xs
xsm
sm
md
lg

มติ 358 ต่อ 2 คือความอัปยศที่ร้ายแรงต่อชาติเกินที่จะกล่าว

เผยแพร่:   โดย: ดร.ป.เพชรอริยะ

เมื่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เดินทางเข้ามายังรัฐสภาเพื่อร่วมลงมติด้วยแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญด้วยตนเอง ว่าด้วยที่มาของ ส.ว.โดยพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำมีนโยบายกำหนดให้ ส.ว.มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด 200 คนโดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบในวาระ 3 ด้วยคะแนน 358 ต่อ 2 ส่วนฝ่ายค้านวอล์กเอาต์ออกจากที่ประชุม

ก็เป็นอีกปรากฏการณ์หนึ่ง หรือเป็นผลอีกอย่างหนึ่ง อันเกิดจากระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญระบบรัฐสภาขับเคลื่อนโดยพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล พวกเขาทั้งหลายมีความเห็นผิดอย่างร้ายต่อชาติและต่อประชาชน ด้วยเหตุผลอย่างจริงจังและถูกต้องดังต่อนี้

พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองฝ่ายซ้ายที่เอนเอียงไปทางระบบประธานาธิบดี โดยพรรคนี้ได้สืบทอดที่ยึดเอาลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญจากคณะราษฎร คือลัทธิความเชื่อและยึดมั่นถือมั่นเพียงรูปธรรมและวิธีการทางการเมือง ซึ่งเป็นความเห็นผิดอย่างร้ายต่อชาติและประชาชนได้แก่

1. พวกเขาเชื่อว่ากฎหมายรัฐธรรมนูญคือระบอบประชาธิปไตย

แต่แท้ที่จริง ความถูกต้องมันเป็นเพียงวิธีการปกครองหรือเป็นเครื่องของรัฐบาล ไม่สามารถเป็นหลักการปกครองได้ หรือเป็นระบอบการเมืองที่แท้จริงได้ หรือเป็นจุดหมายร่วมของประชาชนได้ ฯลฯ มันจึงเป็นความเห็นผิดร้ายแรงต่อชาติและประชาชน ขอให้เข้าใจง่ายๆ ดังนี้

ระบอบหรือหลักการปกครองคือจุดหมายร่วมของปวงชนหรือเป็นเอกภาพของปวงชนส่วนกฎหมายรัฐธรรมนูญคือวิธีการไปสู่จุดหมายอันแตกต่างหลากหลาย หลายหมวด หลายมาตรา อุปมา ระบอบคือ วัดพระแก้ว ส่วนกฎหมายรัฐธรรมนูญคือ วิธีการไปวัดพระแก้ว หรือตามกฎธรรมชาติที่ว่า

1) สัมพันธภาพระหว่างเอกภาพกับความแตกต่างหลากหลาย เอกภาพคือหลักการปกครองหรือระบอบฯ อุปมา วัดพระแก้ว ส่วนวิธีการคือ กฎหมายรัฐธรรมนูญ ต้องมุ่งตรงต่อหลักการปกครองหรือระบอบ อุป วิธีการไปวัดพระแก้วอันหลากหลายเช่น เดิน วิ่ง ขี่จักรยาน รถยนต์ เป็นต้น หรือดังเช่นหมวดและมาตราต่างๆ

2) สัมพันธภาพระหว่างลักษณะแผ่กระจาย หรือลักษณะโอกาสก่อน กับลักษณะมุ่งตรงต่อองค์เอภาพ หรือเข้าหาศูนย์กลาง หรือขึ้นหลักการปกครองอันเป็นศูนย์กลางของวิธีการ

3) ด้วยกฎทั้งข้อ 1) และ 2) จึงเป็นเหตุปัจจัยก่อให้ เกิดดุลยภาพในภาพรวมมันก็คือลักษณะพระธรรมจักร นั่นเอง ดังรูป

นี่คือ สัมพันธภาพที่ถูกต้องตลอดกาล ถูกต้องตลอดเวลาในทางการเมืองธรรมาธิปไตย เป็นหนึ่งเดียวกับสัมพันธภาพตามกฎธรรมชาติ เช่น

