คุณหมอ : แพตอยากจะถามองค์ความรู้จาก ดร.ป. ได้ไหมค่ะ เกี่ยวกับการเป็นผู้นำสร้างสรรค์ชาติ เราจะต้องรู้อะไรสำคัญจะต้องมีปัญญาอะไรบ้างค่ะ จะต้องรู้อะไรบ้างค่ะในการนำ และการมองความเคลื่อนไหวทางการเมืองและสังคมค่ะ ช่วยให้ความกระจ่างด้วยนะค่ะ ขอบพระคุณค่ะ
เป็นคำถามที่สำคัญมานะครับ คุณหมอปุญชดา ถามมาดังนี้ ก็ขอตอบว่า สิ่งที่เราเคยคุยกันใน 4-5 บทความก่อนหน้านี้ ก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ นะครับ และในการนำปัญญาไปคิดสร้างสรรค์ชาติและวันนี้ขอเพิ่มเติมอีกองค์ความรู้หนึ่งที่สำคัญที่เป็นผู้นำหรือผู้คิดจะเป็นผู้นำหรือเป็นผู้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ด้วยแนวทางธรรมาธิปไตยอย่างถูกต้อง องค์ความรู้ที่ว่านี้ก็คืออะไรคือลักษณะทั่วไป อะไรคือลักษณะเฉพาะ หรืออะไรคือกฎทั่วไป (General Law) หรืออะไรคือ กฎลักษณะเฉพาะ (Individual Law)
ท่านผู้อ่าน เพื่อนร่วมอุดมการณ์หน้ากากขาวทั้งหลาย ผู้สนใจใคร่รู้ทั้งหลาย ลักษณะทั่วไปคืออะไร ลักษณะทั่วไปคือลักษณะที่ครอบคลุมส่วนที่สัมพันธ์เกี่ยวพันกันทั้งหมดอันมีลักษณะเฉพาะซึ่งมีลักษณะแตกต่างหลากหลายไว้ทั้งหมด
ในอีกมิติหนึ่ง ลักษณะทั่วไปย่อมเป็นเอกภาพของลักษณะเฉพาะอันแตกต่างหลากหลาย ดังตัวอย่างเช่น
จิตปรุงแต่ง เป็นลักษณะเฉพาะอันแตกต่างหลากหลาย เช่น จิตที่ปรุงแต่งเป็นฝ่ายกิเลส ได้แก่ ความกลัว โลภ โกรธ หลง ฯลฯ ซึ่งตกอยู่ใต้กฎไตรลักษณะ (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) เกิดขึ้นในเบื้องต้น แปรปรวนในท่ามกลาง ดับไปในที่สุด มันเป็นเช่นนี้ ไม่เป็นไปอย่างอื่นแห่งสังขารทั้งปวง
ส่วนจิตบริสุทธิ์ อยู่เหนือการปรุงแต่ง (นิพพาน) ซึ่งมีอยู่ในคนทุกคน ซึ่งเป็นลักษณะทั่วไปหรือเป็นเอกภาพของส่วนที่สัมพันธ์เกี่ยวพันกันทั้งหมด ร่างกายแห่งชีวิตที่ครอบคลุมกายและจิตปรุงแต่งทั้งหมด เพราะมันเป็นที่ดับแห่งจิตตสังขาร และมันพ้นจากกฎไตรลักษณ์ มันจึงกลายเป็นเอกภาพและเป็นลักษณะทั่วไปของสรรพสิ่ง
นิวเครียส ย่อมเป็นลักษณะทั่วไปหรือเป็นเอกภาพของโปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอนอันเป็นลักษณะเฉพาะอันแตกต่างหลากหลาย
กระดาษที่ถืออยู่นั้นเป็นลักษณะทั่วไปหรือเป็นเอกภาพของเซลล์ ส่วนลักษณะเฉพาะของกระดาษแผ่นนี้ก็คือเซลล์ของกระดาษอันแตกต่างหลากหลายได้รวมตัวกันเป็นกระดาษแผ่นนั้น
เพื่อให้พวกเราได้เข้าใจง่ายขึ้น เรามาดูดวงอาทิตย์เป็นลักษณะทั่วไปหรือเป็นเอกภาพของดาวเคราะห์คือลักษณะที่ครอบคลุมส่วนที่สัมพันธ์เกี่ยวพันกันทั้งหมดซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะมีลักษณะแตกต่างหลากหลายไว้ทั้งหมดและเป็นเอกภาพของลักษณะเฉพาะอันแตกต่างหลากหลายได้แก่ดาวเคราะห์ ดวงจันทร์
