“อลงกรณ์” ไปไม่ถึงฝั่ง แผนยึดพรรคตั้งบอร์ดคุม กก.บห.เหลว ปชป.ยึดสภาที่ปรึกษาเหมือนเดิม เพิ่มอำนาจหัวหน้าเลือกรอง หน.เพิ่มจาก 3 เป็น 5 คน ขยายกก.บห.จาก 15 เป็น 25 คน โดนจวกกลางที่ประชุมทวีตทำพรรคเสียหาย เจ้าตัวยันไม่ต้องการตำหนิใคร แค่อยากให้เปิดกว้างมากขึ้น
วันนี้ (7 ต.ค.) นายอัศวิน วิภูศิริ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรค ในฐานะประธานคณะทำงานปฏิรูปพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยหลังประชุมกรรมการบริหารพรรคเครียดนานกว่า 5 ชั่วโมงว่า ที่ประชุมได้รับรองการปรับโครงสร้างพรรค แต่มีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียด เช่น การตั้งคณะกรรมการพรรค หรือบอร์ดพรรค เห็นควรว่าให้คงใช้ตามเดิมคือสภาที่ปรึกษาพรรคที่มี นายชวน หลีกภัย เป็นประธาน ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้จะเป็นผู้ใหญ่และผู้ทรงคุณวุฒิของพรรคในหลายด้าน เพราะเกรงว่าจะทำงานซ้ำซ้อนกับกรรมการชุดอื่นที่เสนอเข้ามาในโครงสร้างใหม่ ทั้งนี้กรรมการชุดที่สอง หรือกรรมการบริหารพรรคเดิมมีการเสนอ 15 คน ก็เพิ่มเป็น 25 คน คือ ให้เพิ่มรองภาค 5 คน ทำงานในภาพรวมเพื่อดูแลพื้นที่ในแต่ละภาคที่ยังไม่มีประธานพื้นที่ในภาคนั้นๆ และเพิ่มรองหัวหน้าพรรคในโควตาหัวหน้าจากเดิม 3 คน เป็น 5 คน โดยให้รับผิดชอบงานในแต่ละด้าน เช่น เศรษฐกิจ สังคม ต่างประเทศ
เมื่อถามว่าสิ่งที่เสนอวันนี้มีการพิจารณาตามพิมพ์เขียวนายอลงกรณ์หรือไม่ นายอัศวิน กล่าวว่า สิ่งที่นายอลงกรณ์เสนอมาก็อยู่ในแผนที่เสนอต่อพรรค โดยนายอลงกรณ์เห็นด้วยเกือบทั้งหมดที่เสนอ โดยมีการปรับปรุงในแง่การบริหารและโครงสร้างไม่เกี่ยวกับนโยบายเพราะจะมีคณะยุทธศาสตร์ดำเนินการอีกคณะหนึ่ง
ทั้งนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงข้อบังคับเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง โดยที่ประชุมมีมติอนุมัติให้แก้ข้อบังคับพรรคแล้ว ซึ่งจะเรียกประชุม ส.ส.เพื่อพิจารณาก่อนโดยคาดว่าในสัปดาห์หน้าจะนำเสนอต่อที่ประชุม ส.ส.ได้ จากนั้นจึงจะมีการกำหนดวันเรียกประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อแก้ข้อบังคับพรรค และจะได้สอบถามคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ว่าจะสามารถเลือกกรรมการบริหารพรรค หัวหน้าพรรคไปในคราวเดียวกันได้หรือไม่ ซึ่งตามปกติเมื่อมีการแก้ข้อบังคับต้องส่งให้ กกต.ตรวจสอบรับรองข้อบังคับดังกล่าว โดยตนคิดว่าได้
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีทวิตเตอร์ข่มขู่ของนายอลงกรณ์ว่า หากไม่ได้ดังที่ต้องการก็จะเป็นยกสุดท้ายของตัวเองและเลขาธิการพรรค นายอัศวิน กล่าวว่า มีการพูดคุยกันโดยมีการท้วงติงว่าไม่ควรโพสต์ลักษณะนั้น ซึ่งก็มีการชี้แจงเป็นที่พอใจของทุกฝ่าย ไม่มีอะไร
ซึ่งนายอลงกรณ์ ชี้แจงว่า ไม่มีเจตนาที่จะว่าหรือตำหนิใคร คิดว่าคงไม่มีการทวิตเตอร์ในลักษณะนี้ออกมาอีก โดยทุกคนพูดว่าหากมีอะไรให้พูดกันในพรรค ซึ่งนายอลงกรณ์ก็รับปากว่าจะดำเนินการตามนี้ และวันนี้นายอลงกรณ์ก็มีความสุขดี ไม่มีการพูดถึงเรื่องการลาออกจากพรรค ทุกคนเข้าใจในแนวทางเดียวกันหมด
