ASTVผู้จัดการรายวัน-ตำรวจพิจิตร ออกหมายจับ 4 ผู้ต้องหาคดีโกงข้าวชาวนาแล้ว ผู้ว่าฯ เผยมียอดผู้เสียหาย 320 ราย ข้าวสารหาย 1.2 หมื่นตัน ยันดีเอสไอมาแน่ ชาวนาอัด "ปู" ทำตัวเป็นกบฎสั่งลดราคาจำนำ หมอวรงค์แฉอีก 10 วิธีโกงจำนำ เตรียมปูพรมตรวจโรงสี โกดังทั่วประเทศวันนี้ ไม่เชื่อตรวจโกงวันเดียวเสร็จ "มาร์ค"มึนตึบ ครม. โยน กขช. ทบทวนราคาจำนำ ทั้งๆ ที่มีอำนาจสูงสุด
พ.ต.อ.ธวัชชัย มวญนรา รองผบก.ภ.จว.พิจิตร เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีโรงสีแอล-โกลด์ แมนูแฟคเจอร์ จำกัด เลขที่ 97/2 หมู่ 3 ต.ท่าบัว อ.โพทะเล จ.พิจิตร ฉ้อโกงข้าวชาวนาพิจิตร และยักยอกข้าวขององค์การตลาดเพื่อเกษตร (อ.ต.ก.) ว่า หลังจากจับกุมนายอำนาจ ดิษฐเสถียร หรือเสี่ยแกละ เจ้าของท่าข้าวหัวดง พบว่าผู้ต้องหาให้การเป็นประโยชน์ และล่าสุดศาลจังหวัดพิจิตรออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติม 3 คน คือ นายมุนินทร์ จันทรา หรือเสี่ยหนุ่ม เจ้าของโรงสี น.ส.ณัฐริญา บุญเกื้อ กรรมการผู้จัดการ และนายณัฐกิตติ์ อนันต์ชรินทร์ เจ้าหน้าที่ประจำโรงสี ข้อหาร่วมกันฉ้อโกง คาดว่าจะใช้เวลา 2 วัน รวบรวมหลักฐานออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีก เพื่อถอนรากถอนโคนขบวนการโกงชาวนา และยักยอกทรัพย์ข้าวเปลือกในโครงการรับจำนำต่อไป
สำหรับการลงพื้นที่ตรวจสอบข้าวในโกดังขององค์การคลังสินค้า (อคส.) และอ.ต.ก.ทุกแห่ง จะปฏิบัติการพร้อมกันรวม 97 จุด โดยใช้กำลังตำรวจเกือบ 400 นาย นอกจากตรวจสต๊อกแล้ว ยังตรวจปริมาณข้าวของชาวนาที่นำมาจำนำใหม่ทุกรายอย่างละเอียด เพื่อป้องกันการนำข้าวเก่ามาสวมสิทธิ์ราคา 15,000 บาท ก่อนจะปรับลดเป็น 12,000 บาท และยังได้จัดชุดสืบสวนเฝ้าโรงสี สังเกตการเคลื่อนย้ายข้าวตลอด 24 ชั่วโมง ป้องกันการหมุนเวียนข้าวเข้าสต๊อกด้วยแล้ว
นายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผู้ว่าราชการ จ.พิจิตร กล่าวว่า ขณะนี้มียอดผู้เสียหายที่เป็นชาวนา 320 ราย ข้าวเปลือก ข้าวสารของ อ.ต.ก.หายไป 12,000 ตัน ตำรวจออกหมายจับแล้ว 4 คน ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง โดยตนได้สั่งให้เพิกถอนโรงสีดังกล่าวออกจากโครงการรับจำนำ ให้เก็บธงฟ้า พร้อมป้ายโครงการรับจำนำออกจากหน้าโรงสีแล้ว ทำให้บรรยากาศของโรงสีมีแต่ความเงียบเหงา มีเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2-3 นาย ที่สลับสับเปลี่ยนกันเฝ้าตรวจตราโรงสีอยู่เท่านั้น
ทั้งนี้ ทราบว่าคดีนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กระทรวงยุติธรรม ได้ให้ความสนใจ และอาจจะลงพื้นที่มาสอบสวนด้วยตนเอง เพราะเป็นคดีเศรษฐกิจ
สำหรับการให้ความช่วยเหลือเยียวยาชาวนาที่ได้รับผลกระทบ เบื้องต้นนายชาติชาย เจียมศรีพงษ์ นายก อบจ.พิจิตร ได้เปิดบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาพิจิตร โดยใช้ชื่อบัญชีว่า “กองทุนช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาผู้ได้รับความเดือดร้อนจังหวัดพิจิตร” เลขบัญชี 650-224-808-7 ธนาคารกรุงไทย จำกัด บัญชีออมทรัพย์ สาขาพิจิตร เลขบัญชี 610-052-424-4 เพื่อรับบริจาคเงินช่วยเหลือชาวนาที่ตกเป็นเหยื่อ และเป็นผู้ที่เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้แล้วเท่านั้น ซึ่งล่าสุดมีเงินทุนตั้งต้นแล้วกว่า 5 แสนบาท
ส่วนของการแจ้งความที่ สภ.เมืองพิจิตร พ.ต.ท.เนวิน กาหลง หัวหน้าพนักงานสอบสวน กล่าวว่า ได้รับแจ้งความจากชาวนา 3 ตำบลของ อ.เมืองพิจิตร ได้เกือบครบทั้ง 96 คนแล้ว มีเพียงบางคนที่ยังขาดเอกสารและต้องนำมาแสดงเพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าภายในวันศุกร์นี้คงเสร็จสิ้น
