xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“ทหารแก่” ไม่เคยตาย.. แต่มี “โจทย์ใหญ่” ต้องแก้ !!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-การประกาศตัวของบรรดาอดีตนายทหารที่ลุกขึ้นมาร่วมกันปกป้องชาติจากรัฐบาลเผด็จการอภิมหาคอร์รัปชั่น ภายใต้ชื่อ “กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ” เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ถือเป็นความมุ่งมั่นของผู้ที่มีหัวใจรักและห่วงใยแผ่นดินเกิด ดังที่บางคนบอกว่า “ทหารแก่ไม่เคยตาย” !!

แต่หากพูดถึงศักยภาพในการระดมมวลชนให้ออกมาชุมนุมเคลื่อนไหวกันนั้นคงต้องยอมรับกันอย่างตรงไปตรงมาว่าค่อนข้างลำบาก เนื่องเพราะหากพิจารณาถึงประสบการณ์ในการทำงานมวลชนของแต่ละคนในช่วงที่ผ่านมาก็ยังถือว่าไม่อยู่ในวงกว้างมากนัก ขณะที่บางคนก็ทำมวลชนป่นปี้ย่อยยับมากับมือ

ทั้งนี้ “กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ” ซึ่งว่ากันว่ามีสมาชิกที่เป็นอดีตนายทหารกว่า 30 คนนั้น แกนนำหลักๆ ประกอบด้วย พล.ร.อ.เอกชัย สุวรรณภาพ อดีตประธานองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.), พล.อ.ท.วัชระ ฤทธิ์ธานี อดีตโฆษก อพส. , นายพิเชฐ พัฒนโชติ อดีตรองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 , พล.อ.ชูเกียรติ ตันสุวัฒน์ อดีตนายทหารคนสนิทของ พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร และ พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ อดีตแกนนำกลุ่มเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ รักษาแผ่นดิน โดยมีนายไทกร พลสุวรรณ อดีตแกนนำขบวนการอีสานกู้ชาติ ทำหน้าที่ประสานงานกับองค์กรกลุ่มเครือข่าย และพรรคการเมืองต่าง ๆ

ที่น่าเป็นห่วงคือสมาชิกที่เคยเป็นแกนนำของ “องค์การพิทักษ์สยาม” อย่าง พล.ร.อ.เอกชัย และ พล.อ.ท.วัชระ เพราะต้องยอมรับว่าองค์กรนี้มีปัญหาเรื่องการวางแผน การประสานงาน และการบริหารงานมวลชนอย่างแรง ชนิดที่เรียกว่าไร้ทิศทางจนเป็นเหตุให้การชุมนุมของมวลชนที่มาร่วมเคลื่อนไหวกับ “องค์การพิทักษ์สยาม” เมื่อปลายปี 2555 ที่ผ่านมา กลายเป็นเรื่อง 'เสียของ' โดยครั้งนั้นมวลชนต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นการจัดม็อบที่ 'โหลยโท่ย' สุดๆ ขณะที่มวลชนจากทั่วประเทศต่างแห่แหนกันมาร่วมชุมนุมเพราะอัดอั้นตันใจทนไม่ไหวกับพฤติกรรมการคอร์รัปชั่นกันชนิดไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมและการใช้อำนาจแบบเผด็จการที่ควบรวมเบ็ดเสร็จ ของรัฐบาลเพื่อไทย ภายใต้การนำของ 'นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร' ด้วยเป้าหมายที่มุ่งมั่น แต่แกนนำองค์การพิทักษณ์สยามกลับทำเหมือน 'เล่นขายของ' อยู่ๆก็ประกาศยุติการชุมนุม ทั้งๆที่เพิ่งเริ่มชุมนุมได้แค่วันเดียวและมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่กำลังเดินทางจากต่างจังหวัดเข้ามาสมทบ ขณะที่คนกรุงเทพฯบางส่วนที่เพิ่งเลิกงานก็เพิ่งเดินทางมาถึง

