xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

เปิดเทอมใหญ่ “เพื่อไทย-ชาติไทยพัฒนา”ว้าวุ่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-เปิดเทอม เปิดประชุมรัฐสภาสมัยสามัญทั่วไปวันแรก 1 ส.ค.นี้ นอกจาก ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน พ.ศ.... ฉบับนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ ที่จ่อเป็นอันดับแรก ที่วิปรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ประกาศดันเป็นเรื่องแรกแล้วยังมีกฎหมายทางการเงิน 2 ฉบับสำคัญที่จะเข้าสู่การพิจารณา

เริ่มต้นที่ ร่างพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของประเทศ พ.ศ.....วงเงิน 2 ล้านล้านบาท

ที่ถูกจับตาว่า มีความเสี่ยงสูงในแง่ของข้อเท็จจริงทางกฎหมาย จะกลับเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯในวาระ 2 และ 3 แม้จะเป็นนโยบายที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาระบบขนส่งในประเทศ

แต่มีข้อเสนอของคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.) โดย รศ.ดร.คณิต ณ นคร ที่ให้ความเห็นว่าการตราร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 169 เพราะการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทนั้น อยู่ในรูปของ พ.ร.บ. ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการกู้เงินในลักษณะนี้ และเป็นเม็ดเงินที่สูงมากเมื่อเทียบเท่ากับเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีของประเทศในปัจจุบัน ทั้งยังมีการผูกพันเงินกู้ถึง 7 ปี มีภาระดอกเบี้ยอีก 3 ล้านล้านบาท ที่ต้องใช้เงินกู้ให้หมดภายใน 50 ปี ซึ่งทำให้ประเทศมีภาระสูงถึง 5 ล้านล้านบาท

ตลอดเดือนสิงหาคมในช่วงเปิดประชุมสภา ส.ส.รัฐบาล ได้รับคำสั่งให้เร่งลงพื้นที่ ชี้แจงความสำคัญของโครงการก่อสร้างระบบโลจิสติกส์ ขายฝันประชาชนในพื้นที่ต่อประสิทธิภาพ เพื่อให้ได้ภาพของแข่งขันทางการค้า ที่ประเทศไทยจะต้องเดินหน้าโครงการนี้ต่อไป

ฝ่ายที่เป็นห่วงต่อโครงการที่ยังขาดซึ่งผลการศึกษาถึงความคุ้มทุนในอนาคตและจะเกิดความเสียหายต่อประเทศ เดินหน้าฟ้ององค์กรอิสระ นักวิชาการหลายคนแสดงความเป็นห่วง

แม้แต่ “นายทนง พิทยะ” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังไม่เห็นด้วย โดยมองว่าการกู้เงินมาลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอาจเป็นโครงการที่ถูกใจนักการเมือง ถูกใจประชาชนรากหญ้า แต่เป็นโครงการที่ไม่ถูกใจนักเศรษฐศาสตร์อย่างตน เนื่องจากมองว่าเงิน 2 ล้านล้านบาท สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศได้อย่างครอบคลุมมากกว่าจะนำมาลงทุน ในเรื่องการคมนาคมขนส่งแต่เพียงอย่างเดียว

เปิดสมัยประชุมนี้ “นายวราเทพ รัตนากร” รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ รมช.เกษตร ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมของประเทศ วงเงิน 2 ล้านล้านบาท อ้างว่า

การทำงานของคณะ กมธ.ในขณะนี้เหลือเพียงแค่การจัดทำรายงานและข้อสังเกตของคณะ กมธ.เท่านั้น ซึ่งคาดว่าภายในต้นเดือน ส.ค.นี้ จะสามารถส่งรายงานการพิจารณาทั้งหมดให้นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้เพื่อเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 ในวันที่ 21 -22 ส.ค.นี้ ภายหลังจากเสร็จสิ้นการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.2557 ไปแล้ว

สำหรับขั้นตอนเมื่อผ่านการพิจารณาของสภาฯ ในวาระ 2 และ 3 ไปแล้ว จะต้องส่งให้วุฒิสภาพิจารณากลั่นกรองอีกครั้งหนึ่ง และรัฐบาลไม่ได้กังวลกับการยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพราะรัฐบาลมั่นใจว่าการจัดทำร่าง พ.ร.บ.ได้ดำเนินการอย่างถูกต้อง และไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา169

โดยการจัดกฎหมายฉบับนี้รัฐบาลได้ศึกษาเทียบเคียงกฎหมายที่เกี่ยวข้องมาแล้วทั้งหมด ประกอบกับได้มีความเห็นจากคณะกรรมการกฤษฎีกาชุดที่ 14 ว่าสามารถกู้เงินโดยการตราร่าง พ.ร.บ.ได้ แต่ก็ยังแอบหวั่นใจว่า หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้กฎหมายขัดกับรัฐธรรมนูญจริง ก็ส่งผลให้แผนงานที่ส่วนราชการและรัฐบาลได้เตรียมไว้นั้นต้องสะดุดลงทั้งหมด