ชาติเป็นลักษณะทั่วไปหรือเป็นเอกภาพของปวงชนในชาติ คือลักษณะที่ครอบคลุมส่วนที่สัมพันธ์เกี่ยวพันกันทั้งหมดซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะมีลักษณะแตกต่างหลากหลายไว้ทั้งหมดและเป็นเอกภาพของลักษณะเฉพาะอันแตกต่างหลากหลายทั้งหมดได้แก่ประชาชนทั้งหมดในสาขาอาชีพต่างๆ ต่างก็มีใจมุ่งหมายมุ่งตรงต่อองค์เอกภาพคือชาติของเรา หากประชาชนเข้าถูกต้องดังนี้ การแบ่งแยกดินแดนก็จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย
พระรัตนตรัยเป็นลักษณะทั่วไปหรือเป็นองค์เอกภาพของชาวพุทธ ชาวพุทธเป็นลักษณะเฉพาะอันแตกต่างหลากหลายต่างก็มีใจมุ่งหมายมุ่งตรงต่อองค์เอกภาพคือพระรัตนตรัย หากเข้าใจกันดังนี้พระพุทธศาสนาจะเข้มแข็ง ชาวพุทธแท้ไม่นับถือไม่ยึดถือเครื่องรางของขลัง ไม่เชื่อในนิมิตของพระสงฆ์ที่มาสอนหลอกผู้ฟังเพื่อยกตนว่าเป็นโน่นเป็นนี่
พระเจ้าแผ่นดินเป็นลักษณะทั่วไปหรือเป็นองค์เอกภาพของเหล่าพสกนิกร ส่วนพสกนิกรเป็นลักษณะเฉพาะอันแตกต่างหลากหลายต่างก็มีใจมุ่งหมายมุ่งตรงต่อองค์เอกภาพคือพระเจ้าแผ่นดิน
พ่อแม่ ย่อมเป็นลักษณะทั่วไปหรือเป็นเอกภาพของของบุตรทั้งหลาย บุตรทั้งหลายย่อมเป็นลักษณะเฉพาะ
หากว่าคุณหมอเป็นผู้จัดการก็จะเป็นลักษณะทั่วไปหรือเป็นเอกภาพของทุกส่วนที่เกี่ยวพันสัมพันธ์กันทั้งหมด ส่วนพนักงานฝ่ายต่างๆ เป็นลักษณะเฉพาะที่จะต้องมุ่งตรงขึ้นตรงต่อองค์เอกภาพคือผู้จัดการ
รถยนต์เป็นลักษณะทั่วไปหรือเป็นเอกภาพของชิ้นส่วนทั้งหมด ส่วนชิ้นส่วนทั้งหมดเป็นลักษณะเฉพาะอันแตกต่างหลากหลาย
คราวนี้เราก็มาถึงระบอบฯ (Regime) หรือหลักการปกครองโดยธรรม (Principle of Government) หรือจุดหมายร่วมหรือเป็นองค์เอกภาพทางการเมืองของปวงชนในชาติซึ่งจะต้องเป็นลักษณะทั่วไป ส่วนรัฐธรรมนูญเป็นลักษณะเฉพาะ อันแตกต่างหลากหลายหลายหมวด หลายมาตรา
วัดพระแก้วเป็นลักษณะทั่วไปหรือเป็นองค์เอกภาพของวิธีการไปวัดพระแก้วอันแตกต่างหลากหลายเช่น เดิน วิ่ง ขี่จักรยาน รถยนต์ ฯลฯ อันเป็นลักษณะเฉพาะอันแตกต่างหลากหลายและคนที่จะไปอันแตกต่างหลากหลาย
ขออธิบายลักษณะเฉพาะซ้ำอีกครั้งหนึ่งมันก็คือลักษณะแตกต่างหลากหลาย เช่นสิ่งนี้กับสิ่งนั้น คนนี้กับคนนี้ มันต่างกัน แต่เกื้อหนุนกัน อย่างนี้เป็นต้น เช่นชิ้นส่วนรถยนต์มันก็ต่างเกื้อหนุนกันและกัน
พูดง่ายๆ องค์เอกภาพย่อมเป็นลักษณะทั่วไป ส่วนความแตกต่างหลากหลาย ต้องมุ่งตรงต่อองค์เอกภาพ ซึ่งต่างก็เกื้อกูลกันและกัน
องค์เอกภาพย่อมให้ก่อน ย่อมเมตตาก่อน ย่อมให้โอกาสก่อน ฯลฯ ย่อมแผ่กระจายอำนาจแห่งคุณธรรม ยุติธรรมออกไปให้แก่ส่วนสัมพันธ์เกี่ยวพันกันทั้งหมด
มีข้อสังเกตที่ต้องนำมาใช้เพื่อพิสูจน์ให้เห็นชัดว่า หากลักษณะทั่วไป หรือฝ่ายเอกภาพมันเลว มันไม่ถูกต้อง ก็จะทำให้ลักษณะเฉพาะมันเลว มันไม่ถูกต้องตามไปด้วย นั่นเอง เช่น หากดวงอาทิตย์ระเบิด ดาวเคราะห์ทั้งปวงก็อยู่ไม่ได้