จริงอยู่ที่การชุมนุมในช่วงกลางคืนจะสุ่มเสี่ยงต่ออันตรายเพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมาในการชุมนุมใหญ่เพื่อต่อต้านรัฐบาลภายใต้ระบอบทักษิณก็มักมีการซุ่มยิงระเบิด M79 ลงกลางที่ชุมนุมในช่วงเวลากลางคืน ซึ่งแน่นอนว่าต้องมาจากฝีมือของกลุ่มผู้เสียประโยชน์ และในช่วงบ่ายของการชุมนุมที่นำโดยองค์การพิทักษ์สยามในวันนั้นก็ปรากฏการเคลื่อนไหวของชายชุดดำบนอาคารสูงที่อยู่ใกล้กับจุดชุมนุม แต่สิ่งนี้ย่อมเป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้อยู่แล้วดังนั้นแกนนำองค์การพิทักษ์สยามจึงน่าจะมีการวางแผนแก้เกมไว้ล่วงหน้า ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดก็คือกำหนดให้มวลชนชุมนุมกันเฉพาะช่วงกลางวัน ตกเย็นก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ส่วนมวลชนที่มาจากต่างจังหวัดก็จัดที่พักให้ในสนามม้านางเลิ้ง รุ่งเช้าค่อยมาชุมนุมกันใหม่ แทนที่จะประกาศสลายการชุมนุมกลางคัน !! อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

ไม่นับรวมเรื่องการจัดตั้งทีมการ์ดซึ่งจะเข้ามาดูแลความปลอดภัยและเป็นแนวหน้าทะลวงฟันในการเคลื่อนพลของม็อบตามยุทธศาสตร์การชุมนุม แต่ปรากฏว่าทางแกนนำขององค์การพิทักษ์สยามกลับมิได้จัดทีมการ์ดชายฉกรรจ์ที่จะให้มาสมทบกับทีมการ์ดอาสาซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากมวลชนที่เป็นการ์ดอาสากลุ่มพันธมิตรฯ ตามที่ได้พูดคุยกันไว้ หนำซ้ำยัง ไม่ได้เตรียมอุปกรณ์ป้องกันให้กับการ์ดอาสา ไม่ว่าจะเป็นหมวกกันน็อก หน้ากากป้องกันแก๊สน้ำตา ถุงมืออย่างหนา หรือโล่ไม้สำหรับใช้ป้องกันการบาดเจ็บจากกระบองของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปล่อยให้บรรดาการ์ดอาสาเอาหัวไปรับกระบองกันตามยถากรรม

ขณะเดียวกันก็ไม่มีการวางแผนและกำหนดยุทธศาตร์ในการเคลื่อนมวลชนว่าจะเคลื่อนไปไหน จะฝ่าด่านตำรวจอย่างไร และเคลื่อนไปเพื่ออะไร ส่งผลให้คลื่นมวลชนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจบล็อกแยกออกเป็นส่วนๆ เมื่อจะเคลื่อนขบวนก็ถูกเจ้าตำรวจซึ่งมีทั้งโล่ กระบอง สนับแขน สนับเข่า รองเท้าบูท ทั้งดันทั้งตีหัวล้างข้างแตกกันระนาว จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าการจัดชุมนุมแบบไร้ทิศทางไร้แผนงานของแกนนำองค์การพิทักษ์สยามในครั้งนั้นทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อย “หมดศรัทธา” ในองค์การพิทักษ์สยาม ที่มี “เสธ.อ้าย” พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ เป็นประธาน