สอดคล้องกับแกนนำเสื้อแดง แกนนำรัฐบาล สั่งให้จับตา “องค์กรอิสระ”

กฎหมายการเงินอีกเรื่อง “ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 มูลค่ากว่า 2.5 ล้านล้านบาท” ที่เชื่อว่า จะผ่านเป็นมติเสียงข้างมากได้ไม่ยาก แต่ขณะนี้รัฐบาลกำลังประสบมรสุมความเชื่อมั่น โดยเฉพาะสถานการณ์ค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่นับรวมปัญหาจำนำข้าว และนโยบายประชานิยมหลายตัว เช่น ค่าแรง 300 บาท รถคันแรก ที่มีประสิทธิผลต่ำกว่าคาด

ล่าสุด หลังจากคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557พิจารณา ใช้เวลามาแล้ว 260 ชั่วโมง จากที่วางไว้ 288 ชั่วโมง

สอดคล้องกับวิปรัฐบาลได้กำหนดปฏิทินจะนำเข้าสู่วาระ 2-3 ในวันที่ 14-15 สิงหาคม นี้

ล่าสุด พิจารณาไปแล้ว 293 หน่วยงาน จาก 465 หน่วยงาน เหลือหน่วยงานที่ยังไม่พิจารณา 172 หน่วยงาน โดยยังเหลือเวลาอีก 28 ชั่วโมง

ขณะที่วงเงินผ่านการพิจารณาไปแล้วทั้งสิ้น 1,909,198 ล้านบาท จากวงเงิน 2,525,000ล้านบาท ในภาพรวม คณะอนุกมธ.ฯ จำนวน 5 คณะ ได้มีการปรับลดล่าสุดอยู่ที่ 17,144ล้านบาท ทั้งนี้ คณะ กมธ. งบประมาณชุดใหญ่ คาดว่าพิจารณางบประมาณทั้งหมดแล้วเสร็จในวันที่ 26 ก.ค.นี้ จากนั้นในวันที่ 29 ก.ค. เวลา 13.00 น. จะให้ผู้สงวนคำแปรญัตติมาชี้แจง

โดยกมธ.งบฯ57 คาดว่าจะส่งรายงานเสนอประธานสภาผู้แทนราษฎรให้เร็วที่สุด เพราะมีกรอบระยะเวลาบังคับใช้งบประมาณให้ทันวันที่ 1 ต.ค.นี้

อย่างไรก็ตามในวันที่ 29 ก.ค.นี้ ที่กมธ.ชุดใหญ่ จะให้ผู้สงวนคำแปรญัตติมาชี้แจง หลังจากกมธ.วิสามัญฯ แขวนวงเงินไว้! มี 2 หน่วยงานใหญ่ ๆ ได้แก่

งบฯ จัดซื้อรถตู้รับ-ส่งนักเรียน ของ กระทรวงศึกษาธิการ ในส่วนสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เรื่องการจัดซื้อรถตู้ 12 ที่นั่ง จำนวน 1,000 คัน ราคา 2,343 ล้านบาท เฉลี่ยคันละ 2 ล้านบาท โดยเลขาฯ สพฐ. ยืนยันว่า มีการจัดพิมพ์ตัวเลขผิดจริงตามที่พรรคประชาธิปัตย์อภิปรายในวาระ 1

เบื้องต้น กมธ.วิสามัญฯ ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล เห็นว่า ราคารถสูงเกินไป โดยกมธ.วิสามัญฯ เสียงข้างมากต้องการให้เปลี่ยนจากรถตู้ 12 ที่นั่ง มาเป็นรถบัสแทน เพื่อให้จุนักเรียนได้มากกว่า 30 คน

อีกเรื่อง เป็นงบประมาณของ “กระทรวงเกษตรและสหกรณ์”ในส่วนของกรมชลประทาน วงเงิน 40,047ล้านบาท จากงบประมาณก้อนใหญ่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ วงเงินกว่า 77,000 ล้านบาท กมธ.วิสามัญฯ ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการ วงเงินกว่า 23,000 ล้านบาท ที่กลายเป็นศึกแห่งศักด์ศรีของ พรรคเพื่อไทย กับพรรคชาติไทยพัฒนา

ตรงนี้ กมธ.วิสามัญฯ ส่วนใหญ่ แสดงความเป็นห่วงเรื่องของแผนบริหารจัดการน้ำ และปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง

ที่บอกว่า กลายเป็นศึกแห่งศักด์ศรี ก็เนื่องจาก “นายบรรหาร ศิลปะอาชา” ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ออกมาพูดถึงการบริหารจัดการน้ำในปีนี้ ว่า กรมชลประทานได้ของบประมาณที่สำคัญใน การซ่อมแซมประตูระบายน้ำบางโฉมศรี คันกั้นน้ำเชียงรากน้อย ประตูน้ำบางบัวทอง

ซึ่งใช้งบประมาณดำเนิน การกว่า 1 ล้านบาท แต่รัฐบาลยังไม่ได้อนุมัติงบประมาณในการซ่อมแซม ซึ่งขอฝากถามรัฐบาลว่าเหตุใดจึงยังไม่อนุมัติงบประมาณดังกล่าว เพราะจะส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการน้ำใน อนาคต

“ถ้าหากงบประมาณดังกล่าวอยู่ในงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2556 ก็จะสามารถดำเนินการได้ทันที แต่ไม่ทราบว่าสำนักงานงบประมาณนำไปไว้ในส่วนใด เพราะถ้านำไปไว้ในงบประมาณเงินกู้ การซ่อมแซมก็ไม่สามารถดำเนินการได้”

บางประโยค ยังตอบโต้ “นายปลอดประสพ สุรัสวดี” รองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.)

