ชื่อโครงการรับจำนำ แต่การกระทำคือรับซื้อ
คนไทยทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนระดับของสังคมเมืองหรือที่เรียกขานเป็นทางการว่า ผู้มีรายได้น้อยจะคุ้นเคยกับคำว่า จำนำ และโรงรับจำนำเป็นอย่างดี ในฐานะเป็นที่พึ่งทางการเงินในยามคับขัน ต้องการใช้เงินอย่างเร่งด่วน และหาหยิบยืมจากที่ไหนไม่ได้
คำว่า “จำนำ” หมายถึงการนำทรัพย์สินไปเป็นหลักประกันในการกู้ยืมเงินจากโรงรับจำนำ หรือถ้าเป็นของส่วนราชการก็เรียกสถานธนานุบาล และจำนวนเงินที่จะได้ขึ้นอยู่กับมูลค่าของทรัพย์สิน และราคาที่ทางโรงรับจำนำกำหนด แต่ก็จะไม่สูงกว่ามูลค่าของทรัพย์สินที่จะพึงขายได้ในขณะนั้น
โดยปกติแล้วทางโรงรับจำนำจะตีราคาต่ำเผื่อว่าทางผู้จำนำไม่ไถ่ถอนคืน จะได้นำทรัพย์ที่รับจำนำไปขายแล้วได้ราคาสูงกว่าราคาที่รับจำนำบวกกับที่ผู้จำนำต้องจ่ายเมื่อมาไถ่ถอนคืน ทั้งนี้เพื่อให้มีกำไรคุ้มค่าในทางธุรกิจ
ส่วนระยะเวลาในการไถ่ถอนคืน และอัตราดอกเบี้ยขึ้นอยู่กับการกำหนดของโรงรับจำนำ แต่ไม่เกินที่กฎหมายกำหนด นี่คือลักษณะของการรับจำนำ
แต่โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ภายใต้การนำของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มิได้มีลักษณะของการจำนำ ทั้งนี้อนุมานด้วยเหตุปัจจัยในเชิงตรรกะดังนี้
1. ชาวนานำข้าวเปลือกที่ผลิตได้มาขายให้แก่โรงสี ซึ่งอยู่ในการรับจำนำข้าวตามที่รัฐบาลกำหนด และราคาที่รับจำนำเป็นไปตามที่รัฐบาลกำหนด ซึ่งสูงกว่าราคาตลาดในขณะนั้น
2. ไม่มีเงื่อนไขว่าชาวนาจะมาไถ่ถอนคืน และไม่มีดอกเบี้ยที่จะต้องจ่ายเหมือนการจำนำทรัพย์สินกับโรงรับจำนำ
3. ไม่เคยปรากฏว่าชาวนาคนใดไถ่ถอนคืน
ด้วยเหตุปัจจัย 3 ประการนี้ จึงไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นการรับจำนำ แต่ควรเรียกว่า การรับซื้อจึงจะถูกต้อง
ปัญหาสืบเนื่องจากการรับจำนำข้าว
เนื่องจากรัฐบาลรับซื้อข้าวจากชาวนาในราคาสูงกว่าราคาในตลาด ดังนั้นโอกาสที่จะขายออกไปโดยที่ไม่ขาดทุนหรือแม้กระทั่งขาดทุนน้อยก็กระทำได้ยาก จึงทำให้มีปัญหาเกิดขึ้นตามมานานัปการ อนุมานได้ดังต่อไปนี้
1. ต้องเก็บไว้เป็นเวลานาน ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เช่น ค่าเช่าโกดังในการจัดเก็บค่าดูแลรักษา เป็นต้น
2. ข้าวซึ่งเก็บไว้นาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เก็บไว้ในรูปของข้าวสาร จะมีมอด และแมลงกัดกิน รวมไปถึงการเกิดเชื้อราเน่าเสียในกรณีที่มีความชื้นมากเกินไป ทำให้ข้าวเสื่อมคุณภาพขายไม่ได้ราคาเท่าที่ควรจะเป็น
