ASTVผู้จัดการรายวัน - "ชาวสวนยางประจวบ-ตำรวจ"ปะทะเดือดเจ็บระนาว สวนคำสั่งนายกฯ ผบก.เจอถุงใส่น้ำกรดกัดยางปาใส่ขา ก้อนอิฐเข้าปาก แกนนำถูกรวบ หลังกนย.เมินแทรกแซงยางโลละ 100 บาท “สุราษฎร์- สงขลา-กระบี่-นครศรีธรรมราช-ตรัง-กระบี่-หาดใหญ่ ฮือ! ส่วนม็อบแยกบ้านตูล-พัทลุง”ยอมเปิดถนน 7 วันส่อไล่ “ยิ่งลักษณ์” ด้านนายกฯตั้ง"ประชา"แก้ปัญหาราคายาง สั่งห้ามใช้ความรุนแรงเด็ดขาด ส่วนสภาฯไม่จบ "น้องเทือก"ฉุนทุ่มเก้าอี้
วานนี้(5 ก.ย.) หลังจากนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง แถลงมติที่ประชุมกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ(กนย.) โดยไม่ได้พิจารณาข้อเสนอของชาวสวนยางพารา ที่เรียกร้องให้ประกันราคาที่ 100 บาทต่อกิโลกรัม แต่มีมติจ่ายเงินเพื่อให้นำไปซื้อปัจจัยการผลิต 1,260 บาทต่อไร่ โดยขยายรายละไม่เกิน 10 ไร่ เป็นไม่เกิน 25 ไร่ ครอบคลุมถึงกลุ่มที่ไม่มีเอกสารสิทธิที่ดิน แต่กลุ่มที่บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ จะไม่ได้รับการพิจารณา โดยจะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ในสัปดาห์หน้าที่ริมถนนเพชรเกษม ตรงข้ามสถานีบริการประชาชนบ้านธรรมรัชต์ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จุดชุมนุมของชาวสวนยาง ได้เตรียมยางรถไถและรถยนต์มาเพื่อปิดถนนเพชรเกษม กม. 412-413 ทั้งขาขึ้นและขาล่อง เพราะไม่พอใจที่รัฐบาลที่เข้าแทรกแซงราคาตามที่ร้องขอราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 ราคากิโลกรัมละ 101 บาท ยางแผ่นดิบคุณภาพ 3 ราคา 92 บาท น้ำยางสด 81 บาท ยางก้อนถ้วย 83 บาท แต่กลับช่วยเหลือค่าปัจจัยการผลิตไร่ละ 1,260 บาท รายละไม่เกิน 25 ไร่
**ม็อบประจวบ-ตร.ปะทะเดือดเจ็บระนาว
เวลา 17.00 น. พล.ต.ต.ธเนษฐ สุนทรสุข ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ มาพบแกนนำเพื่อขอความร่วมมือไม่ให้ปิดถนน เพราะผู้สัญจรไปมาจะได้รับความเดือดร้อน ขณะที่แกนนำชี้แจงว่าไม่ต้องการปิดถนนเช่นกัน แต่เนื่องจากรัฐบาลไม่ยอมรับข้อเสนอของชาวสวนยาง จึงต้องแสดงออก จนกระทั่งเวลา 18.00 น. ผู้ชุมนุมได้เคลื่อนย้ายไปยังถนนเพชรเกษม และปิดถนนฝั่งขาขึ้นกรุงเทพมหานคร พล.ต.ต.ธเนษฐจึงสั่งระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบจลาจล 2 กองร้อย ใช้โล่ดันกลุ่มผู้ชุมนุมออกจากถนนเพชรเกษม จึงเกิดการปะทะกัน เมื่อผู้ชุมนุมหลุดเข้าไปในแถวเจ้าหน้าที่ ก็ถูกควบคุมตัวไปประมาณ 10 คน ต่อมามีเสียงคล้ายระเบิดดังขึ้นบริเวณข้างรถปราศรัยของกลุ่มผู้ชุมนุม จึงเกิดการขว้างปาขวดน้ำและสิ่งของต่างๆอีก โดยเมื่อเวลา 21 .00 น. สถานการณ์ยังคงตึงเครียดอยู่ ทำให้การจราจรติดขัดอย่างหนักข่าวแจ้งว่า พล.ต.ต.ธเนษฐ ได้รับบาดเจ็บเนื่องจากถูกถุงใส่น้ำกรดกัดยางปาใส่ที่ขา และก้อนอิฐเข้าที่ปาก ขณะนำกำลังเข้าเคลียร์ผิวการจราจร เบื้องต้นมีรายงานตำรวจบาดเจ็บ 6 นาย ผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง
**ชาวสวนไม่ยอมรับ-เผาโลง"ยิ่งลักษณ์"
ที่แยกควนเงิน ต.บ้านตูล อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช โดยนายเอียด เส้งเอียด แกนนำ กล่าวว่า ชาวสวนยางไม่ยอมรับมติกนย. และเตรียมหารือยกระดับการชุมนุม นายอำนวย ยุติธรรม ประธานเครือข่ายภาคประชาชนเพื่อความเป็นธรรมจ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า พวกเราหาทางออกให้รัฐบาล 2 แนวทาง คือ 1. ให้รัฐบาลชดเชยส่วนต่างให้ครบ 100 บาท 2.จำนำยางหรือประกันราคายางกิโลกรัมละ 100 บาท แต่กลับไม่ดำเนินการ
ส่วนข่าวการเปิดเจรจารอบ 2 นายอำนวย กล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องนั่งหัวโต๊ะ จะไม่คุยกับนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หรือนายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือรองนายกรัฐมนตรีคนใด เพราะไม่เช่นนั้นนั้นก็ไม่จบ ที่แยกควนหนองหงษ์ ต.ควนหนองหงษ์ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ผู้ชุมนุมนำเอาโลงศพ ติดชื่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ มาจุดไฟเผาพร้อมสาปแช่งอย่างโกรธแค้น ที่อ.ชะอวด อ.นาบอน และอ.ท่าศาลา มีมือมืดลอบนำใบปลิวมาแจกจ่าย ข้อความโจมตีตัวแทนที่เดินทางไปเจรจากับรัฐบาล ในทำนองว่ารัฐบาลได้ให้การดูแลตั้งแต่ 200,000 บาทจนถึงหลักล้านบาท ซึ่งฝ่ายข่าวด้านความมั่นคงระบุว่า เป็นยุทธศาสตร์จิตวิทยามวลชน เพื่อให้แกนนำกับกลุ่มผู้ชุมนุมเกิดความไม่ไว้วางใจกัน ทำให้ผู้นำขาดความน่าเชื่อถือ และการเคลื่อนไหวจะอ่อนแรงลง ซึ่งทางการเชื่อว่าจะได้ผลระดับหนึ่ง
**ผู้ว่าฯเมืองคอนงัดกม.คุมเข้มสนามบิน
พล.ต.ท.ยงยุทธ เจริญวาณิช ผบช.ภ. 8 ประชุมลับที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช พิจารณาหลักฐานต่างๆ เพื่อเสนอศาลขอออกหมายจับกุมแกนนำผู้ชุมนุมบางรายเพิ่มเติม
นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช อาศัยอำนาจตามพ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 2550 ประกาศใช้พ.ร.บ. 2 จุด คือ ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช และอาคารศาลากลางจังหวัด หากมีผู้ฝ่าฝืนไม่ว่าบุคคลหรือกลุ่มบุคคลเข้าไปชุมนุมในพื้นที่ประกาศใช้พ.ร.บ. มีโทษปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ
**สุราษฎร์นัดเผาโลง"ปู-กิตติรัตน์-ยุคล"
ที่จ.สุราษฎร์ธานี นายมนูญ อุปลา แกนนำและผู้ประสานเครือข่ายชาวสวนยางพาราภาคใต้ กล่าวว่า จะทำโลงศพของน.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกิตติรัตน์ และนายยุคล พร้อมกันหน้าที่ว่าการอำเภอ 19 แห่ง โดยจะประสานแกนนำจังหวัดอื่นทำในรูปแบบเดียวกัน"มติกนย.แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่จริงใจในการแก้ปัญหา ได้แต่ถ่วงเวลาไปเรื่อยๆ เหมือนกับจะแบ่งแยกดินแดน แยกประเทศไปอยู่กับชาวนาแล้ว"
นายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เรียกประชุมหัวหน้าส่วนราชการ เตรียมรับมือการชุมนุมระลอก 2 โดยกล่าวว่า การปิดถนนทางหลวงสาย 417 และขู่จะปิดสนามบินสุราษฎร์ธานี ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจโดยรวมกว่า 100 ล้านบาท
พล.ต.ต.เกียรติพงศ์ ขาวสำอางค์ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ตำรวจอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับผู้ที่ทำผิดกฎหมาย และแม้จะสลายการชุมนุมแล้ว แต่ยังคงเฝ้าระวังสถานที่สำคัญ เพราะผู้ชุมนุมประกาศเคลื่อนไหวแบบดาวกระจาย จนกว่าจะได้ตามที่เรียกร้อง
**3แกนนำม็อบตรั้งรับทราบข้อกล่าวหา
เวลา 17.30 น. นายอุดมเดช วรรณบวร ส.อบจ.ตรัง เขตอ.ห้วยยอด และนายสอและ กูมุดา ทนายความที่ปรึกษาคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นำนายปรีชา ส่งเสริม นายชิต ชูช่วย และนายสุชาติ ชาตรีกูล แกนนำม็อบชาวสวนยาง มารับทราบข้อกล่าวหากับพนักงานสอบสวนสภ.ห้วยยอด มีนายนันธวัช เจริญวรรณ นายอำเภอห้วยยอด พ.ต.อ.ชรินทร์ โกพัฒน์ตารอง ผบก.ภ.จว.ตรัง และพ.ต.อ.ปัญจพล ชำนาญหมอ ผกก.สภ.ห้วยยอด อำนวยความสะดวก
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันชุมนุมหรือมั่วสุมใดๆตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป หรือกระทำการใดๆอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่เรียบร้อย และร่วมกันปิดกั้นถนนและจอดรถกีดขวางทางจราจรบนถนนทางหลวง อันเกิดอันตรายต่อยานพาหนะหรือบุคคลอื่น ซึ่งทั้ง 3 คนให้การปฏิเสธ และพร้อมต่อสู้ในชั้นศาล
จากนั้นตำรวจได้นำตัวไปทำประวัติ แล้วปล่อยตัว ซึ่งทั้ง 3 คนได้กลับไปชุมนุมกับชาวสวนยาง ต่อ โดยยังเหลือนายศักดิ์สฤษดิ์ ศรีประศาสตร์ อดีตส.อบจ. เขตอ.รัษฎา ซึ่งยังไม่ได้มารับทราบข้อกล่าวหา
**ส.อบจ.ลั่น"ตำรวจ"เติมเชื้อไฟให้ลุกโชน
นายปรีชา กล่าวว่า ไม่พอใจการทำหน้าที่ของตำรวจ โดยเฉพาะพ.ต.อ.ปัญจพล ซึ่งเปรียบเหมือนเติมเชื้อไฟให้ลุกโชนขึ้นอีก แทนที่จะหาทางแก้ปัญหาให้ประชาชน ดังนั้นจะยกระดับโดยระดมมวลชนให้ได้ถึง 50,000 คน เพื่อแสดงพลังให้ทางรัฐบาลและเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเห็น
พ.ต.อ.บุญทวี โตรักษา รองผบก.ภ.จว.กระบี่ กล่าวว่า พนักงานสอบสวนสภ.เมือง ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายเรียกแกนนำ รวมทั้งผู้สนับสนุนชักชวนให้ผู้ชุมนุมปิดถนนศรีตรัง สามแยกวัดถ้ำเสือวิปัสสนา หมู่ 11 ต.กระบี่น้อย อ.เมือง เมื่อวันที่ 3 กันยายนรวม 7 คน เพื่อทำการสอบสวน หากไม่มาตามหมายเรียก 2 ครั้ง จะขออนุมัติศาลออกหมายจับ
