xs
xsm
sm
md
lg

รัฐบาลยิ่งลักษณ์ขายข้าวแถมเชื้อราและสารเคมี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปัญญาพลวัตร
โดย...พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต

ไม่เคยมียุคสมัยใดที่ประเทศไทยตกอยู่ในภาวะวิกฤติการณ์ของข้าวเน่าเท่ากับยุคสมัยนี้ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีอีกแล้ว ข้าวเน่าเริ่มปรากฏเป็นปัญหาที่สาธารณะให้ความสนใจเมื่อนายแพทย์บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล ผู้อำนวยการศูนย์ธรรมชาติบำบัดบัลวี และอดีตกรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอิศรา เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2556 โดยแสดงให้เห็นถึงการดำรงอยู่ของข้าวเน่าจากหลักฐานเชิงประจักษ์และจากประสบการณ์ของผู้บริโภค

ข้าวเน่าที่คุณหมอบรรจบ พูดถึงคือข้าวสารที่มีเชื้อราปะปนอยู่ซึ่งจะผลิตสารพิษที่เรียกว่า อฟลาท็อกซิน สารพิษตัวนี้หากมนุษย์รับประทานเข้าไปอาจทำให้เป็นโรคมะเร็งตับได้ ข้าวสารที่มีเชื้อราเกิดขึ้นมาจากกระบวนการเก็บรักษาที่ไม่ดีและเก็บนานเกินไป คุณหมอระบุว่าหากเก็บรักษาข้าวไม่ดี เพียงเดือนเดียวข้าวสารก็มีเชื้อราแล้ว ดังนั้นจึงสามารถอนุมานได้ว่าข้าวสารจากนโยบายจำนำข้าวของรัฐบาล ซึ่งเก็บไว้นานนับปีเพราะไม่สามารถขายระบายออกไปได้จึงเป็นข้าวที่อาจมีเชื้อราปะปนอยู่ในปริมาณสูงเป็นอย่างยิ่ง และเมื่อรัฐบาลนำข้าวเหล่านี้ไปบรรจุถุงขายก็เท่ากับว่ารัฐบาลกำลัง “ขายข้าวแถมเชื้อรา” ให้แก่ประชาชนนั่นเอง

เชื้อราที่ปะปนในข้าวสารส่งผลเสียต่อสุขภาพของมนุษย์อย่างมหาศาล และเป็นเชื้อโรคที่กำจัดได้ยากเพราะสามารถทนความร้อนได้ ดังนั้นคนไทยที่ซื้อข้าวบรรจุถุงที่มาจากนโยบายจำนำข้าวของรัฐบาลจึงมีโอกาสรับประทานข้าวปนเชื้อรากันทั่วหน้า คุณหมอถึงกับระบุว่า รัฐบาลกำลังฆ่าคนไทยทั้งประเทศอย่างเลือดเย็นจากความผิดพลาดในการดำเนินนโยบายจำนำข้าว

เราทราบได้อย่างไรบ้างว่าข้าวสารมีเชื้อราปะปนอยู่ อย่างแรกก็จากการสังเกตด้วยตาเปล่า ซึ่งกรณีที่มีเชื้อราปะปนอยู่ในข้าวสารเป็นจำนวนมากจะสามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า กรณีที่สองเรารับรู้ได้จากการดมกลิ่น กรณีนี้เราอาจมองไม่เห็นเชื้อราได้ด้วยตาเปล่าเพราะปริมาณเชื้อราอาจยังไม่ปรากฏให้เห็นชัดเจนนัก แต่เมื่อนำไปหุงเป็นข้าวสุกแล้วจะส่งกลิ่นที่มีลักษณะพิเศษซึ่งแตกต่างจากข้าวที่ไม่มีเชื้อรา

คุณหมอบรรจบ ได้เล่าเหตุการณ์ที่ท่านประสบมาด้วยตนเองว่า ท่านไปพบกับผู้รักสุขภาพรายหนึ่งซึ่งเป็นผู้ค้าข้าวมากว่า 30 ปี เล่าให้ฟังว่า หลังจากออกกำลังกายแล้ว เขาก็ชวนเพื่อนๆไปรับประทานข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง พอพนักงานของร้านเอาข้าวมาเสิร์ฟ เขาเปิดฝาหม้อออกมาก็ได้กลิ่นเหม็น เมื่อได้กลิ่นดังกล่าว จากประสบการณ์ที่อยู่ในวงการค้าข้าวมาอย่างยาวนาน เขาก็ตระหนักรู้ได้ทันทีว่า กลิ่นนี้เป็นกลิ่นเชื้อรา เขาจึงรีบไปขอดูว่าร้านอาหารนี้นำข้าวจากที่ไหนมาหุงให้ลูกค้ารับประทาน ปรากฏว่าเป็นข้าวถุงที่ขายในราคาถูกของรัฐบาลนั่นเอง

