“องอาจ” จี้ถามรัฐบาลกลับไปจำนำข้าวตันละ 1.5 หมื่นมีวิธีปัญหาทุจริตและขาดทุนอย่างไร ฝาก 3 เรื่องให้ “นิวัฒน์ธำรง” แก้ปัญหา ติดตั้ง กก.สอบ “สุภา” ใช้อำนาจรัฐปิดบังความจริง เรียกร้องรับฟังข้อมูล ปธ.อนุฯ ปิดบัญชีข้าว
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการปรับเปลี่ยนนโยบายจำนำข้าว ที่เพิ่มราคาจากตันละ 12,000 บาทมาเป็น 15,000 บาทตามเดิมว่า สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องการสอบถามไปยังรัฐบาล คือ ขณะนี้รัฐบาลยังมีปัญหาในเรื่องของวินัยการเงินการคลังที่รัฐบาลยังแก้ไม่ได้ และเมื่อกลับมาใช้นโยบายเดิมรัฐบาลจะมีมาตรการป้องกันปัญหาซ้ำซากอย่างไร และจะแก้ปัญหาเรื่องการขาดทุนอย่างไร วันนี้รัฐบาลต้องยอมรับความจริงว่า เมื่อรัฐบาลรับจำนำข้าวมาจากชาวนาแต่ไม่สามารถระบายข้าวออกไปจำหน่ายในตลาดข้าวได้ก็ยิ่งเป็นภาระทั้งในเรื่องการขาดทุน และปัญหาข้าวค้างสต๊อก
อีกทั้งขณะนี้ประเทศไทยก็ยังมีปัญหาในเรื่องของราคาข้าวในตลาดโลกที่ยังคงมีความผันผวนเป็นอย่างมาก และประเทศไทยก็ยังมีราคาจำหน่ายข้าวสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม จึงทำให้ประเทศที่บริโภคข้าวเปลี่ยนจากประเทศไทยไปซื้อข้าวจากประเทศอื่นที่ราคาถูกกว่า
นายองอาจกล่าวว่า การที่นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เข้ามารับหน้าที่ดูแลโครงการรับจำนำข้าวนั้น ตนเห็นว่าดูมีความตั้งใจที่จะเข้ามาแก้ปัญหาดี แต่โครงการรับจำนำข้าวเป็นปัญหาที่สะสมมานานการแก้ไขจึงเป็นเรื่องยาก ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์จึงอยากฝากปัญหาหลัก 3 เรื่อง คือ โอกาสที่จะก่อให้เกิดการทุจริตครบวงจรเกิดขึ้น ปัญหาการสร้างภาวะขาดทุนโดยไม่จำเป็นที่เป็นผลมาจากการทุจริต ปัญหาการปกปิดข้อมูลเป็นความลับทั้งที่ข้อมูลดังกล่าวสามารถเปิดเผยให้สาธารณชนรับรู้ได้ ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องของความเชื่อมั่นของประเทศ
ส่วนกรณีที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ทันทีที่ น.ส.สุภาออกมาเปิดเผยข้อมูลโครงการรับจำนำข้าวนั้น เป็นการส่งสัญญาณให้เห็นว่ารัฐบาลกำลังใช้อำนาจในการสอบสวนข้าราชการที่ออกมาเปิดเผยข้อมูลที่เป็นปัญหาในโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลก็ไม่เคยออกมายอมรับความจริงว่า โครงการรับจำนำข้าวมีปัญหาเรื่องการทุจริต ดังนั้น รัฐบาลจึงควรรับฟังข้อมูลที่ น.ส.สุภานำมาออกมาเปิดเผยเพื่อหาทางแก้ปัญหาต่อไป ไม่ใช่ตั้งกรรมการสอบสวนคนที่ออกมาพูดความจริง
นายองอาจยังกล่าวถึงกรณีที่นายคณิต ณ นคร ประธานกรรมการปฎิรูปกฎหมายหรือ คปก. ที่ออกมาระบุว่า ความพยายามผลัก พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เพื่อนำมาพัฒนาระบบโครงสร้างการคมนาคมขนส่งนั้น อาจขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ แต่ที่ผ่านมารัฐบาลก็ออกมาตอบโต้ว่าการขอกู้เงินครั้งนี้ไม่ขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ ตนจึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดใจให้กว้าง และรับฟังข้อเสนอของหลายฝ่ายที่ออกมาท้วงติง เพราะเชื่อว่า การท้วงติงไม่ได้เป็นไปแบบเลื่อนลอย แต่เป็นไปแบบคนที่ทำการศึกษาข้อมูลในด้านกฎหมาย
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ก็จะดำเนินการตรวจสอบเกี่ยวกับการกู้เงินครั้งนี้อย่างเต็มที่ แต่ก็ยอมรับว่าการทำหน้าที่ตรวจสอบของพรรคฝ่ายค้านทำได้ยากเพราะไม่ได้รับความร่วมมือ ซึ่งที่ผ่านมา ส.ส.ของพรรคฝ่ายค้านก็ได้ยื่นเสนอขอแปรญัตติใน พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน เพราะเห็นว่าการกู้เงินครั้งนี้น่าจะเป็นการจัดทำตามงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปกติได้
นายองอาจกล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีเจตนาที่จะขัดขวางการพัฒนาโครงสร้างด้านคมนาคมขนส่งเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน แต่การดำเนินการทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดและมีความโปร่งใสในทุกขั้นตอน เพราะฉะนั้นเชื่อว่า หากรัฐบาลยอมปรับเปลี่ยนการดำเนินการตามโครงการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ให้เป็นไปอย่างถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงไม่มีปัญหาเรื่องของการทุจริตก็เชื่อว่า ทุกฝ่ายในประเทศจะเห็นด้วยกับสิ่งที่รัฐบาลจะดำเนินการ ซึ่งเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีมีส่วนสำคัญที่จะออกมาแสดงจุดยืนเพื่อสร้างความเชื่อมั่น