ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ในที่สุดรัฐบาลภายใต้การนำของ “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ก็เผยธาตุแท้ของ “รัฐบาลเผด็จการ” ออกมาอย่างหมดเปลือก โดยล่าสุดได้สั่งการให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ออกหมายเรียก ผู้ที่โพสต์ข้อความในโลกโซเชี่ยนเน็ตเวิร์กเกี่ยวกับข่าวการปฏิวัติรัฐประหาร จำนวน 4 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือสื่อน้ำดีอย่าง “นายเสริมสุข กษิติประดิษฐ์” บรรณาธิการข่าวการเมืองและความมั่นคง สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส การออกหมายเรียกครั้งนี้ได้ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่ารัฐบาลกำลังใช้อำนาจข่มขู่คุกคามประชาชนที่เห็นต่าง ทั้งๆที่อ้างเรื่องประชาธิปไตยมาตลอด เกิดอะไรขึ้นกับบ้านนี้เมืองนี้ !?
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์' จึงได้ขอสัมภาษณ์พูดคุยกับนายเสริมสุขถึงที่มาที่ไปของเรื่องนี้ ว่าแท้จริงแล้วมีเบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างไร !!
กรณีเฟซบุ๊กที่เจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายเรียกคุณเสริมสุขไปสอบปากคำมีที่มาที่ไปยังไง
ข้อความแรกที่ผมโพสต์เนี่ยเป็นข้อความที่เป็นข่าวลือเกี่ยวกับการปฏิวัติซึ่งผมก๊อปมาแปะ พอข้อความนี้ขึ้นปุ๊บก็มีคนมาไลค์ มีคนมาแสดงความเห็น ผมก็โพสต์ข้อความต่อว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพราะจากการตรวจสอบข้อมูลเนี่ยไม่พบความเคลื่อนไหวของฝ่ายกองทัพ ซึ่งข้อความที่ผมโพสต์เนี่ยมันอยู่ติดๆกันเลยนะ แต่ผมไม่รู้ว่าเวลาที่ตำรวจตรวจสอบเนี่ยเขาเข้ามาดูในเฟซบุ๊กผมหรือเขาดูจากข้อความที่มีคนกดแชร์ข้อความของผมซึ่งมันจะไม่มีข้อความที่ผมแสดงความเห็นติดไปด้วย ทำให้ความหมายผิดเพี้ยนไป
คือผมเป็นสื่อมวลชนที่มีคนรู้จักและให้ความเชื่อถือ ผมมีตัวตนในสังคมเฟซบุ๊ก เพราะฉะนั้นการจะโพสต์อะไรผมก็ต้องระวังเพราะตรงนี้มันเป็นความรับผิดชอบของผม ถ้าเอาเรื่องไม่จริงไปโพสต์ คนที่เสียชื่อก็คือผม พื้นที่ตรงนี้เป็นสื่อที่ผมใช้ติดต่อกับคน 10,000 คนในเฟซบุ๊ก คือ 5,000 คนที่เป็นเพื่อนผม และอีก 5,000 คนที่ติดตามผม เพื่อให้ข้อมูลที่ตรงกับข้อเท็จจริงมากที่สุด ที่ผ่านมาผมก็มักโพสต์ข้อมูลหรือเรื่องราวเกี่ยวกับข่าวที่ผมรู้ไปรู้ไปเห็นมาแต่ไม่สามารถลงเป็นข่าวในสื่อทีวีได้ อะไรที่ผมเห็นว่าไม่ถูกต้องผมก็วิจารณ์ ซึ่งที่ผ่านมาผมยืนตามแนวทางนี้มาตลอด หลายครั้งที่มีเพื่อนในเฟซบุ๊กไปโพสต์ว่าสถานการณ์มันอึมดครึมระวังจะมีเหตุการณ์ ผมทำงานตรงนี้ผมก็ใกล้ชิดทหาร มีอะไรผมก็ต่อสายคุย ผมก็ใช้ตัวตนที่ผมมีไปหยุดข่าวลือ ผมก็จะบอกว่า เฮ้ย...มันไม่ได้มีอะไรอย่างที่คุณว่านะ คุณไปลืออย่างนี้มันเสียหายนะ เพราะว่าบางทีเราก็รู้ว่ามันลือแบบไม่มีที่มาที่ไป
ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ก่อนที่จะมีข่าวลือว่าระบอบทักษิณจะปฏิวัติตัวเอง เสื้อแดงก็ออกข่าวว่าฝ่ายต่อต้านรัฐบาลจับมือกับกองทัพ ถึงจุดหนึ่งกองทัพจะออกมา ผมก็บอกว่าผมไม่เห็นความเคลื่อนไหวตรงนั้นเลย พอข่าวนี้ซาไปก็มีข่าวว่าทักษิณสั่งปฏิวัติเอง ผมว่ามันไร้สาระมาก เพราะผู้นำเหล่าทัพไม่เอาด้วย พล.อ.ประยุทธ์ (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก) ก็ไม่เอาด้วย ถ้าผู้นำกองทัพเอาด้วยก็แสดงว่ากินยาผิด ผมก็โพสต์ในเฟซบุ๊กอย่างนี้
แล้วถ้าดูในแง่กฎหมาย ข้อความดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงอย่างที่ตำรวจตั้งข้อหาจริงหรือเปล่า
ก็ผู้มีอำนาจตั้งข้อสังเกตอย่างนั้น มันก็ชี้ไม้เป็นนก ชี้หมาเป็นแมวได้ ผมว่าตรงนี้สังคมเขาเห็นนะ ทุกวันนี้ประชาชนก็ติดตามข่าวสารผ่านสื่อออนไลน์ แล้วเขาก็มีดุลยพินิจในการพิจารณา ซึ่งผมเชื่อว่าสิ่งที่ผมโพสต์เนี่ยมันไม่ได้กระทบความมั่นคง ตรงกันข้ามสิ่งที่ผมทำมันช่วยหยุดข่าวลือด้วยซ้ำ ซึ่งผมว่ามันเป็นการแสดงความเห็นโดยสุจริต
การกระทำของตำรวจครั้งนี้ถือเป็นการละเมิดสิทธิของประชาชนหรือเปล่า
มันก็มองอย่างนั้นได้ เพราะต้องดูว่าสิ่งที่ผมโพสต์มันเข้าข่ายบ่อนทำลายความมั่นคงไหม ถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจอ่านสิ่งที่ผมโพสต์ทั้งหมดแล้วคุณยังตั้งข้อหาแบบนี้ ผมก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ประชาชนต้องพิจารณา สิ่งที่ผมโพสต์ตลอดเวลาที่ผ่านมามันก็เป็นเรื่องจริงทั้งนั้น อย่างคุณทักษิณ ผมก็เรียกแกทุศีล ทุศีลก็คือผิดศีล ถามว่าทักษิณเขาผิดศีลไหม ผมว่าเขาผิดศีลนะ คนทั้งประเทศก็เห็นว่าเขาผิดศีล เพราะสิ่งที่เขาทำมาตลอดคือการโกหก ผมก็เรียกเขาทุศีล ถามว่ามันเสียหายยังไง ถ้าคุณทักษิณพูดอะไรที่ผมเห็นว่าเป็นการโกหกหรือไม่เป็นจริงผมก็จะแย้งในเฟซบุ๊ก
อย่างคุณทักษิณพยายามพูดตลอดว่าเขาถูกกลั่นแกล้ง ผมก็บอก เฮ้ย..มันไม่ใช่นะ คุณโดนคดีที่ดินรัชดาฯ ซึ่งศาลตัดสินว่ามีความผิด สิ่งที่คุณทำมันผิดกฎหมาย ป.ป.ช.(ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ) ไปดูกฎหมาย ป.ป.ช.สิ เขียนไว้ชัดเลยว่าห้ามข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เป็นคู่สัญญากับรัฐ เพราะเขาไม่ต้องการให้มีการใช้อิทธิพลเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับตัวเอง คุณทักษิณให้ภรรยาไปแข่งประมูล แต่คุณทักษิณอ้างว่าถูกกลั่นแล้ง ไม่ได้รับความเป็นธรรม ถามว่าตรงไหนล่ะ ผมบอกคุณทักษิณมาขึ้นเวทีไหม ให้คุณพูดในสิ่งที่คิดว่าคุณถูกกระทำ ผมก็จะบอกว่าคุณทำผิดกฎหมายบ้านเมืองยังไง ถ้าคุณทักษิณคิดว่าผมใส่ร้ายป้ายสีเขาคุณทักษิณก็ฟ้องได้ ผมก็จะไปพิสูจน์ให้เห็นในชั้นศาลว่าเขาโกหกยังไง
เจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างว่าเป็นการโพสต์ข้อความที่ทำให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนก
แต่ผมว่าสถานการณ์ที่ตึงเครียดหรือสังคมที่ตื่นตระหนกเนี่ย การประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ของรัฐบาลเนี่ยมีส่วนอย่างมาก เพราะการที่คุณประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ประกาศปิดถนน 12 สาย รอบพื้นที่รัฐสภาและทำเนียบรัฐบาลทำให้รถติดวินาศสันตะโร สังคมก็ตื่นตระหนกเพราะคิดว่าต้องมีเหตุรุนแรงรัฐบาลถึงได้ประกาศมาตรการแบบนี้ รวมถึงการให้สัมภาษณ์ของฝ่ายรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็น ส.ส. หรืออย่างหมอเหวง (นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช.)ก็บอกว่าจะมีการจับตัวนายกฯ จับตัวประธานรัฐสภา รองประธานรัฐสภา หรือคุณจาตุรนต์ (จาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ)ก็โพสต์ข้อความในลักษณะว่าจะเกิดความรุนแรง หรือแม้แต่นายกฯยิ่งลักษณ์เองก็มาพูดออกทีวีว่ามีคนเรียกร้องสนับสนุนให้เกิดการปฏิวัติ ซึ่งตรงนี้มันก็เป็นสาเหตุให้เกิดความตื่นตระหนก อย่างข่าวการปฏิวัติเนี่ยคนจะไม่เชื่อเลยว่าจะมีการปฏิวัติจริงถ้ารัฐบาลไม่ได้มีปัญหาเรื่องการบริหารงานอย่างหนัก แต่ถ้าดูโครงการต่างๆของรัฐาลชุดนี้จะเห็นว่ามันมีปัญหามาก เช่น โครงการรับจำนำข้าว ถามว่าเสียหายไปเท่าไหร่ บางโครงการก็ตั้งงบประมาณมามากมายแต่ไม่เห็นอะไรเป็นรูปธรรม
ตอนนี้มีเสียงวิจารณ์อย่างหนักว่ารัฐบาลนี้ใช้อำนาจเผด็จการในการปิดกั้นการแสดงความเห็นของประชาชน
ในสังคมประชาธิปไตยเนี่ยเขาเคารพความคิดเห็นที่แตกต่าง
ที่ผ่านมารัฐบาลชุดนี้ก็พยายามใช้กฎหมายเล่นงานคนที่แสดงความคิดเห็นในสังคมออนไลน์ อย่างเช่น กลุ่มหน้ากากขาว หรือคนที่โพสต์ข้อความตำหนิติติงรัฐบาล