การเมืองคืออะไร การเมืองในที่นี้คือหลักการปกครองโดยธรรมคือลักษณะทั่วไปซึ่งก็คือหลักการปกครองโดยธรรมหรือระบอบฯ หรือจุดหมายร่วมของปวงชนที่ทรงความยุติธรรม ทรงธรรมต่อปวงชนส่วนลักษณะเฉพาะมันก็คือกฎหมายรัฐธรรมนูญ
แต่ประเทศไทยเรา ไม่มีลักษณะทั่วไปคือไม่มีหลักการปกครอง หรือระบอบฯ หรือไม่มีองค์เอกภาพของประชาชนในทางการเมืองยาวนานกว่า 80 ปี
นั่นก็หมายความว่าลักษณะทั่วไปของการเมืองไทย ลักษณะทั่วไปมันกลายเป็นคณะบุคคล คือนักการเมือง
ท่านผู้อ่านทั้งหลายพอมองไหมครับ ตรงนี้พูดง่ายๆ ว่า หากดวงอาทิตย์ไม่มี แล้วดาวเคราะห์มันจะอยู่ได้ไหมฉันใด ก็ฉันนั้น
นี่คือปัญญาขั้นสูง ที่จะไปต่อกรอย่างสันติด้วยปัญญากับพวกลัทธิบ้ารัฐธรรมนูญเขา
ดังนั้น ประชาชนไทยในขณะนี้ มีแต่จะตายกับตายลูกเดียว ภายใต้การปกครองเผด็จการปัจจุบัน หากท่านทั้งหลายอ่านอย่างตั้งใจด้วยใจรักชาติยิ่งนัก ก็พอจะมองเห็นชัดเจนถึงเหตุแห่งความหายนะของชาติ
แต่... ชนชั้นสูง ผู้ปกครอง นักการเมือง นักวิชาการแบบยึดติดทั้งหลายกลับมองไม่เห็นภัยอันร้ายแรงของชาติ รัฐธรรมนูญจะกี่ฉบับก็รับรองหมดซึ่งต่างจากองค์สมเด็จพระปกเกล้า รัชกาลที่7 พระองค์ทรงคัดค้านอย่างถึงที่สุดโดยมีพระราชบัลลังก์เป็นเดิมพัน เพราะพระองค์ทรงรู้ว่า คณะราษฎรทำผิดอย่างร้ายแรงต่อชาติแต่คนสมัยนั้น สื่อต่างๆ รู้ตามพระองค์ไม่ทัน
ต่อมา พรรคการเมืองต่างๆ มันก็สืบทอดแนวคิดคณะราษฎร ที่มันยึดเอา รัฐธรรมนูญซึ่งเป็นเพียงวิธีการปกครองและเป็นลักษณะเฉพาะมาเป็นลักษณะทั่วไป พูดง่ายๆ พวกเขายึดดาวเคราะห์ขึ้นเป็นใหญ่ แล้วมันจะเป็นไปได้ไหม ท่านผู้อ่านทั้งหลาย
พูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า “พรรคการเมืองไทยทุกพรรค กำลังหลอกหลอนตนเองและประชาชนทั้งชาติ กำลังทำลายตนเองและกำลังทำลายชาติอย่างร้ายแรงที่สุด”เพราะพรรคการเมืองต่างไปยึดแนวทางคณะราษฎร คือยึดเอารัฐธรรมนูญเป็นตัวตั้ง เป็นจุดหมายของประชาชน ซึ่งรัฐธรรมนูญเป็นได้เพียงถนนหนทาง วิธีการที่จะไปสู่จุดหมายเท่านั้น แต่มันเป็นความผิด เห็นผิดร้ายแรงต่อชาติของผู้ปกครอง ก็คือมันไม่มีจุดหมาย ไม่มีหลักการปกครองฯ ไม่มีระบอบฯ
ซึ่งนโยบายสมเด็จพระปกเกล้าฯ รัชกาลที่ 7 พระองค์ทรงยึด “หลัก Democracy”ตามพระราชหัตถเลขาของพระองค์ ซึ่งก็คือ หลักการปกครองแบบประชาธิปไตย อย่างที่ ดร.ป. เสนอแต่ ดร.ป. ได้นำกฎธรรมชาติเข้ามาเป็นหลักการปกครองด้วย จึงกลายเป็นหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9
หากเราไม่มีองค์ความรู้เรื่อง “อะไรคือลักษณะทั่วไป อะไรคือลักษณะเฉพาะ” เราก็จะมองไม่ออกเลยยากนักที่จะคิดออก ยากนักที่จะมองเห็น ภัยอันร้ายแรงสุดๆ ที่กำลังครอบงำชาติของเราอยู่ยาวนานกว่า 80 ปีแล้ว
