xs
xsm
sm
md
lg

แฉโรงสีบวกยอดเกินจริง20% โกงจำนำข้าว พิจิตรข้าวหายทะลุ1.2หมื่นตัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน- ชาวนามาตามนัดบุกทำเนียบฯยื่นข้อเสนอนายกฯ ยืดจำนำข้าวตัละ 15,000 ไปถึงสิ้นก.ย.รัฐบาลยื้อเวลาโยนให้ กขช. ตัดสินใจ ขณะที่"พายัพ" พา"ชาวนาแดง" ให้กำลังใจ"ปู" บอกรับได้ข้าวตันละ 12,000 แต่ต้องไม่จำกัดความชื้นและสิ่งเจือปน ส่วนการประท้วงของชาวนาในต่างจังหวัด ต่างแฉกลโกงโรงสี พ่อค้า มีการบวกยอดจำนำข้าวเกินจริง 20% จิ้มค่าความชื้นตามใจชอบ หวังฟันกำไร 2 ต่อ ด้าน ปชป.อัดจำนำข้าวล้มเหลว ทำหนี้ท่วมหัว จนต้องลดราคาจำนำ แนะชาวนาหากขาดทุนให้ไปทวงที่ "เจ๊ด."

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ ( 25 มิ.ย.) ที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า สมาคมชาวนา 3 สมาคม นำโดย นายประสิทธิ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาข้าวไทย นายวิเชียร พวงลำเจียก นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย และ นายภูติ ศรีสมุทรนาค นายกสมาคมส่งเสริมชาวนาไทย พร้อมด้วยสมาชิก ประมาณ 300 คน รวมตัวกันก่อนเดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขอให้ทบทวนมติคณะกรรมการข้าวแห่งชาติ (กขช.) ที่ปรับลดราคาจำนำข้าว จากตันละ 15,000 บาท เหลือ 12,000 บาท โดยขอให้คงราคาเดิมไว้

ทั้งนี้ก่อนเคลื่อนขบวน แกนนำทั้งหมดให้สัมภาษณ์ว่า การลดราคาจำนำข้าว ส่งผลกระทบต่อชาวนาอย่างแน่นอน เพราะต้องแบกรับหนี้สินที่นำมาลงทุน ทั้งนี้ขอให้รัฐบาลคงราคารับจำนำข้าวที่ตันละ15,000 บาท ไปจนสิ้นสุดฤดูกาล คือ สิ้นเดือนก.ย.นี้ ยกเว้นพื้นที่ภาคใต้ ให้สิ้นสุดที่เดือนพ.ย. ทั้งนี้พอจบฤดูกาลค่อยพิจารณาราคากันใหม่

อย่างไรก็ตาม มติของกขช.ที่ออกมานั้น เป็นเรื่องที่ชาวนารับไม่ได้ เพราะเป็นการสร้างความเดือดร้อนจากภาระต้นทุนที่สูงขึ้น ทั้งนี้จะให้เวลารัฐบาลพิจารณาทบทวนเป็นเวลา 7 วัน หากไม่มีคำตอบที่น่าพอใจ ก็อาจมีความจำเป็นที่ชาวนาทั่วประเทศจะออกมาเคลื่อนไหวที่หน้าทำเนียบรัฐบาลอีก

จากนั้นเวลา 09.30 น. กลุ่มม็อบชาวนาได้เคลื่อนขบวนมายังบริเวณประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล โดยตัวแทนได้ยื่นหนังสือถึงนายกฯ ผ่านนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ และ นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งหลังจากที่ นายบุญทรง รับหนังสือเรียบร้อยแล้ว ได้เดินไปพบกับกลุ่มชาวนาที่อยู่หน้าประตู โดยมีชาวนาตะโกนบอกให้รัฐบาลรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับชาวนาด้วย

***ยื้อเวลาเผือกร้อนจำนำข้าวโยนกขช.ชี้ขาด

ด้านนายบุญทรง กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า จะรีบนำข้อเสนอของชาวนาเข้าที่ประชุม กขช.ภายในสัปดาห์นี้ เพื่อให้ทันต่อระยะเวลาที่ชาวนากำหนดไว้ 7 วัน และให้ได้ข้อยุติโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้รัฐบาลมีเจตนารมณ์ที่ดี ที่จะดูแลชาวนา