อีกประการหนึ่ง ข้าวสารที่เก็บไว้นานจะต้องมีการใช้สารเคมีเพื่อป้องกันมอดและแมลงโดยการรมเพื่อป้องกัน และขจัดแมลงประมาณ 3 เดือนต่อหนึ่งครั้ง และถ้าเก็บไว้เป็นปีก็ต้องใช้เคมีรมถึง 4 ครั้ง และนี่เองคือเหตุให้มีเคมีปนเปื้อนในข้าวตามที่เป็นข่าวอยู่ในขณะนี้
นอกจากจะมีปัญหาสืบเนื่องจากการเก็บข้าวดังกล่าวแล้ว การรับจำนำข้าวของรัฐบาลยังเปิดช่องว่างให้มีการแสวงหาประโยชน์ในทางมิชอบเกิดขึ้นหลายประการ อนุมานได้ดังนี้
1. เมื่อราคารับจำนำข้าวในประเทศไทยแพงกว่าในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เขมร และพม่า จึงเท่ากับเปิดโอกาสให้ข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านมาสวมรอยข้าวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าวคุณภาพต่ำ
2. ในรการระบายข้าวจากสต๊อกของรัฐบาลได้เกิดกระบวนการทุจริตเกิดขึ้น มีทั้งขายออกไปในราคาต่ำ และที่ผู้รับซื้อนำไปขายต่อในราคาสูง ทั้งๆ ที่เป็นการขายในประเทศ ทำให้ข้าวหมุนเวียนอยู่ในประเทศไม่ได้เงินตราเข้าประเทศ ทั้งยังเป็นการทำให้ตลาดข้าวในต่างประเทศประสบปัญหา เนื่องจากราคาสูงกว่าประเทศคู่แข่ง และในขณะเดียวกัน คุณภาพข้าวด้อยลงด้วย
ผลกระทบในทางลบ ทั้งในส่วนของรัฐบาล และในส่วนของชาวนา
จากโครงการรับจำนำข้าวที่ประสบปัญหาอยู่ในขณะนี้ รัฐบาลภายใต้การนำของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นอกจากจะเผชิญกับปัญหาความไม่เชื่อมั่นในศักยภาพของรัฐบาลแล้ว ยังก่อให้เกิดข้อกังขาในคุณภาพของข้าวไทยในหมู่ผู้บริโภคข้าวด้วย รวมทั้งมีคำถามเกี่ยวกับการแก้ปัญหาทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวที่เริ่มดังขึ้นทุกที โดยที่ยังมองไม่เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้จะมีแนวทางแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างไร เพียงแค่ให้ส่วนราชการออกมาชี้แจงแบบนกแก้ว นกขุนทองทางสื่อของรัฐ รวมไปถึงการออกมากินข้าวโชว์ของนายกรัฐมนตรี คงไม่เพียงพอที่จะทำให้ประชาชนเชื่อได้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ในฐานะคนกินข้าวและในฐานะลูกหลานชาวนาก็แค่หวังว่า รัฐบาลชุดนี้คงจะได้สติ และตื่นขึ้นมารับฟังเสียงของประชาชน และหาแนวทางแก้ไขให้ตรงประเด็นมากกว่าการออกมาใช้วาทกรรมแก้ตัวแก้ต่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งแก้ด้วยการโยนความผิดให้ฝ่ายค้านว่าขัดขวางประโยชน์ที่ชาวนาจะได้รับจากโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งฟังแล้วขบขันและรู้สึกสมเพชความเป็นนักการเมืองที่แก้ปัญหาด้วยการพูดเพื่อให้พ้นตัว
สุดท้าย ขอบอกล่วงหน้าในทัศนะของโหรสมัครเล่นจาก 19 ส.ค.-27 พ.ย. ถ้ารัฐบาลนี้ยังไม่แก้ไข แต่ยังคงยึดอยู่กับการแก้ตัวจะยุ่งอาจทำให้นักการเมืองตกงานได้.
คนไทยทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนระดับของสังคมเมืองหรือที่เรียกขานเป็นทางการว่า ผู้มีรายได้น้อยจะคุ้นเคยกับคำว่า จำนำ และโรงรับจำนำเป็นอย่างดี ในฐานะเป็นที่พึ่งทางการเงินในยามคับขัน ต้องการใช้เงินอย่างเร่งด่วน และหาหยิบยืมจากที่ไหนไม่ได้
คำว่า “จำนำ” หมายถึงการนำทรัพย์สินไปเป็นหลักประกันในการกู้ยืมเงินจากโรงรับจำนำ หรือถ้าเป็นของส่วนราชการก็เรียกสถานธนานุบาล และจำนวนเงินที่จะได้ขึ้นอยู่กับมูลค่าของทรัพย์สิน และราคาที่ทางโรงรับจำนำกำหนด แต่ก็จะไม่สูงกว่ามูลค่าของทรัพย์สินที่จะพึงขายได้ในขณะนั้น
โดยปกติแล้วทางโรงรับจำนำจะตีราคาต่ำเผื่อว่าทางผู้จำนำไม่ไถ่ถอนคืน จะได้นำทรัพย์ที่รับจำนำไปขายแล้วได้ราคาสูงกว่าราคาที่รับจำนำบวกกับที่ผู้จำนำต้องจ่ายเมื่อมาไถ่ถอนคืน ทั้งนี้เพื่อให้มีกำไรคุ้มค่าในทางธุรกิจ
ส่วนระยะเวลาในการไถ่ถอนคืน และอัตราดอกเบี้ยขึ้นอยู่กับการกำหนดของโรงรับจำนำ แต่ไม่เกินที่กฎหมายกำหนด นี่คือลักษณะของการรับจำนำ
แต่โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ภายใต้การนำของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มิได้มีลักษณะของการจำนำ ทั้งนี้อนุมานด้วยเหตุปัจจัยในเชิงตรรกะดังนี้
1. ชาวนานำข้าวเปลือกที่ผลิตได้มาขายให้แก่โรงสี ซึ่งอยู่ในการรับจำนำข้าวตามที่รัฐบาลกำหนด และราคาที่รับจำนำเป็นไปตามที่รัฐบาลกำหนด ซึ่งสูงกว่าราคาตลาดในขณะนั้น
2. ไม่มีเงื่อนไขว่าชาวนาจะมาไถ่ถอนคืน และไม่มีดอกเบี้ยที่จะต้องจ่ายเหมือนการจำนำทรัพย์สินกับโรงรับจำนำ
3. ไม่เคยปรากฏว่าชาวนาคนใดไถ่ถอนคืน
ด้วยเหตุปัจจัย 3 ประการนี้ จึงไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นการรับจำนำ แต่ควรเรียกว่า การรับซื้อจึงจะถูกต้อง
ปัญหาสืบเนื่องจากการรับจำนำข้าว
เนื่องจากรัฐบาลรับซื้อข้าวจากชาวนาในราคาสูงกว่าราคาในตลาด ดังนั้นโอกาสที่จะขายออกไปโดยที่ไม่ขาดทุนหรือแม้กระทั่งขาดทุนน้อยก็กระทำได้ยาก จึงทำให้มีปัญหาเกิดขึ้นตามมานานัปการ อนุมานได้ดังต่อไปนี้
1. ต้องเก็บไว้เป็นเวลานาน ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เช่น ค่าเช่าโกดังในการจัดเก็บค่าดูแลรักษา เป็นต้น
2. ข้าวซึ่งเก็บไว้นาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เก็บไว้ในรูปของข้าวสาร จะมีมอด และแมลงกัดกิน รวมไปถึงการเกิดเชื้อราเน่าเสียในกรณีที่มีความชื้นมากเกินไป ทำให้ข้าวเสื่อมคุณภาพขายไม่ได้ราคาเท่าที่ควรจะเป็น
อีกประการหนึ่ง ข้าวสารที่เก็บไว้นานจะต้องมีการใช้สารเคมีเพื่อป้องกันมอดและแมลงโดยการรมเพื่อป้องกัน และขจัดแมลงประมาณ 3 เดือนต่อหนึ่งครั้ง และถ้าเก็บไว้เป็นปีก็ต้องใช้เคมีรมถึง 4 ครั้ง และนี่เองคือเหตุให้มีเคมีปนเปื้อนในข้าวตามที่เป็นข่าวอยู่ในขณะนี้