ส่วนที่โครงสร้างใหม่เหมือนเป็นการรวมศูนย์อำนาจอยู่ที่หัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรคหรือไม่นั้น นายอัศวิน กล่าวว่า การแต่งตั้งมีบางส่วนที่เป็นอำนาจของหัวหน้าเช่น การแต่งตั้งรองหัวหน้าพรรคเพิ่มจาก 3 เป็น 5 คน และตำแหน่งเลขาธิการพรรค หัวหน้าเป็นผู้เสนอต่อที่ประชุม ส่วนรองภาคให้ที่ประชุมเสนอและเลือกกันเองและ รองเลขาธิการพรรค เลขาธิการพรรคจะเป็นผู้เสนอ
สำหรับกรณีที่วิจารณ์ว่าการปรับโครงสร้างครั้งนี้เป็นเกมที่ต้องการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพรรคนั้น นายอัศวิน กล่าวว่า ตนยืนยันว่าไม่มีใครต้องการเปลี่ยนหัวหน้าพรรค ทุกอย่างเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย และทุกคนยังพอใจที่จะให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งการปรับโครงสร้างครั้งนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงจากโครงสร้างเดิมบ้าง โดยสิ่งที่แตกต่างคือจะมีประธานเขตในพื้นที่หรือคณะกรรมการปฏิบัติการเดิมมีการเสนอ 3 ชุด คือ กรรมการพรรคหรือบอร์ด แต่ตอนนี้กลับมาเป็นสภาที่ปรึกษาชุดเดิม เพราะเห็นว่าอาจจะซ้ำซ้อน ส่วนกรรมการบริหารพรรคยังเหมือนเดิมเพียงแต่เพิ่มมาเป็น 25 คน และมีคณะกรรมการปฏิบัติการเขตพื้นที่เพิ่มขึ้น ส่วนนโยบายจะอยู่ในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ คณะกรรมการกฎหมาย และมีสำนักซึ่งจะทำงานสนับสนุนเบื้องหลัง โดยปัจจุบันมีอยู่แล้วเพียงแต่ยังไม่ชัดเจน ก็จะจัดใหม่ให้เป็นระบบและแบ่งความรับผิดชอบอย่างชัดเจน โดยให้รองแต่ละฝ่ายมาดูแล แต่วันนี้ยังไปไม่ถึงตรงนั้น เพราะประชุมส่วนใหญ่ในเรื่องโครงสร้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าในที่ประชุม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้เตือนนายอลงกรณ์ว่า คราวหลังถ้ามีความเห็นในเรื่องนี้ที่เกี่ยวกับพรรคให้ไปคุยสื่อสารกันในพรรค อย่าเอาไปพูดข้างนอกมันไม่ดี ขณะที่บางคนตำหนิว่า มีการทวีตบ่อยไปมันทำให้พรรคเสียหาย ถูกมองว่ามีปัญหาความขัดแย้งกัน โดยเฉพาะการใช้ถ้อยคำ ที่ว่า แตกหัก ทั้งที่ไม่มีอะไร ซึ่งอลงกรณ์ ก็บอกว่าไม่มีเจตนาจะตำหนิใคร
ด้านนายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่ประชุมได้ปรับเปลี่ยนข้อเสนอบางประการที่คณะทำงานเสนอมา แต่ก็เป็นไปตามข้อเสนอในการออกแบบให้หัวหน้าพรรค และผู้นำพรรคมีบทบาทในการติดตามและนำพรรคอย่างเด็ดขาดมากขึ้น มั่นใจว่าจะทำให้พื้นที่ที่พรรคไม่มี ส.ส.หรือในพื้นที่ที่ไม่เข้มแข็ง สามารถทำงานในแบบรวมศูนย์มากขึ้น ตอบโจทย์การชนะการเลือกตั้ง สามารถเพิ่มจำนวน ส.ส.ในภาคอีสานและภาคกลางได้มากขึ้น เพราะเปิดกว้างให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมมากขึ้น จึงถือว่าผลการประชุมครั้งนี้เป็นที่น่าพอใจ และจะมีการประชุมกรรมการบริหารพรรคอีกครั้งในสัปดาห์หน้าเพื่อพิจารณาการปฏิรูปการบริหารจัดการองค์กรและบุคลากร ทั้งนี้ในช่วงแรกของการประชุมได้มีการปรับความเข่าใจสนทนาธรรม ในประเด็นที่ตนโพสต์ข้อความทวิตเตอร์ ซึ่งตนก็ยืนยันไปว่าการทวิตเตอร์เป็นส่วนหนึ่งของการเปิดพรรคให้กว้างขึ้น