ผมว่าสื่อออนไลน์เป็นสื่อที่รัฐบาลกลัวมาก และเป็นสื่อที่รัฐบาลควบคุมไม่ได้ ซึ่งสื่อออนไลน์เนี่ยเป็นสื่อที่มีคุณภาพนะเพราะคนที่เข้ามาใช้ช่องทางนี้ในการเผยแพร่ข้อมูลหรือแสดงความคิดเห็นนั้นส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ชอบอ่านชอบค้นคว้า มีความตื่นตัวทางการเมือง ข้อมูลไหนที่คนเห็นว่าดีและมีประโยชน์มันก็จะมีการแชร์กันเร็วมาก ซึ่งรัฐบาลจะคุมตรงนี้ไม่ได้เลย ที่ผ่านมารัฐบาลก็แสดงความกังวลให้เห็นว่าไม่สบายใจกับการสื่อสารในสื่อออนไลน์ก็เลยออกมาปราม อย่างกรณีที่ตำรวจออกหมายเรียกผมกับผู้ที่โพสต์ข้อความอีก 3 คนในครั้งนี้ก็ถึงขั้นที่ตำรวจออกมาบอกว่าการไปกดไลค์ กดแชร์ ก็มีความผิด ผมว่ามันบ้าไปแล้วนะ การกดไลค์เพื่อแสดงความเห็นด้วยมันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่เขาเลือกที่จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับอะไร มันไม่มีเหตุผลนะผมว่า
มันแปลกนะ รัฐบาลชุดนี้คุณอ้างว่ามาจากเสียงของประชาชนทั้งประเทศ มาจากการเลือกตั้ง แต่พอถึงเรื่องสิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารซึ่งผมว่ามันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนว่าเขาจะเลือกรับข้อมูลด้านไหน แต่การที่รัฐบาลพยายามจะเล่นงานคนที่โพสต์ข้อความผมว่าเป็นความพยายามลักษณะหนึ่งของการข่มขู่คุกคาม ก็ต้องดูว่ามันจะไปยังไงต่อ ในสมัยคุณทักษิณก็ใช้วิธีอย่างนี้ คอนนั้นคอลัมนิสต์คนไหนเขียนวิจารณ์คุณทักษิณหรือรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็น คุณเปลว สีเงิน , คุณสุทธิชัย หยุ่น เขาก็จะให้คณะกรรมการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินเรียกมาสอบสวน เรียกง่ายๆว่าหาเรื่องกลั่นแกล้งน่ะ ซึ่งมันเป็นวิธีที่ไม่ควรใช้ในสังคมประชาธิปไตยที่คุณบอกว่าคุณมาจากการเลือกตั้ง แล้วในประเทศประชาธิปไตยไม่มีประเทศไหนที่เขาทำแบบรัฐบาลยิ่งลักษณ์
มีคนตั้งข้อสังเกตกันมากว่าแล้วทำไมกรณีโพสต์ข้อความหมิ่นสถาบัน รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงไม่จัดการ
ใช่ครับ ใครๆ ก็ถามแบบนี้ เพราะใน ปวอ.มาตรา 4 (2) ซึ่งเขากล่าวหาว่าผมทำผิดโดยเอาข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ อันจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ความมั่นคงของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกกับประชาชน แต่ที่ผ่านมามีการโพสต์ข้อความให้ร้ายสถาบัน โจมตี บิดเบือน จาบจ้วง แต่ไม่เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือรัฐบาลชุดนี้ที่บอกว่ามีความจงรักภักดีจะดำเนินการเอาผิดคนพวกนี้ แม้แต่ตอนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จแปรพระราชฐานไปวังไกลกังวล ก็มีสื่อออนไลน์ของคนเสื้อแดงออกข่าวให้ร้ายพระองค์ท่าน ผมอ่านก็ยังคิดว่ามันเขียนอย่างนี้ได้ยังไง แล้วทำไมตำรวจไม่จัดการ แต่คนที่โพสต์ข้อความเกี่ยวกับรัฐบาลกลับโดนออกหมายเรียก บ้านเมืองนี้มันไปกันใหญ่แล้ว