ขณะที่ นายวราเทพ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องดูว่า รมว.พาณิชย์ จะนำเข้าที่ประชุม กขช.เมื่อไร ซึ่งหากมีการเปลี่ยนแปลงอะไร ต้องเป็นมติจากกขช. เมื่อถามว่า ที่ชาวนายื่นข้อเสนอว่าหากยังไม่มีความชัดเจนภายใน 7 วัน จะกลับมาอีกครั้ง นายวราเทพ กล่าวว่า คิดว่ารัฐบาลรับข้อเสนอและปัญหาที่ชาวนามาแสดงออกให้เห็น รัฐบาลคงจะต้องนำไปพิจารณา ส่วนจะทันหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ทางกระทรวงพาณิชย์ และกขช. ขอให้ใจเย็นก่อน เมื่อถามว่า จะเป็นเพียงแค่รับพิจารณา แต่ไม่รับปากว่าราคาจะกลับไปที่ 15,000 บาท นายวราเทพ กล่าวว่า ต้องเป็นมติของ กขช.

** "ยิ่งลักษณ์"ตอบไม่ชัดเจนสักเรื่อง

ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมครม. กรณีกลุ่มชาวนามายื่นหนังสือขอให้ทบทวนเรื่องการลดราคาจำนำข้าวว่า ต้องรอให้ทาง กขช. นำไปพิจารณาก่อน ยังไม่สามารถตอบได้ในตอนนี้

ส่วนกรณีข้าวหายจำนวนมากที่โกดัง จ.พิจิตร และอีกหลายจังหวัดที่อาจเกิดกรณีแบบนี้ นายกฯ กล่าวว่า การตรวจเรื่องทุจริต คอร์รัปชัน เป็นการตรวจระดับปฏิบัติการ ซึ่งขั้นตอนการปฏิบัติ เป็นเรื่องกระบวนการ และกฎระเบียบต่างๆ ที่เราได้ออกไว้ ก็ต้องไปดูทั้งเรื่องระเบียบ และขั้นตอนการปฏิบัติ ว่าถูกต้องหรือไม่

เมื่อถามว่าเบื้องต้นพบว่า บริษัทรับจำนำข้าว ส่วนหนึ่งเคยถูกขึ้นบัญชีดำ แต่ก็ยังเข้าโครงการรับจำนำข้าวได้ ความผิดตรงนี้จะเป็นความรับผิดชอบของใคร นายกฯ กล่าวว่า คงต้องไปตรวจสอบในรายละเอียด เพราะไม่ใช่ปัญหาทางระบบ แต่เป็นปัญหาเฉพาะจุด ดังนั้นต้องให้ความเป็นธรรม และตรวจเฉพาะจุด ว่าเป็นปัญหาที่ระดับปฏิบัติหรืออย่างไร ต้องดำเนินการว่าไปตามขั้นตอน เพื่อให้ทุกอย่างมีความชัดเจน เพราะแต่ละจุดคงต้องปัญหาแบบเดียวกันไม่ได้ คงให้คณะกรรมการ และ สตช.ทำเรื่องสรุปร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด ส่งขึ้นมา

เมื่อถามว่า ราคารับจำนำ 15,000 บาท ไม่รักษาวินัยการเงิน การคลังอย่างไร น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวปฏิเสธว่า ไม่ใช่ อันนี้ไม่เกี่ยวกับราคา 15,000 บาท แต่เกี่ยวกับความสมดุลรวม ฉะนั้นปริมาณข้าวต้องดูส่วนต่าง ราคาตลาดโลกกับคุณภาพข้าวตรงนี้อย่างไร เหมาะสม ต้องดูว่าต้นทุนเท่าไร ที่จะพอจะอยู่ได้ในระดับหนึ่ง ขณะเดียวกันไม่ใช่เบ้สูงมากเกินไป ต้องดูความเหมาะสมอีกครั้ง

