ASTVผู้จัดการรายวัน-"คมนาคม"เก็บเงียบข้อเสนอรถเมล์ NGV แบบจีทูจีของจีนวงเงิน 3.9 หมื่นล้านบาท ได้รถแอร์ 8,000 คันรวมค่าซ่อมบำรุงเบ็ดเสร็จตลอด10 ปี พร้อมจัดหาเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้ และให้จ่าย15% ก่อนที่เหลือ 85% จ่ายปีที่ 6 เพื่อให้ช่วง1-5 ปีแรก ขสมก.นำรายได้ไปใช้หนี้ 8หมื่นล้านให้หมดก่อน แต่เลือกประมูล 3,183 คันท่ามกลางครหาล็อคเสปคด้านจีนยื่นหนังสือถึงเลขาฯนายกฯทวงถามคืบหน้าแต่เงียบฉี่
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า โครงการจัดซื้อรถโดยสารใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จำนวน 3,183 คัน วงเงิน 13,162.2ล้านบาท รวมค่าซ่อมบำรุง 10 ปี วงเงินประมาณ 13,858.408 ล้านบาท มูลค่าทั้งโครงการ 27,020.608 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ได้มีการประกาศร่าง TOR ผ่านเวปไซด์ของขสมก.และกรมบัญชีกลาง เพื่อรับฟังความคิดเห็นตามขั้นตอนการประกวดราคา
ด้วยวิธีทางอิเลกทรอนิกส์ (อี-ออกชั่น)ครั้งที่2 ไปแล้ว คาดว่าจะมีการประกาศเพื่อรับฟังความเห็นครั้งที่ 3 เป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นจะเปิดประกวดราคาต่อไป โดยยังมีกระแสถึงความไม่โปร่งใสในหลายประเด็น เช่น เงื่อนไขที่กำหนดมีการล็อคเสปคกับผู้ผลิตจีนและญี่ปุ่นไว้แล้ว และอาจส่งผลต่อความปลอดภัยและความสะดวกในการใช้งานจริงกับกายภาพถนนกทม. ค่าตัวรถที่สูงเกินจริง ค่าซ่อมบำรุงตามระยะทางที่ขสมก.ต้องรับภาระเอง โดยที่คณะอนุกรรมการฯ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และองค์กรต่อต้านรอร์รัปชั่น(ประเทศไทย) ได้ตั้งข้อสังเกตุไว้
ทั้งนี้ภายหลังรัฐบาลเพื่อไทยนำโครงการจัดซื้อรถเมล์ NGV มาดำเนินการใหม่โดยปรับเหลือ 3,183 คันลดลงจากสมัยนายโสภณ ซารัมย์ เป็นรมว.คมนาคมในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ที่จะจัดหา 4,000 คัน วงเงิน 64,000 ล้านบาท นั้นเมื่อปี 2555 ทางประเทศจีนได้ส่งเอกสารเสนอโครงการรถเมล์ NGV ผ่านทางสถานทูตจีนต่อนายศิลปชัย จารุเกษมรัตนะ (ปลัดกระทรวงคมนาคมในขณะนั้น)
และได้เข้ายื่นรายละเอียดโครงการต่อนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (ตำแหน่งในขณะนั้น) เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2555 โดยมีทูตพาณิชย์จีน เป็นตัวแทน พร้อมกับผู้แทนบริษัท CHMC จากประเทศจีน
