xs
xsm
sm
md
lg

ทะแม่ง!ยุติสอบจำนำข้าว ชาวนาขู่ประท้วง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-ผู้ตรวจการแผ่นดินสั่งยุติสอบโครงการจำนำข้าวเปลือก บอกไม่อยู่ในอำนาจ แถมเรื่องทุจริตถูกยื่นต่อ ป.ป.ช. แล้ว ยื่น "ปู" 5 ข้อ ปรับปรุงนโยบายจำนำ ด้านชาวนารับไม่ได้ มติ ครม. บิดเบือนคำมั่นสัญญา เตรียมนัดรวมพลเคลื่อนไหว "ปึ้ง"โวจีนเตรียมซื้อข้าวไทย 1 ล้านตัน

นายรักษเกชา แฉ่ฉาย โฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินได้มีมติให้ยุติเรื่อง กรณีที่นายวรา จันทร์มณี ตัวแทนเครือข่ายหยุดผูกขาดตลาดข้าว และนายปราโมทย์ วานิชานนท์ และคณะ ได้ยื่นเรื่องขอให้ตรวจสอบการดำเนินการตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาล และมติคณะรัฐมนตรีในการดำเนินการตามโครงการดังกล่าวมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ตลอดจนมีพฤติการณ์ส่อไปในทางทุจริต อันอาจก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจต่อประเทศ เพื่อให้ส่งเรื่องพร้อมความเห็นให้ศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลปกครองวินิจฉัยต่อไป

สาเหตุที่ให้ยุติเรื่อง เนื่องจากเห็นว่า การดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาล เป็นไปตามที่แถลงนโยบายต่อรัฐสภา และเป็นการใช้อำนาจในฐานะรัฐบาล จึงไม่ใช่การร้องเรียนเกี่ยวกับการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย หรือปฏิบัตินอกเหนืออำนาจหน้าที่ จึงไม่อยู่ในอำนาจของผู้ตรวจการแผ่นดินที่จะเสนอเรื่องพร้อมความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลปกครองได้ ประกอบกับประเด็นการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาล ได้มีการยื่นเรื่องร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติสอบสวนแล้ว

ทั้งนี้ ผู้ตรวจการแผ่นดิน เห็นว่าการดำเนินการตามนโยบายดังกล่าวของรัฐบาลมีปัญหาการทุจริตเป็นเหตุให้เกิดการร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน จึงมีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อเสนอแนะให้พิจารณานโยบายรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลที่จะเริ่มดำเนินการในปี 2556/57 จำนวน 5 ข้อ ดังนี้

1.ขอให้ใช้นโยบายการรับจำนำข้าวเปลือกในช่วงระยะเวลาอันสมควร และให้ใช้นโยบายประกันรายได้มาเป็นเครื่องมือในการช่วยเหลือเกษตรกรร่วมด้วย เพราะการรับจำนำเป็นการบิดเบือนกลไกตลาด มีข้าวค้างสต๊อกจำนวนมาก คุณภาพข้าวเสื่อม และมีปัญหาทุจริตในทุกขั้นตอน ผู้ได้ประโยชน์มีเพียงบางกลุ่ม ไม่ครอบคลุมเกษตรกร แต่นโยบายประกันรายได้จะช่วยลดการทุจริต เกษตรกรได้ประโยชน์ทั่วถึง กลไกตลาดไม่ถูกบิดเบือน และไม่เป็นภาระงบประมาณ

2.ขอให้พิจารณารับจำนำข้าวเปลือกในราคาที่เหมาะสม ใกล้เคียงราคาตลาด ป้องกันปัญหาเกษตรกรไม่มาไถ่ถอน และรัฐต้องแบกรับภาระค่าเก็บค่ารักษา การขาดทุนจากการขาย การเสื่อมสภาพ และยังช่วยป้องกันการลักลอบนำเข้าข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาสวมสิทธิ รวมทั้งต้องช่วยลดต้นทุนให้กับเกษตรกร เช่น การจัดหาแหล่งน้ำ ปุ๋ย พันธุ์ข้าว เป็นต้น เพื่อให้เกษตรกรชาวนาสามารถช่วยเหลือพึ่งพาตนเองได้ในระยะยาว

3.ขอให้พิจารณากำหนดราคารับจำนำข้าวเปลือกแต่ละชนิด ให้เหมาะสมสอดคล้องกับต้นทุนการผลิต โซึ่งข้าวเปลือกคุณภาพดี จะต้องมีราคารับจำนำที่แตกต่างจากข้าวที่มีคุณภาพต่ำหรือด้อยกว่า มิใช่เป็นการรับจำนำข้าวเปลือกแบบทุกเมล็ด

