ASTVผู้จัดการรายวัน- กกร.ห่วงเศรษฐกิจไทยถดถอยแนะรัฐบาลให้กระตุ้นแรงซื้อและเร่งผลักดันส่งออกเพิ่มขึ้น เล็งถกพาณิชย์เสนอแนวทางผลักดัน 20 อุตสาหกรรมส่งออกเพิ่ม ขณะที่ “พาณิชย์”ส่งสายตรวจพิเศษ 15 สาย ตรวจโรงบรรจุ ร้านค้า และเช็กราคาทุกวัน ส่วนพรรคประชาธิปัตย์จัดหนัก เพื่อไทยหมกตัวเลขเศรษฐกิจ ชูบางตัวเลขสร้างภาพศรษฐกิจขาขึ้นแหกตาชาวบ้าน
นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยในฐานะทำหน้าที่ประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) เปิดเผยหลังการประชุมกกร. ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงค่าครองชีพของประชาชนที่อาจจะสูงขึ้นจากค่าไฟ ค่าก๊าซหุงต้มค่าทางด่วนที่ปรับตัวในระยะนี้ดังนั้นสิ่งที่รัฐควรจะดำเนินการคือการกระตุ้นการส่งออกที่มีการชะลอตัวลงโดยกกร.จะตั้งคณะทำงานเพื่อที่จะมาดูมาตรการผลักดันการส่งออกให้เพิ่มขึ้น
"เราก็เป็นห่วงเศรษฐกิจที่อาจถดถอย ก็จะกลับไปหารือถึงแนวทางการผลักดันส่งออกโดยจะเน้นสินค้าหลักๆ20 รายการเพื่อที่จะนำไปหารือร่วมกับกระทรวงพาณิชย์โดยคาดว่า 2-3 สัปดาห์น่าจะพอทราบแนวทางได้" นายอิสระกล่าว
อย่างไรก็ตามยอมรับว่าราคาสินค้าภาคเกษตรตลาดโลกทั้งยางพารา น้ำตาลทราย ข้าว มันสำปะหลัง ราคาตกต่ำไทยคงจะทำอะไรไม่ได้มาก แต่หากดูการส่งออกข้าวของไทยที่อาจจะลดต่ำลงไปถึง 10-20%รัฐบาลควรจะเร่งระบายข้าวเพื่อให้การส่งออกเพิ่มขึ้น ส่วนหลายฝ่ายกังวลเรื่องราคาสินค้าครึ่งปีหลังอาจสูงขึ้นจากต้นทุนที่เพิ่มทั้งค่าไฟ ก๊าซฯ น้ำมันและค่าเงินบาทที่อ่อนค่าที่จะกระทบการนำเข้าวัตถุดิบภาพรวมคงจะกระทบไม่มากเพราะทุกตลาดมีการแข่งขันที่สูงอยู่แล้วจึงต้องการให้รัฐมองเรื่องการสร้างแรงซื้อในประเทศจะดีกว่า
***“พาณิชย์”ส่งสายตรวจพิเศษ 15 สาย ตรวจโรงบรรจุ
นายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการตรวจสอบโรงบรรจุก๊าซหุงต้มก๊าซหุงต้ม ณ โรงบรรจุธนศิริค้าแก๊ส ถ.รัตนาธิเบศร์ ว่า ได้สั่งการให้กรมการค้าภายใน จัดส่งสายตรวจพิเศษจำนวน 15 สาย โดยเป็นสายตรวจพิเศษเพื่อตรวจสอบปริมาณการบรรจุที่โรงบรรจุและร้านค้าก๊าซหุงต้มและตรวจสอบข้อร้องเรียนต่างๆ ตามที่มีการร้องเรียนจำนวน 6 สาย และสายตรวจพิเศษเพื่อตรวจสอบสถานการณ์และการปิดป้ายแสดงราคาจำนวน 9 สาย เป็นประจำทุกวัน ตลอดระยะเวลา 1 ปี ที่ก๊าซหุงต้มบรรจุถังจะมีการปรับราคาทุกเดือน
ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นการฉวยโอกาสขึ้นราคาหรือการกระทำผิด สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานค้าภายในจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งจะจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายทันที โดยหากโรงบรรจุและร้านค้าก๊าซหุงต้มบรรจุก๊าซหุงต้มปริมาณไม่ครบจำนวน จะมีความผิดตามกฎหมาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่หากพบว่ามีการฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสูงเกินควร จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