โดยเงื่อนไขที่บริษัท CHMC ได้เสนอขายรถเมล์ NGV 4,000 คันรวมค่าซ่อมบำรุง2แบบ คือ แบบ Schedule Maintenance : ซ่อมบำรุงตามระยะทาง เช่นค่าน้ำมันเครื่อง,ไส้กรอง ฯลฯ และแบบ Non Schedule Maintenance เช่นการซ่อมเครื่อยนต์ ซ่อมระบบช่วงล่าง ยาง แบตเตอรี่ ฯลฯ ตลอดระยะเวลา 10 ปีวงเงินรวม 39,835 ล้านบาท โดยขสมก.ไม่ต้องแบกรับภาระค่าซ่อมบำรุงใดๆ
นอกจากนี้จะมีการจัดเปลี่ยนรถ4,000 คันให้ใหม่ในปีที่ 6-10 อีก 4,000 คันซึ่งขสมก.จะได้รถทั้งสิ้น 8,000 คันในปีที่6 พร้อมยัดหาแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำจากจีนในวงเงิน 39,835 ล้านบาท (รวมดอกเบี้ยแล้ว) กำหนดชำระเงินดาวน์ 15% จากยอดรวมก่อน ส่วนที่เหลือ 85% ให้ขสมก.เริ่มผ่อนชำระตั้งแต่ปีที่ 6 เพื่อให้ขสมก.นำรายได้จากการเดินรถในปีที่1-5 ไปบริหารจัดการหนี้สะะสมเดิมที่มีอยู่ 80,000 ล้านบาทก่อน โดยเป็นการทำสัญญาซื้อระหว่างหน่วยงานรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน
ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับโครงการจัดซื้อรถเมล์ NGV 3,183 คันในขณะนี้ พบว่า โครงการที่ CHMC จากจีนเสนอขสมก.จะได้รถ รวม 8,000 คันเป็นรถปรับอากาศทัั้งหมดในวงเงิน 39,835 ล้านบาทโดยรวมค่าซ่อมบำรุงระยะ10 ปีไว้ด้วย เฉลี่ยขสมก.จะซื้อรถในราคาประมาณ 4.97 ล้านบาทที่รวมค่าซ่อม10 ปีไว้แล้ว ส่วนฌครงการNGV 3,183 คัน แบ่งเป็นรถโดยสารธรรมดา จํานวน 1,659 คัน รถโดยสารปรับอากาศ จํานวน 1,524 คัน วงเงิน 13,162 ล้านบาท รวมค่าซ่อมบำรุง 10 ปี วงเงินประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท ค่าดอกเบี้ยประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท รวมกว่า 4.1 หมื่นล้านบาท โดยยังไม่ค่าซ่อมบำรุงตามระยะทางที่ขสมก.ต้องรับภาระเองซึ่งคาดว่าจะมีวงเงินหลายหมื่นล้านบาท
แหล่งข่าวกล่าวว่า บริษัท CHMCและทูตพาณิชย์จีนได้ทวงถามข้อเสนอมาโดยตลอดล่าสุดเมื่อปลายเดือนสิงหาคมได้ยื่นหนังสือต่อเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเพื่อขอเข้าพบนายกรัฐมนตรีโดยตรง โดยประเด็นที่เป็นข้อสังเกตุคือ เหตุใดตลอดกว่า 1 ปีที่ผ่านมา ข้อเสนอของจีนจึงไม่ถูกหยิบยกมาพิจารณาประกอบหรือเปรียบเทียบกับแนวทางที่ขสมก.ดำเนินการเพื่อเลือกวิธีที่ดีที่สุดทั้งที่พิจารณาจากราคาและเงื่อนไขของจีนนั้นดีต่อขสมก.มาก เนื่องจากสามารถแก้ปัญหาหนี้สินได้อย่างแน่นอน ขณะที่การจัดซื้อรถเมล์ 3,183 คันนั้นแผนฟื้นฟูขสมก.ไม่มีความชัดเจนว่าจะแก้หนี้สิน 8 หมื่นล้านบาทได้จริงหรือไม่