**บอยคอตกลุ่มทุนหนุนรัฐ-ขู่ปิดตลาดกลาง
ที่ห้องอาหารลัคกี้ หน้ากองบิน 56 อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา เครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางและสวนปาล์ม 16 อำเภอ ร่วมกำหนดมาตรการตอบโต้ โดยมีมติให้เคลื่อนไหวภายในใต้ชื่อ "เครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางและสวนปาล์ม" มีนายธนพล ทองหวาน เป็นประธาน จากนั้นออกแถลงการณ์ มาตรการตอบโต้ ประกอบด้วย ไม่ชุมนุมปิดถนนหรือสถานที่สำคัญ แต่จะประสานงานให้เครือข่ายดำเนิน 3 มาตรการหลักในการกดดันกันทั่วประเทศ คือ ไม่ซื้อ ไม่กิน ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มทุนที่สนับสนุนรัฐบาล เริ่มจากถอนเงินจากสถาบันการเงินของรัฐ นำไปฝากไว้กับสหกรณ์แทน เลิกใช้โทรศัพท์มือถือเครือข่ายเอไอเอส เลิกใช้บริการของกลุ่มปตท. โดยจะเริ่มพร้อมกันทั่วประเทศภายใน 10 วัน
ส่วนอีกอีก 2 มาตรการ เป็นมาตรการขั้นแตกหัก คือ ปิดตลาดกลางยางพาราทั่วประเทศเพื่อหยุดการซื้อขาย และปิดช่องทางการส่งออก ทั้งท่าเรือ และด่านพรมแดน
นายปรีชา สุขเกษม ประชาสัมพันธ์เครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางและสวนปาล์ม กล่าวว่า จะจัดตารางวันเวลาและสถานที่ดำเนินการแต่ละมาตรการอีกครั้ง
**ระดมตร.คุมสนามบินตรัง-กระบี่-หาดใหญ่
นายถาวร แสงอำไพ ผู้อำนวยการการท่าอากาศยานตรัง กล่าวว่า จำเป็นต้องปิดเส้นทางเข้า-ออกด้านทิศเหนือ ตรงข้ามเทศบาลตำบลโคกหล่อ มาใช้ประตูทางทิศตะวันออก ติดถนนตรัง-ปะเหลียน เลี้ยวซ้ายเข้ากองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ซึ่งอาจทำให้ประชาชนไม่ค่อยได้รับความสะดวก ก็ต้องขออภัยด้วย โดยขอกำลังกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด เข้ามาดูแลพื้นที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชุดควบคุมฝูงชน ตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ 2 กองร้อย วางกำลังป้องกันประตูทางเข้าท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่ และภายในอาคารผู้โดยสาร และตั้งด่านตรวจตามถนนสายหลัก เพื่อสกัดไม่ให้รวมตัวกันปิดถนนจ.สงขลา ฝ่ายปกครอง และตำรวจพร้อมรับมือการชุมนุมใหญ่ โดยเฉพาะจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เช่น ศาลากลางจังหวัดสงขลา ซึ่งมีการตรวจเข้มรถยนต์ โดยการสแกนบัตรประชาชนที่ประตูทางเข้า เพื่อบันทึกประวัติ รวมถึงสนามบินหาดใหญ่ ได้เตรียมเจ้าหน้าที่ป้องกันการดาวกระจายปิดเส้นทางเข้า-ออกด้วยกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ออกมาตรการรับมือการชุมนุม โดยขอความร่วมมือให้ชุมนุมอยู่อย่างสงบ ปราศจากอาวุธ เคารพสิทธิ์ของผู้อื่น โดยเจ้าหน้าที่จะไม่พกพาอาวุธ และวัตถุระเบิด มีเพียงอุปกรณ์ดูแลฝูงชนตามหลักสากลเท่านั้น และจะดำเนินการทางกฎหมายหากมีการปิดถนน ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
