สถานการณ์ล่าสุดหลังจากที่ กลุ่ม “ติดตามน้ำมัน ปตท. รั่ว”ซึ่งประกอบไปด้วย มูลนิธิบูรณะนิเวศ (EARTH), มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม (Enlaw), กรีนพีซเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Greenpeace Southeast Asia), และสถาบันธรรมรัฐเพื่อการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม (GSEI) ได้เริ่มเรื่องรณรงค์ให้ประชาชนลงชื่อสนับสนุนผ่านเว็บไซต์ change.org/oilspill ขณะนี้ นอกจากคนไทยทั่วประเทศกว่า 10,000คนแล้ว ยังมีชาวต่างชาติทั้งใน เอเชีย ยุโรป และอเมริกา ที่ห่วงใยต่อสิ่งแวดล้อม ได้ร่วมลงชื่อไปแล้วเกือบ 30,000คน ทำให้ยอดผู้สนับสนุน ณ วันที่ 19 ส.ค.มากกว่า 28,000คน
กลุ่ม “ติดตามน้ำมัน ปตท. รั่ว” จึงได้ตัดสินใจนำเสนอรายชื่อต่อสาธารณะในวันพุธที่ 21 ส.ค. 2556 พร้อมกับจัดเวทีสาธาณะ ชวนผู้รู้และนักวิชาการชื่อดัง มาถกปัญหา และข้อเท็จจริง เหตุการน้ำมันรั่วที่ระยอง และเตรียมจะนำรายชื่อทั้งหมดเสนอนายกรัฐมนตรีในเร็วๆนี้
โดยในการเสวนา จะมีการอภิปรายใน 3 ประเด็นคือ 1. “ขั้นตอนกระบวนการ รับมือกับเหตุน้ำมันรั่วทางทะเล” 2. เรื่อง “ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนและการฟื้นฟูเยียวยา” ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และ 3. เรื่อง “ความรับผิดชอบของผู้ก่อมลพิษ ต่อการชดเชยและเยียวยาผลกระทบ” และรูปแบบการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง จากบทเรียนของต่างประเทศ
ทั้งนี้ทางกลุ่มฯ เห็นว่าคณะกรรมการตรวจสอบที่แต่งตั้งเมื่อวันที่ 1 ส.ค.โดย ปตท. ซึ่งเป็นทั้งผู้ก่อเหตุเองและมีส่วนได้เสียโดยตรง จะไม่สามารถสร้างความกระจ่างให้กับเรื่องนี้ได้ จึงเรียกร้องให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการอิสระที่มีการดำเนินงานที่เปิดเผยโปร่งใสตรวจสอบได้ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน โดยมีตัวแทนจาก ภาครัฐ เอกชน ภาควิชาการ ภาคกฎหมาย และภาคประชาชน
โดยแนวทางการตั้งคณะกรรมการอิสระดังกล่าว ได้มาจากกรณีของประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเมื่อปี 2552 ปตท. สผ. ออสตราเลเซีย ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ ปตท. เป็นต้นเหตุของการเกิดน้ำมันรั่วจากหลุมขุดเจาะที่แหล่งมอนทาราของประเทศออสเตรเลีย โดยรัฐบาลได้แต่งตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาตรวจสอบเรื่องนี้ จนทำให้ ปตท.ต้องเสียค่าปรับให้รัฐบาลและศาลออสเตรเลียไปกว่า 8,946ล้านบาท