ดวงอาทิตย์ ย่อมเป็นเอกภาพของดาวเคราะห์

พระรัตนตรัย ย่อมเป็นเอกภาพของชาวพุทธ

ชาติ ย่อมเป็นเอกภาพของปวงชนในชาติ

พระมหากษัตริย์ ย่อมเป็นเอกภาพของพสกนิกร

วัดพระแก้ว โรงพยาบาลฯ มหาวิทยาลัยฯ ย่อมเป็นเอกภาพของผู้เข้าไปใช้บริการ ฉันใด

หลักการปกครองธรรมาธิปไตย ย่อมเป็นเอกภาพของปวงชน และกฎหมายรัฐธรรมนูญ ฉันนั้น

ส่วนลักษณะสัมพันธภาพที่ผิดตลอดกาล ก็คือ พวกลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญ มันเอาวิธีการ หรือกฎหมายรัฐธรรมนูญมาเป็นหลักการหรือมาเป็นเอกภาพหรือศูนย์กลางของการปกครอง ซึ่งในความเป็นจริงวิธีการเป็นจุดหมาย ไม่ได้ เป็นเอกภาพไม่ได้ ดังนั้นใครขึ้นมาเป็นรัฐบาล ก็จะกลายเป็นเอกภาพของกฎหมายรัฐธรรมนูญ ดังนั้น กฎหมายรัฐธรรมนูญ จึงเป็นวิธีการของรัฐบาลเพียงหยิบมือเดียวมันจึงเป็นเผด็จการอย่างแยบคายนักแล้วเอาการเลือกตั้งบังหน้า

ดังนั้น การเมืองก็กลายเป็นของนักการเมือง ส่วนวิธีการปกครองคือกฎหมายรัฐธรรมนูญก็กลายเป็นวิธีการเพื่อนักการเมือง

ดังนั้น เราจะเห็นรูปธรรม การรวมศูนย์อำนาจ การปกครองไว้ที่นักการเมือง วันดีคืนดีพวกเขาแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญเอาหมวดพระมหากษัตริย์ออก เพราะคนไทยไม่สนใจที่จะเรียนรู้การเมืองและรักในหลวงโดยไม่สนใจการเมือง ก็จะต้องพ่ายแพ้พวกอมนุษย์ในพรรคเพื่อไทย

เราจึงเห็นพวกเขากดขี่บังคับด้วยกฎหมาย ขูดรีดด้วยการกู้ และขึ้นภาษีและสินค้า แล้วปล้นชาติ เพื่อนักการเมืองเพียงหยิบมือเดียวเท่านั้น พวกเราฝ่ายก้าวหน้าจึงเห็นภาพลักษณะ “อัปรีย์ไป จัญไรมา” หมุนเวียนกันปล้นชาติ

2.พวกเขาเชื่อว่าระบบรัฐสภา คือระบอบประชาธิปไตย

ในความเป็นจริง ระบบรัฐสภาเป็นรูปการปกครองชนิดหนึ่งในหลายๆ รูปการปกครอง เป็นสถาบันองค์กรแห่งการใช้อำนาจอธิปไตย (ถ้าเป็นระบอบประชาธิปไตย อำนาจอธิปไตยก็เป็นของปวงชน หากเป็นระบอบเผด็จการ อำนาจอธิปไตยก็เป็นของพรรคการเมืองผู้ปกครองเพียงหยิบมือเดียว)

3. พวกเขาเชื่อว่าการเลือกตั้ง คือระบอบประชาธิปไตย

การเลือกตั้ง มันไม่ได้แสดงว่าเป็นระบอบประชาธิปไตยเสมอไป ผู้แทนในระบอบเผด็จการก็มีมากมาย เช่นการเลือกตั้งผู้แทนในประเทศเผด็จการทุกชนิด อย่างในอดีตเช่น ฮิตเลอร์, ซัดดัม ก็มาจากการเลือกตั้ง เป็นต้น

ความถูกต้อง คือการเลือกตั้งเป็นเพียงวิธีการหนึ่งในหลายๆ วิธี ในการคัดสรรคนเข้าสู่ความเป็นแทนของนักการเมือง เมื่อระบอบเป็นเผด็จการ การเลือกตั้งก็เป็นการเลือกตั้งเผด็จการ คือซื้อเอา บังคับให้ประชาชนไปเลือกตั้งทุกระดับ ไม่ใช่การเลือกตั้งแบบประชาธิปไตยคือ ฟรีโหวต (Free Vote) และ วันแมน วันโหวต (One man, One vote)

การเลือกตั้งเขตเดียว เลือกผู้แทนเดียว อันตรายมากๆ ประชาชนในระบอบเผด็จการยังไม่ตื่นตัว จะเลือกกี่ครั้งๆ คนที่ได้ก็จะเป็นพรรคนายทุน เพราะเขาซื้อเสียงประชาชนเข้าสภาฯ ประชาชนยังไม่รู้เจตจำนงของตนเอง เพราะไม่มีใครสอน 81 ปี ยังไม่เคยมีรัฐบาลไหนสอนให้มีความรู้ความเข้าใจการเลือกตั้ง สอนว่าให้เลือกคนดีเข้าสภาฯ ประชาชนเลยเข้าใจว่าคนแจกเงินซื้อเสียงคือคนดี ดุจดัง “เสือหลอกให้วัวเลือกเสือเป็นจ่าฝูง” เสือมันก็กินวัวทุกวัน โดยทั้งกดขี่ด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่นๆ ขูดรีด โดยขึ้นภาษี ขึ้นสินค้าทุกชนิด และกู้มาบริหารประเทศ และการคอร์รัปชันอันใหญ่โตและกว้างใหญ่ไพศาลทั่วทุกองค์กรของรัฐ “มีงบประมาณที่ไหนมีการคอร์รัปชันที่นั่น”

