xs
xsm
sm
md
lg

สภาแก้ปัญหา ปชช.ไม่ได้ : สัจธรรมที่ปรากฏแล้ว

เผยแพร่:   โดย: สามารถ มังสัง

ในขณะที่ประชาชนเดือดร้อน เนื่องจากข้าวของแพงและกระทบการดำเนินชีวิตของผู้คนผู้ที่มีรายได้น้อย ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่อยู่ในภาคเกษตรกรรม และผู้ใช้แรงงานในภาคอุตสาหกรรม

รัฐสภาไทยกำลังวุ่นอยู่กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และออกกฎหมายนิรโทษกรรม เพื่อปลดปล่อยผู้ที่กระทำผิดกฎหมายให้พ้นผิด และกฎหมายกู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท อันเป็นกฎหมายที่เปิดทางให้รัฐบาลก่อหนี้ และผลักภาระให้ลูกหลานในอนาคตต้องใช้หนี้ถึง 50 ปี

แต่ที่แย่ไปกว่านี้ก็คือ ภาพลักษณ์ของ ส.ส.ในที่ประชุมสภาฯ ที่แสดงอากัปกิริยาในการด่า แต่การเรียกว่าท่านผู้ทรงเกียรติมีทั้งพูดจาด้วยวจีทุจริตคือหยาบคาย โกหก และเพ้อเจ้อจนฟังแล้วรู้สึกอับอาบขายหน้าชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นประเทศแม่แบบในการปกครองในระบอบประชาธิปไตย เช่น อังกฤษ เป็นต้น

อะไรคือมูลเหตุให้ ส.ส.ซึ่งล้วนแล้วแต่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนด้วยการลงคะแนนเลือกเข้ามา และมีสถานภาพทางสังคมในฐานะเป็นตัวแทนประชาชน เพื่อปกป้องดูแลผลประโยชน์ของประชาชนโดยรวม แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น แต่พฤติตนเป็นคนรับใช้นายทุนพรรคการเมือง ทำทุกอย่างตามใบสั่ง ขาดจริยธรรม และสำนึกในการเป็นผู้แทนที่ดี

เพื่อให้ท่านผู้อ่านมองเห็นประเด็นแห่งปัญหาดังกล่าวข้างต้น ผู้เขียนใคร่ขอให้ท่านผู้อ่านลองย้อนไปดูความเป็นมาของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2475 มาจนถึงปัจจุบัน จะพบว่าการปกครองของประเทศไทยไม่เคยเป็นประชาธิปไตยตามนัยที่ถูกต้องสมบูรณ์ดังเยี่ยงที่เป็นอยู่ในประเทศที่ปกครองด้วยระบบนี้ เช่น ประเทศอังกฤษ และเยอรมนี เป็นต้น ทั้งนี้ด้วยเหตุปัจจัยในเชิงตรรกะดังต่อไปนี้

1. การปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่ถูกต้องสมบูรณ์ ถ้าจะเปรียบกับหลักธรรมในพระพุทธศาสนาแล้วก็คือ โลกาธิปไตย คือยึดเสียงข้างมาก แต่เสียงข้างมากนั้นจะต้องมีคุณธรรมกำกับการใช้อำนาจที่ได้รับมอบจากประชาชนผ่านการเลือกตั้ง

ด้วยนัยแห่งประชาธิปไตยดังกล่าวข้างต้น อาจแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วนคือ

1.1 รูปแบบหรือ Form จะต้องมีการเลือกตั้งจากประชาชน แต่การเลือกตั้งจะต้องมีระบบควบคุมให้เกิดความโปร่งใสเป็นที่ยอมรับของประชาชน

แต่การเลือกตั้ง ส.ส.ของไทยเกือบทุกครั้งจะต้องมีข่าวการซื้อเสียง การใช้อำนาจรัฐเข้าไปเกื้อหนุนฝ่ายที่มีอำนาจในการปกครอง ในขณะเลือกตั้งอันถือได้ว่าไม่โปร่งใส และไม่อยู่ในข่ายที่เรียกได้ว่าเป็นการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยที่ถูกต้องสมบูรณ์

ดังนั้น เมื่อเข้ามาทำหน้าที่ในด้านนิติบัญญัติ หรือบริหารก็จะมีการแสวงหาประโยชน์เพื่อการถอนทุน และสะสมทุนไว้เพื่อการเลือกตั้งครั้งต่อไป