***อัด"ปู"ทำตัวเป็นกบฎต่อชาวนา
นายสุรเชษฐ์ วรพิทย์เบญจา รองประธานอาสาสมัครเกษตรกรหมู่บ้าน (อกม.) จ.เชียงราย กล่าวว่า ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยหาเสียงว่าจะรับจำนำข้าวราคาตันละ 15,000 บาทมาตลอด แต่กลับไขว้เขว และปรับราคารับจำนำอย่างกะทันหัน ทำให้เกษตรกรตายอย่างเขียด ถือว่าเป็นกบฏต่อเกษตรกร ส่งผลให้คนรุ่นใหม่ที่เคยกลับไปทำนาหันหน้าสู่เมืองใหญ่จนเป็นปัญหาสังคมอีก
ทั้งนี้ นายสุรเชษฐ์ยังระบุอีกว่า แผลเน่าของโครงการรับจำนำข้าวที่เคยเกิดขึ้นทุกยุคทุกสมัยยังตามมาหลอนซ้ำ เริ่มตั้งแต่เหตุเพลิงไหม้โกดังจำนำข้าวอย่างน่าสงสัยหลายแห่งในภาคเหนือ อีสาน ตามมาด้วยการนำเข้าข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา สปป.ลาว เข้ามาสวมสิทธิ โดยเฉพาะข้าวจากกัมพูชา ที่มีหลักฐานบ่งชี้ชัดเจนผ่านหนังสือพิมพ์ “พนมเปญโพสต์” ระบุว่า เพียง 4 เดือนแรกของปี 2556 ไทยนำเข้าข้าวจากกัมพูชาสูงจนติดอันดับ 4 ทั้งที่ไทยเป็นประเทศผู้ผลิตข้าวรายใหญ่ของโลก เมื่อนำข้าวกัมพูชามาสวมสิทธิเข้าโครงการรับจำนำข้าว จะมีกำไรส่วนต่างมากกว่า 1 เท่าตัวทันที
นายบุญเรียน โนพะเส้า แกนนำกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวพื้นที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย กล่าวว่า โครงการรับจำนำข้าวที่ผ่านมา ผิดปกติหลายอย่าง ทั้งการบวกปริมาณข้าวในใบประทวน ซึ่งส่งผ่านไปทางโรงสีที่เข้าโครงการรับจำนำเพิ่มจากความเป็นจริงอีก 20% เช่น ถ้าเกษตรกรนำข้าวไปจำนำจำนวน 1 ตันก็จะบวกตัวเลขเพิ่มเป็น 1.2 ตัน รวมทั้งโรงสีในบางพื้นที่ไม่มีเครื่องวัดความชื้นจึงกดราคาข้าวที่เกษตรกรนำไปจำนำลง อ้างว่าความชื้นสูงหรือข้าวไม่มีคุณภาพ เช่น อ.เชียงแสน ได้ราคาเพียงตันละ 10,000-11,000 บาทเท่านั้น ดังนั้น โรงสีจึงได้กำไรสองต่อ ทั้งจากปริมาณข้าวในใบประทวนที่เพิ่มขึ้น และซื้อข้าวในราคาถูกเกินจริง
***แฉ 10 วิธีโกงจำนำข้าว
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ที่เดินหน้าตรวจสอบพิรุธโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาอย่างต่อเนื่อง ได้เปิดเผยว่า ปัญหาเรื่องทุรจิตรับจำนำข้าวของรัฐบาลชุดนี้มีมากนับ 10 วิธี ได้แก่ 1.โกงความชื้น โดยที่โรงสีมีเครื่องมือวัดความชื้นเฉพาะ หรือโกงเฉพาะรุ่นที่ใช้จริงๆ กับชาวนา แตกต่างกับเครื่องที่เจ้าหน้าที่รัฐนำมาตรวจที่โรงสี หรือบางแห่งไม่มีเครื่องวัดความชื้น เถ้าแก่โรงสีบอกกับชาวนาเจ้าของข้าวเอาดื้อๆ เพื่อกดราคา 2.โรงสีโกงสิ่งเจือปน พบมากสุดที่ภาคอีสาน 3.โกงตาชั่ง ซึ่งโรงสีเซตโปรแกรมตาชั่ง โดยที่ชาวนาไม่รู้เลยว่าถูกชั่งน้ำหนักข้าวต่ำกว่าความเป็นจริง 4.ชาวนามีเล่ห์กลโกงเอง คือ นำโควตาสิทธิรับจำนำข้าวไปขายต่อเกวียนละ 500-1,000 บาท
5.โรงสีนำข้าวเสื่อมสภาพ ค้างเก่ามาร่วมโครงการรัฐบาล ขณะที่ข้าวดีที่เพิ่งรับจำนำจากชาวนาหมาดๆ นำไปขายต่างประเทศ 6.นำข้าวเสื่อมคุณภาพ หรือข้าวค้างปีไปเวียนเทียนเข้าร่วมรัฐบาล ส่วนข้าวดีนำไปขายเพื่อส่งออก 7.ลักลอบนำข้าวจากต่างประเทศเข้ามาสวมสิทธิจำนำ พบมากแนวตะเข็บชายแดนไทย-เขมร 8. นำข้าวที่เสื่อมคุณภาพ หรือข้าวเก่าค้างปีไปทำข้าวถุงกับหน่วยงานรัฐต่างๆ เช่น ธงฟ้า, อสค., อ.ต.ก. 9.จีทูจี แต่เป็นจีทูเจี๊ยะ เพราะรัฐบาลขายข้าวรัฐต่อรัฐไม่จริง เป็นการขายให้พ่อค้ากลุ่มพรรคพวกผู้ใกล้ชิดกับคนในรัฐบาล แล้วนำผลประโยชน์มาแบ่งกัน 10.รัฐบาลร่วมกับโรงสีขายข้าวให้ราคาต่ำ อ้างสารพัดวิธีเพื่อปล่อยข้าวดีราคาต่ำให้พ่อค้าผู้ใกล้ชิดกับคนในรัฐบาล แบ่งผลประโยชน์กัน
