วานนี้ (9 ต.ค.56) ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาผู้
แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ทั้งนี้ก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม นายวัชระ เพชร
ทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้หารือตอนหนึ่งว่า ตนได้รับจดหมายร้องเรียนจากข้าราชการ
ประจำสภาผู้แทนราษฎร ส่งมาถึงตนช่วงเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา เกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการของสำนัก
งานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ที่มีการแต่งตั้งข้าราชการไม่เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล ไร้ความเป็นธรรม
เกิดขึ้นในยุคที่มีประธานสภาผู้แทนราษฎร ชื่อนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย
และมีเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ที่ชื่อนายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย ซึ่งการแต่งตั้งที่เกิดขึ้นทำให้ข้าราชการ
ในสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร รับไม่ได้กับพฤติกรรมที่เกิดขึ้น
“ในจดหมายระบุชัดว่าข้าราชการหลายคนถูกแต่งตั้งเข้ามาเพราะมีนักการเมืองเข้ามาช่วยวิ่งเต้น ผลักดันข้าม
หัวคนอื่น ๆ ที่มีความรู้ ความสามารถ จึงถือเป็นยุที่เหลวแหลก ตกต่ำ ทำให้ข้าราชการหมดกำลังใจในการทำ
งาน และเป็นการสร้างความเสื่อมเสียให้กับองค์กรอย่างมากที่สุดในยุคนี้” นายวัชระ กล่าว.
นายวัชระ ยังหารือว่า นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ส่งหนังสือถึงสมาชิกให้
ร่วมทำบุญทอดกฐินกับสภาฯ โดยจะมีการหักเงินเดือนของสมาชิกคนละ 1,000 บาททุกคน ซึ่งตนคิดว่าเป็น
การกรัทำที่ก้าวก่ายสิทธิของสมาชิก เพราะการทำบุญติ้งเป็นความสมัครใจ ถ้าใครต้องการก็ให้สมาชิกไปแจ้ง
ความประสงค์ทำบุญด้วยตนเอง ไม่ใช่เป็นการหักเงินโดยอัตโนมัติ
ด้านนางรัชฎาภรณ์ แก้วสนิท ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วันพรุ่งนี้จะเป็นวันสุดท้ายใน
การแจ้งความประสงค์หากไม่ต้องการทำบุญ ซึ่งตนคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่สมาชิกจะต้องเดินไปบอกว่า อย่าหัก
เงินฉัน โดยทางสภาฯควรที่จะแจ้งให้สมาชิกทราบว่าจะมีการทำบุญเท่านั้น เพราะเมื่อเดือนที่ผ่านมาสภาฯก็
เคยหักเงินสมาชิกในลักษณะนี้ คนละ 500 บาทมาแล้วเช่นกัน
ด้านนายพีรยศ ราฮิมมูลา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การบริจาคเงินเพื่อทำบุญถือว่าเป็น
เรื่องที่ดี แต่สำหรับศาสนาอิสลามแล้วการทำบุญของศาสนาพุทธถือเป็นเรื่องที่ผิดหลักศาสนา
จากนั้นนายวิสุทธ์จึงตัดบทแล้วรับปากว่าจะไปสอบถามให้ เพราะตนยังไม่เห็นหนังสือฉบับดังกล่าว
ด้านน.ส.รังสิมา รอดรัศมี สส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ว่า ในฐานะที่นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่2 กำกับดูแลงานด้านรักษาความ
ปลอดภัยควรลงไปดูที่อาคารกองรักษาการ รัฐสภาด้วย เนื่องจากในสภาฯมีการทุจริตคอรัปชั่นมากมาย อาทิ
การปรับปรุงแค่อาคารกองรักษาการส่วนของจุดแลกบัตรจุดเดียวมีราคาถึง 4,800,000 บาท แต่พอเดินไปด้าน
หลัง มีห้องน้ำชำรุด สกปรก ชักโครกต้องใช้เชือกฟางผูกไว้ ไม่มีสุขภาพอนามัย เจ้าหน้าที่ตำรวจสภาผู้แทน
ราษฎรมีจำนวนเป็นร้อยคน กลับมีห้องน้ำเพียงห้องเดียว ห้องนอนของตำรวจสภาฯ ก็คับแคบไม่มีทางเดิน
อยากให้ประธานสภาฯลงไปดูด้วย
ทั้งนี้ จะส่งเรื่องให้นายวิลาศ จันทรพิทักษ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะที่ปรึกษา คณะ
กรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ( กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร ไปตรวจ
สอบว่ามีการทุจริตหรือไม่ต่อไป
ด้าน นายวิสุทธิ์ ชี้แจงว่า ตั้งแต่มารับตำแหน่งเป็นรองประธานสภาฯได้ไปเปลี่ยนที่นอนให้ทั้งหมด ปรับ
ห้องนอน เปลี่ยนแอร์ให้น่าอยู่มากขึ้น อีกทั้งยังใช้เงินส่วนตัวทำประกันชีวิตให้ตำรวจสภาฯด้วย ซึ่งใน
ฐานะที่ดูแลงานรักษาความปลอดภัยก็อยากสร้างให้ใหม่ แต่ไม่มีพื้นที่พอที่จะสร้างแล้ว การจะสร้างอาคาร
หนึ่งหลังไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องได้รับอนุญาตจากสำนักพระราชวังซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ จึงต้องแก้ไข
ปัญหาเฉพาะหน้ากันไปก่อน
แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ทั้งนี้ก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม นายวัชระ เพชร
ทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้หารือตอนหนึ่งว่า ตนได้รับจดหมายร้องเรียนจากข้าราชการ
ประจำสภาผู้แทนราษฎร ส่งมาถึงตนช่วงเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา เกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการของสำนัก
งานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ที่มีการแต่งตั้งข้าราชการไม่เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล ไร้ความเป็นธรรม
เกิดขึ้นในยุคที่มีประธานสภาผู้แทนราษฎร ชื่อนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย
และมีเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ที่ชื่อนายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย ซึ่งการแต่งตั้งที่เกิดขึ้นทำให้ข้าราชการ
ในสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร รับไม่ได้กับพฤติกรรมที่เกิดขึ้น
“ในจดหมายระบุชัดว่าข้าราชการหลายคนถูกแต่งตั้งเข้ามาเพราะมีนักการเมืองเข้ามาช่วยวิ่งเต้น ผลักดันข้าม
หัวคนอื่น ๆ ที่มีความรู้ ความสามารถ จึงถือเป็นยุที่เหลวแหลก ตกต่ำ ทำให้ข้าราชการหมดกำลังใจในการทำ
งาน และเป็นการสร้างความเสื่อมเสียให้กับองค์กรอย่างมากที่สุดในยุคนี้” นายวัชระ กล่าว.