***"ณัฏฐ์" จัดหนัก เพื่อไทย หมกตัวเลขเศรษฐกิจ
นายณัฎฐ์ บรรทัดฐาน รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย แสดงตัวเลขการส่งออกว่าเศรษฐกิจดีขึ้นว่า เป็นการให้ข้อมูลเพียงส่วนเดียวเท่านั้น เพราะมีการยกตัวอย่างเฉพาะตัวเลขอิเล็กทรอนิกส์ ที่โตขึ้นร้อยละ 0.8 แล้วนำมาอ้างว่าภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศกำลังปรับตัวขาขึ้น ทั้งที่ความจริงในการดูตัวเลขเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเลขเศรษฐกิจดีขึ้น หรือลดลงนั้น จะต้องดูจากหลายๆ ส่วน ไม่ใช่แค่การส่งออกเพียงอย่างเดียว อีกทั้งตัวเลขที่นำมาอ้างอิงนั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่ถ้าไปดูสินค้าส่งออกประเภทอื่น เช่น ข้าว มีมูลค่าการส่งออกต่ำกว่าเป้าที่คาดการณ์ไว้ สะท้อนข้อเท็จจริงอีกประการหนึ่ง
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นจากปี 2555 จาก ร้อยละ5.7 มาถึงปี 2556 ขึ้นเป็น ร้อยละ12 อีกทั้งดัชนีราคาสินค้าผู้บริโภคที่มีการขึ้นราคาแก๊ส ทางด่วน ไฟฟ้า ปรับราคา ในขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจอีกหลายตัวลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเมื่อดูตั้งแต่ปี 54-56 จะพบว่าลดลงมาอย่างต่อเนื่อง คือ ปี 55 อยู่ที่ร้อยละ 6.5 แต่ในปี 56 อยู่ที่ร้อยละ 2 กว่าเท่านั้น เพราะฉะนั้นตัวเลขทั้งหมด สะท้อนว่าการอ้างตัวเลขการส่งออกแต่เพียงอย่างเดียวในบางหมวดสินค้าเท่านั้นไม่สามารถตอบได้ว่าศรษฐกิจดีหรือเลวลงอย่างไร ดังนั้นทิศทางการนำเสนอข้อมูลของพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลควรให้ข้อมูลที่ครบทุกด้าน ไม่ใช่อ้างเอาเฉพาะตัวเลขบางหมวดสินค้าบางรายการมาสะท้อนภาพรวมทั้งหมดไม่ได้
นายณัฏฐ์ ยังได้นำสถิติตัวเลขการส่งออกและนำเข้าสินค้าของปี55-56 มาแสดงต่อสื่อมวลชน โดยพบว่า แม้การส่งออกจะมากขึ้นแต่ภาพรวมสินค้านำเข้าอยู่ในปริมาณที่สูงอยู่ เมื่อเทียบดุลการค้า ไทยก็ยังขาดดุลการค้าอย่างต่อเนื่อง ในปี 56 ไตรมาสที่ 2 ขาดดุลการค้า เม.ย.- มิ.ย. ขาดดุลถึง 8 พันกว่าล้านบาท ดังนั้นการอ้่างอิงตัวเลขเพื่อรายงานต่อสาธารณะต้องครบทุกด้าน อย่านำตัวเลขใดตัวหนึ่งมารายงาน
นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยในฐานะทำหน้าที่ประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) เปิดเผยหลังการประชุมกกร. ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงค่าครองชีพของประชาชนที่อาจจะสูงขึ้นจากค่าไฟ ค่าก๊าซหุงต้มค่าทางด่วนที่ปรับตัวในระยะนี้ดังนั้นสิ่งที่รัฐควรจะดำเนินการคือการกระตุ้นการส่งออกที่มีการชะลอตัวลงโดยกกร.จะตั้งคณะทำงานเพื่อที่จะมาดูมาตรการผลักดันการส่งออกให้เพิ่มขึ้น
"เราก็เป็นห่วงเศรษฐกิจที่อาจถดถอย ก็จะกลับไปหารือถึงแนวทางการผลักดันส่งออกโดยจะเน้นสินค้าหลักๆ20 รายการเพื่อที่จะนำไปหารือร่วมกับกระทรวงพาณิชย์โดยคาดว่า 2-3 สัปดาห์น่าจะพอทราบแนวทางได้" นายอิสระกล่าว
อย่างไรก็ตามยอมรับว่าราคาสินค้าภาคเกษตรตลาดโลกทั้งยางพารา น้ำตาลทราย ข้าว มันสำปะหลัง ราคาตกต่ำไทยคงจะทำอะไรไม่ได้มาก แต่หากดูการส่งออกข้าวของไทยที่อาจจะลดต่ำลงไปถึง 10-20%รัฐบาลควรจะเร่งระบายข้าวเพื่อให้การส่งออกเพิ่มขึ้น ส่วนหลายฝ่ายกังวลเรื่องราคาสินค้าครึ่งปีหลังอาจสูงขึ้นจากต้นทุนที่เพิ่มทั้งค่าไฟ ก๊าซฯ น้ำมันและค่าเงินบาทที่อ่อนค่าที่จะกระทบการนำเข้าวัตถุดิบภาพรวมคงจะกระทบไม่มากเพราะทุกตลาดมีการแข่งขันที่สูงอยู่แล้วจึงต้องการให้รัฐมองเรื่องการสร้างแรงซื้อในประเทศจะดีกว่า