** พายัพนำ"ชาวนาแดง" ให้กำลังใจ"ปู"

เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ ที่บริเวณหน้าประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล เครือข่ายชาวนาลานพระบรมรูปทรงม้าแห่งประเทศไทย นำโดย นายพายัพ ปั้นเกตุ นายกสมาคมชาวนา จ.สิงห์บุรี พร้อมด้วยชาวนา 24 จังหวัด ได้เดินทางมาเพื่อยื่นข้อเสนอถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผ่านนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง โดย นายพายัพ กล่าวว่า การที่เครือข่ายชาวนาฯ มาที่ทำเนียบฯครั้งนี้ เพื่อให้กำลังใจนายกฯ ในการเดินหน้าโครงการรับจำนำข้าว พร้อมยื่นข้อเสนอ 4 ข้อ ประกอบด้วย 1. หากจำนำข้าวราคาตันละ 12,000 บาท ความชื้นต้อง 25 เปอร์เซ็นต์ 2. ต้องไม่จำกัดความชื้น และสิ่งเจือปน 3. ขอสวัสดิการชาวนาครอบครัวละ 2,000 บาท และ 4. ขอให้ขยายเวลาการรับจำนำข้าวไปจนกว่าจะหมดฤดูนาปรัง คือ วันที่ 30 ก.ย.นี้ โดยขอให้รัฐบาลเร่งรัดตามข้อเสนอดังกล่าว

**จวกพท."กบฏต่อชาวนา"ลดราคาจำนำ

จ.เชียงราย สมาคมเกษตรกรจังหวัดเชียงราย จัดชุมนุมหน้าที่ว่าการอำเภอพาน ยื่นหนังสือผ่านนายสัมฤทธิ์ สวามิภักดิ์ นายอำเภอพาน ให้เสนอต่อนายกฯทบทวนการปรับลดราคารับจำนำ เนื่องจากต้นทุนสูงขึ้นทุกอย่าง โดยนายสุรเชษฐ์ วรพิทย์เบญจา รองประธานอาสาสมัครเกษตรกรหมู่บ้าน (อกม.) จ.เชียงราย กล่าวว่า ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทย หาเสียงว่าจะจำนำข้าวตันละ 15,000 บาท แต่เหตุใดจึงปรับราคาลงอย่างกระทันหัน ทำให้เกษตรกรตายอย่างเขียด เพราะเดิมแม้ได้ถูกโรงสีหักค่าความชื้นจนเหลือตันละ 10,000 บาท ก็พออยู่ได้ คนรุ่นใหม่หันมาทำนากันมากขึ้น แต่เมื่อลดราคาสวนทางกับที่หาเสียงไว้ จึงถือว่าเป็นกบฎต่อเกษตรกร ส่งผลให้คนรุ่นใหม่หันหน้าสู่เมืองใหญ่ เป็นปัญหาสังคมอีก

**แฉกลโกงโรงสีในเวทีดีเอสไอ

นายบุญเรียน โนพะเส้า แกนนำกลุ่มชาวนา อ.เชียงแสน กล่าวในเวทีโครงการให้องค์ความรู้ประชาชน เพื่อป้องกันการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว จัดโดยดีเอสไอ ที่โรงแรมโพธิ์วดล สปา แอนด์ รีสอร์ท อ.เมืองฯ จ.เชียงราย ว่าราคาจำนำข้าวตันละ 15,000 บาท เกษตรกรได้รับจริงแค่ 11,000 บาท เพราะถูกหักความชื้น ทั้งที่บางโรงสีไม่มีเครื่องวัดความชื้น ขณะเดียวกันพบว่ามีโรงสีบางแห่งแอบสวมตัวเลขเพิ่มเติม จากปริมาณข้าวที่ชาวนานำเข้าร่วมโครงการอีก 20% ทำให้ปริมาณข้าวกับเอกสารกำกับไม่เท่ากัน หรือตัวเลขจริงมีน้อยกว่าตัวเลขในบัญชีที่ยื่นให้ กขช. จนได้กำไรสองต่อ ทั้งจากปริมาณข้าวในใบประทวนที่เพิ่มขึ้น และซื้อข้าวในราคาถูกเกินจริง

**หากยืนราคา1.2หมื่นขอค่าความชื้น25-30%

"เช่น ชาวนาขนข้าวไป 1,000 กก.โรงสีจะทำบัญชี 1,200 กก.ซึ่งเรื่องนี้ต้องแจ้งให้รัฐบาลทราบ ว่าโรงสีเอาเปรียบชาวนามานานแล้ว หากรัฐบาลยังยืนยันปรับลดราคาเหลือ 12,000 บาท ก็ขอให้เพิ่มค่าความชื้นเป็น 25-30% เพื่อให้ชาวนาอยู่ได้ แต่หากกำหนดความชื้นเท่าเดิม หรือโรงสีข้าวยังอาเปรียบแบบเดิมๆ ชาวนาก็คงลำบากแน่นอน"

