xs
xsm
sm
md
lg

ลดราคาจำนำชาวนาราชบุรีช็อกเสียชีวิตข้าวเน่าทำแมวตายจับอีกข้าวเขมรรอสวมสิทธิ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พิษจำนำข้าว! ฆ่าชีวิตชาวนาปากท่อ ราชบุรีช็อกตาย หลังรู้ข่าว"ปู"ลดจำนำข้าวจ่าย12,000 ชาวนาพิจิตรทยอยขึ้นโรงพักแจ้งความเอาผิดนายทุนโกงข้าวเพิ่ม ส่วนชาวนาทั่วประเทศตบเท้าบุกทำเนียบฯวันนี้ ทวง15,000 จนสิ้นฤดูกาลผลิต "ยิ่งลักษณ์" สั่งจัดโซนนิ่งปลูกข้าว ศุลกากรอรัญฯจับข้าวสารเถื่อนเขมร เตรียมส่งนายทุนแปดริ้ว คาดรอสวมสิทธิ์จำนำ! ขณะที่พาณิชย์นครศรีฯผงะ ตรวจสอบโกดังเก็บข้าวสาร อคส.ในโครงการจำนำข้าว มึนซากคางคก แมว ตายเพียบ สะพัด!พบสารเคมีในข้าวถุง

วานนี้ (24 มิ.ย.) ตัวแทนสภาเกษตรกรกลุ่มจังหวัดภาคกลางและภาคเหนือตอนล่าง จำนวน 26 จังหวัด นำโดย นายชารินทร์ สิงห์ดี ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดสิงห์บุรี เข้ายื่นหนังสือต่อ นายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนการลดราคารับจำนำข้าวเปลือก ปี 2555/2556 จากตันละ 15,000 บาท เหลือตันละ 12,000 บาท ในฤดูกาลถัดไป เนื่องจากขณะนี้ยังมีชาวนาที่อยู่ระหว่างการทำนา และมีผลผลิตในช่วงเดือนกันยายน ถึงเดือนตุลาคมนี้ ทำให้ไม่ทันกับการรับจำนำในราคาตันละ 15,000 บาท ซึ่งขณะนี้ยังเหลือข้าวที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวประมาณ 60% ของพื้นที่ภาคกลาง และภาคเหนือตอนล่าง

ด้านนายวราเทพ กล่าวว่า ตนจะรับเรื่องนี้ไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลัง ให้มีมาตรการออกมาช่วยเหลือชาวนา ซึ่งส่วนตัวคาดว่าจะต้องมีมาตรการก่อนวันที่ 29 มิ.ย. นี้ เนื่องจากวันที่ 30 มิ.ย. จะเป็นการเริ่มต้นรับจำนำราคาใหม่ที่ตันละ 12,000 บาท แต่ก็ยอมรับว่า ขณะนี้มีชาวนารายใหญ่ที่ได้รับผลกระทบจากการจำกัดจำนวนรับจำนำ ครัวเรือนละไม่เกิน 5 แสนบาทต่อปี และความแตกต่างของความเห็น ก็จะต้องรับฟังต่อไป ส่วนเรื่องการพิจารณาทบทวนราคาจำนำนั้น ยังไม่เป็นข้อยุติ

พิษจำนำข้าวทำชาวนาราชบุรีช็อกตาย

เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (24 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกษตรกรชาวนาในพื้นที่ อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี กำลังประสบปัญหาหลังจากที่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ประกาศลดราคาจำนำข้าวเปลือกจาก 15,000 บาทต่อตัน เหลือ 12,000 บาทต่อตัน หลังวันที่ 29 มิ.ย. นี้ ซึ่งชาวนา อ.ปากท่อ ขณะนี้กำลังประสบปัญหาข้าวท้องแตก ซึ่งมีลักษณะลีบแบน ไม่มีเมล็ด บางเมล็ดยังเป็นน้ำนมข้าวอยู่ และยังไม่ครบกำหนดระยะเวลา 120 วัน ที่จะต้องเก็บเกี่ยว ซึ่งในพื้นที่อ.ปากท่อ โดยมีถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ที่ยังเก็บเกี่ยวไม่ได้