***ม็อบบ้านตูลถอยยอมเปิดทางรถไฟแล้ว
เย็นวันเดียวกัน ที่แยกควนเงิน ต.บ้านตูล อ.ชะอวด หลังจากนายเอียดและตัวแทนชาวสวนหารือกัน ได้มีมติว่าจะยอมถอย 1 ก้าว คือ เปิดเส้นทางรถไฟที่แยกควนเงิน ตั้งแต่เวลา 17.30 น. และให้เวลารัฐบาล 7 วัน หากยังไม่รับข้อเรียกร้อง จะชุมนุมใหญ่อีกครั้ง โดยขอให้ทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ ติดป้ายขับไล่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่วนเวทีการชุมนุมที่แยกควนเงิน จะดำเนินต่อไป หรือไปร่วมกับกลุ่มที่แยกหนองหงษ์ ให้ขี้นอยู่กับดุลยพินิจของพี่น้องบ้านตูล
นายเอียด กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องยอมถอย 1 ก้าว เพื่อต้องการให้พี่น้องได้พักผ่อน และคำนึงถึงความเดือดร้อนของพี่น้องในพื้นที่ ที่ต้องใช้รถไฟในการสัญจร ส่วนกรณีคณะกรรมการแก้ไขปัญหาราคายางพารา จะเดินทางมาเจรจาที่โรงแรมทวินโลตัส อ.เมือง เวลา 10.00 น. นั้น กลุ่มผู้ชุมนุมจะไม่ไป หากต้องการเจรจาก็ต้องลงพื้นที่จุดชุมนุม
**ม็อบพัทลุงยอมเปิดถนนสู่ฝั่งอันดามัน7วัน
ช่วงค่ำวันเดียวกัน นายดลเดช พัฒนรัฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เจรจาและรับเรื่องร้องเรียนจากชาวสวนยางและปาล์มน้ำมัน ซี่งปิดถนนเพชรเกษม ช่วงพัทลุง-ตรัง หมู่ 3 ต.บ้านนา อ.ศรีนครินทร์ โดยรับหนังสือเรียกร้อง 3 ข้อ ประกอบด้วย 1.ให้รัฐบาลชดเชยราคาน้ำยางสด ณ จุดรับซื้อในราคา 91 บาทต่อกิโลกรัม โดยยึดราคาตลาดเป็นตัวตั้ง และชดเชยส่วนต่างให้ถึงมือเกษตรกร 2.ให้รัฐบาลประกันราคาปาล์มน้ำมันไม่ต่ำกว่า 7 บาทต่อกิโลกรัม และ 3.ให้รัฐบาลแก้ปัญหาเร่งด่วนภายใน 7 วัน
นายดลเดช กล่าวว่า จะเร่งส่งหนังสือไปยังรัฐบาลโดยเร็วที่สุด และจะติดตามความคืบหน้า แจ้งแกนนำต่อไปต่อมา ผู้ชุมนุมยอมเปิดถนน แต่ยืนยันกว่ายืนยันว่า หากไม่ได้คำตอบที่พอใจภายในกำหนด จะชุมนุมกันอีกครั้ง พร้อมยกระดับความรุนแรงด้วย
**เหนือยันถูกการเมืองแทรก-ทั้งขู่ทั้งปลอบ
นายวีระศักดิ์ สินธุวงศ์ ประธานเครือข่ายชาวสวนยางจ.พิจิตร กล่าวว่า ที่ชาวสวนยางภาคเหนือและภาคอีสาน ที่เคยมีมติร่วมกับเครือข่ายทั่วประเทศว่า จะชุมนุมปิดถนนวันที่ 3 กันยายน แต่ต้องยกเลิกไปนั้น ทางภาคเหนือถูกนักการเมืองเข้าแทรกแซง โดยผู้มีอิทธิพลระดับจังหวัดทั้งขู่ทั้งปลอบ ตามยุทธศาสตร์ “แยกปลาออกจากน้ำ” อย่างไรก็ตามตอนนี้ชาวสวนยาง 56 จังหวัด แบ่งออกเป็น 3 ทีม คือ ภาคใต้ เป็นกองหน้าหัวหมู่ทะลวงฟัน ปิดถนนแสดงจุดยืนไม่มีถอย ภาคอีสานเป็นกองกลางส่งคนเข้าสมทบเป็นระยะ เพื่อให้พี่น้องภาคใต้ได้พักผ่อน ส่วนภาคเหนือเป็นกองหนุนและทัพหลัง