นอกจากนี้ ในกระบวนการขายข้าวในโกดังของรัฐบาล ในรูปแบบจีทูจี ซึ่งทั้งนายกรัฐมนตรี ยันรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบ ก็บอกข้อเท็จจริงต่อสาธารณะไม่ได้ และยังคงอึมครึมมาจนถึงทุกวันนี้ โดยความชัดเจนมีเพียงผู้ที่เกี่ยวข้องล้วนแล้วแต่เป็นคนใกล้ชิดอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคนในพรรคเพื่อไทยทั้งสิ้น ที่สำคัญ กลุ่มบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ที่เป็นเงาของบริษัท เพรซิเดนท์อะกริเทรดดิ้ง จำกัด ที่เคยถูก ป.ป.ช.ตรวจสอบการทุจริตในโครงการจำนำข้าวสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อปี 2546-2547 ผู้ที่ประกาศว่าเป็นคนคิดนโยบายจำนำข้าวให้รัฐบาล ปู ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลงมือทำ
***ชาวนาประท้วงต่อไม่เอา1.2หมื่น
ที่จ.สุโขทัย ชาวนาอ.กงไกรลาศ กว่า 100 คนตัวชุมนุมที่วัดใหม่สุขเกษม ต.บ้านใหม่สุขเกษม อ.กงไกรลาศ แสดงความไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลปรับลดราคารับจำนำข้าวเหลือ 12,000 บาทต่อตัน ซึ่งนายสมิทธิ์ ปาลวัฒน์วิไชย รองผู้ว่าราชการจังหวัด มาพูดคุยาและรับหนังสือข้อเรียกร้อง
นายอรุณ รอดสวัสดิ์ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)บ้านใหม่สุขเกษม กล่าวว่า การปรับลดราคาเหลือ 12,000 บาท ทำให้ชาวนาตั้งตัวไม่ทัน และรับไม่ได้ เพราะลงทุนไปแล้ว แต่เกี่ยวขายไม่ทัน หากจะปรับลด ควรยืดเวลาถึงวันที่ 30 ก.ย.2556 ซึ่งหมดฤดูข้าวนาปรัง เพราะชาวนาเองก็เห็นใจรัฐบาล แต่รัฐบาลก็ต้องเห็นใจชาวนาด้วย โดยปัจจุบันต้นทุนสูงถึงไร่ละกว่า 6,000 บาท หากเป็นนาเช่า ต้นทุนสูงถึง 8,000 บาท หากปรับเหลือ 12,000 บาท ก็ควรปรับค่าความชื้นไปที่ 35%
นายชัยยุทธ พรภักดี ตัวแทนชาวนา กล่าวว่า การปรับลดราคารับจำนำ เหมือนหักคอชาวนา และผิดสัญญาที่เคยให้ไว้ก่อนเป็นรัฐบาล ทำให้ชาวนารู้สึกผิดหวัง เสียใจกับรัฐบาล หากจะยกเลิกโครงการที่สัญญาไว้ และให้ชาวนาอยู่ต่อไปได้ รัฐบาลต้องลดต้นทุนการผลิตด้วย เช่น น้ำมัน ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง ค่าเช่านา รวมทั้งค่าแรง 300 บาท เพราะทุกอย่างเป็นต้นทุนหลัก
ที่แยกบ่อล้อ ต.เชียรใหญ่ อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ชาวนาในอ.เชียรใหญ่ อ.หัวไทร และใกล้เคียงกว่า 200 คน รวมตัวกันยื่นข้อเรียกร้องรัฐบาล มีนายสุเทพ คงมาก อุปนายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ว่าที่ร.ต.ไกรธนู แกล้วทนงค์ ตัวแทนชาวนา และนายพิภูษณ อินทร์จันทร์ กรรมการสมาคมชาวนาไทย ร่วมเป็นแกนนำ ขณะที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชน บก.ภ.จว. 1 กองร้อย มาประจำการเพื่อป้องกันไม่ให้มีการปิดถนน
นายสุเทพ กล่าวว่า ชาวนาภาคใต้ต้องการยื่นข้อเสนอให้รัฐบาล 2 ข้อ คือ 1.ยืนยันราคาจำนำข้าวเปลือกที่ 15,000 บาทต่อตัน จนสิ้นฤดูกาลผลิตปี 2555/2556 และ2.ให้ขยายเวลารับจำนำถึงวันที่ 30 พ.ย.2556
*** ส่งออกอัด "ทักษิณ" หลอกชาวนา
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาให้สัมภาษณ์ ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้แสดงความเห็นใจเกษตรกรชาวนาไทย ซึ่งหากราคาข้าวในตลาดโลกขยับตัวสูงขึ้น รัฐบาลก็จะขยับขึ้นราคาแน่นอน ว่า ส่วนตัวมองว่าเรื่องดังกล่าว ไม่มีความเป็นไปได้เลย ที่ราคาข้าวในตลาดโลกจะปรับราคาสูงขึ้น และเป็นการคาดการณ์แบบไร้เหตุผล เนื่องจากในปัจจุบันราคาข้าวไทยมีราคาสูงกว่าประเทศคู่ค้ามาก รวมทั้งขณะนี้ปริมาณข้าวมีมากกว่าความต้องการ ดังนั้น จึงมองว่าเรื่องดังกล่าว ก็เหมือนเป็นการหลอกชาวนา
**ธวัช”ตรวจข้าว 50 จังหวัด 2พันจุด
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ในฐานะประธานคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อมูลปริมาณข้าวคงเหลือของอคส. และอ.ต.ก. กล่าวว่า เตรียมลงพื้นที่ตรวจสอบปริมาณข้าวคงเหลือหรือสต็อกข้าว ในวันที่ 27 มิ.ย.นี้ โดยจะมีการตรวจสอบในทุกโรงสี ทุกคลังสินค้า ไม่ว่าจะอยู่ใน อ.ต.ก. หรือ อคส. ซึ่งมียอดรวมทั้งหมด 2,506 จุด และไม่มีเป้าหมายใดเป็นพิเศษ เพราะจะปูพรมตรวจสอบทั้ง 50 จังหวัดพร้อมกัน โดยโกดังขนาดใหญ่ จะใช้เจ้าหน้าที่ประมาณ 10 คน แต่หากขนาดเล็กจะลดหลั่นลงมา และจะมีแบบฟอร์มในการตรวจสอบเพื่อความสะดวกในการทำงาน โดยคาดว่าจะสามารถสรุปข้อมูลในภาคสนามได้ ในเวลา 18.00 น. เป็นต้นไป
