นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการตรวจสอบสต๊อก และการทุจริตในโครงการรับจำนำต่อเนื่อง ไม่ใช่เพิ่งจะมาออกตรวจสอบในช่วงที่มีกระแสโครงการจำนำร้อนแรงตามที่ฝ่ายค้านอ้าง โดยก่อนหน้านี้ได้ตรวจสอบ ทั้งการตรวจของกระทรวงพาณิชย์ คณะอนุกรรมการระดับจังหวัด และชุดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมทั้งมีการดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำผิดอย่างต่อเนื่อง
สำหรับสถิติการตรวจสอบในปี 55 มีคดีเกี่ยวกับการรับจำนำข้าวทั่วประเทศรวม 115 คดี เป็นการกระทำผิดหลักเกณฑ์จำนำข้าว 98 คดี และลักลอบขนข้าว 17 คดี คิดเป็นปริมาณข้าวที่เสียหาย 3.2 หมื่นตัน มูลค่าความเสียหาย 541 ล้านบาท และปี 56 มี 59 คดี ผิดหลักเกณฑ์จำนำข้าว 55 คดี และลักลอบขนข้าว 4 คดี โดยมีปริมาณข้าวที่เสียหาย 4.2 ล้านตัน มูลค่าความเสียหาย 79.8 ล้านบาท ซึ่งจากตัวเลขแสดงให้เห็นว่าคดี ปริมาณ และมูลค่าความเสียหายลดลงต่อเนื่อง เนื่องจากภาครัฐได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบมาตลอด
ส่วนการตรวจสอบสต๊อกข้าวที่เก็บไว้ที่โรงสี โกดังกลางทั่วประเทศ 1,600 แห่ง จะเริ่มดำเนินการพร้อมกันในวันที่ 29 มิถุนาวยนนี้ ซึ่งการตรวจสอบครั้งนี้จะได้รู้ปริมาณที่แท้จริงว่ามีเท่าไร และจะดูคุณภาพข้าวไปพร้อมๆ กันด้วย โดยในวันดีเดย์ช่วงเย็นหรือค่ำๆ จะปรากฏข้อมูลทั้งหมด
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า การตรวจสอบสต๊อกข้าวครั้งนี้ ได้ขอให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ตรวจสอบเข้มในส่วนโรงสีที่เคยถูกขึ้นบัญชีดำ (แบล็กลิสต์) ทั้งกับองค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) จำนวน 99 ราย มีบริษัทไหนเปลี่ยนชื่อ มีที่ตั้งที่เดิม หรือมีกรรมการจากโรงสีที่ถูกแบล็กลิสต์ไปอยู่โรงสีไหน ก็จะตรวจโรงสีนั้นเป็นพิเศษ เพราะเป็นกลุ่มเฝ้าระวัง หากตรวจสอบพบว่ามีการทุจริต ก็จะให้ยุติการรับจำนำข้าวในทันที
สำหรับสถิติการตรวจสอบในปี 55 มีคดีเกี่ยวกับการรับจำนำข้าวทั่วประเทศรวม 115 คดี เป็นการกระทำผิดหลักเกณฑ์จำนำข้าว 98 คดี และลักลอบขนข้าว 17 คดี คิดเป็นปริมาณข้าวที่เสียหาย 3.2 หมื่นตัน มูลค่าความเสียหาย 541 ล้านบาท และปี 56 มี 59 คดี ผิดหลักเกณฑ์จำนำข้าว 55 คดี และลักลอบขนข้าว 4 คดี โดยมีปริมาณข้าวที่เสียหาย 4.2 ล้านตัน มูลค่าความเสียหาย 79.8 ล้านบาท ซึ่งจากตัวเลขแสดงให้เห็นว่าคดี ปริมาณ และมูลค่าความเสียหายลดลงต่อเนื่อง เนื่องจากภาครัฐได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบมาตลอด
ส่วนการตรวจสอบสต๊อกข้าวที่เก็บไว้ที่โรงสี โกดังกลางทั่วประเทศ 1,600 แห่ง จะเริ่มดำเนินการพร้อมกันในวันที่ 29 มิถุนาวยนนี้ ซึ่งการตรวจสอบครั้งนี้จะได้รู้ปริมาณที่แท้จริงว่ามีเท่าไร และจะดูคุณภาพข้าวไปพร้อมๆ กันด้วย โดยในวันดีเดย์ช่วงเย็นหรือค่ำๆ จะปรากฏข้อมูลทั้งหมด
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า การตรวจสอบสต๊อกข้าวครั้งนี้ ได้ขอให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ตรวจสอบเข้มในส่วนโรงสีที่เคยถูกขึ้นบัญชีดำ (แบล็กลิสต์) ทั้งกับองค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) จำนวน 99 ราย มีบริษัทไหนเปลี่ยนชื่อ มีที่ตั้งที่เดิม หรือมีกรรมการจากโรงสีที่ถูกแบล็กลิสต์ไปอยู่โรงสีไหน ก็จะตรวจโรงสีนั้นเป็นพิเศษ เพราะเป็นกลุ่มเฝ้าระวัง หากตรวจสอบพบว่ามีการทุจริต ก็จะให้ยุติการรับจำนำข้าวในทันที