นางเพลินพิศ ประทุม อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 62/1 หมู่ที่ 4 ต.ปากท่อ อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี กล่าวว่า ราคาข้าว 12,000 บาทต่อตัน อยู่ไม่ได้ น่าจะให้ 15,000 บาทต่อตันเหมือนเดิม อย่างน้อยควรจะให้จบฤดูกาลนี้ไปก่อน แล้วปีหน้าค่อยว่ากัน ถ้าให้ราคา 12,000 บาทต่อตันในตอนนี้ พวกตนอยู่ไม่ได้แน่นอน

วันเดียวกันนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีชาวนาเสียชีวิตในพื้นที่หมู่ 4 ต.ปากท่อ จึงเดินทางไปตรวจสอบทราบชื่อ นางเหลือ ศรีมุก อายุ 61 ปี มีอาชีพทำนา ทราบจากญาติของผู้เสียชีวิตว่า หลังจากนางเหลือ ทราบข่าวเรื่องของการลดราคาจำนำข้าวตามนโยบายของรัฐบาล ทำให้เกิดอาการเครียดอย่างหนัก เพราะข้าวในนายังไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้ทันในวันที่ 29 มิ.ย.นี้ อีกทั้งผู้ตายมีหนี้สินจำนวนมาก และหวังว่าจะได้เงินค่าเกี่ยวข้าวในรอบนี้ไปใช้หนี้ จนทำให้เกิดความวิตกกังวล จนกระทั่งช็อกเสียชีวิต เมื่อช่วงเช้าวานนี้

ชาวนากาญจน์กว่าพันนัดบุกกรุง

นายแรม เชียงกา แกนนำกลุ่มเกษตรกรทำนาหนองสาหร่ายจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า ที่ผ่านมากลุ่มเกษตรกรชาวนา จ.กาญจนบุรีกว่า 1,000 คนได้ไปรวมตัวที่ศาลากลางจังหวัด เพื่อให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือในการเจรจากับรัฐบาล แต่ก็ไร้ผล ดังนั้น ในเช้าวันที่ 25 มิ.ย.นี้ชาวนา จ.กาญจนบุรี ประมาณ 1,000 คนจะมารวมตัวกันเพื่อเดินทางไปยังทำเนียบฯ โดยจุดหมายจะไปรวมตัวกันที่จุดนัดพบคือลานพระบรมรูปทรงม้า คาดว่าเวลาประมาณ 09.00 น.ทุกคนจะถึงจุดหมาย

"สำหรับข้อเรียกร้องของชาวนาเชื่อว่ารัฐบาลก็คงจะทราบไปแล้ว เพราะชาวนาต่างได้รับความเดือดร้อนเหมือนกันทั้งประเทศ แต่ตนเชื่อว่าหากรัฐบาลยังทำตาม หรือไม่ยกเลิกมติที่ กขช.เสนอ ชาวนาทั้งหมดอาจจะยังปักหลักอยู่ที่ลานพระบรมรูปทรงม้าต่อไปอย่างแน่นอน ดังนั้น ขอให้รัฐบาลมีมติยกเลิกคำสั่งดังกล่าวให้เร็วที่สุด และขอแนะนำว่าให้รัฐบาลแก้ปัญหาราคาข้าวให้ถูกจุด คือต้นเหตุอยู่ที่ต้นทุนในการผลิต เช่นราคาปุ๋ย ราคาสารเคมีกำจัดศรัตรูพืช จะต้องให้ต้นทุนเหล่านี้ถูกลงกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งหน่วยงานภาครัฐก็ทราบดีอยู่แล้วว่าต้นเหตุมาจากอะไร"