ทั้งนี้ สำหรับโกดังใดที่มีการรมยาฆ่ามอด ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบได้ ก็จะตรวจในภายหลัง ส่วนจะเจอตอหรือไม่นั้น ตนยืนยันว่าจะมีการดำเนินการทุกอย่างอย่างโปร่งใส ไม่เห็นแก่หน้าใคร ไม่ว่าจะเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด ข้าราชการ หรือนักการเมือง โดยหากตรวจสอบแล้ว ข้าวสารขาดหายไปจากที่มีการแจ้งไว้เกินร้อยละ 5 และข้าวเปลือกขาดหายไปจากที่มีการแจ้งไว้เกินร้อยละ 10 ถือว่ามีความผิด จะดำเนินคดีกับทุกโรงสีและทุกโกดัง
นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อทำการตรวจสอบเสร็จแล้ว จะส่งข้อมูลเข้าสู่ระบบของตำรวจจังหวัดเพื่อเชื่อมโยงมายังศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) โดยข้อมูลปริมาณข้าวคงเหลือทั้งหมดจะทราบภายในวันเดียว เพราะเป็นการใช้ระบบเดียวกับการรวบรวมผลการเลือกตั้ง ทั้งนี้ ที่ ศปก.ตร. จะมีร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี และนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ คอยตรวจสอบข้อมูลข้าวคงเหลือทั้งหมด
**โฆษกรัฐไลน์"ปู"บ่นปวดหัวเรื่องข้าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาลติดตามน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ใช้ชื่อไลน์ "PMReporter ทีมข่าวสร.1" โดยช่วงหนึ่งของการสนทนา นายธีรัตถ์ ได้โพสต์ข้อความแจ้งผู้สื่อข่าวว่า พล.ต.ต.ธวัช ได้รายงานความพร้อมให้นายกฯ รับทราบแล้ว ซึ่งนายกฯ สั่งฟันไม่เลี้ยง ไม่ต้องสนใจว่าจะเป็นโกดังของใคร และยังได้โพสต์ข้อความว่า "นายกฯ แอบบ่นว่าปวดหัวมานานแล้วเรื่องนี้"
ทันทีที่โฆษกประจำสำนักนายกฯ โพสต์ข้อความนายกฯ บ่นปวดหัวขึ้นในไลน์ คนสนิทนายกฯ ได้เข้ามาในไลน์เรียกโฆษกเหมือนเป็นการเตือนนายธีรัตถ์ไม่ให้โพสต์ข้อความอะไรต่อ
**"มาร์ค"งง ครม.โยน กขช.ทบทวน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ปรากฏการณ์ที่เกษตรกร หรือชาวนามาเรียกร้องไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะการลดราคาจำนำไปตันละ 3,000 บาท จาก 15,000 บาทเหลือ 12,000 บาทนั้น กระทบกับเขาโดยตรง แต่ประเด็นที่น่าสนใจ คือ ท่าทีของรัฐบาล แล้วก็คำชี้แจงของรัฐบาลที่ยังมีความพยายามจะให้เกิดความสับสน ความหวังลมๆ แล้งๆ โดยบอกว่าให้เป็นเรื่อง กขช. กลับไปทบทวน ซึ่งจริงๆ แล้วนโยบายนี้ เป็นนโยบายหลักของรัฐบาล และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็เป็นองค์กรสูงสุดที่จะตัดสินเรื่องนี้ได้
***องค์กรต้านโกงยื่น"ปู"ปราบทุจริตจำนำ
นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชัน (ประเทศไทย) ได้ประกาศแถลงการณ์ “จำนำข้าว หยุดโกง เอาคนผิดมาลงโทษ ช่วยชาวนาให้มากขึ้น” วานนี้ (26มิ.ย.) ที่โรงแรมอินเตอร์ คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ โดยระบุว่า องค์กรฯไม่คัดค้านโครงการ ที่จะเอื้อประโยชน์ และสร้างความมั่นคงให้ชาวนาอย่างยั่งยืนภายใต้ระบบการค้าเสรี แต่องค์กรฯมีความกังวลมาก เนื่องจากโครงการนี้มีความเสี่ยงต่อคอรัปชัน ในขั้นตอนการบริหารจัดการที่ไม่โปร่งใส ดังนั้น หากรัฐบาลยังเดินหน้าโครงการต่อไป ขอเรียกร้องและเสนอแนวทางแก่รัฐบาล โดยให้มีการตรวจสอบการทุจริตในทุกขั้นตอน ข้าวที่รับจำนำไว้ก่อนหน้านี้ ต้องเปิดตัวเลขราคา ปริมาณ และข้าวที่ขายไปแล้ว และข้าวที่เหลืออยู่ เปลี่ยนวิธีการขายข้าวในสต๊อกเป็นล๊อตเล็กๆ และดำเนินการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือชาวนา โดยจะขอเข้าพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพื่อยื่นขอเสนอต่อไป