**ประธานชสยท.เชื่อเดือนหน้าขึ้น90บาท
นายเพิก เลิศวังพง ประธานชุมชนสหกรณ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย จํากัด (ชสยท.) กล่าวว่า ภายในเดือนตุลาคมนี้ราคายางจะปรับขึ้นไปที่ 90 บาทต่อกิโลกรัม ไม่จำเป็นต้องเข้าแทรกแซง เพราะการให้เงินอุดหนุนจะทำให้กลไกการตลาดเป็นตัวขับเคลื่อนราคา เม็ดเงินถึงเกษตรกรโดยตรง ซึ่งครึ่งปีหลังผลิตได้ 3-3.5 แสนตันต่อเดือน มีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศเข้ามาแล้ว โดยเฉพาะจีน"ราคาตกช่วงที่ผ่านมาเพราะผู้ค้าคนกลางกดราคา เพื่อจะได้ซื้อยางในสต๊อกของรัฐบาลที่กว่า 210,000 ตันในราคาถูก หากได้ไปก็จะมีการไปเก็งกำไร"
**นัดถกแกนนำวันนี้ที่นครศรีธรรมราช
พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐรัฐมนตรี ที่ได้รับการแต่งตั้งเป้นประธานคระเจรจาฯ กล่าวว่า วันที่ 6 กันยายน เวลา 10.00 น. คณะกรรมการจะไปเจรจาทำเข้าใจ หาข้อยุติร่วมกันกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่โรงแรมทวินโลตัส จ.นครศรีธรรมราช ส่วนภาคอีสานและภาคเหนือ จะพิจารณาอีกครั้ง โดยจะเจรจาให้เปิดเส้นทางเป็นชั้นตอนต่อไป
สำหรับคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหายางพารา ประกอบด้วย พล.ต.อ.ประชา เป็นประธาน นายกิตติรัตน์ นายยุคล เป็นรองประธาน กรรมการประกอบด้วย นายวราเทพ นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ อธิบดีกรมป่าไม้ พล.ต.ต.ธวัช เป็นเลขานุการ และนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ช่วยเลขานุการ
**"ปู"อีกแล้วต้องแก้"ต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ"
ด้านน.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า รัฐบาลจะดูแลทั้งเจ้าของสวนยาง คนกรีดยาง พ่อค้า และผู้ส่งออก จึงเป็นที่มาของการตั้งคณะกรรมการ ทั้งนี้ไม่สามารถแก้ปัญหาต้นน้ำอย่างเดียว คือ ผู้ที่ปลูกยางหรือเจ้าของสวน และคนกรีดยาง ส่วนกลางน้ำ คือ ผู้ที่รับซื้อส่งขายในประเทศและต่างประเทศ และสต๊อกที่มีอยู่ รวมถึงต้องดูบริษัทเอกชนที่แปรรูป คนขาย ต้องพูดคุยกันทั้งระบบต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ
"รัฐบาลมีความตั้งใจจริง และอยากช่วยแก้ปัญหา ต้องขอน้อมรับว่าปัญหามีความสลับซับซ้อน จึงต้องมีคณะพูดคุยอย่างเป็นระบบ ขอยืนยันว่ารัฐบาลดูแลเกษตรกรอย่างไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ว่าจะปลูกพืชชนิดไหน ซึ่งการดูแลชาวนา จะไม่เหมือนชาวสวนยาง เพราะปลูกข้าวแต่ละปี 1 ครั้ง มีการลงทุนและขาย ปีหน้าก็ต้องลงทุนใหม่ แต่กชาวสวนยาง เป็นการลงทุนปลูกยาง ค่าแรงกรีดยาง ซึ่งรัฐก็ดูแลมาตลอด แต่รูปแบบการไม่เหมือนกัน ดังนั้นไม่ว่าจะอยู่ภาคไหน ปลูกพืชอะไรรัฐบาลก็ตั้งใจดูแลเต็มที่อยู่แล้ว"ส่วนการประชุมภาคอุตสาหกรรมวันที่ 6 กันยายนนั้น เรื่องนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ได้คุยกับชาวสวนยาง โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมเชิญผู้ที่อยู่ปลายน้ำ ที่เน้นการแปรรูปยาง เช่น ถุงมือยางที่กระทรวง สาธารณสุขออกมาตรฐานการผลิตในไทยได้ รวมถึงโรงงานเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ที่ใช้ยางพารา