การตระหนักรู้ว่ากลิ่นใดของข้าวสารที่หุงเป็นข้าวสุกเป็นกลิ่นของเชื้อราหรือไม่ คนทั่วไปอาจไม่มีความรู้เช่นนี้ เพราะความรู้นี้เกิดจากประสบการณ์จริงของผู้ที่มีอาชีพในเรื่องนั้นอย่างยาวนาน ดังนั้นเมื่อคนทั่วไปได้กลิ่นที่ผิดปกติ บางคนอาจจะละเลยคิดว่าเป็นกลิ่นที่ไม่มีอันตรายใดแฝงอยู่ ก็รับประทานลงไปซึ่งเท่ากับรับประทานข้าวปนยาพิษนั่นเอง แต่สำหรับบางคนแม้ว่าจะไม่มีประสบการณ์ตรงก็อาจจะมีความระมัดระวัง เมื่อมีความผิดปกติเกิดขึ้นก็อาจไม่รับประทานข้าวเหล่านั้น

แต่ข้าวสารที่เป็นภัยเงียบ แอบแฝงแทรกซึมอยู่โดยที่ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ทราบคือ ข้าวที่มีเชื้อราปะปน แต่ยังมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า และเมื่อหุงสุกแล้วก็มีกลิ่นไม่ผิดปกติมากนัก ผู้คนจึงรับประทานไปด้วยความสบายใจ โดยหารู้ไม่ว่ามีพิษร้ายแอบแฝงอยู่ หากพิจารณาจากกระบวนการและระยะเวลาการเก็บรักษาข้าวสารของรัฐบาลแล้ว ข้าวสารที่มีเชื้อราในลักษณะเช่นนี้น่าจะมีอยู่เป็นจำนวนค่อนข้างมาก

นอกจากเชื้อราแล้ว ภัยที่แฝงมากับข้าวสารอีกประการหนึ่งคือ สารพิษตกค้าง อันเกิดจากกระบวนการผลิตข้าวและกระบวนการเก็บรักษาข้าว ราคาข้าวที่กำหนดจากนโยบายจำนำข้าวของรัฐบาลจูงใจให้ชาวนาเร่งรัดการปลูกข้าวเพื่อให้ได้ปริมาณผลผลิตมากที่สุด ซึ่งทำให้ชาวนาจะต้องใช้ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลงจำนวนมากขึ้นเพื่อให้ได้ผลผลิตตามที่ต้องการ โอกาสที่จะเกิดสารพิษตกค้างจึงมีสูงยิ่ง แต่ดูเหมือนในขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานใดตระหนักและเข้าไปตรวจสอบปริมาณสารเคมีตกค้างจากกระบวนการผลิตนี้เลย

สำหรับสารพิษตกค้างอันเป็นที่สนใจของสาธารณะอยู่ในห้วงเวลานี้คือ สารพิษตกค้างที่เกิดจากกระบวนการเก็บรักษาข้าว การตรวจสอบสารพิษตกค้างเริ่มมีการดำเนินการและประกาศต่อสาธารณะหลังจากข่าวเกี่ยวกับข้าวเน่าทยอยเปิดออกมาสู่สาธารณะอย่างต่อเนื่อง จนรัฐบาลเริ่มเดือดเนื้อร้อนใจและอยู่ไม่เป็นสุข ต้องออกมาแก้ตัวแก้ข่าวเป็นรายวัน สั่งการให้หน่วยงานในกำกับออกไปสำรวจตรวจสอบข้าว

หน่วยงานภาครัฐที่เข้าไปตรวจสอบเรื่องนี้ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2556 คือ คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จากนั้นได้ออกมาแถลงในภาพรวมทำนองที่ว่าข้าวสารในโครงการจำนำข้าวของรัฐบาลมีการปนเปื้อนสารเคมี เชื้อรา และแมลงเล็กน้อยเท่านั้น ในระดับที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพใดๆ และส่วนใหญ่มีคุณภาพดีและสามารถรับประทานได้อย่างปลอดภัย แต่ต่อมาในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม มีเหตุการณ์ที่ทำให้สังคมสงสัยในความน่าเชื่อถือของหน่วยงานภาครัฐทั้งสอง เพราะมีองค์กรภาคประชาชนไปตรวจสอบข้าวถุงแล้วพบว่ามีข้าวถุงจำนวนมากปนเปื้อนสารเคมีที่ใช้รมข้าวเกินมาตรฐาน