1.2 เนื้อหา หรือ Being ถ้าจะให้เป็นประชาธิปไตยที่ถูกต้องสมบูรณ์แล้ว ผู้ที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามามีความอิสระในการตัดสินใจ โดยยึดผลประโยชน์ของประเทศอันเป็นส่วนรวม และถึงแม้ว่าในบางครั้งการตัดสินใจเช่นนี้จะทำให้ตนเอง หรือแม้กระทั่งพรรคที่ตนเองสังกัดอยู่ หรือพูดให้ตรงประเด็นคือ นายทุนของพรรคจะเสียประโยชน์บ้าง ก็ต้องเสียสละเพื่อความอยู่รอดของประเทศ

แต่เท่าที่เป็นมาแล้วและกำลังเป็นอยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ภายใต้การบงการของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร มิได้เป็นไปในทิศทางที่ถูกต้องเท่าที่ควรจะเป็น แต่กลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม คือใช้เสียงข้างมากลากไปเพื่อสนองความต้องการของคนคนเดียวหรือกลุ่มเดียว ซึ่งเป็นนายทุนพรรคการเมือง จะเห็นได้จากการพยายามแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญ และการออกกฎหมายนิรโทษกรรมโดยไม่ฟังเสียงคัดค้านท้วงติงของฝ่ายค้าน ซึ่งเป็นเสียงส่วนน้อยในสภาฯ หรือแม้กระทั่งเสียงคัดค้านของประชาชนอันเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริงแต่อย่างใด

2. การที่นักการเมืองไทยมีพฤติกรรมทางการเมือง และพฤติกรรมส่วนบุคคลขัดต่อหลักจริยธรรมที่นักการเมืองควรจะเป็นในฐานะเป็นบุคคลสาธารณะ ดังที่ปรากฏในที่ประชุมสภาฯ หรือในวาระอื่นซึ่งไม่เกี่ยวกับภารกิจทางการเช่นแสดงออกบนเครื่องบิน หรือในที่ชุมชนในลักษณะแสดงอาการกร่างบ้าอำนาจนั้น เชื่อได้ว่าเป็นผลมาจากการขาดจิตสำนึกในการเป็นผู้แทนปวงชนทั้งสิ้น

จากนัยแห่งเหตุปัจจัย 2 ประการดังกล่าวนี้ จึงคาดหวังให้นักการเมืองที่มีพฤติกรรมเยี่ยงนี้มาเป็นกลไกในการแก้ปัญหาให้ประเทศอันเป็นส่วนรวม ไม่ว่าจะด้วยการทำหน้าที่ทางด้านนิติบัญญัติในการร่างกฎหมาย เพื่อเป็นเครื่องมือในการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ หรือเป็นเครื่องมือในการพัฒนาประเทศคาดหวังได้ยาก ไม่ต้องพูดถึงการได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาล ซึ่งมีอำนาจเต็มรูปแบบจะทำตนรับใช้ประชาชนเพื่อปกป้องราคาสินค้า หรือแสวงหาผลประโยชน์อื่นใดให้แก่ประเทศอันเป็นส่วมรวม เช่น ช่วยกันหาตลาดเพื่อส่งออกนำรายได้เข้าประเทศให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อลดการขาดดุลการค้าที่มีอยู่มากมายในขณะนี้ เป็นต้น

ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า การเมืองในระบอบรัฐสภาที่ประกอบด้วยนักการเมืองที่ทำเพื่อตนเอง และนายทุนพรรค ดังที่รัฐบาลภายใต้การนำของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำอยู่ไม่มีทางแก้ปัญหาโดยรวมได้แน่นอน

ทางเดียวที่จะทำได้คือประชาชนคนไทยต้องออกมาแสดงพลังกดดันให้รัฐบาลเปลี่ยนพฤติกรรม หรือถ้าไม่ก็ไล่ให้พ้นตำแหน่งไปแล้วเริ่มต้นแก้ไขระบบการเมืองเสียใหม่ ด้วยการปฏิรูปประเทศโดยประชาชนเท่านั้นจึงจะแก้ปัญหาได้ อย่าให้นักการเมืองปฏิรูป เพราะไม่มีนักการเมืองคนไหนยอมเสียประโยชน์เพื่อคนส่วนใหญ่.
กำลังโหลดความคิดเห็น