นอกจากจะมีปัญหาสืบเนื่องจากการเก็บข้าวดังกล่าวแล้ว การรับจำนำข้าวของรัฐบาลยังเปิดช่องว่างให้มีการแสวงหาประโยชน์ในทางมิชอบเกิดขึ้นหลายประการ อนุมานได้ดังนี้
1. เมื่อราคารับจำนำข้าวในประเทศไทยแพงกว่าในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เขมร และพม่า จึงเท่ากับเปิดโอกาสให้ข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านมาสวมรอยข้าวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าวคุณภาพต่ำ
2. ในรการระบายข้าวจากสต๊อกของรัฐบาลได้เกิดกระบวนการทุจริตเกิดขึ้น มีทั้งขายออกไปในราคาต่ำ และที่ผู้รับซื้อนำไปขายต่อในราคาสูง ทั้งๆ ที่เป็นการขายในประเทศ ทำให้ข้าวหมุนเวียนอยู่ในประเทศไม่ได้เงินตราเข้าประเทศ ทั้งยังเป็นการทำให้ตลาดข้าวในต่างประเทศประสบปัญหา เนื่องจากราคาสูงกว่าประเทศคู่แข่ง และในขณะเดียวกัน คุณภาพข้าวด้อยลงด้วย
ผลกระทบในทางลบ ทั้งในส่วนของรัฐบาล และในส่วนของชาวนา
จากโครงการรับจำนำข้าวที่ประสบปัญหาอยู่ในขณะนี้ รัฐบาลภายใต้การนำของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นอกจากจะเผชิญกับปัญหาความไม่เชื่อมั่นในศักยภาพของรัฐบาลแล้ว ยังก่อให้เกิดข้อกังขาในคุณภาพของข้าวไทยในหมู่ผู้บริโภคข้าวด้วย รวมทั้งมีคำถามเกี่ยวกับการแก้ปัญหาทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวที่เริ่มดังขึ้นทุกที โดยที่ยังมองไม่เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้จะมีแนวทางแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างไร เพียงแค่ให้ส่วนราชการออกมาชี้แจงแบบนกแก้ว นกขุนทองทางสื่อของรัฐ รวมไปถึงการออกมากินข้าวโชว์ของนายกรัฐมนตรี คงไม่เพียงพอที่จะทำให้ประชาชนเชื่อได้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ในฐานะคนกินข้าวและในฐานะลูกหลานชาวนาก็แค่หวังว่า รัฐบาลชุดนี้คงจะได้สติ และตื่นขึ้นมารับฟังเสียงของประชาชน และหาแนวทางแก้ไขให้ตรงประเด็นมากกว่าการออกมาใช้วาทกรรมแก้ตัวแก้ต่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งแก้ด้วยการโยนความผิดให้ฝ่ายค้านว่าขัดขวางประโยชน์ที่ชาวนาจะได้รับจากโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งฟังแล้วขบขันและรู้สึกสมเพชความเป็นนักการเมืองที่แก้ปัญหาด้วยการพูดเพื่อให้พ้นตัว
สุดท้าย ขอบอกล่วงหน้าในทัศนะของโหรสมัครเล่นจาก 19 ส.ค.-27 พ.ย. ถ้ารัฐบาลนี้ยังไม่แก้ไข แต่ยังคงยึดอยู่กับการแก้ตัวจะยุ่งอาจทำให้นักการเมืองตกงานได้.