คำถาม ถามว่า ระดับจังหวัด อะไรเป็นลักษณะทั่วไปและเป็นองค์เอกภาพ และอะไรเป็นลักษณะเฉพาะอันแตกต่างหลากหลาย
คำตอบ จังหวัดเป็นลักษณะทั่วไป ส่วนอำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ครอบครัว บุคคล เป็นลักษณะเฉพาะ
ข้อคิดปัญญาอันสำคัญคือ เมื่อลักษณะทั่วไปเลว ในที่นี้คือ ไม่มีหลักการปกครองโดยธรรม ก็ย่อมทำให้รัฐธรรมนูญซึ่งเป็นผลเลวตามไปด้วยเมื่อรัฐธรรมนูญเลวหรือจัดความสัมพันธ์ผิด ก็จะทำให้รัฐบาลไหนๆ ก็ตาม เลวหรือทำผิดตามไปด้วย....กระทรวง...กรม...จังหวัด..อำเภอ ..ตำบล...หมู่บ้าน อบต...ครอบครัว....ต้องตกอยู่ภายใต้ความเลวทางการเมือง เพราะความเห็นผิด การกระทำผิดอย่างร้ายแรงต่อชาติที่ว่า รัฐธรรมนูญคือระบอบประชาธิปไตยนี่เอง ครับ
พวกเขาผู้หลงผิดตามๆ กันมาหลายรัฐบาล หลายชั่วอายุคน พวกเขาคิดและทำได้เพียงรัฐประหาร ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ หรือแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่ มันเป็นอย่างนี้ เห็นผิด พูดผิดและทำมาอย่างนี้ อย่างซ้ำซากยาวนานกว่า 80 ปี
อีกมิติหนึ่งที่สำคัญนัก เมื่อการเมืองเลว รัฐธรรมนูญเลว การปกครองเลว ระบบเศรษฐกิจก็เลวตาม สังคมก็เลวตาม
หน้ากากขาวทั้งหลายโปรดฟังไว้เถิด ดังนั้นการแก้รัฐธรรมนูญก็ผิด การต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมก็ผิดเพราะมันเป็นการแก้ปัญหาปลายเหตุ การกู้เงินมาลงทุนในโครงการต่างๆ มากมายมหาศาล เพื่อหวังว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น มันก็กลายเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุและการคอร์รัปชันจะเกิดขึ้นตามมาอย่างมากมายมหาศาล ระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญนี้ ส่งผลให้ “ที่ไหนมีงบประมาณ ที่นั่นมีการคอร์รัปชัน” หรือว่าไม่จริง
การแก้ปัญหาสังคม มันก็แก้ที่ปลายเหตุ ยิ่งแก้ยิ่งทุ่มงบประมาณมากขึ้นๆๆๆ เท่าไร มันก็แก้ไม่ได้ เพราะไปแก้ตรงปัญหาปลายเหตุทั้งสิ้น
หากโค่นทักษิณอย่างเดียว มันก็กลายเป็นการแก้ปัญหาปลายเหตุ จะต้องพูดว่า “โค่นระบอบทักษิณ โค่นรัฐบาล ร่วมกันสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9” พูดกันอย่างนี้พูดกันเยอะๆ พูดใน Face Book กันเยอะ
นี่คือแนวคิดของหน้ากากขาว หน้ากากขาวทั้งหลายโปรดนำไปพิจารณาเถิด
“โค่นรัฐบาล ร่วมกันสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9”
จากนั้นก็ “ทรงพระเจริญขอพระราชทานหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9”
นี่คือหนทาง แนวทางที่จะได้ระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง สู้ครั้งเดียวเป็นชัยชนะของประชาชนที่แท้จริงเพื่อให้พ้นจากคำว่า “อัปรีย์ไป จัญไรมา” หากโค่นรัฐบาลอย่างเดียว จะต้องสู้แล้วสู้อีกอย่างซ้ำซาก อย่ากระนั้นเลย พึงต่อสู้เพื่อการสร้างหลักการปกครองโดยธรรม “ธรรมาธิปไตย 9” อย่าไปต่อสู้เพื่อเรียกร้องรัฐธรรมนูญใหม่กันอีกเลย มันผิดพลาดกันมาซ้ำซากมากพอแล้ว