พ.ต.อ.ธวัชชัย มวญนรา รองผบก.ภ.จว.พิจิตร เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีโรงสีแอล-โกลด์ แมนูแฟคเจอร์ จำกัด เลขที่ 97/2 หมู่ 3 ต.ท่าบัว อ.โพทะเล จ.พิจิตร ฉ้อโกงข้าวชาวนาพิจิตร และยักยอกข้าวขององค์การตลาดเพื่อเกษตร (อ.ต.ก.) ว่า หลังจากจับกุมนายอำนาจ ดิษฐเสถียร หรือเสี่ยแกละ เจ้าของท่าข้าวหัวดง พบว่าผู้ต้องหาให้การเป็นประโยชน์ และล่าสุดศาลจังหวัดพิจิตรออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติม 3 คน คือ นายมุนินทร์ จันทรา หรือเสี่ยหนุ่ม เจ้าของโรงสี น.ส.ณัฐริญา บุญเกื้อ กรรมการผู้จัดการ และนายณัฐกิตติ์ อนันต์ชรินทร์ เจ้าหน้าที่ประจำโรงสี ข้อหาร่วมกันฉ้อโกง คาดว่าจะใช้เวลา 2 วัน รวบรวมหลักฐานออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีก เพื่อถอนรากถอนโคนขบวนการโกงชาวนา และยักยอกทรัพย์ข้าวเปลือกในโครงการรับจำนำต่อไป
สำหรับการลงพื้นที่ตรวจสอบข้าวในโกดังขององค์การคลังสินค้า (อคส.) และอ.ต.ก.ทุกแห่ง จะปฏิบัติการพร้อมกันรวม 97 จุด โดยใช้กำลังตำรวจเกือบ 400 นาย นอกจากตรวจสต๊อกแล้ว ยังตรวจปริมาณข้าวของชาวนาที่นำมาจำนำใหม่ทุกรายอย่างละเอียด เพื่อป้องกันการนำข้าวเก่ามาสวมสิทธิ์ราคา 15,000 บาท ก่อนจะปรับลดเป็น 12,000 บาท และยังได้จัดชุดสืบสวนเฝ้าโรงสี สังเกตการเคลื่อนย้ายข้าวตลอด 24 ชั่วโมง ป้องกันการหมุนเวียนข้าวเข้าสต๊อกด้วยแล้ว
นายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผู้ว่าราชการ จ.พิจิตร กล่าวว่า ขณะนี้มียอดผู้เสียหายที่เป็นชาวนา 320 ราย ข้าวเปลือก ข้าวสารของ อ.ต.ก.หายไป 12,000 ตัน ตำรวจออกหมายจับแล้ว 4 คน ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง โดยตนได้สั่งให้เพิกถอนโรงสีดังกล่าวออกจากโครงการรับจำนำ ให้เก็บธงฟ้า พร้อมป้ายโครงการรับจำนำออกจากหน้าโรงสีแล้ว ทำให้บรรยากาศของโรงสีมีแต่ความเงียบเหงา มีเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2-3 นาย ที่สลับสับเปลี่ยนกันเฝ้าตรวจตราโรงสีอยู่เท่านั้น
ทั้งนี้ ทราบว่าคดีนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กระทรวงยุติธรรม ได้ให้ความสนใจ และอาจจะลงพื้นที่มาสอบสวนด้วยตนเอง เพราะเป็นคดีเศรษฐกิจ
สำหรับการให้ความช่วยเหลือเยียวยาชาวนาที่ได้รับผลกระทบ เบื้องต้นนายชาติชาย เจียมศรีพงษ์ นายก อบจ.พิจิตร ได้เปิดบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาพิจิตร โดยใช้ชื่อบัญชีว่า “กองทุนช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาผู้ได้รับความเดือดร้อนจังหวัดพิจิตร” เลขบัญชี 650-224-808-7 ธนาคารกรุงไทย จำกัด บัญชีออมทรัพย์ สาขาพิจิตร เลขบัญชี 610-052-424-4 เพื่อรับบริจาคเงินช่วยเหลือชาวนาที่ตกเป็นเหยื่อ และเป็นผู้ที่เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้แล้วเท่านั้น ซึ่งล่าสุดมีเงินทุนตั้งต้นแล้วกว่า 5 แสนบาท
ส่วนของการแจ้งความที่ สภ.เมืองพิจิตร พ.ต.ท.เนวิน กาหลง หัวหน้าพนักงานสอบสวน กล่าวว่า ได้รับแจ้งความจากชาวนา 3 ตำบลของ อ.เมืองพิจิตร ได้เกือบครบทั้ง 96 คนแล้ว มีเพียงบางคนที่ยังขาดเอกสารและต้องนำมาแสดงเพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าภายในวันศุกร์นี้คงเสร็จสิ้น
***อัด"ปู"ทำตัวเป็นกบฎต่อชาวนา
นายสุรเชษฐ์ วรพิทย์เบญจา รองประธานอาสาสมัครเกษตรกรหมู่บ้าน (อกม.) จ.เชียงราย กล่าวว่า ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยหาเสียงว่าจะรับจำนำข้าวราคาตันละ 15,000 บาทมาตลอด แต่กลับไขว้เขว และปรับราคารับจำนำอย่างกะทันหัน ทำให้เกษตรกรตายอย่างเขียด ถือว่าเป็นกบฏต่อเกษตรกร ส่งผลให้คนรุ่นใหม่ที่เคยกลับไปทำนาหันหน้าสู่เมืองใหญ่จนเป็นปัญหาสังคมอีก
