เสียงเรียกร้องให้ประชาธิปัตย์ปฏิรูปครั้งใหญ่ คงจะไม่มีอีกแล้ว เพราะแม้เกิดแรงขับเคลื่อนจากคนระดับแกนนำภายในพรรคเอง ไม่ได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงใดๆ
นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคภาคกลาง จุดชนวนการเปลี่ยนแปลงภายในประชาธิปัตย์มาหลายเดือนแล้ว แต่การประชุมพรรคล่าสุดกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
คนทั่วไปรู้ดีว่า ประชาธิปัตย์จำเป็นจะต้องเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงตัวเอง เพราะถ้ายึดรูปแบบการเมืองเดิมๆ ไม่มีวันจะชนะพรรคเพื่อไทยได้ นอกจากจะเป็นไก่รองบ่อนตลอดชาติ
แต่ประชาธิปัตย์กลับรู้จักตัวเอง และทำอย่างไรก็ไม่มีวันเปลี่ยน จะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างไร ก็ไม่ยอมทบทวนตัวเอง ซึ่งอาจเป็นเพราะยังมีความหวังลมๆแร้งๆ อยู่
หวังว่าจะมีโอกาสส้มหล่น กลับมาได้เป็นรัฐบาลอีกครั้ง
ประชาธิปัตย์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลมาแล้ว 3 ครั้ง นายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรคได้เป็นนายกรัฐมนตรี 2 สมัย
ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรี 1 สมัย
นายชวนกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งที่สอง ประชาชนเอียนกับรัฐบาลนายบรรหาร ศิลปอาชากับรัฐบาลพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ และลองให้โอกาสกับพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้ง แต่ต้องผิดหวัง
ส่วนนายอภิสิทธิ์ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะคนกลัวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และไม่มีทางเลือก จึงสนับสนุนประชาธิปัตย์อีกครั้ง แต่ต้องอกหักซ้ำสอง จนเต็มไปด้วยสาปส่งประชาธิปัตย์
นายอภิสิทธิ์อาจหวังเหมือนกับนายชวน หวังจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสักครั้ง โดยไม่ต้องทำอะไรมาก เพียงแต่รอให้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักณ์ ชินวัตรล่มสลายเท่านั้น
เพราะถ้ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ถูกประชาชนตะเพิด ก็ไม่มีพรรคการเมืองใด ไม่มีใคร นอกจากจำใจต้องเลือกประชาธิปัตย์และจำต้องทนให้นายอภิสิทธิ์กลับมาเป็นผู้นำอีกครั้ง
แต่ใครล่ะจะไล่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย
วิธีการเก่าของประชาธิปัตย์ การอภิปรายในสภาฯ การโจมตีถี่ยิบอย่างไร ก็ไม่ทำให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์สะทกสะท้าน เพราะดื้อด้านสำหรับกระแสโจมตี
2 ปีสำหรับการใช้แต่ฝีปาก ประชาธิปัตย์ไม่ทำให้รัฐบาลเพื่อไทยระคายเคืองแม้แต่น้อย ซึ่งควรสรุปได้แล้วว่า รัฐบาลชุดนี้ ไม่กลัวฝ่ายค้านที่เก่งแต่พูด แม้จะพูดเก่งขนาดไหนก็ตาม
อยากตั้งกระทู้เรื่องอะไร จะเปิดอภิปรายซักฟอกสักกี่ครั้ง “ยิ่งลักษณ์” ไม่เคยกลัว เพราะอย่างมากก็หาเรื่องไปทัวร์ต่างประเทศ ปล่อยให้นายอภิสิทธิ์รบกับลิ่วล้อแทน
นายอภิสิทธิ์ไม่เบื่อตัวเองบ้างหรือ สำหรับการเป่าปี่ให้ควายฟัง ไม่ท้อแท้บ้างหรือไง สำหรับการชกลมมากว่า 2 ปีแล้ว
