถาบันอย่าเป็นสมบัติของคนใดคนหนึ่ง
ขณะที่นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทที่เพิ่งผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมานั้น ซึ่งถือว่ายังไม่สิ้นสุดกระบวนการนิติบัญญัติ ต้องผ่านวุฒิสภาอีก 3 วาระ ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 60 วันหลังจากรับร่างจากสภาฯ หลังจากนั้นไม่ใช่ว่าจะจบเพราะยังอาจจะต้องตั้งคณะกรรมาธิการร่วมกัน 2 สภา หากวุฒิสภามีการแก้ไขมาก และถึงที่สุดก็ยังอาจจะต้องผ่านศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอีก แต่ทันทีที่ผ่านสภาผู้แทนฯ รัฐบาลได้วางแผนจัดโรดโชว์ทั่วประเทศ โดยคิกออฟหรือเริ่มต้นวันที่ 26 ก.ย.นี้ ซึ่งเป็นการกำหนดก่อนที่วุฒิสภาพิจารณาเสียอีก เมื่อเป็นเช่นนี้ ทางพรรคฝ่ายค้านก็นิ่งเฉยไม่ได้เพราะเป็นการหาเสียงล่วงหน้าเขาก็ต้องจัดโรดโชว์เหมือนกัน โดยเริ่มวันที่ 23 ก.ย.
อย่างไรก็ตาม การกระทำของรัฐบาลที่จัดโรดโชว์ล่วงหน้าเช่นนี้เหมือนไม่ให้เกียรติวุฒิสภา กระบวนการนิติบัญญัติ และการที่ผู้นำรัฐบาลพยายามพูดว่าถ้าร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ตกไปก็น่าเสียดาย เศรษฐกิจของประเทศจะสะดุด เป็นเสมือนการจับเอาเศรษฐกิจของประเทศเป็นตัวประกัน ให้วุฒิสภาต้องพิจารณาภายใต้ความกดดันรวมทั้งองค์กรอิสระด้วย จึงขอฝากไปยังรัฐบาลว่าได้โปรดยกเลิกการกระทำเช่นนี้เสีย
ด้านนายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ฝากไปถึงประธานรัฐสภา ประธานวุฒิสภา และสมาชิก 300 กว่าคนที่ลงชื่อสนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นคำเตือนครั้งสุดท้ายก่อนที่จะลงมติวาระ 3 การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มาของ ส.ว. ซึ่งตนได้ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งชั่วคราว ยุบพรรคการเมือง และเพิกถอนสิทธิ์หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญขัดรัฐธรรมนูญหลาย มาตรา 3 ไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญตามหลักนิติธรรม มาตรา 27 ซึ่งประธานวุฒิสภาประกาศท้าทายอำนาจศาลรัฐธรรมนูญจะลงมติโหวตในวันที่ 28 ก.ย.ไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ ถือเป็นการกระทำขัดมาตรา 68 เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ลงมติแล้วจบไป เพราะในบ่ายวันนี้ก็จะมีคณะบุคคลไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญ และในอนาคตจะมีผู้ไปยื่นต่อ ป.ป.ช. ซึ่งจะมีคดีความติดตัวต่อไม่ว่าจะดำเนินการอย่างไร และในอนาคตจะถูกวุฒิสภาถอดถอน และ ป.ป.ช.จะส่งให้ศาลอาญาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพราะฉะนั้นตนไม่ห่วงประธานวุฒิสภาเพราะถูกถอดถอนอยู่แล้ว แต่ตนห่วงสมาชิกว่าการลงมติวาระ 3 ของสมาชิกจะทำผิดกฎหมาย
ส่วน นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ส.ว.สรรหา หารือว่า การจับยาบ้า 2 ราย จำนวน 1.5 ล้านเม็ด และยาไอช์ 3 กิโลกรัมโดย โดย สภ.แม่สาย จ.เชียงราย ที่ผ่านมารวมทั้งปรากฏการณ์การจับยาบ้า ยาไอช์ล็อตใหญ่อยู่เป็นเนืองๆ แสดงให้เห็นว่ายาบ้าที่ยังจับกุมไม่ได้ยังมีอีกมากและเป็นปัญหาต่อเด็กและเยาวชน แหล่งผลิตอยู่ในพื้นที่ของชนกลุ่มน้อยในพม่าติดกับ จ.เชียงราย ปัญหาการปราบปรามยังไม่สามารถจับกุมผู้ค้ารายใหญ่และผู้ผลิตได้ซึ่งยากที่บรรลุผลสำเร็จตามที่รัฐบาลได้ประกาศเป็นวาระแห่งชาติมา 2 ปีแล้วตนจึงมีข้อเสนอและข้อสังเกตดังนี้
1. ไทยแก้ปัญหาสารตั้งต้นยาบ้าได้ผลกรณีการห้ามสารเคมีจากยาหวัดส่วนผสมสูโดอิเฟดรีน แต่การห้ามยาแก้หวัดส่วนผสมสูโดฯ สามารถห้ามในไทย แต่ไม่สามารถห้ามในประเทศอื่นโดยเฉพาะการนำสารตั้งต้นจากอินเดีย จีน และเวียดนามเข้ามาผลิตในพม่า 2. จะต้องมีการยกระดับการเจรจาระหว่างประเทศให้วาระภูมิภาคหรือวาระอาเซียนอย่างแท้จริง 3. การมีหน่วยงานยาเสพติดถึง 9 กระทรวง 26 หน่วยงานทำให้ขาดเจ้าภาพหลัก 4. การเจรจาระหว่างประเทศควรมอบหน้าที่หลักให้กับกระทรวงการต่างประเทศ และสมช. 5. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามยาเสพติดได้รับงบรวมเพียง 1.1 หมื่นกว่าล้านบาทเท่านั้นเทียบกับงบรายจ่ายถือว่าน้อยมากกับปัญหา โดยควรจัดงบไว้ที่ ป.ป.ส.แห่งเดียวและใช้การประเมินตามผลงานและติดตามการดำเนินการตามยุทธศาสตร์อื่นๆ ไปด้วย