ทั้งนี้ นายสุรเชษฐ์ยังระบุอีกว่า แผลเน่าของโครงการรับจำนำข้าวที่เคยเกิดขึ้นทุกยุคทุกสมัยยังตามมาหลอนซ้ำ เริ่มตั้งแต่เหตุเพลิงไหม้โกดังจำนำข้าวอย่างน่าสงสัยหลายแห่งในภาคเหนือ อีสาน ตามมาด้วยการนำเข้าข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา สปป.ลาว เข้ามาสวมสิทธิ โดยเฉพาะข้าวจากกัมพูชา ที่มีหลักฐานบ่งชี้ชัดเจนผ่านหนังสือพิมพ์ “พนมเปญโพสต์” ระบุว่า เพียง 4 เดือนแรกของปี 2556 ไทยนำเข้าข้าวจากกัมพูชาสูงจนติดอันดับ 4 ทั้งที่ไทยเป็นประเทศผู้ผลิตข้าวรายใหญ่ของโลก เมื่อนำข้าวกัมพูชามาสวมสิทธิเข้าโครงการรับจำนำข้าว จะมีกำไรส่วนต่างมากกว่า 1 เท่าตัวทันที
นายบุญเรียน โนพะเส้า แกนนำกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวพื้นที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย กล่าวว่า โครงการรับจำนำข้าวที่ผ่านมา ผิดปกติหลายอย่าง ทั้งการบวกปริมาณข้าวในใบประทวน ซึ่งส่งผ่านไปทางโรงสีที่เข้าโครงการรับจำนำเพิ่มจากความเป็นจริงอีก 20% เช่น ถ้าเกษตรกรนำข้าวไปจำนำจำนวน 1 ตันก็จะบวกตัวเลขเพิ่มเป็น 1.2 ตัน รวมทั้งโรงสีในบางพื้นที่ไม่มีเครื่องวัดความชื้นจึงกดราคาข้าวที่เกษตรกรนำไปจำนำลง อ้างว่าความชื้นสูงหรือข้าวไม่มีคุณภาพ เช่น อ.เชียงแสน ได้ราคาเพียงตันละ 10,000-11,000 บาทเท่านั้น ดังนั้น โรงสีจึงได้กำไรสองต่อ ทั้งจากปริมาณข้าวในใบประทวนที่เพิ่มขึ้น และซื้อข้าวในราคาถูกเกินจริง
***แฉ 10 วิธีโกงจำนำข้าว
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ที่เดินหน้าตรวจสอบพิรุธโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาอย่างต่อเนื่อง ได้เปิดเผยว่า ปัญหาเรื่องทุรจิตรับจำนำข้าวของรัฐบาลชุดนี้มีมากนับ 10 วิธี ได้แก่ 1.โกงความชื้น โดยที่โรงสีมีเครื่องมือวัดความชื้นเฉพาะ หรือโกงเฉพาะรุ่นที่ใช้จริงๆ กับชาวนา แตกต่างกับเครื่องที่เจ้าหน้าที่รัฐนำมาตรวจที่โรงสี หรือบางแห่งไม่มีเครื่องวัดความชื้น เถ้าแก่โรงสีบอกกับชาวนาเจ้าของข้าวเอาดื้อๆ เพื่อกดราคา 2.โรงสีโกงสิ่งเจือปน พบมากสุดที่ภาคอีสาน 3.โกงตาชั่ง ซึ่งโรงสีเซตโปรแกรมตาชั่ง โดยที่ชาวนาไม่รู้เลยว่าถูกชั่งน้ำหนักข้าวต่ำกว่าความเป็นจริง 4.ชาวนามีเล่ห์กลโกงเอง คือ นำโควตาสิทธิรับจำนำข้าวไปขายต่อเกวียนละ 500-1,000 บาท
5.โรงสีนำข้าวเสื่อมสภาพ ค้างเก่ามาร่วมโครงการรัฐบาล ขณะที่ข้าวดีที่เพิ่งรับจำนำจากชาวนาหมาดๆ นำไปขายต่างประเทศ 6.นำข้าวเสื่อมคุณภาพ หรือข้าวค้างปีไปเวียนเทียนเข้าร่วมรัฐบาล ส่วนข้าวดีนำไปขายเพื่อส่งออก 7.ลักลอบนำข้าวจากต่างประเทศเข้ามาสวมสิทธิจำนำ พบมากแนวตะเข็บชายแดนไทย-เขมร 8. นำข้าวที่เสื่อมคุณภาพ หรือข้าวเก่าค้างปีไปทำข้าวถุงกับหน่วยงานรัฐต่างๆ เช่น ธงฟ้า, อสค., อ.ต.ก. 9.จีทูจี แต่เป็นจีทูเจี๊ยะ เพราะรัฐบาลขายข้าวรัฐต่อรัฐไม่จริง เป็นการขายให้พ่อค้ากลุ่มพรรคพวกผู้ใกล้ชิดกับคนในรัฐบาล แล้วนำผลประโยชน์มาแบ่งกัน 10.รัฐบาลร่วมกับโรงสีขายข้าวให้ราคาต่ำ อ้างสารพัดวิธีเพื่อปล่อยข้าวดีราคาต่ำให้พ่อค้าผู้ใกล้ชิดกับคนในรัฐบาล แบ่งผลประโยชน์กัน
นอกจากนี้ ในกระบวนการขายข้าวในโกดังของรัฐบาล ในรูปแบบจีทูจี ซึ่งทั้งนายกรัฐมนตรี ยันรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบ ก็บอกข้อเท็จจริงต่อสาธารณะไม่ได้ และยังคงอึมครึมมาจนถึงทุกวันนี้ โดยความชัดเจนมีเพียงผู้ที่เกี่ยวข้องล้วนแล้วแต่เป็นคนใกล้ชิดอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคนในพรรคเพื่อไทยทั้งสิ้น ที่สำคัญ กลุ่มบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ที่เป็นเงาของบริษัท เพรซิเดนท์อะกริเทรดดิ้ง จำกัด ที่เคยถูก ป.ป.ช.ตรวจสอบการทุจริตในโครงการจำนำข้าวสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อปี 2546-2547 ผู้ที่ประกาศว่าเป็นคนคิดนโยบายจำนำข้าวให้รัฐบาล ปู ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลงมือทำ
***ชาวนาประท้วงต่อไม่เอา1.2หมื่น
ที่จ.สุโขทัย ชาวนาอ.กงไกรลาศ กว่า 100 คนตัวชุมนุมที่วัดใหม่สุขเกษม ต.บ้านใหม่สุขเกษม อ.กงไกรลาศ แสดงความไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลปรับลดราคารับจำนำข้าวเหลือ 12,000 บาทต่อตัน ซึ่งนายสมิทธิ์ ปาลวัฒน์วิไชย รองผู้ว่าราชการจังหวัด มาพูดคุยาและรับหนังสือข้อเรียกร้อง
นายอรุณ รอดสวัสดิ์ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)บ้านใหม่สุขเกษม กล่าวว่า การปรับลดราคาเหลือ 12,000 บาท ทำให้ชาวนาตั้งตัวไม่ทัน และรับไม่ได้ เพราะลงทุนไปแล้ว แต่เกี่ยวขายไม่ทัน หากจะปรับลด ควรยืดเวลาถึงวันที่ 30 ก.ย.2556 ซึ่งหมดฤดูข้าวนาปรัง เพราะชาวนาเองก็เห็นใจรัฐบาล แต่รัฐบาลก็ต้องเห็นใจชาวนาด้วย โดยปัจจุบันต้นทุนสูงถึงไร่ละกว่า 6,000 บาท หากเป็นนาเช่า ต้นทุนสูงถึง 8,000 บาท หากปรับเหลือ 12,000 บาท ก็ควรปรับค่าความชื้นไปที่ 35%
นายชัยยุทธ พรภักดี ตัวแทนชาวนา กล่าวว่า การปรับลดราคารับจำนำ เหมือนหักคอชาวนา และผิดสัญญาที่เคยให้ไว้ก่อนเป็นรัฐบาล ทำให้ชาวนารู้สึกผิดหวัง เสียใจกับรัฐบาล หากจะยกเลิกโครงการที่สัญญาไว้ และให้ชาวนาอยู่ต่อไปได้ รัฐบาลต้องลดต้นทุนการผลิตด้วย เช่น น้ำมัน ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง ค่าเช่านา รวมทั้งค่าแรง 300 บาท เพราะทุกอย่างเป็นต้นทุนหลัก
ที่แยกบ่อล้อ ต.เชียรใหญ่ อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ชาวนาในอ.เชียรใหญ่ อ.หัวไทร และใกล้เคียงกว่า 200 คน รวมตัวกันยื่นข้อเรียกร้องรัฐบาล มีนายสุเทพ คงมาก อุปนายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ว่าที่ร.ต.ไกรธนู แกล้วทนงค์ ตัวแทนชาวนา และนายพิภูษณ อินทร์จันทร์ กรรมการสมาคมชาวนาไทย ร่วมเป็นแกนนำ ขณะที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชน บก.ภ.จว. 1 กองร้อย มาประจำการเพื่อป้องกันไม่ให้มีการปิดถนน
นายสุเทพ กล่าวว่า ชาวนาภาคใต้ต้องการยื่นข้อเสนอให้รัฐบาล 2 ข้อ คือ 1.ยืนยันราคาจำนำข้าวเปลือกที่ 15,000 บาทต่อตัน จนสิ้นฤดูกาลผลิตปี 2555/2556 และ2.ให้ขยายเวลารับจำนำถึงวันที่ 30 พ.ย.2556
*** ส่งออกอัด "ทักษิณ" หลอกชาวนา
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาให้สัมภาษณ์ ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้แสดงความเห็นใจเกษตรกรชาวนาไทย ซึ่งหากราคาข้าวในตลาดโลกขยับตัวสูงขึ้น รัฐบาลก็จะขยับขึ้นราคาแน่นอน ว่า ส่วนตัวมองว่าเรื่องดังกล่าว ไม่มีความเป็นไปได้เลย ที่ราคาข้าวในตลาดโลกจะปรับราคาสูงขึ้น และเป็นการคาดการณ์แบบไร้เหตุผล เนื่องจากในปัจจุบันราคาข้าวไทยมีราคาสูงกว่าประเทศคู่ค้ามาก รวมทั้งขณะนี้ปริมาณข้าวมีมากกว่าความต้องการ ดังนั้น จึงมองว่าเรื่องดังกล่าว ก็เหมือนเป็นการหลอกชาวนา
**ธวัช”ตรวจข้าว 50 จังหวัด 2พันจุด
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ในฐานะประธานคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อมูลปริมาณข้าวคงเหลือของอคส. และอ.ต.ก. กล่าวว่า เตรียมลงพื้นที่ตรวจสอบปริมาณข้าวคงเหลือหรือสต็อกข้าว ในวันที่ 27 มิ.ย.นี้ โดยจะมีการตรวจสอบในทุกโรงสี ทุกคลังสินค้า ไม่ว่าจะอยู่ใน อ.ต.ก. หรือ อคส. ซึ่งมียอดรวมทั้งหมด 2,506 จุด และไม่มีเป้าหมายใดเป็นพิเศษ เพราะจะปูพรมตรวจสอบทั้ง 50 จังหวัดพร้อมกัน โดยโกดังขนาดใหญ่ จะใช้เจ้าหน้าที่ประมาณ 10 คน แต่หากขนาดเล็กจะลดหลั่นลงมา และจะมีแบบฟอร์มในการตรวจสอบเพื่อความสะดวกในการทำงาน โดยคาดว่าจะสามารถสรุปข้อมูลในภาคสนามได้ ในเวลา 18.00 น. เป็นต้นไป
