รองเลขานายกฯ อ้างคำสั่งฟันไม่เลี้ยงพบทุจริต ยันไม่เว้นนักการเมือง หลังได้ฤกษ์ปูพรมสอบสต๊อกข้าวพร้อมกัน 2,506 จุดทั่วประเทศ 27 มิ.ย.นี้ ด้าน “บุญทรง-วราเทพ-กิตติรัตน์” ตบเท้าเข้าพรรค แจงปรับลดราคารับจำนำข้าว ยันไม่เปลี่ยนราคาข้าวนาปี ชี้ 1.2 หมื่นเฉพาะนาปรัง ด้าน ส.ส.เพื่อไทย ทวง 1.5 หมื่น-ความชื้น 25% ให้ชาวนา โยน กขช.ถก 28 มิ.ย.นี้ ย้ำตัวเลขขาดทุนยังอยู่ที่ 1.36 ล้านบาท
วันนี้ (26 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงปริมาณข้าวคงเหลือขององค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) กล่าวถึงการส่งชุดปฏิบัติการลงพื้นที่ตรวจสอบสต๊อกข้าวพร้อมกัน 2,506 จุดทั่วประเทศ วันที่ 27 มิ.ย.ว่าทุกโรงสี ทุกคลังสินค้ากว่า 50 จังหวัดจะได้รับการตรวจพร้อมกันหมด เป็นการสนธิกำลังระหว่างอนุกรรมการติดตามกำกับดูแลการับจำนำระดับจังหวัด เจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ ข้าราชการกรมการค้าภายใน อคส.และเจ้าหน้าที่จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ไม่มีเป้าหมายเพ่งเล็งโกดังไหนเป็นพิเศษ ดูหมดทั้งโรงสีที่ถูกขึ้นบัญชีดำและที่ประชาชนร้องเรียนมา ข้าวสารมีความผิดพลาดได้ไม่เกินจริง 50 เปอร์เซ็นต์ ข้าวเปลือกผิดพลาดไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ ดำเนินคดีหมดเพราะนายกฯสั่งต้องไม่มีทุจริต
พล.ต.ต.ธวัช กล่าวว่าในการตรวจสอบต้องดูทั้งปริมาณ คุณภาพข้าวเปลือก ข้าวสาร ตรวจทุกกอง เพื่อไม่ให้มีการโยกย้าย จะเป็นโครงการที่ค้างก่อนมีโครงการรับจำนำข้าวก็ตรวจเพื่อความถูกต้อง เรื่องของการทุจริตไม่ว่าระดับใดมีสายบังคับบัญชาในการะทรวงอยู่แล้วที่ได้มอบหมายเป็นระดับไว้อยู่แล้ว ตรงนั้นก็ต้องไปดูระเบียบของกระทรวงนั้นๆ ไม่เอาเฉพาะระดับล่างๆ ส่วนโรงสีที่ถูกขึ้นบัญชีดำดูหมด รวมถึงที่ถูกร้องเรียน ได้รวบรวมไว้ส่วนหนึ่งแล้ว เมื่อถามว่า หวั่นหรือไม่จะมีการตบตาเจ้าหน้าที่ พล.ต.ต.ธวัช กล่าวว่าตบตาไม่ได้ ตรวจหมด ข้าวสารทุกโกดังตรวจหมด เชื่อพวกนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่วนที่มีข่าวเกิดเหตุเพลิงไหม้โรงสีนั้น ก็มีความห่วงใย สันนิษฐานได้เลยว่าโรงสีไหนไฟไหม้ในทางหลักการอาชญวิทยานี้ คือการปกปิดหลักฐาน ตอบอย่างไม่ต้องอ้อมค้อม กฎหมายมีหลายบท หลายมาตรา หลายข้อหา ใครทำผิดว่าไปตามนั้น คาดว่าหลังจากลงพื้นที่แล้วจะสรุปผลสอบเบื้องต้นได้ในเวลา 18.00 น.ของวันที่ 27 มิ.ย. ยืนยันดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาโปร่งใส ไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งสิ้น รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัด ข้าราชการ นักการเมือง
อีกด้านหนึ่งที่พรรคเพื่อไทย เมื่อเวลา 16.00 น. นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงหลังการประชุม ส.ส.พรรคร่วมกับรัฐมนตรีทีมเศรษฐกิจว่า ส.ส.พรรคได้สะท้อนข้อเรียกร้องของชาวนาเสนอให้คงราคาจำนำข้าวที่ 1.5 หมื่นต่อตัน และขยายการรับการจำนำข้าวนาปรังถึงเดือน ก.ย.56 รวมถึงกำหนดมาตรฐานการตรวจวัดความชื้นที่ 25% โดยนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ได้รับปากว่าจะนำข้อเสนอเข้าสู่ที่ประชุมของคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ในวันที่ 28 มิ.ย.นี้
นอกจากนี้ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงเหตุลดราคาจำนำข้าวว่า ทางกระทรวงการคลังตั้งงบประมาณขาดทุนไม่เกิน 1 แสนล้านบาทต่อปี แต่ตัวเลขขาดทุนโครงการนี้สูงถึง 1.36 แสนล้านบาท โดยทางรัฐบาลมีความจำเป็นต้องดูแลตัวเลขการเงิน การคลัง ของประเทศ ทั้งนี้อยากให้เกษตรกรชาวนาเข้าใจว่าเป็นการปรับลดราคาเฉพาะรับจำนำข้าวนาปรังเท่านั้น ส่วนราคารับจำนำข้าวนาปียังไม่เปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ต้องประเมินสถานการณ์ หากราคาข้าวในตลาดโลกสูงขึ้น อาจมีการขยับราคาจำนำข้าวขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม นายบุญทรง กล่าวในที่ประชุมว่า โครงการจำนำข้าวได้รับความนิยมจากชาวนา รัฐบาลดำเนินการโครงการนี้ตั้งแต่ปี 54 ตรวจสอบทั้ง 4 ฤดูการผลิต โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้โอนเงินถึงมือชาวนาแล้ว 6.28 แสนล้านบาท ไม่เป็นไปตามที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า ธ.ก.ส.โอนเงินถึงมือชาวนาเพียง 8 หมื่น-1.2 แสนล้านบาทเท่านั้น อีกทั้งยังเหลือข้าวที่ค้างสต๊อกรอระบายอีก 15 ล้านตัน จึงจะมีเงินไหลเข้ามาเพิ่ม โดยรัฐบาลมีหน้าที่เร่งระบายข้าวออกไป
ทั้งนี้ นายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังยืนยันในตัวเลขขาดทุน 1.36 ล้านบาท ไม่เป็นไปตามตัวเลขที่ฝ่ายค้านกล่าวหา และให้ ส.ส.รอผลการประชุม กขช.ในวันที่ 28 มิ.ย.นี้ว่าจะมีความคืบหน้าใดต่อการปรับลดราคาจำนำข้าว