เป็นคำถามที่สำคัญมานะครับ คุณหมอปุญชดา ถามมาดังนี้ ก็ขอตอบว่า สิ่งที่เราเคยคุยกันใน 4-5 บทความก่อนหน้านี้ ก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ นะครับ และในการนำปัญญาไปคิดสร้างสรรค์ชาติและวันนี้ขอเพิ่มเติมอีกองค์ความรู้หนึ่งที่สำคัญที่เป็นผู้นำหรือผู้คิดจะเป็นผู้นำหรือเป็นผู้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ด้วยแนวทางธรรมาธิปไตยอย่างถูกต้อง องค์ความรู้ที่ว่านี้ก็คืออะไรคือลักษณะทั่วไป อะไรคือลักษณะเฉพาะ หรืออะไรคือกฎทั่วไป (General Law) หรืออะไรคือ กฎลักษณะเฉพาะ (Individual Law)
ท่านผู้อ่าน เพื่อนร่วมอุดมการณ์หน้ากากขาวทั้งหลาย ผู้สนใจใคร่รู้ทั้งหลาย ลักษณะทั่วไปคืออะไร ลักษณะทั่วไปคือลักษณะที่ครอบคลุมส่วนที่สัมพันธ์เกี่ยวพันกันทั้งหมดอันมีลักษณะเฉพาะซึ่งมีลักษณะแตกต่างหลากหลายไว้ทั้งหมด
ในอีกมิติหนึ่ง ลักษณะทั่วไปย่อมเป็นเอกภาพของลักษณะเฉพาะอันแตกต่างหลากหลาย ดังตัวอย่างเช่น
จิตปรุงแต่ง เป็นลักษณะเฉพาะอันแตกต่างหลากหลาย เช่น จิตที่ปรุงแต่งเป็นฝ่ายกิเลส ได้แก่ ความกลัว โลภ โกรธ หลง ฯลฯ ซึ่งตกอยู่ใต้กฎไตรลักษณะ (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) เกิดขึ้นในเบื้องต้น แปรปรวนในท่ามกลาง ดับไปในที่สุด มันเป็นเช่นนี้ ไม่เป็นไปอย่างอื่นแห่งสังขารทั้งปวง
ส่วนจิตบริสุทธิ์ อยู่เหนือการปรุงแต่ง (นิพพาน) ซึ่งมีอยู่ในคนทุกคน ซึ่งเป็นลักษณะทั่วไปหรือเป็นเอกภาพของส่วนที่สัมพันธ์เกี่ยวพันกันทั้งหมด ร่างกายแห่งชีวิตที่ครอบคลุมกายและจิตปรุงแต่งทั้งหมด เพราะมันเป็นที่ดับแห่งจิตตสังขาร และมันพ้นจากกฎไตรลักษณ์ มันจึงกลายเป็นเอกภาพและเป็นลักษณะทั่วไปของสรรพสิ่ง
นิวเครียส ย่อมเป็นลักษณะทั่วไปหรือเป็นเอกภาพของโปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอนอันเป็นลักษณะเฉพาะอันแตกต่างหลากหลาย
กระดาษที่ถืออยู่นั้นเป็นลักษณะทั่วไปหรือเป็นเอกภาพของเซลล์ ส่วนลักษณะเฉพาะของกระดาษแผ่นนี้ก็คือเซลล์ของกระดาษอันแตกต่างหลากหลายได้รวมตัวกันเป็นกระดาษแผ่นนั้น
เพื่อให้พวกเราได้เข้าใจง่ายขึ้น เรามาดูดวงอาทิตย์เป็นลักษณะทั่วไปหรือเป็นเอกภาพของดาวเคราะห์คือลักษณะที่ครอบคลุมส่วนที่สัมพันธ์เกี่ยวพันกันทั้งหมดซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะมีลักษณะแตกต่างหลากหลายไว้ทั้งหมดและเป็นเอกภาพของลักษณะเฉพาะอันแตกต่างหลากหลายได้แก่ดาวเคราะห์ ดวงจันทร์
