- ยอดส่งออกเยอรมนีเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 0.6% เนื่องจากประเทศกลุ่มยูโรโซนซึ่งเป็นพันธมิตรการค้ารายใหญ่สุดของเยอรมนีส่งสัญญาณของการฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย
- ก.แรงงานสหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 3 ส.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 333,000 รายจากระดับ 326,000 ในสัปดาห์ก่อนหน้า อย่างไรก็ตามตัวเลขดังกล่าวอยู่ใกล้เคียงระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงเศรษฐกิจสหรัฐถดถอยในปี 2550-2552 และการเพิ่มขึ้นยังน้อยกว่าระดับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 336,000 เช่นกัน
- ประธานธนาคารกลางสหรัฐสาขาคลีฟแลนด์ กล่าวว่า หากตลาดแรงงานยังคงมีการปรับตัวที่แข็งแกร่งเช่นในปัจจุบัน เฟดก็พร้อมที่จะปรับลดขนาดโครงการซื้อพันธบัตร โดยคำกล่าวได้จุดปะทุความวิตกกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับนโยบายกระตุ้นทางการเงินของเฟด หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ประธานเฟดสาขาแอตแลนตาและประธานเฟดสาขาชิคาโก ต่างก็แสดงทัศนะถึงความเป็นไปได้ที่เฟดจะเริ่มชะลอมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณภายในปีนี้
- ธ.กลางสหรัฐ รายงานว่าสินเชื่อผู้บริโภคสหรัฐในเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 5.9% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลงเมื่อเทียบกับอัตรา 7.5% ในเดือนก่อนหน้า ส่วนสินเชื่อหมุนเวียน ลดลง 3.8% ขณะที่สินเชื่อประเภทไม่หมุนเวียน เพิ่มขึ้นในอัตรา 10.0% ทั้งนี้ การใช้จ่ายผู้บริโภค ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว 70% ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งหมดของสหรัฐ เป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันให้เศรษฐกิจประเทศขยายตัว การเพิ่มขึ้นของสินเชื่อผู้บริโภคบ่งชี้ว่าผู้บริโภคมีการกู้ยืมเพื่อใช้จ่ายมากขึ้น
- ส.สถิติแห่งชาติออสเตรเลียรายงานว่า การจ้างงานปรับตัวลดลง 10,200 ตำแหน่งในเดือนก.ค. เนื่องจากอุปสงค์ที่ซบเซาลงทำให้บรรดานายจ้างต้องตัดสินใจลดการจ้างงาน ขณะที่อัตราว่างงานเดือนก.ค.ยืนอยู่ที่ระดับ 5.7%
- ธ.กลางญี่ปุ่น มีมติคงนโยบายผ่อนคลายการเงินพร้อมกับคงการประเมินเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยถึงแม้ว่าดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนมิ.ย.ของญี่ปุ่นปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี 2 เดือน บีโอเจยังคงการประเมินเศรษฐกิจเอาไว้ไม่เปลี่ยนแปลง เนื่องจากการฟื้นตัวของค่าจ้างพื้นฐานยังคงย่ำแย่ แม้ว่าตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเริ่มปรับตัวขึ้นก็ตาม
- โตเกียว โชโกะ รีเสิร์ช เปิดเผยว่า บริษัทล้มละลายในญี่ปุ่นมีจำนวนอยู่ที่ 1,025 แห่งในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 20 ปี โดยขยับลง 1% จากปีก่อนหน้า และลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9
- รัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่ายอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัด 6 เดือนตั้งแต่เดือน ม.ค.-มิ.ย. ขยายตัว 0.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สู่ระดับ 3.2114 ล้านล้านเยน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 5 ปีครึ่ง โดยการปรับตัวขึ้นดังกล่าวได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวของรายได้จากการลงทุนโดยตรง ซึ่งช่วยชดเชยยอดขาดดุลการค้าที่เป็นผลจากการนำเข้าเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น
- สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเผยว่า ญี่ปุ่นมีแนวโน้มไม่บรรลุเป้าหมายในการลดยอดขาดดุลในปีงบประมาณ 2563 แม้จะดำเนินการปรับเพิ่มภาษี และเศรษฐกิจยังมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ทั้งนี้ ทางการญี่ปุ่นได้อนุมัติแผนปฏิรูปการเงินระยะปานกลาง เพื่อลดยอดขาดดุลงบประมาณของญี่ปุ่นเป็นจำนวน 17 ล้านล้านเยนในอีก 2 ปีข้างหน้าเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย อย่างไรก็ตามรัฐบาลยังไม่ได้ลงมติตัดสินใจในเรื่องแผนการปรับเพิ่มภาษี
- สำนักงานคณะรัฐมนตรีของญี่ปุ่นเผยว่า ความเชื่อมั่นทางธุรกิจในกลุ่มประชาชนที่มีตำแหน่งงานที่อ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจ ได้ปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันในเดือน ก.ค. โดยปรับตัวลง 0.7 จุดจากเดือนก่อน มาอยู่ที่ 52.3
- ธ.กลางเกาหลีใต้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 2.5% ในการประชุมวันนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง อันเป็นผลมาจากการใช้มาตรการกระตุ้นทางการเงินและการคลังกระทรวงการค้า อุตสาหกรรมและพลังงานของเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ยอดส่งออกสินค้าไอทีของเกาหลีใต้ยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกัน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 10.1% จากปีก่อนหน้า จากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งด้านเซมิคอนดัคเตอร์และโทรศัพท์มือถือ
- ศุลกากรจีนเปิดเผยว่า ยอดส่งออกของจีนเพิ่มขึ้น 5.1% ในเดือน ก.ค. จากระดับปีที่แล้ว ส่วนการนำเข้าเพิ่มขึ้น 10.9% ส่งผลให้จีนเกินดุลการค้า 1.78 หมื่นล้านดอลลาร์ ทั้งนี้จีนได้นำเข้ายางธรรมชาติจำนวน 1.32 ล้านตันในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2556 ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้น 13.7% จากระดับปีที่แล้ว ในขณะที่ยอดนำเข้ายานยนต์และโครงรถของจีนในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2556 ลดลง 9.7% จากระดับปี 2555 แตะ 638,521 คัน
- SET Index ปิดที่ 1,447.16 จุด เพิ่มขึ้น 17.17 จุด หรือ 1.2% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 38,828.98ล้านบาท โดยการซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,455.08 จุด โดยนักลงทุนคลายความกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมือง และการประกาศงบไตรมาส 2 ของบริษัทจดทะเบียนออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเปลี่ยนแปลงในช่วง -0.04% ถึง 0.00% โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวม 84,027 ล้านบาท สำหรับวันนี้ไม่มีการประมูลพันธบัตร