ชาวนากรุงเก่า เตรียมร้องศาลปกครอง

เวลา 10.00 น. วานนี้ (24 มิ.ย.) นายวิเชียร พวงลำเจียก นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย พร้อมแกนนำชาวนาจากทั้งประเทศ ได้เดินทางเข้าพบ นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคเพื่อไทย และ นายไพโรจน์ อิสระเสรีพงษ์ ส.ส.เขตหนองจอก พรรคเพื่อไทย นายวิทยา ผิวผ่อง ผวจ. พระนครศรีอยุธยา และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ที่ทำการพรรคเพื่อไทย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อขอให้เป็นตัวกลางประสานไปยังนายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลกลับมาใช้ราคารับจำนำข้าว 15,000 บาทต่อตันเหมือนเดิม และขอให้สิ้นสุดรอบฤดูนาปรังปี 56 หรือจนถึงวันที่ 15 ก.ย.

นายวิทยา กล่าวว่า เรื่องที่ทางแกนนำชาวนานำมายื่นปรึกษาหารือ มีอยู่ 3 เรื่อง ได้แก่ 1. ให้รัฐบาลกลับมาใช้ราคารับจำนำเดิมคือ 15,000 บาทต่อตัน และขอให้สิ้นสุดรอบฤดูนาปรังปี 56 หรือจนถึงวันที่ 15 ก.ย. 2. พบว่าในพื้นที่ภาคใต้ มีการปลูกช้ากว่าภาคกลาง จึงข้อให้สิ้นสุดที่เดพือนพ.ย. ส่วนข้อที่ 3. ตามที่ชาวนาประสบปัญหาในกรณีอื่นให้เข้ากับโครงการคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ซึ่งข้อเสนอทั้งหมดที่ชาวนานำมาวันนี้ จะมีการเสนอให้นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน กขช. เพื่อพิจารณา

ด้านนายวิเชียร พวงลำเจียก นายกสมาคมชาวนา และเกษตรกรไทย กล่าวว่า ที่มาวันนี้ เพื่อมาหารือให้เป็นแนวทางเดียวกัน โดยตอนนี้ได้ข้อตกลงกัน 3 เรื่อง เพื่อจะไปยื่นหนังสือถึงนายกฯในวันนี้ (25 มิ.ย.) แต่ถ้าไม่เป็นไปดังที่คาดหวัง คาดว่าชาวนาแต่ละพื้นที่ก็คงจะมีการเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน และ ถ้าทางรัฐบาลไม่พิจารณา พวกชาวนาจะเดินหน้าฟ้องศาลปกครอง เอาให้ถึงที่สุด และนโยบายของรัฐได้ประกาศออกมาชัดเจนว่า ให้ชาวนาทำนา 2 ครั้ง เวลานี้ก็อยู่ในรอบที่ 2 ทำตามระเบียบของนโยบายรัฐบาลกำหนด ถ้าเรื่องนี้รัฐบาลไม่มีคำตอบที่น่าพอใจ ชาวนาคงยอมไม่ได้ และอาจเกิดความวุ่นวายอย่างแน่นอน

บุญทรงไม่ห่วงชาวนาชุมนุม

นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มชาวนา ในวันอังคารที่ 25 มิ.ย. เพื่อยื่นข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลให้คงราคารับจำนำข้าวตันละ 15,000 บาท โดยไม่มีการปรับลดลงมาเป็น 12,000 บาท ตามมติครม. เมื่อ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า ถือเป็นการแสดงความคิดเห็นในระบอบประชาธิปไตย ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกหนักใจ อย่างไรก็ตาม ขอให้ระวังบุคคลที่ 3 ที่จะเข้ามาสร้างสถานการณ์ด้วย

นายบุญทรง กล่าวด้วยว่า ตนไม่ได้เดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือพูดคุยเป็นการส่วนตัว เกี่ยวกับเรื่องการปรับครม. ตามที่กระแสข่าว