ดังนั้น ในความถูกต้องที่สุดการมีผู้แทนตามเจตจำนงของประชาชน หรือการมีผู้แทนโดยสัจธรรม ประชาชนคนคนหนึ่ง จะมีผู้แทนอยู่ 2 คน 2 ลักษณะ

1) ผู้แทนประชาชนคนแรกคือผู้แทนในพื้นที่ที่ตนเกิด เช่น หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ ในเขตเลือกตั้งนั้น เรียกว่า ผู้แทนทั่วไป หรือ เรียกว่า ส.ส.เมื่อประชาชนเข้าใจการเมืองของตนเองดี ในเขตไหนมีกรรมกรมาก ก็จะได้ ส.ส.กรรมกร เป็นผู้แทน ผู้แทนพรรคนายทุนก็หายไป เขตไหนมีชาวนา ชาวสวน เกษตรกรจำนวนมาก ก็จะได้ ส.ส. เกษตรกร เป็นผู้แทน เป็นต้น

แต่ในปัจจุบัน ส.ส.ซื้อเสียงเข้าสภาฯ ก็จะได้แต่ตัวแทนนายทุนที่มีเงิน มาก เมื่อประชาชนยังไม่รู้การเมือง ยังขาดจิตสำนึกทางการเมืองเพราะความไม่รู้ พวกเขาจึงรับเงิน 1,000-2,000 บาท แล้วเข้าใจว่าผู้ที่ซื้อเสียงคือคนดี จึงเลือกผู้ซื้อเสียงเข้าสภาไม่กว่า 80% ของ ส.ส.ทั้งหมด

2) ผู้แทนประชาชนคนที่สอง คือผู้แทนอาชีพ เพราะประชาชนทุกคนมีอาชีพ ดังนั้นจึงต้องมีผู้แทนอาชีพเพื่อดูแล คุ้มครองปกป้องผลประโยชน์ของอาชีพนั้นๆ ผู้แทนอาชีพแต่ละอาชีพนี้จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเป็นผู้ชำนาญการในสาขาอาชีพนั้นๆ หากผู้แทนสาขาอาชีพ หรือ ส.ว. มาจากการเลือกตั้งในระบอบเผด็จการก็จะได้แต่ผู้แทนพรรค หรือผู้แทนนายทุนธุรกิจการเมืองเท่านั้น

ดังนั้นพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคนายทุน เป็นพรรคเสือ สิงห์ กระทิง แรด (ชัดเจนมาก) เป็นพรรคอบายภูมิ (อสุรกาย เปรต สัตว์นรก เดรัจฉาน) เขาจึงต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อที่จะได้ ส.ว.เป็นผู้แทนนายทุน ทำหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของทักษิณและพวก เพื่อกินรวบประเทศไทย มันเป็นการทำลายเจตจำนงของประชาชนและทำลายประชาชนแต่ประชาชน ปัญญาชน สื่อ ยังหลงอยู่ ไม่เข้าใจในเรื่องนี้ จึงมีการต่อต้านน้อย พรรคเพื่อไทยนายทุนและพรรคอื่นที่ยอมรับระบอบเผด็จการนี้ พวกมันจึงปู้ยี่ปู้ยำประเทศชาติและประชาชนให้เป็นทาสทางการเมืองต่อไปได้

ผู้แทนประชาชนทั้งสองลักษณะนี้เป็นเป็นสัจธรรม เป็นเจตจำนงของประชาชนอย่างแท้จริง สื่อต่างๆ ที่อ่านแล้วช่วยๆ กันให้ความรู้แก่ประชาชนด้วยเถิด

ท่านทั้งหลายจึงเห็นชัดว่า พรรคเพื่อไทยมันกำลังทำลายชาติ ทำลายประชาชน และกำลังวางแผนทำลายองค์กรอิสระต่างๆ และศาล เพื่อประโยชน์ของพรรคเพื่อไทยโดยฝ่ายเดียว จงตื่นขึ้นช่วยกันคัดค้านเถิด

4. พวกเผด็จการรัฐธรรมนูญยังเข้าใจผิดๆ และสอนผิดๆ บัญญัติไว้รัฐธรรมนูญผิดๆ ว่า “การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” การเขียน การพูดอย่างนี้ เป็นการลิดรอนทำลายพระบรมเดชานุภาพ และกดพระบรมเดชานุภาพแห่งองค์พระมหากษัตริย์ให้ต่ำลงจากทรงเป็นประมุขแห่งรัฐ ให้กลายเป็นประมุขระบอบเผด็จการ ลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญนี้ มันทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างแยบยลนัก มาตั้งแต่แรกเริ่มปี 2475 แล้ว

นี่แหละ เราจะร่วมกันต่อสู้อย่างไร มีทางเดียวคือให้ความรู้ทางการเมืองที่ถูกต้องต่อประชาชน เริ่มที่แกนนำทุกสาขาอาชีพ
กำลังโหลดความคิดเห็น