โดยนายบรรหารรับไม่ได้ ที่นายปลอดประสพ ระบุว่า หากให้พรรคดูแลกรมชลประทาน ก็คงแก้ปัญหาน้ำไม่ได้ ซึ่งตนอยู่กรมชลประทานมา 40 ปี สมัยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ของบประมาณทำเขื่อนก็ไม่ได้ จึงอยากให้นายกแก้ระเบียบ อย่าโยนให้ กบอ.แก้ไขปัญหาน้ำทั้งหมด ควรจะให้หน่วยงานอื่นรับผิดชอบด้วย

เฉพาะเรื่องผลักดันก่อสร้างโครงการประตูระบายน้ำบางบัวทอง แต่ขณะนี้รัฐบาลยังไม่ได้จัดสรรงบประมาณมาให้ ซึ่งที่ผ่านมาได้เสนอไปแล้วและ นายปลอดประสพรับปากว่า จะนำเข้า คณะรัฐมนตรี แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่ได้ เพราะฉะนั้น ถ้าน้ำท่วมปีหน้า อย่ามาโทษกรมชลประทานก็แล้วกัน เพราะของบไปไม่ได้

แต่คนที่รู้ที่สุดเรื่องน้ำควรจะให้กรมชลประทานบริหารจัดการ ถ้าปีหน้าน้ำมาจะทำอย่างไร ต้องถามกรมชลประทาน จะแก้ตรงไหน ถามตนก็ได้เพราะดูแลเรื่องน้ำมา 30 ปี ซึ่งที่ผ่านมาเวลามีปัญหาเรื่องน้ำ นายปลอดประสพไม่เคยโทรศัพท์ไปปรึกษา

เรื่องนี้ถึงกลับต้องให้ “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เชิญ นายบรรหารฯ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา และนายปลอดประสพฯ เข้าพบ เพื่อปรับความเข้าใจ กรณีดังกล่าว

แม้นายปลอดประสพ จะบอกว่า ไม่ได้กล่าวหาว่าปัญหาน้ำท่วมเกิดจากหน่วยงานที่พรรคชาติไทยพัฒนา กำกับดูแลอยู่ ซึ่ง นายบรรหาร ไม่ติดใจ

ย้อนกลับไปดูเรื่องบประมาณ 2557 เหตุใด นายบรรหาร ถึงออกอาการเยอะขนาดนี้

ช่วงเสนอ งบประมาณวาระแรก นายปลอดประสพ เคยระบุถึงกรอบงบประมาณปี 2557 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่จะเสนอของบประมาณทั้งสิ้น 109,345 ล้านบาท โดยเป็นงบประมาณของกรมชลประทาน 9 หมื่นล้านบาท นั้น

กบอ.ได้ตรวจสอบดูโครงการ ที่ซ้ำซ้อนกับโครงการของ กบอ.ในวงเงินงบของ พ.ร.บ.เงินกู้ 3.5 แสนล้าน จนถูกหั่น จนเหลือวงเงิน 40,047ล้านบาท ในปัจจุบัน

กรมชลประทานถูกกล่าวหาว่า “อมข้อมูลน้ำ จน กบอ.แก้ภัยแล้งไม่คืบ”

ขณะที่คนใน “กรมชลประทาน”ก็อ้างว่า งบประมาณที่กรมชลประทานได้บริหารจัดการเรื่องน้ำเพื่อ การเกษตรทั่วประเทศ ควรแยกส่วนกับงบประมาณเพื่อการจัดการอุทกภัยและภัยแล้ง

ปัญหานี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถึงกลับปวดหัว เชื่อว่าไม่จบง่ายๆแน่ เพระคนเพื่อไทยส่วนใหญ่ ก็ตั้งเป้าจะทวงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มาบริหารเองหลายๆครั้ง

แม้ “น.ส.ยิ่งลักษณ์”จะลงพื้นที่ตรวจดู ความคืบหน้า ในการซ่อมแซมประตูระบายน้ำบางโฉมศรี ไปแล้ว เมื่อคราวประชขุมครม.สัญจร ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และวันที่ 30 ก.ค.นี้ก็จะมีงานเลี้ยงพรรคร่วมรัฐบาล จับตาดูว่าปัญหานี้จะจบยังไง ก่อนเปิดเทอมใหญ่


กำลังโหลดความคิดเห็น