ระดมตร.3 กองร้อยป้องทำเนียบฯ

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่ชาวนาจะมายื่นหนังสือถึงนายกฯที่ทำเนียบ ในวันนี้ว่า ไม่น่ามีปัญหา ทั้งนี้ สำหรับกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากกองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) จำนวน 3 กองร้อย ที่มาประจำที่ทำเนียบฯนั้น ไม่ใช่การรับมือชาวนา แต่เป็นการเตรียมตัว เพราะเกรงว่าพวกเดิมๆ ที่ไปเดินอยู่แถวสีสม จะผสมโรงมาทำเนียบฯ เหมือนสมัยรัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เรื่องนี้ตนเป็นคนสั่งเอง ส่วนมือที่สาม ไม่มี

สั่งก.พาณิชย์-เกษตร ดูแลลดต้นทุน

ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในประชุมหัวหน้าส่วนราชการกระทรวง หรือเทียบเท่า ถึงเรื่องการปรับลดราคารับจำนำข้าว ว่า เพื่อเป็นการรักษาสมดุลในเรื่องวินัยการเงิน การคลัง การดูแลความเป็นอยู่ของชาวนา การพัฒนาพันธุ์ข้าว และการแข่งขันในตลาดโลก รวมถึงอยากเห็นความโปร่งใส่ และการป้องกันทุจริตในโครงการ พร้อมทั้งย้ำถึงการตรวจสอบโกดังข้าวสารในโครงการ หากมีปัญหาขอให้เจ้าที่ดำเนินการไปตามขั้นตอน และให้แยกแยะปัญหาว่าเกิดจาก นโยบาย หรือ ขั้นตอนปฏิบัติ หรือ ผู้ปฏิบัติ เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาตามข้อเท็จจริง

นอกจากนี้ นายกฯได้กำชับให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรฯ จัดทำพื้นที่โซนนิ่งการเกษตร เพื่อแก้ปัญหาด้านการเกษตรกรรม และยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตร รวมทั้งให้เตรียมหามาตราการดูแลผลเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจาการปรับลดราคาจำนำข้าว โดยการลดต้นทุนการผลิต อาทิ ราคาปุ๋ยหรือเมล็ดพันธุ์ โดยคาดว่าสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนมากขึ้น

แจ้งความเอาผิดโรงสีโกงรับจำนำข้าวแล้ว

นายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร เปิดเผยว่า หลังจากสั่งอายัดข้าวโรงสีแอล-โกลล์ แมนูแฟคเจอร์ จำกัด ที่อยู่ในพื้นที่ อ.โพทะเล จ.พิจิตร กว่า 8,000 ตัน แล้วจะมีการแจ้งความดำเนินคดีกับโรงสี ทั้งกรณีฉ้อโกงข้าวชาวนา และยักยอกข้าวขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกร หรือ อ.ต.ก. ที่รับจำนำแล้ว ซึ่งจากการตรวจสอบโรงสีที่รับจำนำข้าวในพื้นที่ ขณะนี้มีเพียงแห่งเดียวที่พบปัญหา จึงอยากให้ชาวนาที่ได้รับความเดือดร้อน ไปแจ้งความดำเนินคดีกับโรงสีดังกล่าว เพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการสืบสวน สอบสวนเอาผิดอย่างจริงจัง

สำหรับการช่วยเหลือชาวนา นายจักริน ระบุว่า รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เตรียมนำข้อมูลเสนอต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน

ทั้งนี้ ผวจ.พิจิตร กล่าวย้ำว่า ชาวนาต้องไปแจ้งความดำเนินคดีกับโรงสี เพื่อเป็นการยืนยันความเป็นเจ้าของข้าวที่หายไป

“ธวัช”ฟิตสั่งมท.-พณ.รวมข้อมูลทุจริต

เมื่อเช้าวานนี้ พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงปริมาณข้าวคงเหลือขององค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.)ได้เรียกประชุมคณะทำงานฯ ก่อนปูพรมลงพื้นที่ตรวจสอบข้าวในโกดังทั่วประเทศ ในวันที่ 29 มิ.ย. และวางกรอบจัดทำคู่มือรายการตรวจสอบโกดังคลังสินค้าที่เข้าร่วมโครงการ 1,600 แห่งทั่วประเทศ เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบ และง่ายต่อการทำความเข้าใจ ขณะเดียวกันได้สั่งให้กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงมหาดไทย รวบรวมข้อมูลตัวเลขรับจำนำข้าว และข้อมูลการร้องเรียนการทุจริต กลับมารายงานยังคณะทำงานฯ ที่จะมีการประชุมอีกครั้ง ในวันที่ 26 มิ.ย. เวลา 10.00 น. ที่ ศปก.ตร.

