xs
xsm
sm
md
lg

“คปก.”โยนเผือกร้อน ขวางพรบ.กู้เงิน2 ล้านล.ได้พบกันที่ศาลรธน.แน่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คณิต ณ นคร
รายงานการเมือง

เผือกร้อนการเมืองอีกเรื่องที่จะเข้าสู่ที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในอนาคต ก็คือการวินิจฉัย

ร่างพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของประเทศ หรือร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท

แม้ว่า ฝ่ายประชาธิปัตย์ยังคุยกันไม่ลงตัวว่าจะล่าชื่อส.ส.ของพรรคเพื่อส่งร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 169 ที่เป็นบทบัญญัติในเรื่องการใช้จ่ายแผ่นดินหรือไม่ แต่ก็ชัดในซีกสภาสูง เพราะเวลานี้ส.ว.บางส่วนนำโดนกลุ่ม 40 ส.ว.ก็ประกาศแล้วว่าหลังรัฐสภาให้ความเห็นชอบร่างดังกล่าวส.ว.ก็จะยื่นเรื่องขอให้ศาลรธน.วินิจฉัยก่อนประกาศใช้ทันที

ตัวเสริมที่มีน้ำหนักให้ส.ว.รวมถึงส.ส.ปชป.อีกจำนวนหนึ่งเห็นว่าควรส่งร่างพ.ร.บ.กู้เงินดังกล่าวให้ศาลรธน.วินิจฉัยแม้ก่อนหน้านี้จะมีการอภิปรายและแสดงความเห็นมาแล้วมากมายว่าสุ่มเสี่ยงที่ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวจะขัดรธน. แต่สุ้มเสียงท้วงติงก็เป็นแค่คลื่นกระทบฝั่ง

แต่พลันที่ “คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย”(คปก.)โดยศ.ดร.คณิต ณ นคร ประธานคปก.-อดีตอัยการสูงสุดที่ถือเป็นมือกฎหมายที่ได้รับการยอมรับคนหนึ่งในแวดวงกฎหมายไทย ทำบันทึกอย่างเป็นทางการในนามคปก.ส่งไปถึงนายกรัฐมนตรี-ประธานรัฐสภาว่าร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว “อาจขัดรธน.มาตรา 169”

เพราะลักษณะการออกกฎหมายและการกู้เงินเพื่อนำมาใช้ในโครงการต่างๆ ในงบ 2 ล้านล้านบาท ไม่เข้าข่ายมาตรา 169

รวมถึงข้อสังเกตุของคปก.ที่ว่าการออกพ.ร.บ.ฉบับนี้น่าจะไม่ชอบอีกหลายจุด
เช่นฝ่าฝืนหลักความสมควรแก่เหตุที่ให้อำนาจรัฐในการออกกฎหมายมาบังคับใช้กับประชาชน -ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน -ไม่เปิดโอกาสให้ฝ่ายนิติบัญญัติได้ตรวจสอบการใช้เงินของฝ่ายบริหารเป็นเวลา 7 ปี ซึ่งเป็นการก้าวล่วงอำนาจของฝ่ายบริหารด้วยกันเอง เนื่องจากการกู้เงินดังกล่าวมีผลผูกพันรัฐบาลชุดต่อไป -โครงการจำนวนมากตามแผนยุทธศาสตร์ของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ยังไม่ผ่านการศึกษาความคุ้มค่าทางการเงิน และเศรษฐกิจ เสี่ยงต่อปัญหาทางการเงินและภาระหนี้สินสะสมของประเทศในอนาคต

จึงทำให้ทั้งส.ว.-ส.ส.ปชป.ขานรับขึ้นมาทันทีในการส่งไปให้ศาลรธน.วินิจฉัย

ด้วยว่า คปก.มีสถานะเป็นองค์กรที่ตั้งขึ้นตามรธน.ปี 50 ที่บัญญัติให้มีการตั้ง องค์กรเพื่อการปฏิรูปกฎหมาย ที่เป็นอิสระ เพื่อปรับปรุงและพัฒนากฎหมายของประเทศ รวมทั้งปรับปรุงกฎหมายให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ

ด้วยสถานะดังกล่าว คปก.จึงเป็นองค์กรกลางๆ ปลอดจากการเมืองค่อนข้างมาก และกรรมการหลายคนก็เป็นระดับกูรูด้านกฎหมายที่มีชื่อเสียง เมื่อออกมาทักท้วงเช่นนี้จึงย่อมทำให้น้ำหนักในการส่งไปยังศาลรธน.มีมากขึ้นกว่าก่อนหน้านี้

แล้วก็เป็นตามคาด พรรคเพื่อไทย-รัฐบาลก็ใช้สูตรเดิมในการตอบโต้ผู้เห็นต่างหรือแสดงท่าทีอันไม่สนับสนุนรัฐบาล ด้วยการบอกว่าเป็นพวกกลุ่มจ้องรัฐบาล พวกอยู่ฝ่ายตรงข้าม

อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาดรองโฆษกพรรคเพื่อไทยแถลงแบบเอาสีข้างเข้าถู พาลไปว่า คปก.-คณิต ณ นคร สงสัยว่ารับงานใครมาหรือเปล่า ทำไมออกมาทักท้วงตอนนี้สอดรับกับที่ส.ส.ปชป.ยื่นเรื่องขอให้ป.ป.ช.ถอดถอนครม.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา

ทั้งที่ความจริงแล้ว ก็ไม่รู้ว่า รองโฆษกพรรคเพื่อไทยเบลอหรือเปล่า เพราะที่ปชป.ยื่นถอดถอนเป็นเรื่องพรก.กู้เงินเพื่อการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ไม่ใช่เรื่องกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทสักหน่อย เลยดิสเครดิตด้วยสูตรเดิมๆของเพื่อไทย ประเภทใครเห็นต่างก็บอกว่าเป็นพวกรับงานมาล่อรัฐบาลโดยไม่ทำการบ้านมาให้ดีเสียก่อน

สอดรับกับลูกพี่ในทีมโฆษกเพื่อไทยคือพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ที่โยงไปโน่นเลยว่า ที่คปก.ออกมาขวางครั้งนี้ เป็นเพราะไม่พอใจที่สำนักงานคปก.ถูกสำนักงบประมาณที่เป็นหน่วยงานในการดูแลของรัฐบาลสั่งตัดงบประมาณรายจ่ายที่ขอมา 300 ล้านบาท เลยโวยวาย

ขณะที่ประเด็นแย้งคปก.อื่นๆ ของฝ่ายรัฐบาลเพื่อไทยก็อ้างว่า การรับฟังความเห็นไม่ครอบคลุมทำให้การทักท้วงดังกล่าวคลาดเคลื่อนจากข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง รวมถึงย้อนอดีตไปโน่นเลยว่าทำไมก่อนหน้านี้คปก.ไม่เห็นออกมาท้วงติงการออกกฎหมายกู้เงินสมัยรัฐบาลชวน หลีกภัย หรือพ.ร.บ.กู้เงินในโครงการไทยเข้มแข็งของรัฐบาลประชาธิปัตย์ ทั้งที่เนื้อหากฎหมายมีความเหมือนกันทุกอย่างต่างกันแค่วงเงินกู้เท่านั้น

อันนี้ยิ่งออกทะเลเมาหมัดไปกันใหญ่ สำหรับส.ส.เพื่อไทยหลายคนที่ออกมาให้ความเห็นแบบนี้ เพราะคปก.ชุดนี้ที่เป็นชุดแรก เพิ่งก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างเริ่มเข้าทำงานเมื่อ 12 พ.ค. 54 ก่อนหน้าพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งเมื่อก.ค. 54 แค่สองเดือนเท่านั้นเอง แต่รัฐบาลชวน หลีกภัยพ้นวาระไปตั้งแต่ปี 2544 เช่นเดียวกับการกู้เงินในโครงการไทยเข้มแข็งสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตอนนั้นคปก.ยังไม่ได้ตั้งไข่ด้วยซ้ำ

นี่แหละสันดานคนเพื่อไทย มั่วนิ่มตลอด แทนที่จะตอบโต้ด้วยเหตุผล-ข้อกฎหมาย-ข้อเท็จจริง กับใช้วิธีการไม่ต่างอะไรกับการชกใต้เข็มขัด ผู้คนก็เลยเทคะแนนไปยังคปก.มากกว่าเห็นๆ

อย่างไรก็ตาม ดูแล้วแม้เพื่อไทยจะพยายามซัดว่าคปก.อยู่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล แต่จะเห็นได้ว่าหลายคนในเพื่อไทย-รัฐบาลก็พูดได้ไม่เต็มที่

เหตุผลสำคัญคงเพราะรู้ดีว่าที่ “ชั้น 19 ตึกซอฟต์แวร์ ปาร์ค “ถนนแจ้งวัฒนะ ที่ทำการของสำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ก็มีคนของฝั่งเพื่อไทยและรัฐบาลอยู่ด้วยบางคน แถมไม่ใช่พวกโนเนมแต่เป็นระดับอดีตรมต.ในรัฐบาลพรรคพลังประชาชน-ส.ส.หลายสมัยและมือกฎหมายสำคัญตั้งแต่ยุคไทยรักไทยมาจนถึงพรรคพลังประชาชน

นั่นก็คือ สุขุมพงศ์ โง่นคำที่ใช้ช่วงพักร้อนจากโทษแบนการเมืองคดียุบพรรคพลังประชาชนเพราะเป็นอดีตรองเลขาธิการพรรค มาสมัครคัดเลือกเป็นกรรมการปฏิรูปกฎหมาย จนได้รับเลือกเป็นกรรมการปฏิรูปกฎหมาย

ตรงนี้จึงน่าจะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เพื่อไทยซัดคปก.ไม่ได้เต็มปากว่าเป็นพวกฝ่ายตรงข้าม ไม่เช่นนั้นมันจะทิ่มไปถึงพวกเดียวกันในอาคารซอฟต์แวร์ ปาร์คได้ และให้วิเคราะห์ดูแล้ว ก็มีโอกาสสูงที่สุขุมพงศ์ จะอยู่ทำงานในคปก.ไม่ครบวาระ 4 ปี หลังทำงานมาได้ร่วมสองปีกว่า

เพราะต้นเดือนธันวาคมปีนี้ พวกอดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชนก็จะพ้นโทษแบนแล้ว การออกไปทำงานการเมืองอย่างอื่นในสายบริหารหรือนิติบัญญัติ คงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับอดีตส.ส.กาฬสินธุ์ คนในสังกัดทักษิณ ชินวัตรเดิม

เว้นแต่หากมีการส่งร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทไปที่ศาลรธน.แล้วเกิดว่า ผลออกมาพลิกความคาดหมาย รัฐบาลจบเห่ กู้เงินไม่ได้

แบบนี้ สุขุมพงศ์โดนคนในพรรคเพื่อไทยเฉ่งแน่นอน ฐานเป็นหนึ่งในคปก.ที่ต้องรับผิดชอบหากทำให้เค้กก้อนใหญ่หลุดออกจากปากรัฐบาล!
กำลังโหลดความคิดเห็น