แหล่งข่าวให้ความเห็นว่า ในวงการผู้ผลิตรถตั้งข้อสังเกตุว่า การทำสัญญาแบบจีทูจี ไม่มีระบบใต้โต๊ะ และทำให้ผู้ที่เกี่ยวข่้องในกระบวนการไม่ได้รับผลประโยชน์และที่ผ่านมามีข่าวมาตลอดว่ามีกลุ่มที่จะได้รับงานนี้ไว้แล้ว และที่ผ่านมาภาครัฐให้ความสนใจกับการซื้อรถใหม่ก่อน โดยไม่ให้ความสำคัญกับแผนการฟื้นฟูและแก้ปัญหาขาดทุนและหนี้สินสะสมของขสมก.อย่างจิงใจ
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า โครงการจัดซื้อรถโดยสารใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จำนวน 3,183 คัน วงเงิน 13,162.2ล้านบาท รวมค่าซ่อมบำรุง 10 ปี วงเงินประมาณ 13,858.408 ล้านบาท มูลค่าทั้งโครงการ 27,020.608 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ได้มีการประกาศร่าง TOR ผ่านเวปไซด์ของขสมก.และกรมบัญชีกลาง เพื่อรับฟังความคิดเห็นตามขั้นตอนการประกวดราคา
ด้วยวิธีทางอิเลกทรอนิกส์ (อี-ออกชั่น)ครั้งที่2 ไปแล้ว คาดว่าจะมีการประกาศเพื่อรับฟังความเห็นครั้งที่ 3 เป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นจะเปิดประกวดราคาต่อไป โดยยังมีกระแสถึงความไม่โปร่งใสในหลายประเด็น เช่น เงื่อนไขที่กำหนดมีการล็อคเสปคกับผู้ผลิตจีนและญี่ปุ่นไว้แล้ว และอาจส่งผลต่อความปลอดภัยและความสะดวกในการใช้งานจริงกับกายภาพถนนกทม. ค่าตัวรถที่สูงเกินจริง ค่าซ่อมบำรุงตามระยะทางที่ขสมก.ต้องรับภาระเอง โดยที่คณะอนุกรรมการฯ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และองค์กรต่อต้านรอร์รัปชั่น(ประเทศไทย) ได้ตั้งข้อสังเกตุไว้
ทั้งนี้ภายหลังรัฐบาลเพื่อไทยนำโครงการจัดซื้อรถเมล์ NGV มาดำเนินการใหม่โดยปรับเหลือ 3,183 คันลดลงจากสมัยนายโสภณ ซารัมย์ เป็นรมว.คมนาคมในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ที่จะจัดหา 4,000 คัน วงเงิน 64,000 ล้านบาท นั้นเมื่อปี 2555 ทางประเทศจีนได้ส่งเอกสารเสนอโครงการรถเมล์ NGV ผ่านทางสถานทูตจีนต่อนายศิลปชัย จารุเกษมรัตนะ (ปลัดกระทรวงคมนาคมในขณะนั้น)
และได้เข้ายื่นรายละเอียดโครงการต่อนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (ตำแหน่งในขณะนั้น) เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2555 โดยมีทูตพาณิชย์จีน เป็นตัวแทน พร้อมกับผู้แทนบริษัท CHMC จากประเทศจีน
โดยเงื่อนไขที่บริษัท CHMC ได้เสนอขายรถเมล์ NGV 4,000 คันรวมค่าซ่อมบำรุง2แบบ คือ แบบ Schedule Maintenance : ซ่อมบำรุงตามระยะทาง เช่นค่าน้ำมันเครื่อง,ไส้กรอง ฯลฯ และแบบ Non Schedule Maintenance เช่นการซ่อมเครื่อยนต์ ซ่อมระบบช่วงล่าง ยาง แบตเตอรี่ ฯลฯ ตลอดระยะเวลา 10 ปีวงเงินรวม 39,835 ล้านบาท โดยขสมก.ไม่ต้องแบกรับภาระค่าซ่อมบำรุงใดๆ