ชาติเป็นลักษณะทั่วไปหรือเป็นเอกภาพของปวงชนในชาติ คือลักษณะที่ครอบคลุมส่วนที่สัมพันธ์เกี่ยวพันกันทั้งหมดซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะมีลักษณะแตกต่างหลากหลายไว้ทั้งหมดและเป็นเอกภาพของลักษณะเฉพาะอันแตกต่างหลากหลายทั้งหมดได้แก่ประชาชนทั้งหมดในสาขาอาชีพต่างๆ ต่างก็มีใจมุ่งหมายมุ่งตรงต่อองค์เอกภาพคือชาติของเรา หากประชาชนเข้าถูกต้องดังนี้ การแบ่งแยกดินแดนก็จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย
พระรัตนตรัยเป็นลักษณะทั่วไปหรือเป็นองค์เอกภาพของชาวพุทธ ชาวพุทธเป็นลักษณะเฉพาะอันแตกต่างหลากหลายต่างก็มีใจมุ่งหมายมุ่งตรงต่อองค์เอกภาพคือพระรัตนตรัย หากเข้าใจกันดังนี้พระพุทธศาสนาจะเข้มแข็ง ชาวพุทธแท้ไม่นับถือไม่ยึดถือเครื่องรางของขลัง ไม่เชื่อในนิมิตของพระสงฆ์ที่มาสอนหลอกผู้ฟังเพื่อยกตนว่าเป็นโน่นเป็นนี่
พระเจ้าแผ่นดินเป็นลักษณะทั่วไปหรือเป็นองค์เอกภาพของเหล่าพสกนิกร ส่วนพสกนิกรเป็นลักษณะเฉพาะอันแตกต่างหลากหลายต่างก็มีใจมุ่งหมายมุ่งตรงต่อองค์เอกภาพคือพระเจ้าแผ่นดิน
พ่อแม่ ย่อมเป็นลักษณะทั่วไปหรือเป็นเอกภาพของของบุตรทั้งหลาย บุตรทั้งหลายย่อมเป็นลักษณะเฉพาะ
หากว่าคุณหมอเป็นผู้จัดการก็จะเป็นลักษณะทั่วไปหรือเป็นเอกภาพของทุกส่วนที่เกี่ยวพันสัมพันธ์กันทั้งหมด ส่วนพนักงานฝ่ายต่างๆ เป็นลักษณะเฉพาะที่จะต้องมุ่งตรงขึ้นตรงต่อองค์เอกภาพคือผู้จัดการ
รถยนต์เป็นลักษณะทั่วไปหรือเป็นเอกภาพของชิ้นส่วนทั้งหมด ส่วนชิ้นส่วนทั้งหมดเป็นลักษณะเฉพาะอันแตกต่างหลากหลาย
คราวนี้เราก็มาถึงระบอบฯ (Regime) หรือหลักการปกครองโดยธรรม (Principle of Government) หรือจุดหมายร่วมหรือเป็นองค์เอกภาพทางการเมืองของปวงชนในชาติซึ่งจะต้องเป็นลักษณะทั่วไป ส่วนรัฐธรรมนูญเป็นลักษณะเฉพาะ อันแตกต่างหลากหลายหลายหมวด หลายมาตรา
วัดพระแก้วเป็นลักษณะทั่วไปหรือเป็นองค์เอกภาพของวิธีการไปวัดพระแก้วอันแตกต่างหลากหลายเช่น เดิน วิ่ง ขี่จักรยาน รถยนต์ ฯลฯ อันเป็นลักษณะเฉพาะอันแตกต่างหลากหลายและคนที่จะไปอันแตกต่างหลากหลาย
ขออธิบายลักษณะเฉพาะซ้ำอีกครั้งหนึ่งมันก็คือลักษณะแตกต่างหลากหลาย เช่นสิ่งนี้กับสิ่งนั้น คนนี้กับคนนี้ มันต่างกัน แต่เกื้อหนุนกัน อย่างนี้เป็นต้น เช่นชิ้นส่วนรถยนต์มันก็ต่างเกื้อหนุนกันและกัน
พูดง่ายๆ องค์เอกภาพย่อมเป็นลักษณะทั่วไป ส่วนความแตกต่างหลากหลาย ต้องมุ่งตรงต่อองค์เอกภาพ ซึ่งต่างก็เกื้อกูลกันและกัน
องค์เอกภาพย่อมให้ก่อน ย่อมเมตตาก่อน ย่อมให้โอกาสก่อน ฯลฯ ย่อมแผ่กระจายอำนาจแห่งคุณธรรม ยุติธรรมออกไปให้แก่ส่วนสัมพันธ์เกี่ยวพันกันทั้งหมด
มีข้อสังเกตที่ต้องนำมาใช้เพื่อพิสูจน์ให้เห็นชัดว่า หากลักษณะทั่วไป หรือฝ่ายเอกภาพมันเลว มันไม่ถูกต้อง ก็จะทำให้ลักษณะเฉพาะมันเลว มันไม่ถูกต้องตามไปด้วย นั่นเอง เช่น หากดวงอาทิตย์ระเบิด ดาวเคราะห์ทั้งปวงก็อยู่ไม่ได้