โดยงานดังกล่าวจะมีขึ้น ในวันพุธที่ 21 ส.ค. 2556 เวลา13.00- 16.30 น. ที่ห้อง 2201 ชั้น 22 ศูนย์ศึกษาวิภาวดี มหาวิทยาลัยรังสิต อาคารทีเอสทีทาวเวอร์ (TST Tower) วิภาวดี ซอย 9 ถนนวิภาวดีรังสิต เเขวงจอมพล เขตจตุจักร โดยทางกลุ่มฯจะนำรายชื่อประชาชนกว่า 25,000 คน ที่ลงชื่อผ่าน www.change.org/oilspill มาจัดทำเป็นแบนเนอร์ยาวกว่า3 เมตร เพื่อใช้เป็นฉากของเวทีอภิปราย ก่อนจะนำรายชื่อดังกล่าวยื่นต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เพื่อเคลื่อนไหวกดดันให้ ปตท.รับผิดชอบความเสียหายจากเหตุน้ำมันรั่วทั้งในระยะสั้นและยาวต่อไป
กลุ่ม “ติดตามน้ำมัน ปตท. รั่ว” จึงได้ตัดสินใจนำเสนอรายชื่อต่อสาธารณะในวันพุธที่ 21 ส.ค. 2556 พร้อมกับจัดเวทีสาธาณะ ชวนผู้รู้และนักวิชาการชื่อดัง มาถกปัญหา และข้อเท็จจริง เหตุการน้ำมันรั่วที่ระยอง และเตรียมจะนำรายชื่อทั้งหมดเสนอนายกรัฐมนตรีในเร็วๆนี้
โดยในการเสวนา จะมีการอภิปรายใน 3 ประเด็นคือ 1. “ขั้นตอนกระบวนการ รับมือกับเหตุน้ำมันรั่วทางทะเล” 2. เรื่อง “ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนและการฟื้นฟูเยียวยา” ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และ 3. เรื่อง “ความรับผิดชอบของผู้ก่อมลพิษ ต่อการชดเชยและเยียวยาผลกระทบ” และรูปแบบการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง จากบทเรียนของต่างประเทศ
ทั้งนี้ทางกลุ่มฯ เห็นว่าคณะกรรมการตรวจสอบที่แต่งตั้งเมื่อวันที่ 1 ส.ค.โดย ปตท. ซึ่งเป็นทั้งผู้ก่อเหตุเองและมีส่วนได้เสียโดยตรง จะไม่สามารถสร้างความกระจ่างให้กับเรื่องนี้ได้ จึงเรียกร้องให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการอิสระที่มีการดำเนินงานที่เปิดเผยโปร่งใสตรวจสอบได้ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน โดยมีตัวแทนจาก ภาครัฐ เอกชน ภาควิชาการ ภาคกฎหมาย และภาคประชาชน
โดยแนวทางการตั้งคณะกรรมการอิสระดังกล่าว ได้มาจากกรณีของประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเมื่อปี 2552 ปตท. สผ. ออสตราเลเซีย ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ ปตท. เป็นต้นเหตุของการเกิดน้ำมันรั่วจากหลุมขุดเจาะที่แหล่งมอนทาราของประเทศออสเตรเลีย โดยรัฐบาลได้แต่งตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาตรวจสอบเรื่องนี้ จนทำให้ ปตท.ต้องเสียค่าปรับให้รัฐบาลและศาลออสเตรเลียไปกว่า 8,946ล้านบาท
โดยงานดังกล่าวจะมีขึ้น ในวันพุธที่ 21 ส.ค. 2556 เวลา13.00- 16.30 น. ที่ห้อง 2201 ชั้น 22 ศูนย์ศึกษาวิภาวดี มหาวิทยาลัยรังสิต อาคารทีเอสทีทาวเวอร์ (TST Tower) วิภาวดี ซอย 9 ถนนวิภาวดีรังสิต เเขวงจอมพล เขตจตุจักร โดยทางกลุ่มฯจะนำรายชื่อประชาชนกว่า 25,000 คน ที่ลงชื่อผ่าน www.change.org/oilspill มาจัดทำเป็นแบนเนอร์ยาวกว่า3 เมตร เพื่อใช้เป็นฉากของเวทีอภิปราย ก่อนจะนำรายชื่อดังกล่าวยื่นต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เพื่อเคลื่อนไหวกดดันให้ ปตท.รับผิดชอบความเสียหายจากเหตุน้ำมันรั่วทั้งในระยะสั้นและยาวต่อไป