***“พาณิชย์”ส่งสายตรวจพิเศษ 15 สาย ตรวจโรงบรรจุ
นายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการตรวจสอบโรงบรรจุก๊าซหุงต้มก๊าซหุงต้ม ณ โรงบรรจุธนศิริค้าแก๊ส ถ.รัตนาธิเบศร์ ว่า ได้สั่งการให้กรมการค้าภายใน จัดส่งสายตรวจพิเศษจำนวน 15 สาย โดยเป็นสายตรวจพิเศษเพื่อตรวจสอบปริมาณการบรรจุที่โรงบรรจุและร้านค้าก๊าซหุงต้มและตรวจสอบข้อร้องเรียนต่างๆ ตามที่มีการร้องเรียนจำนวน 6 สาย และสายตรวจพิเศษเพื่อตรวจสอบสถานการณ์และการปิดป้ายแสดงราคาจำนวน 9 สาย เป็นประจำทุกวัน ตลอดระยะเวลา 1 ปี ที่ก๊าซหุงต้มบรรจุถังจะมีการปรับราคาทุกเดือน
ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นการฉวยโอกาสขึ้นราคาหรือการกระทำผิด สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานค้าภายในจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งจะจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายทันที โดยหากโรงบรรจุและร้านค้าก๊าซหุงต้มบรรจุก๊าซหุงต้มปริมาณไม่ครบจำนวน จะมีความผิดตามกฎหมาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่หากพบว่ามีการฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสูงเกินควร จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
***"ณัฏฐ์" จัดหนัก เพื่อไทย หมกตัวเลขเศรษฐกิจ
นายณัฎฐ์ บรรทัดฐาน รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย แสดงตัวเลขการส่งออกว่าเศรษฐกิจดีขึ้นว่า เป็นการให้ข้อมูลเพียงส่วนเดียวเท่านั้น เพราะมีการยกตัวอย่างเฉพาะตัวเลขอิเล็กทรอนิกส์ ที่โตขึ้นร้อยละ 0.8 แล้วนำมาอ้างว่าภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศกำลังปรับตัวขาขึ้น ทั้งที่ความจริงในการดูตัวเลขเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเลขเศรษฐกิจดีขึ้น หรือลดลงนั้น จะต้องดูจากหลายๆ ส่วน ไม่ใช่แค่การส่งออกเพียงอย่างเดียว อีกทั้งตัวเลขที่นำมาอ้างอิงนั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่ถ้าไปดูสินค้าส่งออกประเภทอื่น เช่น ข้าว มีมูลค่าการส่งออกต่ำกว่าเป้าที่คาดการณ์ไว้ สะท้อนข้อเท็จจริงอีกประการหนึ่ง
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นจากปี 2555 จาก ร้อยละ5.7 มาถึงปี 2556 ขึ้นเป็น ร้อยละ12 อีกทั้งดัชนีราคาสินค้าผู้บริโภคที่มีการขึ้นราคาแก๊ส ทางด่วน ไฟฟ้า ปรับราคา ในขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจอีกหลายตัวลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเมื่อดูตั้งแต่ปี 54-56 จะพบว่าลดลงมาอย่างต่อเนื่อง คือ ปี 55 อยู่ที่ร้อยละ 6.5 แต่ในปี 56 อยู่ที่ร้อยละ 2 กว่าเท่านั้น เพราะฉะนั้นตัวเลขทั้งหมด สะท้อนว่าการอ้างตัวเลขการส่งออกแต่เพียงอย่างเดียวในบางหมวดสินค้าเท่านั้นไม่สามารถตอบได้ว่าศรษฐกิจดีหรือเลวลงอย่างไร ดังนั้นทิศทางการนำเสนอข้อมูลของพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลควรให้ข้อมูลที่ครบทุกด้าน ไม่ใช่อ้างเอาเฉพาะตัวเลขบางหมวดสินค้าบางรายการมาสะท้อนภาพรวมทั้งหมดไม่ได้
นายณัฏฐ์ ยังได้นำสถิติตัวเลขการส่งออกและนำเข้าสินค้าของปี55-56 มาแสดงต่อสื่อมวลชน โดยพบว่า แม้การส่งออกจะมากขึ้นแต่ภาพรวมสินค้านำเข้าอยู่ในปริมาณที่สูงอยู่ เมื่อเทียบดุลการค้า ไทยก็ยังขาดดุลการค้าอย่างต่อเนื่อง ในปี 56 ไตรมาสที่ 2 ขาดดุลการค้า เม.ย.- มิ.ย. ขาดดุลถึง 8 พันกว่าล้านบาท ดังนั้นการอ้่างอิงตัวเลขเพื่อรายงานต่อสาธารณะต้องครบทุกด้าน อย่านำตัวเลขใดตัวหนึ่งมารายงาน