สมาพันธุ์อุตสาหกรรมอังกฤษปรับเพิ่มการคาดการณ์ขยายตัวของเศรษฐกิจอังกฤษเป็น 1.2% จากระดับ 1.0% ที่คาดการณ์ไว้ในเดือน พ.ค. เนื่องจากสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่ง โดยดัชนีภาคบริการ การผลิต และการก่อสร้างปรับตัวขึ้นทั้งหมดในเดือนที่แล้ว ในขณะที่ยอดขอสวัสดิการว่างงานลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ถึงเท่าตัว
ยอดค้าปลีกรัสเซียในเดือน ก.ค. ขยายตัวเพิ่มขึ้นที่ระดับ 4.3% จากการขยายตัวที่ 3.5% ในเดือน มิ.ย. สูงกว่าคาดการณ์ที่ว่าจะขยายตัว 3.7% ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราเงินเฟ้อของรัสเซียที่ลดลงมาอยู่ที่ 6.5% ในเดือน ก.ค. จากระดับ 6.9% ในเดือนก่อนหน้า และอัตราการว่างงานของรัสเซียในเดือน ก.ค. ที่ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 5.5% จากระดับ 5.3% ในเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้ผลสำรวจของ Sberbank Investment Research ระบุว่าเงินเฟ้อเป็นปัจจัยที่คนรัสเซียให้ความสำคัญมากยิ่งกว่าการทุจริตคอร์รัปชั่นและการว่างงานด้วย
ก.คลังญี่ปุ่นเปิดเผยยอดขาดดุลการค้าในเดือน ก.ค. ที่ระดับ 1.02 ล้านล้านเยนผลักดันโดยยอดการส่งออกที่ขยายตัว 12.2% จากกลุ่มยานยนต์และกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศซึ่งได้รับประโยชน์จากค่าเงินเยนที่อ่อนลง และยอดนำเข้าที่ขยายตัว 19.6% จากราคาต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น
รายงานประเมินตัวเลขเศรษฐกิจจัดทำโดยมหาวิทยาลัยเซียเหมิน ร่วมกับนสพ.อีโคโนมิค อินฟอร์เมชั่น เดลี่ คาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของจีนจะขยายตัว 7.54% ในปี 2556 ซึ่งลดลง 0.26% จากปีก่อน โดยรายงานระบุว่าการสร้างเสถียรภาพให้กับเศรษฐกิจและการส่งเสริมการพัฒนาเขตเมืองจะช่วยหนุนการลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์ ในขณะที่รายได้ของประชาชนในชนบทและในเมืองในที่ขยายตัวช้าจะทำให้ยอดค้าปลีกเติบโตชะลอตัวลง
ดัชนีศักยภาพภาคบริการของนิวซีแลนด์เดือน ก.ค. ปรับขึ้นมาที่ระดับ 58.1 จุด เพิ่มขึ้น 3 จุดจากเดือน มิ.ย. โดยทำสถิติสูงสุดในรอบ 9 เดือน บ่งบอกถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจอยู่ในอัตราที่เร็วขึ้น
การลงทุนทางตรงจากนักลงทุนต่างชาติในพม่า ณ สิ้นเดือน ก.ค. มีมูลค่า 42.98 พันล้านดอลลาร์ โดยจีนลงทุนในสัดส่วนมากที่สุด รองมาด้วยไทย เขตปกครองพิเศษฮ่องกง สหราชอาณาจักร เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และมาเลเซีย ตามลำดับ ในขณะที่อุตสาหกรรมที่มีการลงทุนมากที่สุด ได้แก่ อุตสาหกรรมไฟฟ้า ตามมาด้วยอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ เหมืองแร่ อุตสาหกรรมการผลิต โรงแรมและการท่องเที่ยว และอสังหาริมทรัพย์ ตามลำดับ ทั้งนี้เม็ดเงินลงทุนเป็นผลจากการแก้กฎหมายการลงทุนใหม่ที่อนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนได้โดยตรงหรือร่วมทุนกับบริษัทต่างชาติหรือในประเทศหรือรัฐวิสาหกิจ
เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2 ของปี 2556 ขยายตัวร้อยละ 2.8 จากการขยายตัวร้อยละ 5.4 ในไตรมาสแรก ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 3.3 ทำให้ครึ่งปีแรกขยายตัวที่ 4.1% ทั้งนี้การขยายตัวที่ชะลอลงมีผลจากการส่งออกที่หดตัวจากผลกระทบเศรษฐกิจโลกและการแข็งค่าของเงินบาท รวมถึงการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนที่ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงจากฐานที่สูงในปีก่อน ส่วนภาคอุตสาหกรรมมีการหดตัวลงตามการส่งออก อย่างไรก็ตามภาคการท่องเที่ยวยังคงขยายตัวต่อเนื่องตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ
สภาพัฒน์ปรับลดคาดการณ์อัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในปี 2556 เหลือเติบโต 3.8-4.3% จากเดิมคาดไว้ในช่วง 4.2-5.2% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาด ฐานที่สูง การลดลงของแรงส่งจากมาตรการภาครัฐ แผนลงทุนภาครัฐที่ช้ากว่าคาด รวมถึงความขัดแย้งและเสถียรภาพการเมืองในประเทศ โดยมองว่าการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังจะขึ้นอยู่กับปัจจัยการส่งออกเป็นหลักรวมถึงการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณ
SET Index ปิดที่ 1,398.48 จุด ลดลง 47.28 จุด หรือ -3.27% ด้วยมูลค่าซื้อขาย45,514.07 ล้านบาท โดยดัชนีปรับตัวอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวันตามภูมิภาคเอเชียหลังสภาพัฒน์แถลง GDP ไตรมาสที่ 2 ออกมาต่ำกว่าคาด รวมถึงปรับลดคาดการณ์ GDP จากเดิม 4.2-5.2% ลงเหลือ 3.8-4.3% ประกอบกับความกังวลว่าเฟดอาจตัดสินใจลดวงเงินการซื้อพันธบัตรลงหลังตัวเลขตลาดแรงงานของสหรัฐดีขึ้น ทั้งนี้ประเด็นที่ต้องติดตามคือปัจจัยการเมืองในประเทศ และการประชุม กนง. ในสัปดาห์นี้
ดัชนี JCI ของอินโดนีเซีย ปิดที่ 4,313.52 จุด ลดลง 255.13 จุด หรือ -5.58%ปรับตัวลดลงแรงจากพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ โดยเฉพาะการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในเดือนล่าสุดซึ่งทำระดับขาดดุลสูงสุดในรอบกว่า 13 ปี ส่งผลลบต่อค่าเงินรูเปียะของอินโดนีเซียที่อ่อนค่าที่สุดในรอบกว่า 3 ปีเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเปลี่ยนแปลงในช่วง -0.02% ถึง 0.0 0%สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตร ธปท. 3 รุ่น ได้แก่ รุ่นอายุ 1 เดือน 3 เดือน และ 6 เดือนตามลำดับ รวมมูลค่า 84,000 ล้านบาท