การเมืองคืออะไร การเมืองในที่นี้คือหลักการปกครองโดยธรรมคือลักษณะทั่วไปซึ่งก็คือหลักการปกครองโดยธรรมหรือระบอบฯ หรือจุดหมายร่วมของปวงชนที่ทรงความยุติธรรม ทรงธรรมต่อปวงชนส่วนลักษณะเฉพาะมันก็คือกฎหมายรัฐธรรมนูญ
แต่ประเทศไทยเรา ไม่มีลักษณะทั่วไปคือไม่มีหลักการปกครอง หรือระบอบฯ หรือไม่มีองค์เอกภาพของประชาชนในทางการเมืองยาวนานกว่า 80 ปี
นั่นก็หมายความว่าลักษณะทั่วไปของการเมืองไทย ลักษณะทั่วไปมันกลายเป็นคณะบุคคล คือนักการเมือง
ท่านผู้อ่านทั้งหลายพอมองไหมครับ ตรงนี้พูดง่ายๆ ว่า หากดวงอาทิตย์ไม่มี แล้วดาวเคราะห์มันจะอยู่ได้ไหมฉันใด ก็ฉันนั้น
นี่คือปัญญาขั้นสูง ที่จะไปต่อกรอย่างสันติด้วยปัญญากับพวกลัทธิบ้ารัฐธรรมนูญเขา
ดังนั้น ประชาชนไทยในขณะนี้ มีแต่จะตายกับตายลูกเดียว ภายใต้การปกครองเผด็จการปัจจุบัน หากท่านทั้งหลายอ่านอย่างตั้งใจด้วยใจรักชาติยิ่งนัก ก็พอจะมองเห็นชัดเจนถึงเหตุแห่งความหายนะของชาติ
แต่... ชนชั้นสูง ผู้ปกครอง นักการเมือง นักวิชาการแบบยึดติดทั้งหลายกลับมองไม่เห็นภัยอันร้ายแรงของชาติ รัฐธรรมนูญจะกี่ฉบับก็รับรองหมดซึ่งต่างจากองค์สมเด็จพระปกเกล้า รัชกาลที่7 พระองค์ทรงคัดค้านอย่างถึงที่สุดโดยมีพระราชบัลลังก์เป็นเดิมพัน เพราะพระองค์ทรงรู้ว่า คณะราษฎรทำผิดอย่างร้ายแรงต่อชาติแต่คนสมัยนั้น สื่อต่างๆ รู้ตามพระองค์ไม่ทัน
ต่อมา พรรคการเมืองต่างๆ มันก็สืบทอดแนวคิดคณะราษฎร ที่มันยึดเอา รัฐธรรมนูญซึ่งเป็นเพียงวิธีการปกครองและเป็นลักษณะเฉพาะมาเป็นลักษณะทั่วไป พูดง่ายๆ พวกเขายึดดาวเคราะห์ขึ้นเป็นใหญ่ แล้วมันจะเป็นไปได้ไหม ท่านผู้อ่านทั้งหลาย
พูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า “พรรคการเมืองไทยทุกพรรค กำลังหลอกหลอนตนเองและประชาชนทั้งชาติ กำลังทำลายตนเองและกำลังทำลายชาติอย่างร้ายแรงที่สุด”เพราะพรรคการเมืองต่างไปยึดแนวทางคณะราษฎร คือยึดเอารัฐธรรมนูญเป็นตัวตั้ง เป็นจุดหมายของประชาชน ซึ่งรัฐธรรมนูญเป็นได้เพียงถนนหนทาง วิธีการที่จะไปสู่จุดหมายเท่านั้น แต่มันเป็นความผิด เห็นผิดร้ายแรงต่อชาติของผู้ปกครอง ก็คือมันไม่มีจุดหมาย ไม่มีหลักการปกครองฯ ไม่มีระบอบฯ
ซึ่งนโยบายสมเด็จพระปกเกล้าฯ รัชกาลที่ 7 พระองค์ทรงยึด “หลัก Democracy”ตามพระราชหัตถเลขาของพระองค์ ซึ่งก็คือ หลักการปกครองแบบประชาธิปไตย อย่างที่ ดร.ป. เสนอแต่ ดร.ป. ได้นำกฎธรรมชาติเข้ามาเป็นหลักการปกครองด้วย จึงกลายเป็นหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9
หากเราไม่มีองค์ความรู้เรื่อง “อะไรคือลักษณะทั่วไป อะไรคือลักษณะเฉพาะ” เราก็จะมองไม่ออกเลยยากนักที่จะคิดออก ยากนักที่จะมองเห็น ภัยอันร้ายแรงสุดๆ ที่กำลังครอบงำชาติของเราอยู่ยาวนานกว่า 80 ปีแล้ว
คำถาม ถามว่า ระดับจังหวัด อะไรเป็นลักษณะทั่วไปและเป็นองค์เอกภาพ และอะไรเป็นลักษณะเฉพาะอันแตกต่างหลากหลาย