4.ขอให้พิจารณากระบวนการตรวจสอบปริมาณ และคุณภาพของข้าวสารที่สีแปรรูปแล้วก่อนจะนำเข้าจัดเก็บในคลังของรัฐบาล โดยจำกัดผู้รับผิดชอบในแต่ละขั้นตอนให้ชัดเจน และสามารถมีกระบวนการตรวจสอบได้อย่างเหมาะสมตลอดเวลา

5.ขอให้พิจารณาการระบายข้าวในคลังของรัฐบาล โดยเปิดการประมูลอย่างเปิดเผยเป็นที่ทราบแก่บุคคลทั่วไปในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ควรเปิดการประมูลในปริมาณจำนวนมากในคราวเดียวกัน เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ค้ารายย่อยได้มีโอกาสเข้าร่วมการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม และต้องเปิดเผยตัวเลขการจัดเก็บ ปริมาณส่งออก รายชื่อผู้ประมูลข้าวที่ได้ในแต่ละครั้ง รวมทั้งให้ระบายข้าวโดยวิธีการบริจาคให้กับองค์กร มูลนิธิ ประเทศที่ยากจน หรือประเทศที่ไทยยังไม่เคยเปิดตลาด เพื่อประชาสัมพันธ์ให้รู้จักข้าวไทย

อีกด้าน นายวิเชียร พวงลำเจียก นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย กล่าวว่า ชาวนากว่า 40 จังหวัด ไม่พอใจและรับไม่ได้กับมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 3 ก.ย.2556 ที่เห็นชอบแนวทางการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2556/57 ตามที่คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ได้เสนอมา เนื่องจากที่ผ่านมา กขช. ไม่ได้รับฟังความเห็นของสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทยในประเด็นดังกล่าวเลย ซึ่งเกษตรกรชาวนาทั่วประเทศกำลังรวมตัว เพื่อกำหนดท่าทีในการเคลื่อนไหวเรียกร้องต่อรัฐบาล

"นโยบายรับจำนำข้าวของรัฐบาลวันนี้ บิดเบือนคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้กับเกษตรกรชาวนาทั่วทั้งประเทศ ด้วยการหั่นราคารับจำนำข้าว และจำกัดวงเงินต่อครัวเรือน ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ เชื่อว่า ผลเสียจะกลับมาสู่พรรคเพื่อไทย"

สำหรับมติ ครม. กำหนดว่า ข้าวนาปี จะเริ่มจำนำตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2556 กำหนดเพดานราคาการรับจำนำข้าวเปลือกเจ้า ความชื้นไม่เกินร้อยละ 15 ที่ราคาตันละ 15,000 บาท แต่ก็มีการจำกัดวงเงินต่อครัวเรือน ไม่เกินรายละ 350,000 บาท/ครัวเรือน ส่วนข้าวเปลือกนาปรังกำหนดอัตรารับจำนำ ความชื้นไม่เกินร้อยละ 15 ในราคาตันละ 13,000 บาท จำกัดวงเงินต่อครัวเรือนอยู่ที่ 300,000 บาท/ครัวเรือน

ทางด้านนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ในระหว่างการหารือระหว่างน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กับนายหลี เค่อ เฉียง นายกรัฐมนตรีของจีน เมื่อวันที่ 2 ก.ย. ในช่วงการเดินทางเยือนจีนอย่างเป็นทางการ ซึ่งจีนได้ระบุว่าจะซื้อข้าวจากไทยจำนวน 1 ล้านตัน และหากราคาในขณะนั้นสูงถึง 1.5 หมื่นบาท ก็จะสร้างรายได้ถึง 1.5 หมื่นล้านบาท โดยได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ดำเนินการต่อ แต่ยังไม่ได้กำหนดกรอบ เพราะต้องประสานกันอีก ทั้งนี้ จีนยังยินดีที่จะพิจารณาซื้อสินค้าเกษตรอื่นๆ เพื่อสนับสนุนไทยอีกด้วย

“แสดงให้เห็นว่าการเยือนประเทศต่างๆ ของนายกฯ สามารถทำประโยชน์ให้กับประเทศ ส่วนที่มีการโจมตีว่าใช้งบประมาณเดินทางต่างประเทศมากถึง 300 ล้านบาท หากเทียบกับผลประโยชน์ที่จะได้รับ ถือว่าใช้ไปแค่ร้อยละ 1.2 เท่านั้น จึงอยากให้ฝ่ายที่ติติงเข้าใจด้วย”นายสุรพงษ์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น