ล่าสุดองค์การพิทักษ์สยามยังสร้างความปั่นป่วนให้กับการชุมนุมต่อต้านระบอบทักษิณที่กำลังเติบโตแผ่ขยายไปทั้งประเทศ ภายใต้ชื่อกลุ่ม “หน้ากากขาว” มวลชนนิรนาม ซึ่งเป็นการต่อสู้เชิงสัญลักษณ์ ตามแนวทางการต่อสู้สันติอหิงสา และยึดหลัก “ไม่มีแกนนำ แต่มีการนำ” โดยมีเฟซบุ๊ก “V For Thailand” เป็นศูนย์ประสานงานการนัดหมายชุมนุมทั่วประเทศ เพราะทันทีที่ “กลุ่มหน้ากากขาว” ประกาศยุติการชุมนุม 1 สัปดาห์ จากปกติที่นัดชุมนุมกันที่หน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ทุกวันอาทิตย์ เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับแนวทางที่นำไปสู่ ความรุนแรงของ 'กลุ่มสนามหลวง' ที่นำโดยนายไชย์วัฒน์ สินสุวงศ์ ทาง “องค์การพิทักษ์สยาม” ก็ร่วมกับ “กลุ่มหนุมานอาสา” ซึ่งถือกำเนิดมาจาก “กลุ่มครัวจิตใจอาสา” ที่ช่วยเหลือผู้ชุมนุมกลุ่มสนามหลวง ประกาศว่าจะใช้ “หน้ากากหนุมาน” ในการชุมนุมที่หน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ต่อไป ทำให้หลายคนมองว่าเป็นการฉวยโอกาสชิงธงประกาศตัวเป็นแกนนำแทนหน้ากากขาวซึ่งกำลังแข็งแกร่ง เท่ากับเป็นการตอกลิ่มให้เกิดความระแวงแคลงใจในกลุ่มผู้ชุมนุมยิ่งขึ้นไปอีก ส่งผลให้ในสัปดาห์ต่อมาซึ่งกลุ่มหน้ากากขาวนัดชุมนุมตามปกติ แต่เปลี่ยนสถานที่เป็นสวนลุมพินี กลับมีจำนวนผู้ชุมนุมลดลงอย่างน่าใจหาย ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าการกระทำที่ “ตื้นเขิน เห็นแก่ได้ เอาง่ายเข้าว่า” ของ “องค์การพิทักษ์สยาม” นั้นนับเป็นการทำลายพลังมวลชนที่ประกาศตัวโค่นล้มระบอบทักษิณซึ่งกำลังเติบโตและแข็งแกร่งที่สุดในขณะนี้อย่างไม่น่าให้อภัย

ขณะที่สมาชิกของ “กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ” บางคนก็สะท้อนเงาของพรรคประชาธิปัตย์อยู่ลางๆ โดยเฉพาะ “นายพิเชฐ พัฒนโชติ” ซึ่งเคยเป็นอดีตผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เขต 1 จ.นครราชสีมา ในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ และ “นายไทกร พลสุวรรณ” อดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งแว่วว่าเขามีความสนิทสนมกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ อย่างเหนียวแน่น แม้ที่ผ่านมาทั้งสองคนจะร่วมเคลื่อนไหวในการต่อต้านระบอบทักษิณอย่างชัดเจน แต่สายสัมพันธ์ที่มีกับประชาธิปัตย์นั้นทำให้หลายฝ่ายอดเป็นห่วงในเรื่องแนวคิดและบริบทในการขับเคลื่อนของ “กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ” มิได้ เพราะบ่อยครั้งที่ความคิดซึ่ง “เอาการเมืองนำหน้า” แบบพรรคประชาธิปัตย์ ส่งผลให้ขบวนการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนเกิดความแตกแยก ระส่ำระสายและถึงขั้นล่มสลายมานักต่อนัก จึงไม่แปลกที่ที่ผ่านมาประชาธิปัตย์จะไม่สามารถระดมมวลชนในการชุมนุมเคลื่อนไหวได้สำเร็จแม้แต่ครั้งเดียว แม้แต่การชุมนุมกลุ่มเสื้อหลากสี ที่มี “นพ.ตุลย์ สิทธิสมานวงศ์” เป็นแกนนำ ในหลายๆครั้งที่ผ่านมาก็มีผู้ชุมนุมแค่หยิบมือจึงไม่มีพลังในการเคลื่อนไหว

ที่สำคัญแนวคิดแบบเอาการเมืองนำหน้าของประชาธิปัตย์ ยังส่งผลให้กลยุทธ์การเคลื่อนไหวมักจะเป็นไปเพื่อหมายล้มรัฐบาลให้ได้โดยเร็วเพียงอย่างเดียว ทำให้ขาดความรอบคอบ สุ่มเสี่ยงต่อการนำมวลชนเข้าสู่สถานการณ์ที่เพลี่ยงพล้ำ ซึ่งมวลชนก็ไม่อาจมั่นใจ ได้ว่า ณ เวลานั้นจะมีแกนนำจากฝ่ายประชาธิปัตย์ร่วมเป็นร่วมตายอยู่ด้วยหรือไม่ อีกทั้งมาตรการหรือข้อเสนอใดๆก็ตามที่มีผลกระทบต่อนักการเมืองที่แอบอิงอยู่ในพรรคการเมืองเก่าแก่แห่งนี้ก็จะถูกตีตกไปทันทีทั้งที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง

ทั้งนี้ พล.ร.อ.ชัย ในฐานะเสนาธิการร่วมกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ ประการศว่า ทางกลุ่มจะจัดชุมนุมในวันที่ 4 สิงหาคมนี้เพื่อทวงถามความคืบหน้าของข้อเสนอทั้ง 6 ข้อที่กองทัพประชาชนโค่นระบอบได้เสนอไปในวันประกาศเปิดตัว

ได้แก่ 1.ให้รัฐบาลแสดงจุดยืนในความจงรักภักดีต่อสถาบัน พระมหากษัตริย์ ด้วยการหยุดการกระทำอันไม่ควร การจาบจ้วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 2.ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม ลาออกจากตำแหน่ง รมว.กลาโหม และรมช.กลาโหม 3.ให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาข้าวยากหมากแพง ด้วยการยุติการขึ้นราคาแก๊สหุงต้ม และลดราคาน้ำมันทุกประเภท ด้วยการดำเนินการให้ ปตท.หยุดการค้ากำไรเกินควร เอาเปรียบประชาชน และปฏิรูป ปตท. ให้กลับมาเป็นของประชาชนโดยทันที 4.ให้รัฐบาลยุติโครงการกู้เงินเพื่อบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท และร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคม หรือ พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท เพราะเห็นชัดแล้วว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ

ทั้งนี้ การชุมนุมดังกล่าวจะเกิดขึ้นก่อนหน้าที่รัฐบาลจะมีการนำกฎหมายนิรโทษกรรม ฉบับของ “นายวรชัย เหมะ” เข้าสู่การพิจารณาของสภาในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ จึงคาดว่าการชุมนุมของกลุ่ม'กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ' อาจจะยึดเยื้อต่อเนื่องไปถึงวันที่ 7 ส.ค. โดยระหว่างนี้จะมีการประสานกับกลุ่มต่างๆ ที่มีความเห็นตรงกันในการโค่นล้มระบอบทักษิณ ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายประชาชนภาค นักวิชาการ หรือกลุ่มที่มีการเคลื่อนไหวอยู่แล้ว อย่างกลุ่มสนามหลวง กลุ่มเสื้อหลากสี กลุ่มพันธมิตรฯ รวมทั้งกลุ่มหน้ากากขาว ให้เข้าร่วมชุมนุมด้วย ซึ่งหากทุกกลุ่มรวมกันติดก็จะเกิดพลังมหาศาลที่อาจนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงได้

แต่โจทย์ใหญ่ที่กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณต้องเร่งวางหมากแก้เกมให้ได้ตั้งแต่วันนี้ก็คือ..จะรับมืออย่างไรกับกองกำลังฝ่ายรัฐบาล ? ที่มีทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งอาศัยอำนาจกฎหมายเป็นข้ออ้างในการเข้าสกัดและปราบปรามผู้ชุมนุมกลุ่มต่อต้านรัฐบาลเพื่อไทยภายใต้ระบอบทักษิณมาตลอด และงานนี้แน่นอนว่าตำรวจได้รับบัญชาให้ “จัดหนัก”เพราะ “นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ” รมว.มหาดไทย ซึ่งสวมหมวกอีกใบเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประกาศชัดถ้อยชัดคำว่าจะเล่นงานผู้ที่ออกมาต่อต้านการออกกฎหมายนิรโทษกรรมอย่างรุนแรง โดย รมช.มหาดไทย ผู้นี้กล่าวว่า …..“ หลังจากนี้หัวหน้าพรรคเพื่อไทยจะเดินหน้าบทโหด และพร้อมท้าชนคนที่เห็นต่าง ” !!

นอกจากนั้น นายจารุพงศ์ ในฐานะ รมว.มหาดไทย ยังส่งหนังสือสั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศให้ติดตามการเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุมในช่วงเดือน ส.ค.นี้ซึ่งเป็นช่วงที่จะมีการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยสามัญ

โดยคำสั่งดังกล่าวมีเนื้อหาว่า ในช่วงเดือน ส.ค. ที่มีการเปิดประชุมรัฐสภา สมัยสามัญ ปรากฏมีความเคลื่อนไหวของกลุ่มพลังทางการเมืองและองค์กรต่างๆ จะรวมตัวกันเข้าชุมนุมที่กรุงเทพฯ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหา และคัดค้านการบริหารงาน รวมถึงค้านการเสนอกฎหมายบางฉบับ เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน และรักษาความสงบเรียบร้อย ให้ทางจังหวัดดำเนินการ ดังนี้

1. ติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองและกลุ่มต่างๆ อย่างใกล้ชิด 2. ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งการนายอำเภอให้ประสานกำนันผู้ใหญ่บ้านติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชน แกนนำ 3. ชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับการบริหารงานของรัฐบาล และการหาทางออกโดยใช้กลไกรัฐสภา 4. รายงานความเคลื่อนไหวให้กระทรวงทราบเป็นระยะ โดยรายงานเข้าศูนย์ปฏิบัติการกระทรวงมหาดไทยทุกวัน 5. นำข้อมูลการแก้ไขปัญหาส่งกระทรวงมหาดไทยในวันที่ 28 ก.ค.นี้

ทั้งนี้ให้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์และช่วยดูแล แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยการเคลื่อนไหวให้อยู่ในขอบเขตของกฎหมาย และพยายามให้การชุมนุมยุติในพื้นที่

ซึ่งความหมายที่แปลกันได้ตรงๆก็คือ...สั่งให้ผู้ว่าฯทุกจังหวัดสกัดการเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุมทุกกลุ่มที่จะออกมาต่อต้านการออกกฎหมายนิรโทษกรรม ไม่ให้ออกจากพื้นที่ !!

ขณะที่อีกด้านหนึ่งผู้ชุมนุมต่อต้านระบอบทักษิณก็ต้องเผชิญกับมวลชนเสื้อแดง ซึ่งออกมาประกาศแล้วว่าจะเดินทางมาปักหลักชุมนุมที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ตั้งแต่ 28 ก.ค.นี้ และเชื่อว่าจะอยู่ยาวถึงวันที่ 7 ส.ค.ซึ่งเป็นช่วงที่สภาจะมีการพิจารณากฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อพา 'ทักษิณ'กลับบ้าน ทั้งนี้เพื่อยึดพื้นที่บริเวณรอบรัฐสภาก่อนที่กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ หรือกลุ่มอื่นๆจะจัดชุมนุมต่อการการออกกฎหมายดังกล่าว ซึ่งก็เป็นที่รู้กันดีว่ากลุ่มเสื้อแดงมักใช้ความถ่อยเถื่อนเข้ากลุ้มรุมทำร้ายฝ่ายที่คัดค้านรัฐบาลอยู่เสมอเพราะมั่นใจว่าตำรวจมะเขือเทศจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไปปล่อยให้ประชาชนที่ชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ ถูกทำร้ายโดยที่จับมือใครดมไม่ได้

ที่สำคัญคือ เวลานี้ ฝ่ายกองทัพก็ดูจะ 'กินอิ่ม นอนหลับ' ไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับบ้านเมือง ดังนั้นอย่าหวังว่าหากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันแล้วทหารจะออกมายุติการฆ่าฟันเพื่อปกป้องประชาชนที่ลุกฮือขับไล่รัฐบาลเผด็จการอภิมหาคอร์รัปชั่นเหมือนที่ผ่านๆ มา

อย่างไรก็ดี หาก 'กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ' สามารถแก้โจทย์ใหญ่ดังกล่าวได้ และสามารถระดมมวลชนจากทั่วทุกสารทิศเข้าร่วมชุมนุมแบบแม่น้ำร้อยสาย ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด มีการนัดชุมนุมใหญ่ในระดับที่สื่อทั่วโลกต้องมาทำข่าว ก็เป็นไปได้ที่จะเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นในบ้านนี้เมืองนี้

และโอกาสที่นักโทษหนีคดีคอร์รัปชั่นที่ชื่อ 'นช.ทักษิณ ชินวัตร' ซึ่งล่าสุดถูกจัดอันดับจาก “Epoch Times” ให้ติดโผสุดยอด “ผู้นำขี้ฉ้อ” ของโลก จากกรณีที่มีความผิดฐานทุจริตต้องรับโทษจำคุก 2 ปีและยังถูกยึดทรัพย์สินอีก 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 42,881 ล้านบาท) ตกเป็นของแผ่นดิน จะกลับประเทศไทยแบบเท่ๆ โดยไม่ต้องรับโทษทัณฑ์ตามกฎหมายนั้นก็คงจะเป็นได้แค่ฝัน...



กำลังโหลดความคิดเห็น