นายบุญเรียน กล่าวว่า กลุ่มเกษตรกรเห็นว่าคณะอนุกรรมการนโยบายข้าวระดับจังหวัด ต้องไปดูด้วยตัวเอง หรือให้เกษตรกรแจ้งได้โดยตรง เพื่อแก้ปัญหาทันท่วงที ไม่ใช่ให้ไปแจ้งตำรวจ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ตำรวจจะแก้ปัญหาได้รวดเร็ว เพราะรู้จักกับเจ้าของโรงสีดี ทั้งยังยังมีภารกิจป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และการจราจร จึงไม่มีเวลาแน่นอน ขณะเดียวกันกระบวนการของตำรวจ ต้องมีการเรียกสอบปากคำ ซึ่งใช้เวลาหลายน

**เสนอ5ข้อช่วยชาวนา-ลั่นไม่ได้บุกทำเนียบฯแน่

นายประมวล เอมเปีย ประธานที่ปรึกษากลุ่มเกษตรกรชาวนาชลบุรี นายธนกฤต ทองเต็ม ประธานกลุ่มเกษตรกรชาวนาชลบุรี พร้อมเกษตรกรกว่า 500 คน ได้ยื่นหนังสือต่อ นายชาคร กัญจนวัตตะ นายอำเภอพนัสนิคม

กล่าวว่า การที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ เปลี่ยนแปลงการรับจำนำข้าว โดยให้ราคาต่ำกว่าเดิม ถือว่ารัฐบาลผิดคำพูดกับชาวนา เพราะข้อเท็จจริงชาวนาไม่เคยได้รับเงิน 15,000 บาท อย่างดีไม่เกิน 11,000 บาท บางรายได้ 8,000 บาท ซึ่งเป็นแค่จุดคุ้มทุน ไม่ได้กำไร ปัญหาต่อมา คือ เอาข้าวไปจำนำแล้ว 3 เดือนยังไม่ได้รับเงิน ได้แต่ใบประทวน ไปทวงถามธ.ก.ส. ก็บอกว่าไม่มีเงิน เพราะรัฐบาลยังไม่โอนมาให้ สร้างความเดือดร้อนอีก เพราะไปติดค้างค่าปุ๋ย ค่าแรงไว้

จึงเรียกร้องรัฐบาล 5 ข้อคือ 1. จำนำข้าวเปลือกเจ้า 100 % ราคา 15,000-30,000 บาทต่อตัน ความชื้นไม่เกิน 15% 2. รับจำนำข้าวเปลือกเจ้า 100% ราคาไม่ต่ำกว่า 12,000 บาท ความชื้น 16-30 % 3. จ่ายเงินค่าจำนำข้าวภายใน 7 วัน หลังชาวนาเอาข้าวไปจำนำ 4. จัดหาปุ๋ยที่มีคุณภาพดี ราคาถูกช่วยชาวนา เพื่อลดต้นทุนการผลิต 5. รัฐบาลจัดระบบชลประทานให้มีนำใช้อย่างพอเพียง โดยให้เวลา 7 วัน หากไม่มีผล จะรวมตัวกันไปประท้วงที่ทำเนียบฯ

**เผาโลง"ปู-โต้ง-บุญทรง-อำมาตย์เต้น"25ก.ค.

ที่ศาลากลางจังหวัดสงขลา เครือข่ายเกษตรกรเพื่อเกษตรกรรมก้าวหน้า จ.สงขลา และแกนนำชาวนาจาก 16 อำเภอ ยื่นหนังสือให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผ่านทางนายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัด โดยเรียกร้องให้รัฐบาล ดำเนินการดังนี้ คือ 1.คงราคาจำนำตันละ 15,000 บาท 2. ขยายวงเงินจำนำรายละไม่เกิน 600,000 บาท 3. ขยายเวลาโครงการไปอีกอย่างน้อย 1 ปี 4. ช่วยลดต้นทุนการผลิต 5. ให้รัฐบาลชี้แจงข้อเท็จจริงการใช้เงินจำนำข้าว โดยต้องมีคำตอบภายใน 30 วัน หากไม่ช่วยเหลือ จะรวมตัวเพื่อประท้วงกดดันต่อไป

ทั้งนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมยังมีป้ายขนาดใหญ่ เชิญร่วมงานฌาปนกิจศพ และโลงศพจำลองของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ นัดประชุมเพลิงวันที่ 25 ก.ค. ที่สี่แยกคูหา อ.รัตภูมิ