องค์กรภาคประชาสังคมที่ตรวจสอบข้าวถุงเป็นการร่วมมือกันระหว่าง มูลนิธิมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค มูลนิธิชีววิถี และศูนย์ทดสอบฉลาดซื้อ ผลการตรวจข้าวสารถุง 46 ตัวอย่าง พบว่า ข้าวสารถุงร้อยละ 26.1 หรือจำนวน 12 ยี่ห้อ ไม่พบสารตกค้างทุกกลุ่ม แต่มีมากถึง 34 ยี่ห้อ หรือร้อยละ 79 ที่พบสารรมควันข้าวเมทิลโบรไมลด์ ตั้งแต่ 0.9-67 มิลลิกรัม/กิโลกรัม โดยบางยี่ห้อมีปริมาณสารเมทิลโบรไมล์ตกค้างสูงกว่าค่ามาตรฐานกลางอาหารระหว่างประเทศ (Codex) ซึ่งกำหนดไว้ไม่เกิน 50 มิลลิกรัม/กิโลกรัม หลายยี่ห้อมีปริมาณสารตกค้างสูงกว่าค่ามาตรฐานของอินเดียซึ่งกำหนดไม่ให้เกิน 25 มิลลิกรัม/กิโลกรัม และประเทศจีนซึ่งกำหนดไว้ไม่เกิน 5 มิลลิกรัม/กิโลกรัม

แม้จะมีหลักฐานอย่างชัดเจนถึงการดำรงอยู่ของเชื้อราและสารพิษในข้าวสารของโครงการจำนำข้าวของรัฐบาล แต่ดูเหมือนว่ารัฐบาลกลับพยายามปกปิดกลบเกลื่อน และใช้ท่าทีข่มขู่ผู้ที่นำข้อมูลข่าวสารเรื่องนี้มาเสนอต่อสาธารณะ โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2556 ที่อิมแพคเมืองทองธานีว่า “ขอความกรุณาอย่าพูด เพราะจะเกิดความเสียหายทั้งระบบ ทั้งๆที่ข้าวไทยมีคุณภาพดีอยู่แล้ว”

การให้สัมภาษณ์ของ น.ส. ยิ่งลักษณ์ เป็นการแสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่า รัฐบาลประสงค์จะบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร โดยยังยืนกรานว่าข้าวไทย (ภายใต้โครงการจำนำข้าว) มีคุณภาพดี ทั้งที่มีหลักฐานต่างๆมากมายว่า ข้าวไทยที่อยู่ในโครงการจำนำข้าวของรัฐบาลเป็นข้าวเน่า และรัฐบาลนั่นแหละเป็นต้นเหตุหรือตัวการสำคัญที่ทำให้ข้าวดีและมีคุณภาพของไทยต้องกลายเป็นข้าวเน่าและด้อยคุณภาพ

ยิ่งกว่านั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังได้แสดงอำนาจบาตรใหญ่ โดยการห้ามไม่ให้ผู้สื่อข่าวและประชาชนพูดความจริงในเรื่องนี้ ทั้งยังขู่ว่าการพูดความจริงเกี่ยวกับเรื่องข้าวจะทำให้เกิดความเสียหายทั้งระบบ อันที่จริงความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการปกปิดเรื่องข้าวเน่ามีมากกว่าการพูดความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้มหาศาลนัก เพราะหากประชาชนไม่ทราบว่ามีข้าวเน่าซึ่งเต็มไปด้วยเชื้อราและสารพิษ ก็ไม่มีความระมัดระวังในการรับประทานข้าว และเมื่อรับประทานลงไป ก็เหมือนกับการรับประทานยาพิษลงไปทุกวัน ท้ายที่สุดก็ นำไปสู่ความเจ็บป่วยและล้มตายได้

รัฐบาลยิ่งลักษณ์จึงเป็นรัฐบาลแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศไทยที่ทราบอยู่แก่ใจแล้วว่าข้าวที่ตนเองขายให้แก่ประชาชนเต็มไปด้วยเชื้อราและสารพิษ ก็ยังพยายามปกปิดและยัดเยียดให้ประชาชนรับประทาน จึงเป็นรัฐบาลที่มีเจตนาวางยาพิษสังหารประชาชนอย่างเลือดเย็น ดังที่มีผู้กล่าวเอาไว้เป็นจำนวนมาก

สำหรับประชาชนที่ไม่ต้องการตกเป็นเหยื่อของรัฐบาล ในการซื้อข้าวหรือรับประทานข้าวครั้งใดโปรดอย่าลืมถามคนขายว่า “ข้าวนี้มาจากโครงการจำนำข้าวของรัฐบาลหรือไม่” หากใช่ ก็อย่าซื้อหรืออย่ารับประทาน ให้ไปซื้อและรับประทานข้าวที่ผลิตจากกลุ่มชาวนาผู้ซึ่งไม่เข้าร่วมโครงการจำนำข้าวของรัฐบาลแทน เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพของตนเองและคนในครอบครัว


กำลังโหลดความคิดเห็น