นายวัชระ ยังหารือว่า นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ส่งหนังสือถึงสมาชิกให้
ร่วมทำบุญทอดกฐินกับสภาฯ โดยจะมีการหักเงินเดือนของสมาชิกคนละ 1,000 บาททุกคน ซึ่งตนคิดว่าเป็น
การกรัทำที่ก้าวก่ายสิทธิของสมาชิก เพราะการทำบุญติ้งเป็นความสมัครใจ ถ้าใครต้องการก็ให้สมาชิกไปแจ้ง
ความประสงค์ทำบุญด้วยตนเอง ไม่ใช่เป็นการหักเงินโดยอัตโนมัติ
ด้านนางรัชฎาภรณ์ แก้วสนิท ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วันพรุ่งนี้จะเป็นวันสุดท้ายใน
การแจ้งความประสงค์หากไม่ต้องการทำบุญ ซึ่งตนคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่สมาชิกจะต้องเดินไปบอกว่า อย่าหัก
เงินฉัน โดยทางสภาฯควรที่จะแจ้งให้สมาชิกทราบว่าจะมีการทำบุญเท่านั้น เพราะเมื่อเดือนที่ผ่านมาสภาฯก็
เคยหักเงินสมาชิกในลักษณะนี้ คนละ 500 บาทมาแล้วเช่นกัน
ด้านนายพีรยศ ราฮิมมูลา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การบริจาคเงินเพื่อทำบุญถือว่าเป็น
เรื่องที่ดี แต่สำหรับศาสนาอิสลามแล้วการทำบุญของศาสนาพุทธถือเป็นเรื่องที่ผิดหลักศาสนา
จากนั้นนายวิสุทธ์จึงตัดบทแล้วรับปากว่าจะไปสอบถามให้ เพราะตนยังไม่เห็นหนังสือฉบับดังกล่าว
ด้านน.ส.รังสิมา รอดรัศมี สส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ว่า ในฐานะที่นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่2 กำกับดูแลงานด้านรักษาความ
ปลอดภัยควรลงไปดูที่อาคารกองรักษาการ รัฐสภาด้วย เนื่องจากในสภาฯมีการทุจริตคอรัปชั่นมากมาย อาทิ
การปรับปรุงแค่อาคารกองรักษาการส่วนของจุดแลกบัตรจุดเดียวมีราคาถึง 4,800,000 บาท แต่พอเดินไปด้าน
หลัง มีห้องน้ำชำรุด สกปรก ชักโครกต้องใช้เชือกฟางผูกไว้ ไม่มีสุขภาพอนามัย เจ้าหน้าที่ตำรวจสภาผู้แทน
ราษฎรมีจำนวนเป็นร้อยคน กลับมีห้องน้ำเพียงห้องเดียว ห้องนอนของตำรวจสภาฯ ก็คับแคบไม่มีทางเดิน
อยากให้ประธานสภาฯลงไปดูด้วย
ทั้งนี้ จะส่งเรื่องให้นายวิลาศ จันทรพิทักษ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะที่ปรึกษา คณะ
กรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ( กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร ไปตรวจ
สอบว่ามีการทุจริตหรือไม่ต่อไป
ด้าน นายวิสุทธิ์ ชี้แจงว่า ตั้งแต่มารับตำแหน่งเป็นรองประธานสภาฯได้ไปเปลี่ยนที่นอนให้ทั้งหมด ปรับ
ห้องนอน เปลี่ยนแอร์ให้น่าอยู่มากขึ้น อีกทั้งยังใช้เงินส่วนตัวทำประกันชีวิตให้ตำรวจสภาฯด้วย ซึ่งใน
ฐานะที่ดูแลงานรักษาความปลอดภัยก็อยากสร้างให้ใหม่ แต่ไม่มีพื้นที่พอที่จะสร้างแล้ว การจะสร้างอาคาร
หนึ่งหลังไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องได้รับอนุญาตจากสำนักพระราชวังซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ จึงต้องแก้ไข
ปัญหาเฉพาะหน้ากันไปก่อน