ด้านนายกฤษฎา กล่าวว่า จังหวัดยื่นเรื่องขอขยายเวลารับจำนำข้าวเป็นวันที่ 30 พ.ย. ไปยังรัฐบาลแล้ว เพื่อชาวนาภาคใต้จะได้ใช้มาตรการเดียวกับภาคกลางกับภาคอีสาน

**ชาวนา"เชียรใหญ่"เมืองคอนทวงค่าข้าว500 ล้าน

ส่วนความเคลื่อนไหวของชาวนาใน จ.นครศรีธรรมราช จะรวมตัวกันวันที่ 26 มิ.ย. ที่ อ.เชียรใหญ่ เพื่อคัดค้านการลดราคาจำนำ และทวงเงินค้างจ่ายค่าจำนำข้าว โดยมียอดรวม 400-500 ล้านบาท ตั้งแต่ฤดูกาล 2554/2555 ในอ.หัวไทร อ.เชียรใหญ่ ซึ่งธ.ก.ส. ระบุว่ารัฐบาลยังไม่โอนเงินมาให้ จึงยังไม่สามารถชำระให้ชาวนาได้

ด้านพล.ต.ต.ศิรินทร์ ผดุงชีวิตร์ รองผบช.ภ. 6 ร่วมประชุมกับ พล.ต.ต.กฤษณะ ศิริปิยะวัฒน์ ผบก.ภ.จว.พิจิตร เพื่อติดตามคดี โรงสีแอลโกลด์แมนูแฟคเจอร์ อ.โพทะเล ฉ้อโกงชาวนา และยักยอกทรัพย์ข้าวเปลือกและข้าวสารขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกร(อ.ต.ก.) ในโครงการรัปี 2554/55 และ 2555/56 โดยเอาข้าวเปลือกของชาวนา 96 ราย ไปนานกว่า 4 เดือน แต่ไม่ออกใบประทวนให้ เมื่อตรวจสอบจึงพบว่า ข้าวเปลือกและข้าวสารของอ.ต.ก.ที่เก็บไว้หายไปอีก 4,000 ตัน รวมมูลค่าความเสียหายทั้ง 2 คดี กว่า 100 ล้านบาท

**เรียกอ.ต.ก.พิจิตรสอบพิรุธ

พล.ต.ต.ศิรินทร์ กำชับให้จัดชุดเฉพาะกิจจากภาค 6 หาข้อมูลและหลักฐานที่เกี่ยวข้องจากอ.ต.ก. แยกเป็นปริมาณข้าวสาร ข้าวเปลือก และข้าวที่รับซื้อนอกโครงการ ข้าวที่เหลืออยู่ เพื่อนำประกอบสำนวนคดี โดยจะเร่งสรุปสำนวนให้ได้ภายใน 30 วัน เพื่อออกหมายจับ และส่งอัยการสั่งฟ้อง ซึ่งต้องสวนว่ามีคนของอ.ต.ก. สำนักงานการค้าภายในจังหวัด หรือกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวข้องหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมมีรายงานขบวนการยักยอกเริ่มจากรับจำนำในพิจิตรแล้ว โรงสีแอลโกลด์ แมนูแฟคเจอร์ จะออกตั๋วชั่งน้ำหนักข้าว แล้วนำข้าวไปขายโรงสีใหญ่ใน อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี ราคาตันละ 8,500 บาท โดยไม่นำข้าวมาเก็บไว้ในโกดังของอ.ต.ก. โดยทำมานานถึง 2 ปี ตั้งแต่เปิดโครงการรับจำนำ

นอกจากนี้ยังพบว่า อ.ต.ก.สั่งให้โรงสีแปรรูปข้าว 15 ครั้ง แต่ส่งมอบข้าวเข้าคลังกลางเพียง 4 ครั้ง และเป็นที่น่าสังเกตว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่อ.ต.ก. และคณะกรรมการข้าวระดับจังหวัด ตรวจปริมาณสต็อกข้าวทุกเดือน ผลการตรวจระบุว่าข้าวอยู่ครบตามจำนวนทุกครั้ง ซึ่งล่าสุด ตำรวจได้เชิญตัวเจ้าหน้าที่ อ.ต.ก. ทั้งระดับผู้บริหาร และผู้ปฏิบัติมาให้ปากคำ หากพบว่าพัวพันกับการทุจริต จะดำเนินคดีต่อไป