ทั้งนี้ สำหรับโกดังใดที่มีการรมยาฆ่ามอด ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบได้ ก็จะตรวจในภายหลัง ส่วนจะเจอตอหรือไม่นั้น ตนยืนยันว่าจะมีการดำเนินการทุกอย่างอย่างโปร่งใส ไม่เห็นแก่หน้าใคร ไม่ว่าจะเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด ข้าราชการ หรือนักการเมือง โดยหากตรวจสอบแล้ว ข้าวสารขาดหายไปจากที่มีการแจ้งไว้เกินร้อยละ 5 และข้าวเปลือกขาดหายไปจากที่มีการแจ้งไว้เกินร้อยละ 10 ถือว่ามีความผิด จะดำเนินคดีกับทุกโรงสีและทุกโกดัง
นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อทำการตรวจสอบเสร็จแล้ว จะส่งข้อมูลเข้าสู่ระบบของตำรวจจังหวัดเพื่อเชื่อมโยงมายังศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) โดยข้อมูลปริมาณข้าวคงเหลือทั้งหมดจะทราบภายในวันเดียว เพราะเป็นการใช้ระบบเดียวกับการรวบรวมผลการเลือกตั้ง ทั้งนี้ ที่ ศปก.ตร. จะมีร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี และนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ คอยตรวจสอบข้อมูลข้าวคงเหลือทั้งหมด
**โฆษกรัฐไลน์"ปู"บ่นปวดหัวเรื่องข้าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาลติดตามน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ใช้ชื่อไลน์ "PMReporter ทีมข่าวสร.1" โดยช่วงหนึ่งของการสนทนา นายธีรัตถ์ ได้โพสต์ข้อความแจ้งผู้สื่อข่าวว่า พล.ต.ต.ธวัช ได้รายงานความพร้อมให้นายกฯ รับทราบแล้ว ซึ่งนายกฯ สั่งฟันไม่เลี้ยง ไม่ต้องสนใจว่าจะเป็นโกดังของใคร และยังได้โพสต์ข้อความว่า "นายกฯ แอบบ่นว่าปวดหัวมานานแล้วเรื่องนี้"
ทันทีที่โฆษกประจำสำนักนายกฯ โพสต์ข้อความนายกฯ บ่นปวดหัวขึ้นในไลน์ คนสนิทนายกฯ ได้เข้ามาในไลน์เรียกโฆษกเหมือนเป็นการเตือนนายธีรัตถ์ไม่ให้โพสต์ข้อความอะไรต่อ
**"มาร์ค"งง ครม.โยน กขช.ทบทวน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ปรากฏการณ์ที่เกษตรกร หรือชาวนามาเรียกร้องไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะการลดราคาจำนำไปตันละ 3,000 บาท จาก 15,000 บาทเหลือ 12,000 บาทนั้น กระทบกับเขาโดยตรง แต่ประเด็นที่น่าสนใจ คือ ท่าทีของรัฐบาล แล้วก็คำชี้แจงของรัฐบาลที่ยังมีความพยายามจะให้เกิดความสับสน ความหวังลมๆ แล้งๆ โดยบอกว่าให้เป็นเรื่อง กขช. กลับไปทบทวน ซึ่งจริงๆ แล้วนโยบายนี้ เป็นนโยบายหลักของรัฐบาล และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็เป็นองค์กรสูงสุดที่จะตัดสินเรื่องนี้ได้
***องค์กรต้านโกงยื่น"ปู"ปราบทุจริตจำนำ
นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชัน (ประเทศไทย) ได้ประกาศแถลงการณ์ “จำนำข้าว หยุดโกง เอาคนผิดมาลงโทษ ช่วยชาวนาให้มากขึ้น” วานนี้ (26มิ.ย.) ที่โรงแรมอินเตอร์ คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ โดยระบุว่า องค์กรฯไม่คัดค้านโครงการ ที่จะเอื้อประโยชน์ และสร้างความมั่นคงให้ชาวนาอย่างยั่งยืนภายใต้ระบบการค้าเสรี แต่องค์กรฯมีความกังวลมาก เนื่องจากโครงการนี้มีความเสี่ยงต่อคอรัปชัน ในขั้นตอนการบริหารจัดการที่ไม่โปร่งใส ดังนั้น หากรัฐบาลยังเดินหน้าโครงการต่อไป ขอเรียกร้องและเสนอแนวทางแก่รัฐบาล โดยให้มีการตรวจสอบการทุจริตในทุกขั้นตอน ข้าวที่รับจำนำไว้ก่อนหน้านี้ ต้องเปิดตัวเลขราคา ปริมาณ และข้าวที่ขายไปแล้ว และข้าวที่เหลืออยู่ เปลี่ยนวิธีการขายข้าวในสต๊อกเป็นล๊อตเล็กๆ และดำเนินการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือชาวนา โดยจะขอเข้าพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพื่อยื่นขอเสนอต่อไป