ระบอบทักษิณต้องล่มสลายแน่ เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ด้วยรูปแบบไหน และใครเป็นตัวจักรสำคัญในการขับไล่
แต่ถ้ารัฐบาลยิ่งลักษณ์มีอันต้องเป็นไป คงไม่ใช่น้ำมือของประชาธิปัตย์แน่ เพราะนอกจากพูดแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเพื่อสร้างแรงบีบทางการเมืองแต่อย่างใด
ภาระการขับไล่รัฐบาลที่มุ่งแต่กอบโกย เล่นพวกพ้อง บริหารประเทศเพื่อคนเพียงคนเดียว ท้ายที่สุดคงไม่พ้นประชาชน ซึ่งทนไม่ไหวและต้องลุกฮือกันขึ้นมา
ภารกิจในการโค่นล้มระบอบทักษิณหนักอึ้ง และไม่รู้ว่าจะต้องเสียสละกันขนาดไหน จะต้องสูญเสียกันเท่าไหร่ แต่ประสบความสำเร็จ ประชาชนจะยอมให้ประชาธิปัตย์เข้ามาชุบมือเปิบเหมือนอดีตหรือ
ประเทศแทบจะป่นปี้แล้ว แต่ประชาธิปัตย์กลับคิดถึงตัวเอง คิดถึงแต่การฉวยโอกาส และคิดแต่เพียงว่า ประชาชนไม่มีทางเลือก ถ้าเกิดการเปลี่ยนทางการเมืองเมื่อใด จะดีจะชั่ว นายอภิสิทธิ์จะได้กลับมาอีกครั้ง
แต่คราวนี้ประชาธิปัตย์น่าจะคิดผิด เพราะถ้าลองให้โอกาสอีกที นายอภิสิทธิ์ก็ไม่มีวันเปลี่ยน การเมืองประเทศไทยก็ไม่น่าจะแตกต่างจากยุคระบอบทักษิณมากนัก
ประชาชนไม่สามารถฝากความหวังใดๆ จากประชาธิปัตย์ได้อีก นอกจากความผิดหวังในครั้งที่สาม จึงไม่มีอีกแล้วสำหรับวันของนายอภิสิทธิ์
คำร้องขอให้ประชาธิปัตย์ทบทวนตัวเอง ปฏิรูปพรรคครั้งใหญ่ น่าจะยุติลงอย่างถาวรเสียที เพราะพรรคการเมืองเก่าแก่ที่สุดพรรคนี้ จมอยู่กับอดีต หลงตัวเองว่ายังมีบุญเก่า
คนที่หลงตัวเอง คนที่จมอยู่แต่อดีต จะไม่มีวันยอมเปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้งที่เห็นกันอยู่ว่า ถ้า “อภิสิทธิ์” ไม่ทบทวนตัวเอง ชาตินี้ก็ไม่มีวันสู้ “ยิ่งลักษณ์” ได้ แม้จะดูเอ๋อๆ ก็ตาม
นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคภาคกลาง จุดชนวนการเปลี่ยนแปลงภายในประชาธิปัตย์มาหลายเดือนแล้ว แต่การประชุมพรรคล่าสุดกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
คนทั่วไปรู้ดีว่า ประชาธิปัตย์จำเป็นจะต้องเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงตัวเอง เพราะถ้ายึดรูปแบบการเมืองเดิมๆ ไม่มีวันจะชนะพรรคเพื่อไทยได้ นอกจากจะเป็นไก่รองบ่อนตลอดชาติ
แต่ประชาธิปัตย์กลับรู้จักตัวเอง และทำอย่างไรก็ไม่มีวันเปลี่ยน จะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างไร ก็ไม่ยอมทบทวนตัวเอง ซึ่งอาจเป็นเพราะยังมีความหวังลมๆแร้งๆ อยู่
หวังว่าจะมีโอกาสส้มหล่น กลับมาได้เป็นรัฐบาลอีกครั้ง
ประชาธิปัตย์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลมาแล้ว 3 ครั้ง นายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรคได้เป็นนายกรัฐมนตรี 2 สมัย
ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรี 1 สมัย
นายชวนกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งที่สอง ประชาชนเอียนกับรัฐบาลนายบรรหาร ศิลปอาชากับรัฐบาลพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ และลองให้โอกาสกับพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้ง แต่ต้องผิดหวัง
ส่วนนายอภิสิทธิ์ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะคนกลัวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และไม่มีทางเลือก จึงสนับสนุนประชาธิปัตย์อีกครั้ง แต่ต้องอกหักซ้ำสอง จนเต็มไปด้วยสาปส่งประชาธิปัตย์