ด้านพล.ต.ต.กฤษณะ กล่าวว่า ชาวนาที่จำนำข้าวกับตัวแทนโรงสีแอลโกลด์ แมนูแฟคเจอร์ ทยอยเข้าแจ้งความแล้วกว่า 60 ราย คาดว่าจะครบทุกรายภายในวันที่ 28 มิ.ย.นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.ศิรินทร์ พร้อมทีมสืบสวนเชิญนางพวงเกษร วงษ์อนุพรกุล เจ้าหน้าที่อ.ต.ก. เข้าให้ปากคำ และตรวจสอบเอกสาร เบื้องต้นพบว่ามีข้าวที่ออกใบประทวนแล้วสูญหายเพิ่มเติมอีก 4,000 ตัน จากเดิมที่หายไปแล้ว 8,000 ตัน รวม 12,000 ตัน ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบเอกสารว่าเป็นข้าวรับจำนำฤดูกาลผลิตปีใด

นอกจากนี้ยังพบว่าข้าวสารและข้าวเปลือกที่เหลืออยู่ 400 ตันนั้น ตรวจสอบแล้วไม่ใช่ข้าวของอ.ต.ก. ซึ่งคงต้องหารายละเอียดอีกครั้ง เพราะการสอบปากคำนางพวงเกษร ให้การวกวน และค่อนข้างเครียด เจ้าหน้าที่จึงให้ไปเตรียมตัวและเอกสารมาให้พร้อม ซึ่งจะนัดวันสอบสวนเพิ่มเติมอีกครั้ง เบื้องต้นยังไม่พบว่าเจ้าหน้าที่อ.ต.ก.มีความผิด

ด้านพ.ต.ท.เนวิน กาหลง หัวหน้าพนักงานสอบสวนสภ.เมือง จ.พิจิตร เปิดเผยว่า ชาวนาจากต.หัวดง ต.สายคำโห้ ต.ฆะมัง ทยอยเข้าแจ้งความ ซึ่งทุกคนให้การว่านำข้าวไปส่งมอบให้กับนายอำนาจ ดิษฐเสถียร หรือ"เสี่ยแกละ" อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49/9 หมู่ 1 ต.หัวดง อ.เมือง เจ้าของท่าข้าวหัวดง ตำรวจจึงขออำนาจศาลจังหวัดพิจิตร ออกหมายจับ แต่เสี่ยแกละชิงมาให้ปากคำ ตำรวจจึงแสดงหมายจับ และควบคุมตัวดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน

ต่อมา พ.ต.ท.ไชยา ขาวแม้นจันทร์ รองผกก.สภ.เมือง รับตัวนายอำนาจมาทำการสอบสวน ซึ่งให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ยอมรับว่าได้รับการแนะนำจากท่าข้าวสุนิตย์ อ.ตะพานหิน ให้รู้จักกับนายมุนินทร์ จันทรา หรือ"เสี่ยหนุ่ม" อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 963/178 หมู่ 60 ถนนรังสิต-นครนายก ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ที่เป็นเจ้าของโรงสีแอล-โกลด์ แมนูแฟคเจอร์ จำกัด ตัวจริง ซึ่งยื่นข้อเสนอให้"ค่าไล่ของ"หรือนายหน้าตันละ 300 บาท หาข้าวส่งเข้าโรงสีในโครงการรับจำนำ ซึ่งตนได้ส่งข้าวไปแล้ว 3,204 ตัน รวม 147 ราย ได้ใบประทวนไปให้ชาวนา 48 ราย จึงทำให้เกิดความเชื่อถือ จากนั้นชาวนาก็บอกปากต่อปาก แห่กันมาจำนำข้าวที่ท่าข้าวหัวดง ตนอาศัยรถบรรทุกจากท่าข้าวสุนิตย์ ตะพานหิน ส่งรถ 10 ล้อมาบรรทุกข้าว โดยไม่รู้เลยว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น

จากคำให้การเป็นประโยชน์กับพนักงานสอบสวน เพราะโยงใยอีกหลายคนที่เกี่ยวข้อง แต่เบื้องต้นยังไม่ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่ของอ.ต.ก. หรือกรรมการข้าวระดับจังหวัดเกี่ยวพัน