ส่วนกรณีการตรวจพบข้าวของอ.ต.ก.ในโครงการนาปรัง ปี 2555 และโครงการ นาปี 2555/2556 หายไปจากโรงสีที่ ต.ท่าบัว อ.โพทะเล จ.พิจิตร ได้รายงานให้นายกฯทราบแล้ว

"องอาจ"จี้รัฐบาลเยียวยาชาวนาพิจิตร

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีจะมีกลุ่มชาวนาเดินทางเข้ามายื่นหนังสือถึงนายกฯ เพื่อคัดค้านการปรับลดราคาจำนำข้าวจาก 15,000 เหลือ 12,000 บาทในวันนี้ว่า เพราะพวกเขาเดือดร้อน แต่รัฐบาลกลับใช้วิธีการปิดกั้นโดยให้ ผู้ว่าฯและนายอำเภอ ไปล็อบบี้ชาวนาเพื่อไม่ให้เดินทางเข้ามาที่ กทม. ซึ่งเป็นการทำผิดซ้ำสอง หลังจากที่รัฐบาลนี้ได้ปกปิดตัวเลขการส่งออก และปริมาณข้าวแบบ จีทูจี ซึ่งที่สุดจะเป็นการทำผิดซ้ำซาก แทนที่รัฐบาลจะเปิดโอกาสให้ชาวนาได้แสดงออก กลับมีพฤติกรรมเหมือน ช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวมาปิด ซึ่งปิดไม่มิด จึงขอให้รัฐบาลยอมรับความจริงและออกมาแก้ไขปัญหา จะดีกว่า

นอกจากนี้ การที่รัฐบาลตีปี๊บ เอาจริงเอาจังกับการทุจริตโครงการจำนำข้าว กรณีข้าว 8 พันตัน มูลค่า 133 ล้านบาท ที่ จ.พิจิตร หายไปจากโกดังเก็บข้าวนั้น ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ไม่ได้เป็นการเอาจริงเอาจังกับการตรวจสอบการทุริต แต่เป็นการฉวยโอกาสจากความผิดพลาดในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลเอง โดยเป็นการสร้างภาพ เพราะเหตุการณ์ใน จ.พิจิตร ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นใน 1 ถึง 2 เดือนนี้ แต่เกิดขึ้นตั้งแต่ ส.ค.55 ที่มีชาวนา จ.พิจิตร หลายร้อยคนเอาข้าวไปจำนำกับโรงสีดังกล่าว

"ชายจืด"ปัด"เจ๊แดง"อุ้ม"บุญทรง"

นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการชุมนุมของชาวนาในวันนี้ว่า เชื่อว่าจะไม่บานปลาย ทั้งนี้โครงการรับจำนำข้าว เดินมาถูกทางแล้ว เพราะเป็นโครงการที่มีประโยชน์ เห็นได้จากเสียงสะท้อนของชาวนา และฝ่ายค้านที่เห็นว่ารัฐบาลไม่ควรลดราคารับจำนำลง

ส่วนกระแสเรียกร้องเปลี่ยนตัว รมว.พาณิชย์ นั้น เป็นอำนาจของนายกฯโดยตรง ซึ่งตน และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ไม่สามารถก้าวก่ายได้ แม้ว่า นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ จะมีความใกล้ชิดกับนางเยาวภา มานานแล้ว แต่ส่วนตัวมองว่านายบุญทรง ทำหน้าที่ได้ดีแล้วนอกจากนี้