**ชี้หากยืดเยื้อเกิน1เดือนกระทบจีดีพี0.1%
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า หากไม่สามารถยุติปัญหาได้ภายใน 1 เดือน จะกลายเป็นความกังวลทางการเมือง ทำให้คนชะลอการจับจ่ายใช้สอย การท่องเที่ยวในภาคใต้ที่จะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น การขนส่งอาหารทะเล ยางพารา ปูนซีเมนต์ อาจเสียหายราว 1 หมื่นล้านบาท จะกระทบผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือจีดีพีทั้งปีให้ลดลง 0.1%
**สภาถกราคายางเจอ"พายัพ"ขอปิดประชุม
ที่รัฐสภา การประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาญัตติแก้ปัญหาราคายางพารา จนเวลา 18.50 น. นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ขอหารือด่วนว่าขณะนี้ตำรวจยิงแก็สน้ำตาสลายการชุมนุมที่อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธุ์ ไม่เหมือนที่ตกลงว่าจะไม่ใช้ความรุนแรง จะไม่เรียกว่าโหดเหี้ยมใจดำอำมหิตได้อย่างไรขณะที่ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กำลังเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาการชุมนุมโดยด่วน แต่นายพายัพ ปั้นเกตุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กลับลุกขึ้นเสนอญัตติขอปิดอภิปราย แต่นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานในที่ประชุม ได้ประนีประนอมโดยขอร้ให้นายพายัพถอนญัตติ เพื่อให้ฝ่ายค้านอภิปรายต่อไป แต่นายพายัพยังยืนยันญัตติขอปิดอภิปราย
**"น้องเทือก"ฉุนขาดทุ่มเก้าอี้ท้าปิดไปเลย
นายวิสุทธิ์จึงขอให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องรายงานเรื่องแก็สน้ำตาก่อน แต่ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ หลายคนลุกขึ้นประท้วง ขณะที่นายเชน เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฏรธานี พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นทุ่มเก้าอี้ พร้อมกับตะโกนด้วยความโกรธแค้นว่า "ให้ปิดอภิปรายไปเลย เพราะทำตามใจทุกอย่างอยู่แล้ว แก้รัฐธรรมนูญก็จะทำทั้งวันเสาร์ วันอาทิตย์ พอเรื่องนี้ก็จะมาปิดปากฝ่ายค้านอีก" จากนั้นได้เดินไปชี้หน้านายวิสุทธิ์ และกล่าวว่า หากในสภาไม่พูดคุยเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน แล้วจะมีหน้าอยู่ในสภาได้อย่างไร นายประมวล พงศวราเดช ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวในรายการ new hour สถานีโทรทัศน์เอเอสทีวีผู้จัดการ ว่าขณะที่นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ชี้แจงในที่ประชุมสภาว่า รัฐบาลไม่มีนโยบายใช้ความรุนแรงสลายม็อบ อยากถามว่า เชื่อถือได้หรือไม่ เพราะสถานการณ์ไม่ได้เป็นไปอย่างที่นายณัฐวุฒิชี้แจง ส่วนจะใช้แก๊สตาหรือไม่นั้น สอบถามชาวบ้านบอกว่าได้ยินเสียงดังตูมหลายครั้ง โดยตำรวจได้จับกุมแกนนำไปด้วย แต่ไม่ทราบว่าจับไปไว้ที่ไหน