นอกจากนี้จะมีการจัดเปลี่ยนรถ4,000 คันให้ใหม่ในปีที่ 6-10 อีก 4,000 คันซึ่งขสมก.จะได้รถทั้งสิ้น 8,000 คันในปีที่6 พร้อมยัดหาแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำจากจีนในวงเงิน 39,835 ล้านบาท (รวมดอกเบี้ยแล้ว) กำหนดชำระเงินดาวน์ 15% จากยอดรวมก่อน ส่วนที่เหลือ 85% ให้ขสมก.เริ่มผ่อนชำระตั้งแต่ปีที่ 6 เพื่อให้ขสมก.นำรายได้จากการเดินรถในปีที่1-5 ไปบริหารจัดการหนี้สะะสมเดิมที่มีอยู่ 80,000 ล้านบาทก่อน โดยเป็นการทำสัญญาซื้อระหว่างหน่วยงานรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน
ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับโครงการจัดซื้อรถเมล์ NGV 3,183 คันในขณะนี้ พบว่า โครงการที่ CHMC จากจีนเสนอขสมก.จะได้รถ รวม 8,000 คันเป็นรถปรับอากาศทัั้งหมดในวงเงิน 39,835 ล้านบาทโดยรวมค่าซ่อมบำรุงระยะ10 ปีไว้ด้วย เฉลี่ยขสมก.จะซื้อรถในราคาประมาณ 4.97 ล้านบาทที่รวมค่าซ่อม10 ปีไว้แล้ว ส่วนฌครงการNGV 3,183 คัน แบ่งเป็นรถโดยสารธรรมดา จํานวน 1,659 คัน รถโดยสารปรับอากาศ จํานวน 1,524 คัน วงเงิน 13,162 ล้านบาท รวมค่าซ่อมบำรุง 10 ปี วงเงินประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท ค่าดอกเบี้ยประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท รวมกว่า 4.1 หมื่นล้านบาท โดยยังไม่ค่าซ่อมบำรุงตามระยะทางที่ขสมก.ต้องรับภาระเองซึ่งคาดว่าจะมีวงเงินหลายหมื่นล้านบาท
แหล่งข่าวกล่าวว่า บริษัท CHMCและทูตพาณิชย์จีนได้ทวงถามข้อเสนอมาโดยตลอดล่าสุดเมื่อปลายเดือนสิงหาคมได้ยื่นหนังสือต่อเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเพื่อขอเข้าพบนายกรัฐมนตรีโดยตรง โดยประเด็นที่เป็นข้อสังเกตุคือ เหตุใดตลอดกว่า 1 ปีที่ผ่านมา ข้อเสนอของจีนจึงไม่ถูกหยิบยกมาพิจารณาประกอบหรือเปรียบเทียบกับแนวทางที่ขสมก.ดำเนินการเพื่อเลือกวิธีที่ดีที่สุดทั้งที่พิจารณาจากราคาและเงื่อนไขของจีนนั้นดีต่อขสมก.มาก เนื่องจากสามารถแก้ปัญหาหนี้สินได้อย่างแน่นอน ขณะที่การจัดซื้อรถเมล์ 3,183 คันนั้นแผนฟื้นฟูขสมก.ไม่มีความชัดเจนว่าจะแก้หนี้สิน 8 หมื่นล้านบาทได้จริงหรือไม่
แหล่งข่าวให้ความเห็นว่า ในวงการผู้ผลิตรถตั้งข้อสังเกตุว่า การทำสัญญาแบบจีทูจี ไม่มีระบบใต้โต๊ะ และทำให้ผู้ที่เกี่ยวข่้องในกระบวนการไม่ได้รับผลประโยชน์และที่ผ่านมามีข่าวมาตลอดว่ามีกลุ่มที่จะได้รับงานนี้ไว้แล้ว และที่ผ่านมาภาครัฐให้ความสนใจกับการซื้อรถใหม่ก่อน โดยไม่ให้ความสำคัญกับแผนการฟื้นฟูและแก้ปัญหาขาดทุนและหนี้สินสะสมของขสมก.อย่างจิงใจ