ส.ส.เพื่อไทยหนีไปนอก เลื่อนถกจำนำข้าว

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ทางพรรคได้เลื่อนการประชุม ส.ส.พรรคนัดพิเศษ เพื่อหารือถึงโครงการรับจำนำข้าว จากเดิมในวันที่ 25 มิ.ย. ไปเป็นวันที่ 26 มิ.ย. เนื่องจากขณะนี้มี ส.ส.หลายคน เดินทางปฏิบัติภารกิจต่างประเทศ อีกทั้งในวันที่ 25 มิ.ย. รัฐมนตรีติดภารกิจ ประชุมครม. จึงต้องเลื่อนไป เพื่อให้รัฐมนตรีกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เข้าประชุมพร้อมกับ ส.ส.ด้วย

จับข้าวเถื่อนเขมรรอสวมสิทธิ์

วันเดียวกันที่สำนักงานด่านศุลกากรอรัญประเทศ บ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จนท.และชุดสืบสวนปราบปรามศุลกากร ภาค 1 ได้ร่วมกันควบคุมตัว นายบุญเชิด อาวรณ์กูล อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20 ต.หนองยายพิมพ์ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ผู้ขับขี่ พร้อมตรวจยึดรถบรรทุกพ่วง 24 ล้อ ยี่ห้อฮีโน่ สีน้ำเงิน- ขาว ทะเบียน 81-4834 สระแก้ว ลูกพ่วง ทะเบียน 81-4835 สระแก้ว ที่บรรทุกข้าวสารเถื่อน 25 เปอร์เซ็นต์ น้ำหนักรวมประมาณ 30 ตัน มาสอบสวนและตรวจสอบที่สำนักงานด่านศุลกากรอรัญประเทศ บ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว

นายนภดล เผยว่า ทราบจากสายข่าวว่า จะมีการนำข้าวสารเถื่อนลักลอบนำเข้ามาจากประเทศกัมพูชา ทางด้านชายแดน อ.ตาพระยา เพื่อนำไปส่งที่โรงสีใน จ.ฉะเชิงเทรา จึงได้ประสานความร่วมมือกับกองกำลังบูรพา และตำรวจตระเวนชายแดนที่ 12 สนธิกำลังร่วมกันนำกำลังออกลาดตระเวน เพื่อสกัดกั้นการลักลอบนำข้าวสารเถื่อนจากเขมรเข้าไทย บริเวณพื้นที่รอยต่อตะเข็บแนวชายแดนด้าน อ.ตาพระยา อย่างเข้มงวด

ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการร่วม ได้ตรวจพบรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อต้องสงสัย มีผ้าใบสีเขียวคลุมกระบะท้ายรถและกระบะพ่วง อย่างมิดชิด วิ่งมาตามถนนสายตาพระยา-บ้านโคคลาน มุ่งหน้าเข้า อ.วัฒนานคร เมื่อมาถึงบริเวณสี่แยกบ้านโคคลาน ต.โคคลาน อ.ตาพระยา จึงแสดงตัวขอตรวจสอบรถบรรทุกพ่วง 24 ล้อคันดังกล่าว พบมี นายบุญเชิด อาวรณ์กูล เป็นผู้ขับขี่ ภายหลังเปิดผ้าใบที่คลุมกระบะรถออกดู พบภายในกระบะรถมีข้าวสารหัก ชนิด 25 เปอร์เซ็นต์ บรรทุกอยู่เต็มกระบะรถ ตรวจสอบไม่พบเอกสารการขออนุญาตเคลื่อนย้ายข้าวสาร หรือเอกสารการได้มาซึ่งข่าวสารดังกล่าว จึงควบคุมตัว นายบุญเชิด อาวรณ์กูล พร้อมรถบรรทุกพ่วง 24 ล้อ ที่บรรทุกข้าวสารเถื่อนมาเต็มคัน มาสอบสวนที่ สำนักงาน ด่านศุลกากรอรัญประเทศ บ้านคลองลึก

นายนภดล เผยอีกว่า จากการสอบสวนผู้ขับขี่รถบรรทุกอ้างว่า ตนเองเป็นเพียงผู้รับจ้างขับรถเท่านั้น ส่วนข้าว ชนิด 25 เปอร์เซ็นต์ คาดว่าน่าจะลักลอบนำเข้ามาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อจะนำไปส่งในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งด่านศุลกากรอรัญประเทศได้ตรวจยึดข้าวสารหัก 25 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมีน้ำหนักประมาณ 30 ตัน หรือ 30,000 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 1.5 ล้านบาทไว้