ด้านญาติของเสี่ยแกละได้พยายามยื่นขอประกันตัว ซึ่งตำรวจได้ตั้งวงเงินและหลักทรัพย์ไว้ 1 ล้านบาท แต่ต้องไปขอประกันชั้นศาล เนื่องจากเป็นคดีฉ้อโกงประชาชน และเป็นคดีใหญ่ สังคมให้ความสนใจ

ขณะที่นายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร กล่าวว่า ได้กำชับเรื่องการอำนวยความสะดวก และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ที่สำคัญต้องใช้กฎหมายให้ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อให้เกิดความสงบในบ้านเมือง และเพื่อช่วยเหลือชาวนาที่ตกเป็นเหยื่อ ได้ให้เปิดบัญชีธนาคารใช้ชื่อว่า "ฎบัญชีกองทุนช่วยเหลือชาวนาพิจิตรที่ถูกโกง" โดยได้รับคำแนะนำจากผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง ว่ จะช่วยระดมเงินบริจาค ตั้งเป้า 10 ล้านบาท เพื่อนำไปเยียวยาชาวนาให้มีค่าใช้จ่ายทำนาฤดูกาลนี้ แต่ถ้าได้รับการเยียวยาจากทางภาครัฐ ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี

ขณะเดียวกันมีชาวนาเกือบ 200 ราย ไปร้องต่อ น.ส.สุณีย์ เหลืองวิจิตร เลขารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ซึ่ง น.ส.สุณีย์ ก็รับปากว่า จะเป็นสื่อกลางถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้ช่วยหาเงินมาเยียวยาชาวนาที่ถูกโรงสีฉ้อโกงต่อไป

**ผู้ว่าฯฉุนสื่อปูด"แมว-หนู"ตายในโกดัง

จ.นครศรีธรรมราช หลังจากนายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมคณะกรรมการหลายส่วนเข้าตรวจสอบโกดังเก็บข้าวสาร บริษัท มหาชัย พาราวู๊ด จำกัด ต.ท่างิ้ว อ.เมืองฯ ซึ่งพบว่าข้าวสารจำนวนมากกระจัดจายอยู่บนพื้น มีเชื้อราจำนวนมาก กลิ่นเหม็นจากข้าวสาร กลิ่นสารเคมี ที่เพิ่งรมกำจัดมอด กลิ่นจากซากแมว ซากคางคก และหนู ที่ตายกระจัดกระจายอยู่ภายในโกดังนั้น

ช่วงคืนวันที่ 24 ต่อเนื่อง 25 มิ.ย. นายวิโรจน์ แสดงความไม่พอใจกับข่าวนี้อย่างมาก โดยโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมภาพที่กำลังให้สัมภาษณ์หน้าโกดังข้าว ข้อความว่า "คงต้องอำลา ถ้าไม่มีทุจริตข้าว แต่หนูตาย แมวตาย ผู้ว่าฯ ต้องคอยตอบ ความรับผิดชอบของคุณอยู่ที่ไหน? สื่อต้องคิดด้วย ผมอยู่กับพวกคุณไม่นาน ขอให้จากกันด้วยดี" ทำให้หลายคนที่ไปตรวจสอบโกดังข้าว รู้สึกงุนงงกับข้อความ ว่ากำลังถามหาความรับผิดชอบจากผู้สื่อข่าวที่ไปพบเห็น หรือจากใคร กรณีที่พบแมวหรือหนูตายภายในโกดัง หรือการใช้สารเคมี แต่หลังจากนั้นไม่นาน ข้อความก็ถูกลบออกไป

**ป.ป.ช.เร่งสอบพยานคดีทุจริตจำนำข้าว

นายกล้านรงค์ จันทิก เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณี นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ร้องให้ตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล และการขายข้าวระบบจีทูจี ที่เข้าข่ายทุจริตหรือไม่ และทาง ป.ป.ช. รับคำร้องไปแล้วนั้น ล่าสุดได้สอบปากคำเอกสารพยานกว่า 20 ปากแล้ว โดยเป็นผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ทางธนาคาร เจ้าหน้าที่ และเอกสารของทางธนาคาร เรื่องการโอนเงิน และยังคงต้องออกหมายเรียกผู้เกี่ยวข้องมาอีก ซึ่งเอกสาร และพยานมีจำนวนมาก เฉพาะแค่เอกสาร เช็ค หรือเอกสารการเงินจากทางธนาคาร ก็มีมากกว่า 20 แฟ้มแล้ว จึงต้องใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานมากตามไปด้วย จึงยังบอกไม่ได้ว่าจะสามารถชี้มูลได้เมื่อไร แต่ยืนยันว่า ทาง ป.ป.ช. ไม่ได้ล่าช้า ในคดีนี้มีการตรวจสอบของคณะทำงานทุกๆ สัปดาห์ ตลอดอยู่แล้ว