นายอภิสิทธิ์อาจหวังเหมือนกับนายชวน หวังจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสักครั้ง โดยไม่ต้องทำอะไรมาก เพียงแต่รอให้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักณ์ ชินวัตรล่มสลายเท่านั้น
เพราะถ้ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ถูกประชาชนตะเพิด ก็ไม่มีพรรคการเมืองใด ไม่มีใคร นอกจากจำใจต้องเลือกประชาธิปัตย์และจำต้องทนให้นายอภิสิทธิ์กลับมาเป็นผู้นำอีกครั้ง
แต่ใครล่ะจะไล่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย
วิธีการเก่าของประชาธิปัตย์ การอภิปรายในสภาฯ การโจมตีถี่ยิบอย่างไร ก็ไม่ทำให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์สะทกสะท้าน เพราะดื้อด้านสำหรับกระแสโจมตี
2 ปีสำหรับการใช้แต่ฝีปาก ประชาธิปัตย์ไม่ทำให้รัฐบาลเพื่อไทยระคายเคืองแม้แต่น้อย ซึ่งควรสรุปได้แล้วว่า รัฐบาลชุดนี้ ไม่กลัวฝ่ายค้านที่เก่งแต่พูด แม้จะพูดเก่งขนาดไหนก็ตาม
อยากตั้งกระทู้เรื่องอะไร จะเปิดอภิปรายซักฟอกสักกี่ครั้ง “ยิ่งลักษณ์” ไม่เคยกลัว เพราะอย่างมากก็หาเรื่องไปทัวร์ต่างประเทศ ปล่อยให้นายอภิสิทธิ์รบกับลิ่วล้อแทน
นายอภิสิทธิ์ไม่เบื่อตัวเองบ้างหรือ สำหรับการเป่าปี่ให้ควายฟัง ไม่ท้อแท้บ้างหรือไง สำหรับการชกลมมากว่า 2 ปีแล้ว
ระบอบทักษิณต้องล่มสลายแน่ เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ด้วยรูปแบบไหน และใครเป็นตัวจักรสำคัญในการขับไล่
แต่ถ้ารัฐบาลยิ่งลักษณ์มีอันต้องเป็นไป คงไม่ใช่น้ำมือของประชาธิปัตย์แน่ เพราะนอกจากพูดแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเพื่อสร้างแรงบีบทางการเมืองแต่อย่างใด
ภาระการขับไล่รัฐบาลที่มุ่งแต่กอบโกย เล่นพวกพ้อง บริหารประเทศเพื่อคนเพียงคนเดียว ท้ายที่สุดคงไม่พ้นประชาชน ซึ่งทนไม่ไหวและต้องลุกฮือกันขึ้นมา
ภารกิจในการโค่นล้มระบอบทักษิณหนักอึ้ง และไม่รู้ว่าจะต้องเสียสละกันขนาดไหน จะต้องสูญเสียกันเท่าไหร่ แต่ประสบความสำเร็จ ประชาชนจะยอมให้ประชาธิปัตย์เข้ามาชุบมือเปิบเหมือนอดีตหรือ
ประเทศแทบจะป่นปี้แล้ว แต่ประชาธิปัตย์กลับคิดถึงตัวเอง คิดถึงแต่การฉวยโอกาส และคิดแต่เพียงว่า ประชาชนไม่มีทางเลือก ถ้าเกิดการเปลี่ยนทางการเมืองเมื่อใด จะดีจะชั่ว นายอภิสิทธิ์จะได้กลับมาอีกครั้ง
แต่คราวนี้ประชาธิปัตย์น่าจะคิดผิด เพราะถ้าลองให้โอกาสอีกที นายอภิสิทธิ์ก็ไม่มีวันเปลี่ยน การเมืองประเทศไทยก็ไม่น่าจะแตกต่างจากยุคระบอบทักษิณมากนัก
ประชาชนไม่สามารถฝากความหวังใดๆ จากประชาธิปัตย์ได้อีก นอกจากความผิดหวังในครั้งที่สาม จึงไม่มีอีกแล้วสำหรับวันของนายอภิสิทธิ์
คำร้องขอให้ประชาธิปัตย์ทบทวนตัวเอง ปฏิรูปพรรคครั้งใหญ่ น่าจะยุติลงอย่างถาวรเสียที เพราะพรรคการเมืองเก่าแก่ที่สุดพรรคนี้ จมอยู่กับอดีต หลงตัวเองว่ายังมีบุญเก่า
คนที่หลงตัวเอง คนที่จมอยู่แต่อดีต จะไม่มีวันยอมเปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้งที่เห็นกันอยู่ว่า ถ้า “อภิสิทธิ์” ไม่ทบทวนตัวเอง ชาตินี้ก็ไม่มีวันสู้ “ยิ่งลักษณ์” ได้ แม้จะดูเอ๋อๆ ก็ตาม