“การจับกุมข้าวสารลักลอบนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านครั้งนี้ คาดว่าน่าจะนำไปสวมเป็นข้าวในโครงการรับจำนำ เนื่องจากเป็นช่วงที่รัฐบาลกำลังตรวจสอบ สต๊อกข้าวในโครงการรับจำนำจากโรงสีต่างๆ ซึ่งพบว่ามีโรงสีหลายแห่งมีข้าวในโครงการรับจำนำหายไปจำนวนมาก ดังนั้น โรงสีจึงต้องเร่งสั่งข้าวสารจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาเพื่อสวมสิทธิ ว่าเป็นข้าวที่สีมาจากข้าวเปลือกโครงการรับจำนำของรัฐบาลเตรียมส่งให้รัฐ เพื่อเป็นการหลบเลี่ยงว่าข้าวเปลือกในโกดังโครงการรับจำนำฯ ไม่ได้หายไปไหน ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือว่าไม่ถูกต้อง”

ดังนั้น ทางกรมศุลกากร จึงได้สั่งการให้ด่านศุลกากรอรัญประเทศ เข้มงวดกวดขันในการปราบปรามการลักลอบนำข้าวสารเถื่อนจากประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาในประเทศไทยอย่างเข้มงวด ซึ่งเมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 56 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรอรัญประเทศได้ร่วมกับ กองกำลังบูรพา และ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนปราบปรามศุลกากรภาค 1 สามารถจับกุมข้าวสารเถื่อนจากประเทศเพื่อบ้าน ได้จำนวน 2 คันรถบรรทุกพ่วง น้ำหนักกว่า 60 ตัน มาแล้ว คาดว่าเป็นรายเดียวกัน เนื่องจากจับกุมได้บริเวณที่เดียวกัน ซึ่งขณะนี้กำลังสืบสวนเพื่อขยายผลถึงนายทุนรายนี้

พาณิชย์นครศรีฯสุ่มตรวจโกดังข้าว อคส.

เวลา 10.30 น. วานนี้ นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่การค้าภายใน พาณิชย์จังหวัด และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้สุ่มตรวจโกดังเก็บข้าวสารของเอกชนที่ถูกเช่าโดยองค์การคลังสินค้าเก็บข้าวสารจากการสีในฤดูกาลจำนำข้าว 54/55 จำนวน 4 โกดัง รวมกว่า 2 แสนกระสอบ ในบริเวณโรงงานแปรรูปไม้ยางพารามหาชัยพาราวู๊ด ต.ท่างิ้ว อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช

โดยเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ พบว่า ภายในโกดังต้องใช้ผ้าปิดจมูกเนื่องจากมีกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรง ทั้งจากกลิ่นข้าวสาร สารเคมีที่ใช้กำจัดแมลงโดยเฉพาะมอดที่กัดกินข้าวสาร พบว่ามีซากตัวมอดกระจายปนกับข้าวสารที่เกลื่อนบนพื้นโกดังมีสภาพเชื้อราอย่างเห็นได้ชัด ยังมีซากคางคก ซากหนู และซากแมว ส่งกลิ่นตลบอบอวล โดยการเก็บข้าวดังกล่าวนั้นอยู่ในความดูแลของบริษัทอามานะเซอร์เวย์เยอร์ จำกัด โดยยืนยันว่าตัวมอดจำนวนมากที่มากัดกินข้าวนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของข้าว ส่วนการใช้สารเคมีนั้นเป็นการปฏิบัติตามปกติ

นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ระบุว่า คณะกรรมการที่เกี่ยวข้องโดยตรงได้สุ่มตรวจโกดังเหล่านี้อย่างต่อเนื่องทั้ง 16 แห่ง ในพื้นที่นครศรีธรรมราช ยังไม่พบว่ามีข้าวสูญหายไปจากการจัดเก็บ ซึ่งได้ทำรายงานไปยังกระทรวงพาณิชย์เรียบร้อยแล้ว ส่วนข้าวที่ถูกเก็บไว้นั้นจะมีค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษากระสอบละ 2 บาทต่อเดือน 2 แสนกระสอบจะอยู่ที่ 4 แสนบาทต่อเดือน เก็บมาแล้วมากกว่า 1 ปี เพื่อรอการระบายของกระทรวงพาณิชย์

สะพัด!พบสารเคมีในข้าวถุง

วานนี้ (24 มิ.ย.) นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีข่าวข้าวจากโครงการรับจำนำข้าวที่เก็บรักษาไว้ในโกดัง มีการใช้ยาฆ่าแมลงและสารเมทิลโบรไมด์ (Methyl Bromide) เพื่อป้องกันแมลงและมอด และข้อกังวลเรื่องเชื้อราในข้าวบรรจุถุง ว่า ตนจึงสั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สุ่มตรวจคุณภาพข้าวบรรจุถุงซึ่งจำหน่ายในตลาดกว่า 50 ตัวอย่าง เพื่อตรวจสอบความชื้น สารเคมีต่างๆ และการปนเปื้อน คาดว่าจะสามารถแถลงผลได้ภายในวันที่ 28 มิ.ย.

นายวิฑูร เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี กล่าวว่า จากการสำรวจปริมาณนำเข้าสารรมควันพิษ จากสำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร พบว่า สถิติการนำเข้าลดลงตั้งแต่ปี 2551 แต่กลับเพิ่มสูงขึ้นในปี 2555 ถึงร้อยละ 62 ทั้งที่ควรลดลง เนื่องจากพันธกรณีของไทยภายใต้พิธีสารมอนทรีออลที่ต้องลดการใช้สารเมทิลโบร์ไมด์ ซึ่งใช้ในการรมข้าว เป็นแก๊สเรือนกระจก โดยต้องทยอยลดให้หมดเป็นลำดับ จนเหลือศูนย์ภายในปี 2556 และสหภาพยุโรปได้ยกเลิกการใช้สารดังกล่าวในเดือน มิ.ย.2555 ไปแล้ว ซึ่งปริมาณเพิ่มขึ้นไม่สามารถมองเป็นอย่างอื่นได้นอกจาก นโยบายรับจำนำข้าว

"เต้น"ตรวจ99โรงสีที่ขึ้นบัญชีดำ

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การตรวจสอบสต๊อกข้าวที่เก็บไว้ที่โรงสี โกดังกลาง จะเริ่มดำเนินการพร้อมกันในวันที่ 29 มิ.ย.2556 ทั้ง 1,600 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งยืนยันได้ว่า ตั้งแต่เปิดโครงการรับจำนำมา ไม่ใช่เพิ่งจะมานึกตรวจสอบในครั้งนี้ แต่ที่ผ่านมา ได้ดำเนินการตรวจสอบมาโดยตลอด

" ในการตรวจสอบสต๊อกข้าวในครั้งนี้ ได้ขอให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ตรวจสอบว่า โรงสีที่เคยถูกขึ้นบัญชีดำ (แบล็กลิสต์) ทั้งกับองค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) จำนวน 99 ราย มีบริษัทไหนเปลี่ยนชื่อ มีที่ตั้งที่เดิม หรือมีกรรมการจากโรงสีที่ถูกแบล็กลิสต์ไปอยู่โรงสีไหน ก็จะตรวจโรงสีนั้นเป็นพิเศษ เพราะเป็นกลุ่มเฝ้าระวังหากตรวจสอบพบว่ามีการทุจริต ก็จะให้ยุติการรับจำนำข้าวในทันที เพราะโรงสีที่พิจิตรที่พบการทุจริต ก็เป็นโรงสีที่มีการเปลี่ยนชื่อ และเคยถูกแบล็กลิสต์มาก่อนหน้านี้".
กำลังโหลดความคิดเห็น