**หนี้ท่วมหัว ต้องลดราคาจำนำ

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า สาเหตุที่แท้จริงที่รัฐบาลต้องปรับราคาจำนำข้าวจาก 15,000 บาท เหลือ 12,000 บาท นอกจากรัฐบาลจะจำนนต่อการทุจริตแล้วยังมีเรื่องของการสูญเสียงบประมาณจำนวนมหาศาล และยังพบอีกว่า รัฐบาลเป็นหนี้ ธ.ก.ส. จากโครงการรับจำนำข้าวใน 3 ฤดูกาล ถึง 622,834 ล้านบาท โดยตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงปัจจุบัน รัฐบาลใช้หนี้ให้กับ ธ.ก.ส. เพียงแค่ 90,872 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมดอกเบี้ย และความเสียหายจากการเสื่อมสภาพของข้าวในสต็อกอีกกว่า 20 ล้านตัน รวมทั้งรัฐบาลมีภาระงบประมาณในโครงการรถคันแรก ที่มีประชาชนเข้าร่วมโครงการถึง 1.2 ล้าน คน และรัฐบาลมีภาระต้องคืนเงินภาษีให้กับประชาชนถึง 92,000 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลมีเงินไม่เพียงพอ จึงต้องใช้งบจากเงินคงคลังมาสบทบ

** แนะชาวนาไปทวงเงินที่ "เจ๊ด."

ด้าน น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทย ควรออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ "ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ" และอยากให้ตรวจสอบว่ากระบวนการ "เจ๊ด." คือผู้ปล้นเงินชาวนาไป ใช่หรือไม่ เพราะตัวเลขเงินถึงมือชาวนาประมาณ 1.2 แสนล้านบาท แต่มีการงาบเงินหายไปประมาณ 1.3 แสนล้านบาท ขอถามว่า เงินจำนวนดังกล่าวตกไปอยู่ในมือของใคร ซึ่งรัฐบาลไม่เคยให้คำตอบ หรือสร้างความกระจ่างให้กับประชาชน

" ที่สำคัญคือ ชาวนาที่เตรียมการชุมนุมแต่โดนสกัดกั้นนั้น นอกจากถนนหน้าทำเนียบฯ ที่ต้องเดินทางมา แล้วยังมีถนนอีกเส้นคือ ต้องไปทวง 1.3 แสนล้านบาท ที่บ้าน"เจ๊ด."ว่าเอาไปฟอกที่ประเทศไหน เพื่อเอาเงินกลับมาคืนให้กับชาวนา หากไม่ทราบว่า เจ๊ด. เป็นใคร หรือบ้านอยู่ที่ไหน ให้ถามน.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า เจ๊ด. คือใคร เพราะเป็นชื่อที่กระฉ่อนไปทั่ววงการ และเปิดโปงหลายครั้งในสภา” น.ส.มัลลิกา กล่าว

น.ส.มัลลิกา กล่าวด้วยว่า การตรวจสอบสต็อกข้าว ตนไม่ไว้วางใจรัฐบาลชุดนี้ในการตรวจสอบ เพราะแทนที่จะตรวจสอบพร้อมกัน เพื่อไม่ให้ตั้งตัวทัน แต่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ กลับประกาศล่วงหน้าว่าจะตรวจสอบ วันที่ 29 มิ.ย.56 ภาษาพื้น ๆ เรียกว่า รัฐบาลเป็นใจให้โจร คือบอกโจรก่อนไปจับ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่น่าสงสัยมาก อีกทั้งรัฐบาลยังมีปัญหาเรื่องสติปัญญาในการแก้ไขด้วย เนื่องจากการปรับ ครม.ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย แม้จะปรับ นายบุญทรง ออกไป ก็ยังมีร่างทรงอยู่เต็มไปหมด แนวทางที่ดีที่สุดควรทบทวน และตระหนักถึงปัญหาอย่างแท้จริง แก้ปัญหาให้ตรงจุด เริ่มจากคนใกล้ตัวทำให้เกิดความโปร่งใส แทนการซ้ำเติมชาวนา
กำลังโหลดความคิดเห็น