คำตอบ จังหวัดเป็นลักษณะทั่วไป ส่วนอำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ครอบครัว บุคคล เป็นลักษณะเฉพาะ
ข้อคิดปัญญาอันสำคัญคือ เมื่อลักษณะทั่วไปเลว ในที่นี้คือ ไม่มีหลักการปกครองโดยธรรม ก็ย่อมทำให้รัฐธรรมนูญซึ่งเป็นผลเลวตามไปด้วยเมื่อรัฐธรรมนูญเลวหรือจัดความสัมพันธ์ผิด ก็จะทำให้รัฐบาลไหนๆ ก็ตาม เลวหรือทำผิดตามไปด้วย....กระทรวง...กรม...จังหวัด..อำเภอ ..ตำบล...หมู่บ้าน อบต...ครอบครัว....ต้องตกอยู่ภายใต้ความเลวทางการเมือง เพราะความเห็นผิด การกระทำผิดอย่างร้ายแรงต่อชาติที่ว่า รัฐธรรมนูญคือระบอบประชาธิปไตยนี่เอง ครับ
พวกเขาผู้หลงผิดตามๆ กันมาหลายรัฐบาล หลายชั่วอายุคน พวกเขาคิดและทำได้เพียงรัฐประหาร ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ หรือแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่ มันเป็นอย่างนี้ เห็นผิด พูดผิดและทำมาอย่างนี้ อย่างซ้ำซากยาวนานกว่า 80 ปี
อีกมิติหนึ่งที่สำคัญนัก เมื่อการเมืองเลว รัฐธรรมนูญเลว การปกครองเลว ระบบเศรษฐกิจก็เลวตาม สังคมก็เลวตาม
หน้ากากขาวทั้งหลายโปรดฟังไว้เถิด ดังนั้นการแก้รัฐธรรมนูญก็ผิด การต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมก็ผิดเพราะมันเป็นการแก้ปัญหาปลายเหตุ การกู้เงินมาลงทุนในโครงการต่างๆ มากมายมหาศาล เพื่อหวังว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น มันก็กลายเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุและการคอร์รัปชันจะเกิดขึ้นตามมาอย่างมากมายมหาศาล ระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญนี้ ส่งผลให้ “ที่ไหนมีงบประมาณ ที่นั่นมีการคอร์รัปชัน” หรือว่าไม่จริง
การแก้ปัญหาสังคม มันก็แก้ที่ปลายเหตุ ยิ่งแก้ยิ่งทุ่มงบประมาณมากขึ้นๆๆๆ เท่าไร มันก็แก้ไม่ได้ เพราะไปแก้ตรงปัญหาปลายเหตุทั้งสิ้น
หากโค่นทักษิณอย่างเดียว มันก็กลายเป็นการแก้ปัญหาปลายเหตุ จะต้องพูดว่า “โค่นระบอบทักษิณ โค่นรัฐบาล ร่วมกันสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9” พูดกันอย่างนี้พูดกันเยอะๆ พูดใน Face Book กันเยอะ
นี่คือแนวคิดของหน้ากากขาว หน้ากากขาวทั้งหลายโปรดนำไปพิจารณาเถิด
“โค่นรัฐบาล ร่วมกันสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9”
จากนั้นก็ “ทรงพระเจริญขอพระราชทานหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9”
นี่คือหนทาง แนวทางที่จะได้ระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง สู้ครั้งเดียวเป็นชัยชนะของประชาชนที่แท้จริงเพื่อให้พ้นจากคำว่า “อัปรีย์ไป จัญไรมา” หากโค่นรัฐบาลอย่างเดียว จะต้องสู้แล้วสู้อีกอย่างซ้ำซาก อย่ากระนั้นเลย พึงต่อสู้เพื่อการสร้างหลักการปกครองโดยธรรม “ธรรมาธิปไตย 9” อย่าไปต่อสู้เพื่อเรียกร้องรัฐธรรมนูญใหม่กันอีกเลย มันผิดพลาดกันมาซ้ำซากมากพอแล้ว