xs
xsm
sm
md
lg

“ชวนนท์” จวก ปลัด พณ.ติดโรคนายกฯ คิดไปเองว่าแพง ไล่ “ปู” บินช่วยแก้ยางดีกว่าไปอิตาลี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต
โฆษกประชาธิปัตย์ ซัดปลัดพาณิชย์ติดโรคนายกฯ คิดไปเองว่าของแพง ยันอาหารไม่ได้ขึ้นทีละ 7 สตางค์ แฉไทยขาดดุลการค้ามาตลอดสวน “ปู” จ้อบินร่อนโชว์ตัวสร้างประโยชน์การค้า ไล่ไปอินโดฯ มาเลย์ หรือจีน ญี่ปุ่น ถกแก้ยางพารา

วันนี้ (7 ก.ย.) ที่รัฐสภา นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ปัญหาค่าครองชีพในขณะนี้ตนแปลกใจที่นางวัชรี วิมุกตายน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และ น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน ออกมาระบุว่า ราคาอาหารไม่มีการปรับขึ้น หรือราคาก๊าซหุงต้มไม่มีผลต่อราคาอาหาร ทั้งที่มีการเผยแพร่ภาพร้านอาหารติดป้ายแจ้งการขอปรับราคาอาหารในสังคมออนไลน์เป็นจำนวนมาก เช่น ภาพที่นายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ถ่ายภาพร้านอาหารแห่งหนึ่งใน จ.พิษณุโลก ที่ติดป้ายขอปรับราคาอาหารจากจานละ 20 บาท เป็น 25 บาท และส่วนที่ราคาจานละ 30 บาท เป็น 35 บาท เป็นต้น ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์ จะปฏิเสธสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไรว่าไม่ใช่เรื่องจริง อีกทั้งการที่ปลัดกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ประชาชนคิดไปเองเรื่องของแพงนั้น ไม่ทราบว่า นางวัชรี ติดโรคเดียวกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม หรือไม่ เพราะเมื่อมีการปรับค่าไฟ หน่วยละ 7 สตางค์ และปรับราคาก๊าซหุงต้มขึ้นถังละประมาณ 15 บาท ไม่มีใครอยากเก็บภาระไว้กับตัวเอง ก็มักผลักภาระไปให้ผู้บริโภค อีกทั้งการระบุว่า อาหารปรุงสำเร็จจะขึ้นราคาเพียง 7 สตางค์นั้น ก็ไม่มีใครปรับราคาเป็นแบบนั้น เพราะมักขึ้นเป็นหลักบาท หรือปรับขึ้นทีละ 5 บาท แต่กระทรวงพาณิชย์ยังพยายามพูดว่าของไม่แพง นี่จึงเป็นเรื่องที่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรควรเข้ามาดูแล และแก้ไข

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า กรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีกำหนดการเดินทางเยือนสมาพันธรัฐสวิส อิตาลี และมอนเตเนโกร อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 8-15 ก.ย.นี้ ว่า การที่นายกรัฐมนตรีระบุว่าการเดินทางไปเยือนต่างประเทศ 45 ประเทศ ซึ่งใช้เงินไปประมาณ 370 ล้านบาทนั้น ได้สร้างประโยชน์ด้านการค้าขาย เปิดช่องการลงทุน และเพิ่มช่องทางการส่งออกของประเทศไทยนั้น แต่จากการตรวจสอบตัวเลขในช่วงที่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารประเทศ พบว่า ประเทศไทยขาดดุลการค้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2554 ขาดดุลการค้า ติดลบ 274,739 ล้านบาท และปี 2555 ขาดดุลการค้า ติดลบ 730,570 ล้านบาท รวมถึงเดือน ม.ค.-ก.ค.2556 ขาดดุลการค้า ติดลบ 593,072 บาท ดังนั้น นายกรัฐมนตรีควรใช้เวลาในช่วงนี้ไปเจรจากับประเทศอินโดนีเซีย และมาเลเซีย ที่เป็นผู้ผลิตยางพารารายใหญ่ หรือประเทศผู้รับซื้อรายใหญ่ อย่างจีน หรือญี่ปุ่น เพื่อแก้ปัญหาราคายางพาราในขณะนี้ แต่นายกรัฐมนตรี กลับเลือกเดินทางไปเยือนประเทศอื่นที่ตนไม่ทราบว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงคืออะไร


กำลังโหลดความคิดเห็น